ชีวิตประจำวันคนยุคกลาง(ต่อ)-ชีวิตในอาราม


                                                                                                                                                                                           
            ชีวิตนักบวชยุคกลาง
            ความเป็นมาของนักบวช
            ผู้คนยุคกลางประกอบด้วย กษัตริย์  ขุนนาง  ชนชั้นสูง  ชนชั้นล่าง(ชาวนา, ผู้ขายแรงงาน)  นักบวช    ผู้คนในยุคกลางอาศัยอยู่ในแมนเนอร์ หรือ ปราสาท  ในเมืองทั้งเมืองใหญ่  เมืองเล็ก และชนบท    
        
            สถาบันหมู่บ้านและปราสาท ที่จะกล่าวในกะทู้ต่อๆไป    มีที่มาจากขนบธรรมเนียมประเพณียุโรปท้องถิ่น  ทั้งจากโรมดั้งเดิมและชนเผ่าบาบาเรียนที่อยู่ทางทิศเหนือ.    ยุโรปยุคกลางได้รับผลจากธรรมเนียมประเพณีลำดับสาม  ที่มาจากตะวันออกใกล้โบราณ, เข้าไปยุโรประหว่างช่วงที่โรมันรุ่งเรืองสูงสุด   มีคริสต์ศาสนาเป็นตัวกลาง      

คริสตศาสนาเริ่มต้นจากการเป็นนิกายหนึ่งในศาสนายูดาก่อน    ไม่นาน มีคนที่อยู่ภายนอกชุมชนยิวสนใจและสมาทานคริสต์ศาสนา;  ในเวลานั้น จักรวรรดิโรมันรับคริสตศาสนามาเป็นศาสนาประจำรัฐ  เริ่มเป็นศาสนาอย่างเป็นทางการของยุโรปยุคกลางในเวลาต่อมา

             ศาสนายูดา  มีกำเนิดจากตะวันออกใกล้   ตามธรรมเนียมประเพณี    เบื้องต้น ศาสนายูดาเกี่ยวข้องกับชีวิตปัจจุบันและปฏิบัติครอบคลุมโลกแห่งวัตถุ    ในตอนที่โรมันเจริญรุ่งเรืองสูงสุด,  มีนิกายบางนิกายในศาสนายิว  เริ่มที่จะโน้มเอียงในแบบทางวิญญาณมากยิ่งขึ้น,  รวมทั้งปฏิเสธสรรพสิ่งที่เกี่ยวข้องกับโลกกายภาพว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย    นิกายในศาสนายูดาเหล่านี้  ที่มีชื่อเสียงนิกายหนึ่งคือนิกายเอสเซน,

คริสต์ศาสนาแตกมาจากศาสนายูดาเพื่อแสวงหาโลกอื่น  ดังเห็นได้จากที่พระคริสต์ตักเตือน  คนที่ต้องการแสวงหาชีวิตสมบูรณ์ ให้ละทิ้งวัตถุทางโลก   “ถ้าท่านต้องการจะเป็นคนดีพร้อม    จงไปขายทรัพย์สิ่งของที่ท่านมีอยู่     แจกจ่ายให้คนยากจน    แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ และจงตามเรามา” (มัทธิว 19:21)    

ความมุ่งมาดปรารถนาไปสู่โลกอื่นของคริสต์ศาสนา  พบได้อย่างกว้างขวางในช่วงไม่เกินหนึ่งร้อยปีแรกของคริสตศาสนา:    เห็นได้จากที่คริสต์ชนประสบกับการข่มเหงทั่วไป    ทำให้การสารภาพความเชื่อของผู้นับถือคริสตศาสนาเป็นการนำมาซึ่งความยากลำบาก ความพินาศ  และแม้กระทั่งความตาย.  เสรีภาพในการนับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการ  เกิดขึ้นในปี   ค.ศ.313    และได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนาประจำรัฐในปี ค.ศ. 380  ตอนนี้ ผู้ที่ปรารถนาจะแสวงหาความรอด  ได้พบหนทางใหม่ไปสู่ความรอดแล้ว.

              ก่อนการออกกฤษฎีกาให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา.   ปรากฏว่าคริสตชน จำนวนหนึ่งในอียิปต์  สละชีวิตทางโลกไปแสวงหาความสันโดษในถิ่นทุรกันดาร (desert)  ภาษากรีก อ่านว่า  eramia   ผู้ที่แสวงหาความสันโดษนี้  ได้ชื่อว่า  hermits    

เฮอร์มิส เริ่มมาอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนแบบหลวมๆ    เริ่มจัดโครงสร้างอย่างเป็นทางการ    ดำเนินชีวิตภายใต้สิทธิอำนาจของผู้ปกครอง,  เรียกเฮอมิสที่มีประสบการณ์ ว่า  abba,   ภาษาซีเรียและคำอะราเมอิค ใช้เรียก  บิดา ( เป็นที่มาของคำว่า  abbot )


              ในช่วงศต.ที่สี่และห้า  มีการนำสถาบันนี้เข้าไปยังดินแดนจักรวรรดิโรมัน, รวมทั้งยุโรปตะวันตก.   ในเวลาต่อมา อารามแบบตะวันตก  ได้รับการก่อรูป,   โดยเซนต์ เบเนดิก แห่ง Nursia ในศต.ที่หก,  

เบเนดิก  เป็นนักบวชชาวอิตาลี   เป็นผู้วางรูปแบบชีวิตและการจัดองค์การนักบวข   ในที่สุดกลายเป็นมาตรฐานในยุโรปตะวันตก  ลักธินักบวชเบเนดิกทีน  คือการบำเพ็ญตนอย่างเคร่งครัด  ต้องการให้นักบวชดำรงชีพด้วยทรัพย์สินจำนวนน้อยที่สุด  อาหารและเครื่องบริขารเรียบง่าย,   ยังหลีกเลี่ยงการปฏิเสธตนเองอย่างกล้าหาญ เช่น การทรมานตนเอง เน้นบทบาทความสำเร็จในการร่วมมือกับชุมชนกับการปรับปรุงเรื่องวิญญาณส่วนบุคคล.  

กฎของเบเนดิก สำหรับชีวิตอาราม   สั้นและกระชับได้ใจความและปฏิบัติได้   มีทั้งโครงสร้างองค์การที่มองเห็นได้ และระดับของความยืดหยุ่นทางสุขภาพ     นักบวชเบเนดิก   แสวงหาความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านการผสมผสานกับแรงงานทางกายภาพและวงจรชีวิตประจำวันของการนมัสการร่วมกัน  ที่เรียกกันว่า งานพระเจ้า (divine office).

เวลาผ่านไป  “งานพระเจ้า“ มาอยู่ในลำดับแรก ของกิจกรรมอื่นใดของนักบวช.  โดยปฏิบัติผ่านรูปแบบของงานบางอย่าง,  โดยเฉพาะการอ่านและเขียน,     ยังมีส่วนสำคัญในกิจกรรมประจำวันของนักบวชและเป็นลักษณะพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันของกลุ่มคน.

              ในจำนวนอารามลักธิเบเนดิก   ในช่วงปลายยุคกลาง.     อารามคลูว์นี(Cluny)  ตั้งอยู่ในแคว้นเบอร์กันดี(Burgundy)   ดินแดนฝรั่งเศส   อารามคลูว์นีมีความสำคัญและมีอิทธิพลอย่างโดดเด่น.   อารามสมัยกลาง ที่ยังอยู่รอดมีน้อยมาก.

เนื่องจากอาคารส่วนมากถูกรื้อทำลายระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส.   แต่การขุดค้นอารามคลูว์นีในศต.ที่ยี่สิบ  เปิดเผยให้เห็นรายละเอียดของการวางผังทางกายภาพ   และชีวิตของผู้อาศัยในอาราม  ที่มีการบันทึกในเอกสารอย่างดีที่หลงเหลืออยู่จากยุคกลาง.   ความร่ำรวยและสำคัญของอารามคลูว์นี แตกต่างจากอารามอื่นมากที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน.    อารามเป็นตัวอย่างของแนวคิดการเป็นนักบวชที่สมบูรณ์อย่างชัดเจน   อารามคลูร์นีมีสิ่งต่างๆมากมาย    ยังมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง  ในช่วงยุคกลางตอนปลาย      กะทู้จะเน้นเรื่องของนักบวชในอารามคลูว์นี  ในช่วงต้นศต.ที่สิบสอง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่