. เกริ่นนำ
หลังจากสิ้นสุดยุคกลาง เหตุการณ์ยุคกลาง ส่งผลต่อความคิดของผู้คนในโลกยุคต่อมา อีกมากกว่า ๕๐๐ ปี และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตก
เมื่อเราพูดถึงยุคกลาง เราจะนึกถึง ตำนานกษัตริย์ คิง อาเธอร์ และโรบิน ฮูด ยุคกลางเป็นยุคแห่งความป่าเถื่อน แต่ความป่าเถื่อนในยุคกลาง ยังมีสัญลักษณ์ที่ยืนยงมากที่สุด: อัศวิน ในชุดเกราะแวววาว สุภาพสตรีชั้นสูงที่เลอเลิศ, กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ ไม่ว่าจะอย่างไร เราเห็นประวัติศาสตร์ยุคกลาง มีสิ่งที่ยุคอื่นไม่มี
ยุคกลางเป็นจุดกำเนิดของวัฒนธรรมยุโรปสมัยใหม่ เริ่มต้นด้วยความเกี่ยวพันกันของสามวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน:
ความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมัน,
วัฒนธรรมอนารยชนของเผ่าเยอรมันทางทิศเหนือ,และ
ธรรมเนียมประเพณีตะวันออกใกล้ที่เข้าไปในยุโรปพร้อมกับกำเนิดของคริสตศาสนา
วัฒนธรรมของยุโรปสมัยใหม่ มาจากการประกอบกันของส่วนย่อยๆ, แต่ในยุคกลาง ประกอบเข้าด้วยกันซึ่งส่วนหลักๆ
เราไม่คุ้นชินกับโลกยุคกลางในเวลานั้น ห่างจากยุคเราหลายพันปี, แต่เรายังนึกถึงยุคกลาง อยากรู้เหตุการณ์ต่างๆของยุคกลาง
ภาพลักษณ์โลกยุคกลางในแบบต่างๆ ส่งผลต่อการรับรู้ยุคกลางของเรา ที่มักจะเป็นเรื่องของเทพนิยายโบราณมากกว่าเรื่องประวัติศาสตร์
การทำความเข้าใจโลกยุคกลางอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการขาดแคลนข้อมูลเบื้องต้น ที่จะทำให้เราเข้าใจสภาพยุคกลางได้ดี
ภาพแผนที่ตีพิมพ์ สมัยแรกสุด สร้างขึ้นในเมือง นูเรนเบอกร์ ประเทศเยอรมันนี โดยแฮสแมน ชีเดล ชาวเยอรมัน ในปี 1493
แสดงให้เห็น คนยุคกลางคิดว่า กว่าโลกมีสภาพเช่นไร ก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางไปยังโลกใหม่ และอ้อมแหลมกู๊ดโฮป
ภาพนี้ บาร์ตูลูเมว ดิอัช ชาวโปรตุเกส วาดขึ้น ภาพแสดงให้เห็นความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับโลก ตัวอย่างเช่น มหาสมุทรอินเดีย อยู่ในดินแดนที่เข้าไม่ถึง เป็นรัฐที่ยังไม่มีคนค้นพบ และรวมทั้งมีภาพ จาเฟท เชม และฮาม บุตรของ โนอาห์ ตรงมุมของภาพ ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดที่มีศาสนาเป็นศูนย์กลาง.
และมีเอกสารชั้นสูงจำนวนมากมาย, มี facebook เกี่ยวกับยุคกลาง ที่เสนองานค้นคว้าชั้นสูงในเราอ่าน มีหนังสือจำนวนมากเกี่ยวกับสถาบันการเมืองยุคกลาง และมีหนังสือจำนวนมากเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาสามัญ แยกเป็นอัศวิน นักรบ พ่อค้า ชาวนา ที่เป็นภาษาไทยจะเขียนเหตุการณ์ทั่วไป
. เข้าใกล้โลกยุคกลาง
คนยุคกลางไม่คิดว่า พวกเขาเป็นยุคกลาง (ภาษาลาติน คำว่ายุคกลาง เขียนว่า mediumaevum หรือ middle age คนยุคกลางเรียกยุคของพวกเขาเอง ว่า nos moderni “เราเป็นคนสมัยใหม่”
คำว่ายุคกลาง ถูกประดิษฐ์ขึ้น โดยนักประวัติศาสตร์ ในยุครู้แจ้ง/ยุคเรอเนสซองค์ หรือ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ นักประวัติศาสตร์แบ่งประวัติศาสตร์ยุโรป ออกเป็นสามชั้น ได้แก่
ยุคโบราณ ยุคกลางและยุคใหม่
การแบ่งอย่างนั้น กลายเป็นที่สิ่งยึดถือกันมา การแบ่งเช่นนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แน่นอน เป็นความคิดที่ลึกซึ้ง ถึงแม้ว่าจะต่อเนื่อง, แต่มีความไม่ต่อเนื่องกันระหว่างยุคกลางและยุคก่อนหน้านั้น
หลังศต.ที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงหลังยุคกลาง มีการพัฒนาอย่างวิวัฒน์อย่างชัดเจน ที่เห็นเด่นชัด เป็นการตีพิมพ์เอกสารและการค้นพบโลกใหม่ของชาวยุโรป ที่ในตอนท้าย มีการเปลี่ยนแปลงสังคมยุโรปและวัฒนธรรมในทุกระดับ
เราไม่ควรลืมว่า การแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ มีความคลุมเครือตรงช่วงรอยต่อทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน
ศต.ที่ 11 ถึง 13 มีการเกิดขึ้นของศก.แบบใช้เงินตรา ธนาคารและสินเชื่อ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ศก.ยุโรป
ศต.ที่ 14 มีคนตายเนื่องจากกาฬโรค จำนวน 1/3 ของประชากร เป็นความหายนะของประชากรที่เห็นชัดเจนมากที่สุดอันหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ยุโรปล้มลงอีกครั้ง และเป็นสิ่งหนึ่งที่ค่อยๆ ทำลายระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ที่มีอยู่ในยุคกลาง
ผู้เชี่ยวชาญยุคกลาง แบ่งยุคกลางออกเป็นสามช่วง คือ ยุคกลางตอนแรก,ยุคกลาง(สูง)และยุคกลางตอนปลาย
ยุคกลางตอนต้น เริ่มต้นด้วยการล้มลงของจักรวรรดิโรมัน ไม่ใช่ล้มลงไปทีเดียว แต่เป็นความเสี่อมที่ยาวนาน เพื่อความสะดวกเราประมาณ ว่ายุคกลางเริ่มประมาณศต.ที่ 500 และสิ้นสุดประมาณศต.ที่ 11 ยุโรปมีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่าเดิม ก่อให้เกิดการเฟื่องฟูของการดำรงชีวิตและเชาว์ปัญญา และศก.
ยุคกลางช่วงแรก มีเหตุการณ์สู้รบอย่างมาก เนื่องจากไม่มีรัฐบาลศูนย์กลางที่เข้มแข็ง กิจกรรมชาวเมืองถูกจำกัด วัฒนธรรมการเขียนอยู่ในมือของศาสนาจักร ที่ส่วนใหญ่เป็นนักบวช
ยุคกลางตอนปลาย ประมาณศต.ที่ 11 - ต้นศต.ที่ 14 ชีวิตเมืองกลับมาอีกครั้ง วัฒนธรรมฆราวาสมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ศาสนาจักรเริ่มลดความสำคัญลง
ยุคกลางช่วงหลัง เริ่มจาก ต้นศต.ที่ 14 จนถึงปลายศต.ที่ 15 จากความพินาศของประชากร ที่เป็นความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากกาฬโรค ช่วงปี 1347-1350 ในช่วงเดียวกันนี้ มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหาร และเทคโนโลยี ที่ค่อยๆลดความยิ่งใหญ่ของอัศวินในสนามรบ
เหตุการณ์เหล่านี้ ค่อยๆลดความสำคัญของอำนาจตามธรรมเนียมประเพณีที่สัมพันธ์กับระบบศักดินาสวามิภักดิ์ของยุโรป
และยุคกลางตอนปลาย มีลักษณะสำคัญ คือโครงสร้างศักดินาสวามิภักดิ์ตามแบบเก่า และวิกฤตการทางศาสนาและสังคมที่สะท้อนความไม่สามารถของศาสนาจักรในการจัดการกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยทั่วไป ยุคกลางครอบคลุมระยะเวลา ประมาณ 1000 ปี แห่งประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ มีขอบเขตของประชากรศาสตร์จำนวนไม่น้อย แม้จะมีการจำกัดขอบเขตของประชากรให้มีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นพันธมิตรกับศาสนาจักร คาทอลิค เริ่มจากโปรตุเกสไปถึงโปแลนด์ และจากเกาะซิซิลีถึงสแกนดิเนเวีย
กะทู้นี้จะเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวันของผู้คน ในยุคกลาง ที่เป็นสามัญชน โดยนำเสนอเป็นตอนๆ ให้ครอบคลุมระยะเวลาหลายปี และหลายภูมิภาค ที่อาจดูเยิ่นเย้ย จนสูญเสียความหมายที่สำคัญที่สุดไป เพื่อไม่ให้สูญเสียสาระสำคัญ จะเน้นขอบเขตเวลาให้แคบลง โดยเน้นช่วงปลายยุคกลาง ระหว่างปี 1100-1300
เริ่มจากช่วงยุคกลางตอนต้นและยุคกลางตอนปลาย ช่วงนี้จะให้ภาพของชีวิตผู้คนยุคกลางแบบเต็มๆ .
ปี 1100 ยังมีธรรมเนียมประเพณีของระบบขุนนางและศักดินาสวามิภักดิ์ ที่ยังแพร่หลาย อยู่ในที่ต่างๆ, แม้ว่าจะเริ่มอ่อนแอภายใต้ความกดดันของระบบศก.แบบเงินตราที่เพิ่มมากขึ้น,
ปี 1300 สถาบันหลักของยุคกลาง เช่นมหาวิทยาลัยและศาสนาจักร เริ่มมีการวางรากฐานระเบียบของตนเอง พลวัตรของสังคมศักดินาสวามิภักดิ์ยังไม่ถูกแทรกแซง เนื่องจากการลดลงของประชากร ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
เพื่อจำกัดขอบเขตทางสภาพภูมิศาสตร์ เนื้อหาจะเน้นดินแดนที่เป็นหัวใจของระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ของยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ปัจจุบัน คือ ฝรั่งเศสภาคเหนือ, พื้นที่ที่พูดภาษาเยอรมัน ด้านตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ประเทศที่อยู่ต่ำลงมา และประเทศอังกฤษ พื้นที่เหล่านี้ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่คล้ายๆกัน ทุกแห่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน และถูกพิชิตโดยผู้รุกรานเชื้อสายเยอรมันในศต.ที่ 3-5,
..........................จบตอนที่๑..........................
ยุโรปยุคกลาง:ชีวิตประจำวันของผู้คน
. เกริ่นนำ
หลังจากสิ้นสุดยุคกลาง เหตุการณ์ยุคกลาง ส่งผลต่อความคิดของผู้คนในโลกยุคต่อมา อีกมากกว่า ๕๐๐ ปี และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตก
เมื่อเราพูดถึงยุคกลาง เราจะนึกถึง ตำนานกษัตริย์ คิง อาเธอร์ และโรบิน ฮูด ยุคกลางเป็นยุคแห่งความป่าเถื่อน แต่ความป่าเถื่อนในยุคกลาง ยังมีสัญลักษณ์ที่ยืนยงมากที่สุด: อัศวิน ในชุดเกราะแวววาว สุภาพสตรีชั้นสูงที่เลอเลิศ, กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ ไม่ว่าจะอย่างไร เราเห็นประวัติศาสตร์ยุคกลาง มีสิ่งที่ยุคอื่นไม่มี
ยุคกลางเป็นจุดกำเนิดของวัฒนธรรมยุโรปสมัยใหม่ เริ่มต้นด้วยความเกี่ยวพันกันของสามวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน:
ความเจริญรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมัน,
วัฒนธรรมอนารยชนของเผ่าเยอรมันทางทิศเหนือ,และ
ธรรมเนียมประเพณีตะวันออกใกล้ที่เข้าไปในยุโรปพร้อมกับกำเนิดของคริสตศาสนา
วัฒนธรรมของยุโรปสมัยใหม่ มาจากการประกอบกันของส่วนย่อยๆ, แต่ในยุคกลาง ประกอบเข้าด้วยกันซึ่งส่วนหลักๆ
เราไม่คุ้นชินกับโลกยุคกลางในเวลานั้น ห่างจากยุคเราหลายพันปี, แต่เรายังนึกถึงยุคกลาง อยากรู้เหตุการณ์ต่างๆของยุคกลาง
ภาพลักษณ์โลกยุคกลางในแบบต่างๆ ส่งผลต่อการรับรู้ยุคกลางของเรา ที่มักจะเป็นเรื่องของเทพนิยายโบราณมากกว่าเรื่องประวัติศาสตร์
การทำความเข้าใจโลกยุคกลางอย่างแท้จริง ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการขาดแคลนข้อมูลเบื้องต้น ที่จะทำให้เราเข้าใจสภาพยุคกลางได้ดี
ภาพแผนที่ตีพิมพ์ สมัยแรกสุด สร้างขึ้นในเมือง นูเรนเบอกร์ ประเทศเยอรมันนี โดยแฮสแมน ชีเดล ชาวเยอรมัน ในปี 1493
แสดงให้เห็น คนยุคกลางคิดว่า กว่าโลกมีสภาพเช่นไร ก่อนที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางไปยังโลกใหม่ และอ้อมแหลมกู๊ดโฮป
ภาพนี้ บาร์ตูลูเมว ดิอัช ชาวโปรตุเกส วาดขึ้น ภาพแสดงให้เห็นความคิดและความเชื่อเกี่ยวกับโลก ตัวอย่างเช่น มหาสมุทรอินเดีย อยู่ในดินแดนที่เข้าไม่ถึง เป็นรัฐที่ยังไม่มีคนค้นพบ และรวมทั้งมีภาพ จาเฟท เชม และฮาม บุตรของ โนอาห์ ตรงมุมของภาพ ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดที่มีศาสนาเป็นศูนย์กลาง.
และมีเอกสารชั้นสูงจำนวนมากมาย, มี facebook เกี่ยวกับยุคกลาง ที่เสนองานค้นคว้าชั้นสูงในเราอ่าน มีหนังสือจำนวนมากเกี่ยวกับสถาบันการเมืองยุคกลาง และมีหนังสือจำนวนมากเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาสามัญ แยกเป็นอัศวิน นักรบ พ่อค้า ชาวนา ที่เป็นภาษาไทยจะเขียนเหตุการณ์ทั่วไป
. เข้าใกล้โลกยุคกลาง
คนยุคกลางไม่คิดว่า พวกเขาเป็นยุคกลาง (ภาษาลาติน คำว่ายุคกลาง เขียนว่า mediumaevum หรือ middle age คนยุคกลางเรียกยุคของพวกเขาเอง ว่า nos moderni “เราเป็นคนสมัยใหม่”
คำว่ายุคกลาง ถูกประดิษฐ์ขึ้น โดยนักประวัติศาสตร์ ในยุครู้แจ้ง/ยุคเรอเนสซองค์ หรือ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ นักประวัติศาสตร์แบ่งประวัติศาสตร์ยุโรป ออกเป็นสามชั้น ได้แก่
ยุคโบราณ ยุคกลางและยุคใหม่
การแบ่งอย่างนั้น กลายเป็นที่สิ่งยึดถือกันมา การแบ่งเช่นนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แน่นอน เป็นความคิดที่ลึกซึ้ง ถึงแม้ว่าจะต่อเนื่อง, แต่มีความไม่ต่อเนื่องกันระหว่างยุคกลางและยุคก่อนหน้านั้น
หลังศต.ที่ 15 ซึ่งเป็นช่วงหลังยุคกลาง มีการพัฒนาอย่างวิวัฒน์อย่างชัดเจน ที่เห็นเด่นชัด เป็นการตีพิมพ์เอกสารและการค้นพบโลกใหม่ของชาวยุโรป ที่ในตอนท้าย มีการเปลี่ยนแปลงสังคมยุโรปและวัฒนธรรมในทุกระดับ
เราไม่ควรลืมว่า การแบ่งช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ มีความคลุมเครือตรงช่วงรอยต่อทางประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน
ศต.ที่ 11 ถึง 13 มีการเกิดขึ้นของศก.แบบใช้เงินตรา ธนาคารและสินเชื่อ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ศก.ยุโรป
ศต.ที่ 14 มีคนตายเนื่องจากกาฬโรค จำนวน 1/3 ของประชากร เป็นความหายนะของประชากรที่เห็นชัดเจนมากที่สุดอันหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ยุโรปล้มลงอีกครั้ง และเป็นสิ่งหนึ่งที่ค่อยๆ ทำลายระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ที่มีอยู่ในยุคกลาง
ผู้เชี่ยวชาญยุคกลาง แบ่งยุคกลางออกเป็นสามช่วง คือ ยุคกลางตอนแรก,ยุคกลาง(สูง)และยุคกลางตอนปลาย
ยุคกลางตอนต้น เริ่มต้นด้วยการล้มลงของจักรวรรดิโรมัน ไม่ใช่ล้มลงไปทีเดียว แต่เป็นความเสี่อมที่ยาวนาน เพื่อความสะดวกเราประมาณ ว่ายุคกลางเริ่มประมาณศต.ที่ 500 และสิ้นสุดประมาณศต.ที่ 11 ยุโรปมีเสถียรภาพทางการเมืองมากกว่าเดิม ก่อให้เกิดการเฟื่องฟูของการดำรงชีวิตและเชาว์ปัญญา และศก.
ยุคกลางช่วงแรก มีเหตุการณ์สู้รบอย่างมาก เนื่องจากไม่มีรัฐบาลศูนย์กลางที่เข้มแข็ง กิจกรรมชาวเมืองถูกจำกัด วัฒนธรรมการเขียนอยู่ในมือของศาสนาจักร ที่ส่วนใหญ่เป็นนักบวช
ยุคกลางตอนปลาย ประมาณศต.ที่ 11 - ต้นศต.ที่ 14 ชีวิตเมืองกลับมาอีกครั้ง วัฒนธรรมฆราวาสมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ศาสนาจักรเริ่มลดความสำคัญลง
ยุคกลางช่วงหลัง เริ่มจาก ต้นศต.ที่ 14 จนถึงปลายศต.ที่ 15 จากความพินาศของประชากร ที่เป็นความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากกาฬโรค ช่วงปี 1347-1350 ในช่วงเดียวกันนี้ มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหาร และเทคโนโลยี ที่ค่อยๆลดความยิ่งใหญ่ของอัศวินในสนามรบ
เหตุการณ์เหล่านี้ ค่อยๆลดความสำคัญของอำนาจตามธรรมเนียมประเพณีที่สัมพันธ์กับระบบศักดินาสวามิภักดิ์ของยุโรป
และยุคกลางตอนปลาย มีลักษณะสำคัญ คือโครงสร้างศักดินาสวามิภักดิ์ตามแบบเก่า และวิกฤตการทางศาสนาและสังคมที่สะท้อนความไม่สามารถของศาสนาจักรในการจัดการกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยทั่วไป ยุคกลางครอบคลุมระยะเวลา ประมาณ 1000 ปี แห่งประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติ มีขอบเขตของประชากรศาสตร์จำนวนไม่น้อย แม้จะมีการจำกัดขอบเขตของประชากรให้มีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นพันธมิตรกับศาสนาจักร คาทอลิค เริ่มจากโปรตุเกสไปถึงโปแลนด์ และจากเกาะซิซิลีถึงสแกนดิเนเวีย
กะทู้นี้จะเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวันของผู้คน ในยุคกลาง ที่เป็นสามัญชน โดยนำเสนอเป็นตอนๆ ให้ครอบคลุมระยะเวลาหลายปี และหลายภูมิภาค ที่อาจดูเยิ่นเย้ย จนสูญเสียความหมายที่สำคัญที่สุดไป เพื่อไม่ให้สูญเสียสาระสำคัญ จะเน้นขอบเขตเวลาให้แคบลง โดยเน้นช่วงปลายยุคกลาง ระหว่างปี 1100-1300
เริ่มจากช่วงยุคกลางตอนต้นและยุคกลางตอนปลาย ช่วงนี้จะให้ภาพของชีวิตผู้คนยุคกลางแบบเต็มๆ .
ปี 1100 ยังมีธรรมเนียมประเพณีของระบบขุนนางและศักดินาสวามิภักดิ์ ที่ยังแพร่หลาย อยู่ในที่ต่างๆ, แม้ว่าจะเริ่มอ่อนแอภายใต้ความกดดันของระบบศก.แบบเงินตราที่เพิ่มมากขึ้น,
ปี 1300 สถาบันหลักของยุคกลาง เช่นมหาวิทยาลัยและศาสนาจักร เริ่มมีการวางรากฐานระเบียบของตนเอง พลวัตรของสังคมศักดินาสวามิภักดิ์ยังไม่ถูกแทรกแซง เนื่องจากการลดลงของประชากร ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
เพื่อจำกัดขอบเขตทางสภาพภูมิศาสตร์ เนื้อหาจะเน้นดินแดนที่เป็นหัวใจของระบบศักดินาสวามิภักดิ์ ของยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ปัจจุบัน คือ ฝรั่งเศสภาคเหนือ, พื้นที่ที่พูดภาษาเยอรมัน ด้านตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ประเทศที่อยู่ต่ำลงมา และประเทศอังกฤษ พื้นที่เหล่านี้ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่คล้ายๆกัน ทุกแห่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน และถูกพิชิตโดยผู้รุกรานเชื้อสายเยอรมันในศต.ที่ 3-5,
..........................จบตอนที่๑..........................