ปราสาทอัปสร ตอนที่ ๕
https://ppantip.com/topic/36768062
ตอนที่ ๖ แผนฆาต
คณะของชัชชัยประกอบด้วย ตัวเขา มานพ เพื่อนนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เมฆา หลานชายมานพวัยสามสิบปี และธงศักดิ์ นักโบราณคดีคนสนิทของชัชชัย รถตู้ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ และมาถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานตอนล่างในเวลาราวบ่ายสองโมง เมื่อถึงตัวอำเภอจึงมีรถกระบะอีกสองคันมารับผู้โดยสารทั้งหมดเข้าสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่แวดล้อมป่าเขาลำเนาไพรในเวลาเย็นย่ำ
ทุกร่างที่เดินทางมาถึงนั่งพักเหนื่อยกันที่ชานบ้านของพรานทองดำผู้ที่จะนำทางทั้งหมดเข้าป่าในวันพรุ่งนี้ ทุกคนต่างเหนื่อยล้าจากการเดินทางไม่ต่างกัน หากแต่ภายในแววตาและสีหน้ากลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่หมายจะยลโฉมปราสาทโบราณอันลึกลับแห่งนั้น
“ได้ยินว่าในปราสาทนั้นมีเครื่องทองมากโขเลยใช่มั้ยครับ ป่านนี้ผมว่าคงเสร็จพวกชาวบ้านแถวนี้ไปแล้วมั้งครับ” เมฆาหัวเราะเย้าเสียงดังลั่น จนมานพผู้เป็นลุงต้องหันมาปราม แต่ทว่าชัชชัยกลับมองด้วยรอยยิ้มหยัน
ทองดำยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสองอึก ดวงตาแดงก่ำจ้องมองชายคราวลูก
“ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นหรอกคุณ... คนแถวนี้เขารู้กันดีว่าสมบัติในนั้นเป็นของต้องห้าม”
“ของต้องห้าม...แล้วใครล่ะครับที่เป็นคนห้าม เจ้าของที่สร้างคงไม่อยู่เฝ้าเป็นศตวรรษจนถึงปัจจุบันหรอกนะครับ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะเมฆา...ถึงเขาจะไม่อยู่เฝ้า แต่อาจให้คนอื่นอยู่เฝ้าแทนก็ได้นี่” ธงศักดิ์ ผู้เป็นนักโบราณคดีเฉกเช่นเดียวกับคเชนทร์เอ่ยขึ้นเสียงขรึม คนที่เริ่มเมาได้ที่หันมาเบ้ปากใส่ ในขณะที่คเชนทร์เพียงแต่รับฟังการสนทนาของทั้งคณะเงียบๆ
“เรื่องเล่าปรัมปราน่ารำคาญ นักโบราณคดีของคุณคงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรอกนะชัชชัย” มานพแทรกขึ้น หันไปมองธงศักดิ์ด้วยสายตาขุ่นเคือง คนที่ถูกถามยิ้มให้อย่างไม่ถือสา ก่อนหันไปหาคเชนทร์
“เจ้าเชนคงยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เพราะดูแต่เอกสารการค้นหาที่อาให้ดู แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็ให้ถามธงศักดิ์เอาเองนะ อาขอตัวไปนอนก่อน” พูดจบผู้เป็นหัวหน้าคณะก็ลุกขึ้น โบกมือลาให้กับมานพและเดินเข้าไปภายในเรือนพักของนายทองดำที่จัดห้องหับไว้ให้เรียบร้อย ส่วนเมฆาก็เดินตุปั๋ดตุเป๋เข้าไปพร้อมกับมานพ เหลือเพียงแต่คเชนทร์กับธงศักดิ์และพรานทองดำ
ชายหนุ่มผู้ยังคาใจกับคำพูดของชัชชัยอยู่ขยับกายเข้ามาใกล้ธงศักดิ์ อีกฝ่ายคล้ายเดาใจชายหนุ่มรุ่นน้องออกจึงเปรยขึ้นเสียงใส
“คุณอยากรู้เรื่องปราสาทนั่นใช่มั้ย ตำนานปรัมปราที่คุณชัชชัยว่า” พูดจบธงศักดิ์ก็ผุดยิ้ม หันไปมองหน้าพรานทองดำที่วางหน้านิ่งหากแต่ยังคอยแอบฟังสองชายหนุ่มเงียบๆ
“อันที่จริง...ก่อนจะมาที่นี่ผมก็ฝันประหลาดหลายครั้งแล้วหละครับ ในฝันทุกครั้งเหมือนเป็นเรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวกับปราสาทหลังนั้น”
“คุณฝันว่าอะไรล่ะ?” ธงศักดิ์หรี่ตามองคเชนทร์ด้วยความสนใจ ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนนึกถึงภาพในนิทราอันแสนละเอียดลออนั้น
“ปราสาทโบราณหลังหนึ่ง พระนางศรีสิขเรศ แล้วก็นางอัปสรที่รำบูชาพระศิวะ”
“พระนางศรีศิขเรศ...นั่นมัน...” ธงศักดิ์ลากเสียงค้าง หัวใจเต้นรัว
“ธิดาของพระเจ้าสุริยจักร ชื่อของพระนางถูกจารึกไว้ในปราสาทหลังที่เรากำลังจะไปด้วยนะ คุณรู้ใช่มั้ย?”
“รู้สิ...ผมถึงอยากรู้ตำนานปรำปราของคุณไง” ธงศักดิ์ถอนหายใจยาว ใบหน้าขมวดมุ่นด้วยความลำบากใจ
“ปราสาทหลังนั้นเดิมทีพระนางศรีสิขเรศจะสร้างบูชาถวายพระศิวะ แต่มีเหตุให้สร้างไม่เสร็จ ไม่มีหลักฐานบอกว่าทำไม แต่มีข้อมูลว่าพระนางสิ้นพระชนม์ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนตำนานที่ผมจะบอกคุณก็คือ มีคนที่ลอบสังหารพระนาง คนทั้งสามคือนางอัปสร และพวกนางก็ถูกจองจำให้อยู่ในปราสาทไว้ตลอดกาล”
คเชนทร์นิ่งงันไปหลังธงศักดิ์พูดจบ เสมือนว่าเขาถูกดูดลงไปในหุบเหวอันดำมืดที่ลึกสุดพรรณนา ภาพของนางอัปสรทั้งสามในฝันสะท้อนขึ้นมาในความทรงจำ ปุษปมาลา สรเกศี อรชุนี...
จะเป็นพวกเธอหรือเปล่าหนอ ?
ปราสาทอัปสร ตอนที่ ๖
https://ppantip.com/topic/36768062
คณะของชัชชัยประกอบด้วย ตัวเขา มานพ เพื่อนนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เมฆา หลานชายมานพวัยสามสิบปี และธงศักดิ์ นักโบราณคดีคนสนิทของชัชชัย รถตู้ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าตรู่ และมาถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานตอนล่างในเวลาราวบ่ายสองโมง เมื่อถึงตัวอำเภอจึงมีรถกระบะอีกสองคันมารับผู้โดยสารทั้งหมดเข้าสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่แวดล้อมป่าเขาลำเนาไพรในเวลาเย็นย่ำ
ทุกร่างที่เดินทางมาถึงนั่งพักเหนื่อยกันที่ชานบ้านของพรานทองดำผู้ที่จะนำทางทั้งหมดเข้าป่าในวันพรุ่งนี้ ทุกคนต่างเหนื่อยล้าจากการเดินทางไม่ต่างกัน หากแต่ภายในแววตาและสีหน้ากลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่หมายจะยลโฉมปราสาทโบราณอันลึกลับแห่งนั้น
“ได้ยินว่าในปราสาทนั้นมีเครื่องทองมากโขเลยใช่มั้ยครับ ป่านนี้ผมว่าคงเสร็จพวกชาวบ้านแถวนี้ไปแล้วมั้งครับ” เมฆาหัวเราะเย้าเสียงดังลั่น จนมานพผู้เป็นลุงต้องหันมาปราม แต่ทว่าชัชชัยกลับมองด้วยรอยยิ้มหยัน
ทองดำยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสองอึก ดวงตาแดงก่ำจ้องมองชายคราวลูก
“ไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นหรอกคุณ... คนแถวนี้เขารู้กันดีว่าสมบัติในนั้นเป็นของต้องห้าม”
“ของต้องห้าม...แล้วใครล่ะครับที่เป็นคนห้าม เจ้าของที่สร้างคงไม่อยู่เฝ้าเป็นศตวรรษจนถึงปัจจุบันหรอกนะครับ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะเมฆา...ถึงเขาจะไม่อยู่เฝ้า แต่อาจให้คนอื่นอยู่เฝ้าแทนก็ได้นี่” ธงศักดิ์ ผู้เป็นนักโบราณคดีเฉกเช่นเดียวกับคเชนทร์เอ่ยขึ้นเสียงขรึม คนที่เริ่มเมาได้ที่หันมาเบ้ปากใส่ ในขณะที่คเชนทร์เพียงแต่รับฟังการสนทนาของทั้งคณะเงียบๆ
“เรื่องเล่าปรัมปราน่ารำคาญ นักโบราณคดีของคุณคงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงหรอกนะชัชชัย” มานพแทรกขึ้น หันไปมองธงศักดิ์ด้วยสายตาขุ่นเคือง คนที่ถูกถามยิ้มให้อย่างไม่ถือสา ก่อนหันไปหาคเชนทร์
“เจ้าเชนคงยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เพราะดูแต่เอกสารการค้นหาที่อาให้ดู แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็ให้ถามธงศักดิ์เอาเองนะ อาขอตัวไปนอนก่อน” พูดจบผู้เป็นหัวหน้าคณะก็ลุกขึ้น โบกมือลาให้กับมานพและเดินเข้าไปภายในเรือนพักของนายทองดำที่จัดห้องหับไว้ให้เรียบร้อย ส่วนเมฆาก็เดินตุปั๋ดตุเป๋เข้าไปพร้อมกับมานพ เหลือเพียงแต่คเชนทร์กับธงศักดิ์และพรานทองดำ
ชายหนุ่มผู้ยังคาใจกับคำพูดของชัชชัยอยู่ขยับกายเข้ามาใกล้ธงศักดิ์ อีกฝ่ายคล้ายเดาใจชายหนุ่มรุ่นน้องออกจึงเปรยขึ้นเสียงใส
“คุณอยากรู้เรื่องปราสาทนั่นใช่มั้ย ตำนานปรัมปราที่คุณชัชชัยว่า” พูดจบธงศักดิ์ก็ผุดยิ้ม หันไปมองหน้าพรานทองดำที่วางหน้านิ่งหากแต่ยังคอยแอบฟังสองชายหนุ่มเงียบๆ
“อันที่จริง...ก่อนจะมาที่นี่ผมก็ฝันประหลาดหลายครั้งแล้วหละครับ ในฝันทุกครั้งเหมือนเป็นเรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวกับปราสาทหลังนั้น”
“คุณฝันว่าอะไรล่ะ?” ธงศักดิ์หรี่ตามองคเชนทร์ด้วยความสนใจ ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนนึกถึงภาพในนิทราอันแสนละเอียดลออนั้น
“ปราสาทโบราณหลังหนึ่ง พระนางศรีสิขเรศ แล้วก็นางอัปสรที่รำบูชาพระศิวะ”
“พระนางศรีศิขเรศ...นั่นมัน...” ธงศักดิ์ลากเสียงค้าง หัวใจเต้นรัว
“ธิดาของพระเจ้าสุริยจักร ชื่อของพระนางถูกจารึกไว้ในปราสาทหลังที่เรากำลังจะไปด้วยนะ คุณรู้ใช่มั้ย?”
“รู้สิ...ผมถึงอยากรู้ตำนานปรำปราของคุณไง” ธงศักดิ์ถอนหายใจยาว ใบหน้าขมวดมุ่นด้วยความลำบากใจ
“ปราสาทหลังนั้นเดิมทีพระนางศรีสิขเรศจะสร้างบูชาถวายพระศิวะ แต่มีเหตุให้สร้างไม่เสร็จ ไม่มีหลักฐานบอกว่าทำไม แต่มีข้อมูลว่าพระนางสิ้นพระชนม์ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนตำนานที่ผมจะบอกคุณก็คือ มีคนที่ลอบสังหารพระนาง คนทั้งสามคือนางอัปสร และพวกนางก็ถูกจองจำให้อยู่ในปราสาทไว้ตลอดกาล”
คเชนทร์นิ่งงันไปหลังธงศักดิ์พูดจบ เสมือนว่าเขาถูกดูดลงไปในหุบเหวอันดำมืดที่ลึกสุดพรรณนา ภาพของนางอัปสรทั้งสามในฝันสะท้อนขึ้นมาในความทรงจำ ปุษปมาลา สรเกศี อรชุนี...
จะเป็นพวกเธอหรือเปล่าหนอ ?