เล่าประสบการณ์ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดี - รีวิวห้องพิเศษ รพ.ราชวิถี

จริงๆแล้วอยากจะมารีวิวห้องพิเศษ รพ.ราชวิถี เพราะหารีวิวเกี่ยวกับราชวิถีค่อนข้างยาก แต่ไหนๆพิมพ์แล้ว ขอเล่าประสบการณ์ป่วยด้วยโรคนิ่วถุงน้ำดีไปด้วยเลยนะคะ

เกริ่นก่อนว่าเคยป่วยเป็นโรคกระเพาะจากความเครียดสมัยเรียนจบป.ตรีใหม่ๆ รักษามาอย่างต่อเนื่อง ทานได้แต่อาหารอ่อนๆ จนกระทั่งคิดว่าตัวเองหายแล้วล่ะ มื้อเย็นก็เลยจัดข้าวโพดต้มไปฝักนึง ได้เรื่องเลย ปวดท้องอย่างหนัก อาเจียน จนคุณพ่อพาไปฉุกเฉินที่ รพ.พญาไท ช่วงนั้นก็มีปวดเกร็งช่องท้องมาเรื่อยๆ ยาบุสโคพานนี่ถือเป็นเพื่อนยามปวดเลยค่ะ ซักพักย้ายที่ทำงาน สุขภาพจิตดีขึ้นอาการก็ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ แต่วันดีคืนร้ายที่เครียดๆก็มีปวดท้องเป็นระยะ อาการแบบนี้เป็นต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ปีนึงอาจจะเป็นซัก 2-3 ครั้ง ครั้งละ 2วัน บางทีก็ดี๊ดีไม่เป็นอะไรเลยเว้นไป 2-3ปีก็มี กินยาประเภทลดกรดก็ดีขึ้น นับเวลาแล้วก็ 10กว่าปีนะคะ

ช่วงที่ตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้ายปี 2015 ก็มีอาการของโรคกระเพาะบ้าง คือ ท้องอืด ปวดเกร็งกระเพาะ คุณหมอก็ให้ทานยาลดกรด หายบ้างไม่หายบ้างก็ทนกันไป จนคลอดน้องได้อายุราวๆ 4เดือน ความปวดขั้นสุดบังเกิด ปวดตั้งแต่ 4ทุ่มยาวไปจนตี 3กว่าก็ไม่หายปวด ไม่เบาลง ตัดสินใจปลุกสามีให้พาไปรพ. ที่รพ.ฉีดยาลดกรดเข้าเส้นเลือดให้ อาการเป็นแบบค่อยๆหายปวดไปเองตอนช่วง 6โมงเช้า ได้ยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะมาทาน อาการดีขึ้นตามลำดับและไม่เกิดอาการปวดใดๆอีก

สิงหาคม 2016 อาการปวดท้องกลับมา ไปพบหมอที่คลินิกแถวบ้าน ได้ยารักษากระเพาะมาถุงใหญ่ อาการดีขึ้นเล็กน้อย ผ่านไป 1สัปดาห์อาการปวดหนักขึ้นจนต้องฉีดยาแก้ปวด (ฉีดยาลดกรดแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ) ฉีดยาอาการก็หายไปซัก 2 สัปดาห์ก็เริ่มต้นใหม่อีก วนแบบนี้เป็นเดือน และมีอาการอื่นเพิ่มเติมมาด้วย คือ ตาเหลือง ตัวเหลือง อุจจาระสีซีด ท้องผูก มีผื่นลมพิษขึ้นที่ลำตัวและขา ถามหมอที่คลินิกก็บอกไม่เป็นอะไร กระเพาะป่วยก็ส่งผลได้ไม่ต้องซีเรียส อ่ะ...ไม่ซีเรียสก็ได้ค่ะ ผ่านไป 1สัปดาห์อาการพวกนี้ก็หายไปค่ะ


กลางเดือนตุลาคม 2016 มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องมาก พอไข้หายก็ปวดใต้ชายโครงขวาอย่างชัดเจน ปวดมากจนบอกสามีให้พาไปหาหมอที่คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ได้พบแพทย์เฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับ คุณหมอสั่งเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ ในวันนั้น


เจาะเลือดยากมากค่ะ ปวดจนเส้นหดหายไปหมด คุณหมอเลยสั่งคา Tube ไว้เลย สภาพร่างวันนั้นคือ นั่งรถเข็น มีผ้าห่มคลุมร่างเพราะหนาวมาก ขอบคุณพยาบาลทุกท่านด้วยค่ะ น่ารักมาก เอาใจใส่ดีมากๆ หาผ้าห่มมาให้ เอาน้ำอุ่นมาให้ดื่ม

แต่อัลตราซาวน์ต้องรอรุ่งขึ้นเพราะเราไปช่วงเย็นมากแล้วคลินิกจะปิด ค่าตับค่อนข้างสูง คุณหมอพุ่งเป้าไปที่ตับก่อนเป็นอันดับแรก คุณหมอสั่งให้ยาปฎิชีวนะ และ ให้ยามาทานต่อ

คืนนั้นนอนปวดจนชาไปหมด ไปถึงคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาแต่เช้าเพื่ออัลตราซาวน์ เปิดประตูรถปั๊บ รถเข็นมาเกยปุ๊บ พยาบาลคอยมาพยุงตลอดเวลาที่ลุกนั่ง เข็นไปทางไหนทำไมมีแต่คนมองเรา สามีเพิ่งมาบอกทีหลังว่าสภาพเธอแย่มากนะ หน้าซีดมากๆๆๆ

ผลอัตราซาวน์ชัดเจนว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี 1 เม็ด ขนาด 3มม. คุณหมอที่อ่านผลให้แจ้งว่าหมออยากให้ไปรพ.วันนี้เลยมีอาการอักเสบนะ แนะนำให้ไปรพ.ที่มีสิทธิ์เบิกได้ เพราะค่าใช้จ่ายสูง ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าค่าผ่านิ่วในถุงน้ำดีมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นปลาย-แสนบาท นี่ก็มัวแต่ห่วงลูกสาวววัย 1ขวบ ปวดก็ปวด สติก็ไม่ครบ ไม่รู้เรื่องเลยว่าสิทธิ์บัตรทองที่มีต้องดำเนินการขอใบส่งตัวจากต้นทางก่อนจึงจะไปต่อได้ นี่ก็ไปเลย ไปผิดรพ.ด้วยค่ะ สุดท้ายตกบ่ายแก่วันนั้นหายปวดเป็นปลิดทิ้ง วันรุ่งขึ้นรีบไปทำเรื่องย้ายสิทธิ์มาที่บ้านลาดพร้าว ได้สิทธิ์ที่รพ.ราชวิถี ภายใน 15วัน (สิทธิ์เดิมอยู่ที่ปทุมธานี)

ระหว่างรอสิทธิ์ 15 วัน คุมอาหารอย่างเคร่งครัด ไม่กินอาหารที่มีไขมันเลย เพราะกินแล้วไม่ย่อย อืด จนถึงขั้นปวดมาก ช่วงนี้มีอาการปวดอย่างหนัก 2ครั้ง
ครั้งแรกปวดจนเป็นลมที่คลินิก ไปต่อ ER ที่รพ.ธรรมศาสตร์ เพียงเพราะทานต้มยำที่คุณแม่ใส่ซุปก้อนสำเร็จรูป(มีไขมันปาล์มในซุปก้อน)
ครั้งที่ 2 ทานข้าวคลุกกะปิที่ซื้อจากร้านในตลาด คาดว่าเค้าทำแบบผัดน้ำมัน ได้เรื่องเลยค่ะ ปวดหนักมาก นอนไม่ได้ ต้องนั่งงอตลอดเวลา ปวดจนหายใจได้ช่วงสั้นๆ สามีก็ติดงานด่วน ต้องเรียกรถฉุกเฉิน 1669 ให้มารับไปส่งที่รพ.ราชวิถี เข้า ER ได้ยาฉีดแก้ปวด สิทธิ์ยังไม่ขึ้นที่นี่ ได้ยาแก้ปวดไปก็ดีขึ้นใน 30นาที

หลังจากเข้า ER ที่ราชวิถีวันเดียวสิทธิ์ก็เข้าระบบ เรารีบไปขอใบส่งตัวและไปพบคุณหมอแผนกศัลยกรรมทางเดินอาหารและตับที่ราชวิถีทันที
ได้พบกับคุณหมอ สอาด ตรีพงษ์กรุณา คุณหมอแจ้งว่าวันผ่าตัดต้องเข้าที่ประชุมก่อนและจะโทรแจ้ง ผ่านไปประมาณ 2เดือน คือ ช่วงเดือนมกราคม 2017 ทางรพ.โทรแจ้งว่าได้วันผ่า 17 กรกฎา 2017 ระหว่างนี้มีพบคุณหมออีก 1ครั้งเดือนเมษา และ ทำเรื่องจองห้องพิเศษ

วันศุกร์ที่ 14 ก.ค. 17 ไปตรวจร่างกายเพื่อเตรียมผ่าตัด พี่พยาบาลที่ทำเรื่องประสานงานแอดมิดแจ้งว่าเคสเราให้กลับบ้านก่อน วันอาทิตย์ค่อยมานอนรพ. เพราะเตียงเต็ม + เคสเราผลเลือด คลื่นหัวใจปกติดี เรื่องห้องพิเศษเดี่ยวต้องลุ้นเอาว่าจะว่างหรือไม่ แต่ในวันนี้ไม่ว่างค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 16 ก.ค. 17 ไปรพ.แต่เช้า โชคดีที่ห้องพิเศษเดี่ยวว่าง เราเลือกห้องแบบ B คืนละ 2300 บาทค่ะ (สิทธิ์บัตรทองมีส่วนลด 400บ./คืน)
หอผู้ป่วยศัลยกรรม พิเศษ 10ก

ห้องขนาดกระทัดรัด มีเครื่องใช้อำนวยความสะดวกครบถ้วน จาน ชาม แก้วน้ำ ถ้วยกาแฟ กาน้ำร้อน ไมโครเวฟ ตู้เย็น หมอนหนุนมีให้เยอะมากรวมๆแล้วประมาณ 5-6ใบค่ะ มีประโยชน์กับเรามาก หลังผ่าตัดได้ใช้จนครบเลยค่ะ

พยาบาลวอร์ดนี้น่ารักใจดีทุกคน มาถามด้วยว่าชอบ-ไม่ชอบทานอะไร อยากได้อะไรพิเศษมั๊ย เราแจ้งว่าขอแค่อาหารไม่มันค่ะ
ได้อาหารไขมันต่ำมาทุกมื้อ ดีงามมาก
ในรูปคือมื้อแรกในรพ.นะคะ


ผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน เราออกจากห้องไปตอน 9โมงเช้า คิวผ่า 11โมง ประมาณบ่ายโมงครึ่งอาการหลังผ่าตัดปกติดีก็กลับมาพักที่ห้องพักค่ะ
คุณหมอสอาดสั่งให้ทานอาหารอ่อนได้เลย คือ ข้าวต้ม กับ กับข้าวปกติ เราหิวมากกกกกก

หลังผ่าตัดมีแผลเล็กๆ 3จุด
ไม่เจ็บที่แผล 3จุดนี้เลยค่ะ แต่เราปวดเกร็งกล้ามเนื้อช่องท้องใต้ชายโครงขวา มาเจ็บแบบสุดติ่งเอาตอนที่ลุกไปห้องน้ำ เดินกลับมาลงเตียง พี่สาวเอาหมอนรองหลังออกด้วยหวังดีว่าน้องจะนอน ปวดจนกรีดร้อง T^T ปวดแบบตะคริวกินแบบนั้นเลย จี๊ดๆๆๆขึ้นมาเป็นระลอกใหญ่ๆ ต้องนั่งตัวงอกุมท้องไว้ พี่รีบวิ่งไปบอกพยาบาล พยาบาลก็น่ารักมาก มากัน 3คน หยิบยาหม่องมาด้วยจะช่วยทาพุงนึกว่าเราท้องอืด ได้มอร์ฟีน กับ ยาแก้ปวดไปก็ไม่ค่อยช่วยอะไร นั่งหลับไปทั้งคืนค่ะ นอนราบไม่ได้ปวดเกร็งมาก

เช้ารุ่งขึ้นรีบแจ้งคุณหมออินเทิร์น คุณหมอแจ้งว่าเป็นได้นะ บางคนก็เป็นบางคนก็ไม่เป็น เคสเรา คือ ไม่มีอาการท้องอืดอะไรเลย ปวดเกร็งอย่างเดียว พอคุณหมอสอาดมาตรวจก็แจ้งซ้ำอีก คุณหมอก็พูดขำๆว่า มาผ่าตัดนะ ไม่ได้มาเดินชอปปิ้ง มันก็ต้องเจ็บสิน่า เจ็บก็บอกเลย กินยาได้ 5555

เจ็บแค่ไหนก็ต้องฝืนลุกเดินค่ะ สรุปว่าได้นอนรพ.ั้งหมด 3 คืน (หลังผ่า 2คืน) วันที่กลับบ้านเรายังเดินไปที่รถไม่ไหวเลย ต้องนั่งรถเข็นไป นั่งรถไปก็ปวดเกร็งไปตลอดทาง ถึงบ้านไข้ขึ้นเลย แต่วันหลังๆจากนั้นอาการปวดเกร็งก็ค่อยๆดีขึ้น มีช่วง 3วันแรกที่พักอยู่บ้านมีอาการท้องไส้แปลกๆ คือ ท้องอืดนิดหน่อย ปวดถ่ายแทยจะทันทีหลังมื้ออาหาร แต่หลังจากนั้นจนถึงวันนี้ทุกอย่างปกติดีค่ะ

คุณหมออินเทิร์นที่ราชวิถีน่ารักทุกคนเลยค่ะ โดยเฉพาะคุณหมอดมยาคนสวย มาซักประวัติตอนบ่ายก่อนวันผ่าแบบเป็นกันเอง เจอกันหน้าห้องผ่าตัด คุณหมอทักทายสวัสดีเราด้วย

อ้อ...เราไม่เห็นเม็ดนิ่ว เพราะมันหายไปจากถุงน้ำดี คุณหมอแจ้งว่ามันเล็กมาก คงหลุดลงลำไส้ไปแล้ว แต่ต้องส่งชิ้นเนื้อถุงน้ดีไปตรวจเพราะมีติ่งเนื้อ
สรุป คือ หลังผ่าตัด 2สัปดาห์ เจาะเลือดตรวจทุกอย่างปกติ ผลชิ้นเนื้อปกติ มีนัดตรวจเลือดชุดใหญ่อีกสิ้นเดือนนี้ค่ะ

ผ่าตัดผ่านไปประมาณ 3สัปดาห์ พยาบาลที่วอร์ดพิเศษ 10ก โทรมาสอบถามอาการและให้คำแนะนำในการปฎิบัติตัวหลังผ่าตัดอีกครั้ง
โดยรวมแล้วประทับใจกับที่นี่มากค่ะ ลบทุกทัศนคติด้านลบที่มีกับรพ.รัฐไปจนหมดสิ้นจริงๆ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่