สวัสดีครับกระทู้แรกในรอบปีอยากเล่าประสบการณ์ชีวิตกับการเป็นคนป่วยที่ต้องไปนอนโรงพยาบาลแบบ ... เอออยู่ดีๆก็ไปนอนโรงพยาบาลซะงั้น
ท้าวความซักนิด ผมก็เป็นผู้ชายสุขภาพปกติดีคนนึงเึคยอ้วนสุด (105kg) และผอมสุด (75kg) เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบบริจาคเลือดตามโอกาสสะดวก เป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตปกติตามสภาพ พนักงานบริษัททั่วไปกับอาชีพ Programmer ปัจจุบันออกกำลังกายสม่ำเสมอ บ้าวิ่ง บ้าปั่นจักรยาน ทั้งระยะวิ่งมาราธอน ระยะอัลตร้าเทรล และปั่นจักรยานระยะ Audax 200 ขึ้นไป
วันจันทร์ 8/5/2560
มีอาการปวดท้องอย่างหนักอาการปวดท้องที่ว่าไม่ใช่ปวดท้องถ่าย ไม่ใช่อาการท้องเสียมันเป็นการปวดแบบบีบ .... คลาย .... บีบ ... คลาย บริเวณกลางหน้าอกแถวๆลิ้นปี่ ปวดขนาดตัวงอเลยครับ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอาการของท้องเสียเพราะเมื่อคืนไปกินเนื้อสเต็กมา ลองเข้าห้องน้ำดูพบว่าก็ถ่ายปกติออกเป็นก้อนไม่ได้มีอาการท้องเสีย
ทนไม่ไหวเลยขอลางานไปโรงพยาบาลเอกชนแถวสะพานควาย คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นยังไม่ชัดเจนก็เลยตีว่าอาหารเป็นพิษก่อน โดยให้ยาลดการบีบรัดกระเพาะ ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวดมาให้ โดยกำชับว่ามาตามนัดอีกครั้งวันพุธ
วันอังคาร 9/5/2560
กินยาตามที่คุณหมอให้มาพบว่า อาการปวดท้องหายไป... พอยาหมดฤทธิ์อาการปวดก็กลับมาอีก เป็นอย่างนี้ทั้งวัน ไปทำงานจนน้องที่ Office ทักว่าผมหน้าซีดมากแต่ก็ยังคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรมาก
วันพุธ 10/5/2560
มาตามนัดคุณหมอด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีคือปวดท้องตามที่บอกพอได้ยาก็หายพอยาหมดก็ปวดอีกและช่วงหลังๆรู้สึกยาเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว คุณหมอตรวจร่างกายแล้วขอให้ Admit เป็นผู้ป่วยในดีกว่า เพื่อจะทำการตรวจเลือด , อัลตร้าซาวด์ เพราะอาการตามสภาพตอนนี้เป็นไปได้ กระเพาะอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ และถุงน้ำดีอักเสบ
การเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนอย่างที่เราทราบกันว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ ผมออกจะลังเลนิดหน่อยเลยให้บัตรประกันที่ถืออยู่กับเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสิทธิ์ให้ว่า ถ้าสามารถใช้ได้ก็ยินดีเข้า Admit จนทุกอย่างเริ่มดำเนินการตรวจโรค
ระหว่างรออัลตร้าซาวด์โดนเจาะเลือดต่อท่อเริ่มให้น้ำเกลือล่ะ
เริ่มการรักษา อาจจะโชคดีของผมอยู่หน่อยที่ผมงดน้ำงดอาหารตั้งแต่ประมาณ 9 โมงมาทำให้ผมถูกส่งไปเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และถูกส่งไปอัลตร้าซาวด์ ได้แทบจะทันที (อัลตร้าซาวด์ถุงน้ำดี ต้องงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ) ครบแล้วถึงถูกส่งขึ้นห้องพักรอผลตรวจ
หวยที่ออกคือ "นิ่วในถุงน้ำดี"
ตอนที่หมอมาบอก จำได้บอกว่ามีก้อนใหญ่อยู่ 1-2 ก้อนและก้อนเล็กๆอีกนิดหน่อย
"ตัดทิ้งเถอะครับ ไม่เป็นอันตรายกับการใช้ชีวิต ส่องกล้องเอา 2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้ว"
"ผมจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ออกกำลังกายหนักๆไ้ด้เหมือนเดิม ?"
"ได้แน่นอน"
"ระดับวิ่งมาราธอน 42km นะครับหมอ ?"
"ได้สิ สบายมาก"
ผมโทรแจ้งครอบครัวและแฟนและที่ทำงาน clear ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็พร้อม ... พร้อมเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต รอเช็คประกันยังไม่จบดี คุณหมอผ่าตัดก็ขึ้นมาตามที่ห้องอีกรอบล่ะ ก็เลยตัดสินใจไม่รอเช็คประกันล่ะลุยเลยดีกว่า
ห้องผ่าตัดคืออุโมงค์เปิดวาร์ป
ถามว่ากลัวไหมกับการผ่าตัด เอาจริงๆคือเกร็งๆครับแต่ ... มันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ตอนนี้สภาพร่างกายปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างรอเข้าห้องผ่าตัดคุณแม่กับแฟนมาถึงห้องพักแล้วได้พูดคุยให้สบายใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วง
17:30 หลังเตียงเข็นมาถึงผมก็เข้าสู่ อุโมงค์เปิดวาร์ป เข้าห้องผ่าตัด ผมถูกจับนอนหงายกางแขนถูกล็อกไว้วัดชีพจรและความดัน ที่จำได้คือ หมอรมยาบอกให้ผมทำใจสบายๆ หายใจยาวๆ .. 2 ทีก็เริ่มเข้าสู่เปิดวาร์ปเลย
คือก็ว่าเรามั่นใจว่าเรารู้ตัวตลอดน่ะนะ
เริ่มหรือยังนะ เออก็หายใจสะดวกปกติดีนิ ทำไมคุณหมอดูเงียบๆจัง เอะทำไมแขนเรามาแนบลำตัวแล้วหว่า ?
ซักพักเดียวเจ้าหน้าที่เตียงก็เข้ามาเข็นผมกลับห้องแล้ว ผ่าตัดเสร็จแล้ว ... หรอวะ ?? เร็วโคตร !!
ผมสายตาไปมองที่นาฬิกาที่ข้างฝาห้องพัก 20:30 โห เปิดวาร์ปเลยตู
22:00 คุณหมอผ่าตัดขึ้นมาที่ห้องพักพร้อมกับนิ่วที่ระลึก
จริงๆก็ไม่ได้ขอแกเก็บเป็นที่ระลึกหรอกแต่คงเพราะมันเยอะจริงๆคุณหมอเลยเอาใส่กระปุกมาให้
"ข้างในแย่มากอักเสบไปหมด นิ่วเยอะมาก แต่หมอก็เอาออกมาหมดล่ะ"
"1-2วัน อาจจะมีไข้นะ เป็นเพราะข้างในมันอักเสบอยู่เดี๋ยวกินยาลดไข้และให้ยาฆ่าเชื้อจะค่อยๆดีขึ้น"
มันไม่ค่อยน่าดูเท่าไรทานข้าวแล้วนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สภาพก้อนนิ่วเท่าที่ดูด้วยตาก้อนใหญ่ๆมีอยู่ 2-3 เม็ด ขนาดประมาณลูกแก้วลูกเล็กๆ เห็นตอนแรกก็อึ้งๆเหมือนกัน
การผ่าตัดแบบส่องกล้องเจาะเข้าพุงเรา 4 จุดครับตามภาพคือถ่ายเอาไว้ตั้งแต่หลังออกจากห้องผ่าตัด
ผมได้แค่พูดขอบคุณแล้วก็หลับไป ...
ตลอดคืนที่ผมรู้สึกตัว พยาบาลจะเข้ามาเช็ค ชีพจร ความดัน ไข้ ตลอด
วันพฤหัส 11/5/2560
เช้ามากับสภาพฟ้าครึ้มฝนจะตกทั้งวัน
นี่มันงานวิ่งเทรล TNF2017 ชัดๆ คือใครได้มีโอกาสไปวิ่งเทรลงานนี้จะทราบว่ามันร้อนแค่ไหนบ้างก็ว่างานวิ่งนี้มันงานวิ่งปิ้งย่างชัดๆ ผมบนเตียงตอนนี้ก็ไข้ขึ้นไม่ต่างกันเลยครับ วันนี้อุณหภูมิร่างกายวัดได้ 38-39 องศาบางช่วงจะพุ่งไป 40 องศาด้วยซ้ำ สิ่งที่พยาบาลแทบจะทั้งแผนกระดมมาช่วยกันก็คือให้กินยาลดไข้ + การเช็ดตัว คือไข้แทบไม่ลดเลย โดยที่ตัวผมรู้สึกตัวปกติ ไม่มีอาการเวียนหัว ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน คือมีสติรับรู้ทุกอย่าง พูดคุยโต้ตอบได้หมด แค่ตัวร้อนระดับ 39 องศา ...
ผมเริ่มลุกออกจากเตียงมาเดินเข้าห้องน้ำตอนบ่ายๆถามว่าเจ็บแผลไหม ? ไม่ครับไม่เจ็บแผลแค่เราเกร็งๆเสียวๆกลัวมันจะเจ็บมากกว่า คุณหมอต่อท่อเดรนของเสียเอาไว้ข้างท้องก่อน เนื่องจากข้างในอักเสบมากไว้จะกลับบ้านจะมาถอดท่อให้
อย่าเพิ่งตกใจว่าผ่าตัดเมื่อคืนแล้วบ่ายลุกขึ้นจะบ้าหรอ ?? ปัจจุบันเราผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องแผลจากการผ่าตัดมันเล็กมาก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และผมก็ออกกำลังกายประจำ มันก็ลุกได้ปกติครับ
อาหารการกินจริงๆไม่ได้ห้ามแต่ก็เกรงใจร่างกายตัวเองเลยแจ้งเจ้าหน้าที่ของด กระทิ ของมัน ของเป็นอาหารเบาๆก่อน ใครที่เคยไปเฝ้าคนไข้ผ่าตัดคงเคยเห็นอาหารสำหรับผู้ป่วยอยู่
มื้อแรกที่แสนประทับใจคือ น้ำข้าว 1 ถ้วยครับคือร่า่งกายทานได้แค่นี้จริงๆครับแน่นท้องไปหมด มื้อต่อๆมาก็ค่อยๆปรับจนกินข้าวสวยได้ตามปกติครับ
ตลอดวันทำเอาพยาบาลหัวหมุนกับไข้ขึ้นสูงของผมแทบจะเช็ดตัวทุกๆชั่วโมง ทำวนไปตลอดทั้งวันจนเกือบ 4 ทุ่ม คุณหมอกลับเข้ามาตรวจแล้วแจ้งเบิกยาฆ่าเชื้ออีก 2 ขวดส่งเข้าทางสายน้ำเกลือคือมาถามพยาบาลตอนหลังทราบว่า พวกกลุ่มยาฆ่าเชื้อไม่ใช่ว่าอยากให้คนไข้ก็ให้ได้มันต้องรอให้พ้น 24 ้hrs ก่อน
เราเพิ่งผ่าตัดมาเมื่อวานก็เลยต้องรอเกือบ 4 ทุ่มเพื่อจัดอีกชุดได้
ทั้งลำคอผมตอนนี้มีแต่กลิ่นยา และตอนนี้ในกระแสเลือดก็เต็มไปด้วยยาฆ่าเชื้อ มาดูกันไข้จะหมดไหม
นอนรัวๆเช็ดตัวกับเจลโป๊ะหัววนๆไป
วันศุกร์ 12/5/2560
ใจจริงตั้งใจจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้เพราะตาม Package และค่าใช้จ่ายอยู่ต่อนานๆก็คงไม่ดีแน่ แต่ด้วยสภาพร่างกายวันนี้ ก็ไม่ต่างกับเมื่อวานเท่าไร ดีว่าตัวไม่ร้อนเท่าวันแรก เหลืออยู่ช่วง 37-39 องศาแทน
วันนี้ลุกยืนเดินได้ตามปกติแล้วไม่ต้องเกร็งหน้าท้องอะไรล่ะ จะมีก็มึนๆหัวนิดหน่อยตามช่วงจังหวะไข้ขึ้น เข้าห้องน้ำถ่ายหนักได้ตามปกติแล้ว วันนี้มีพี่ที่ Office มาเยี่ยมและมีน้องในกลุ่มวิ่งกลุ่มปั่นมาเยี่ยม
ตกค่ำๆ คุณหมอเข้ามาเยี่ยม และแจ้งว่าจะให้ยาฆ่าเชื้ออีก 2 ชุดสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีไข้อะไรพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ล่ะ
ภาพแผลผ่าตัดก่อนวันกลับบ้านแผลเริ่มติดกันล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ภาพแผลผ่าตัดคืนสุดท้ายก่อนจะถอดสายเดรนออกพรุ่งนี้ แผลเริ่มติดกันล่ะ
ประสบการณ์ไปนอนโรงพยาบาลด้วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ท้าวความซักนิด ผมก็เป็นผู้ชายสุขภาพปกติดีคนนึงเึคยอ้วนสุด (105kg) และผอมสุด (75kg) เหล้าไม่กินบุหรี่ไม่สูบบริจาคเลือดตามโอกาสสะดวก เป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตปกติตามสภาพ พนักงานบริษัททั่วไปกับอาชีพ Programmer ปัจจุบันออกกำลังกายสม่ำเสมอ บ้าวิ่ง บ้าปั่นจักรยาน ทั้งระยะวิ่งมาราธอน ระยะอัลตร้าเทรล และปั่นจักรยานระยะ Audax 200 ขึ้นไป
วันจันทร์ 8/5/2560
มีอาการปวดท้องอย่างหนักอาการปวดท้องที่ว่าไม่ใช่ปวดท้องถ่าย ไม่ใช่อาการท้องเสียมันเป็นการปวดแบบบีบ .... คลาย .... บีบ ... คลาย บริเวณกลางหน้าอกแถวๆลิ้นปี่ ปวดขนาดตัวงอเลยครับ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นอาการของท้องเสียเพราะเมื่อคืนไปกินเนื้อสเต็กมา ลองเข้าห้องน้ำดูพบว่าก็ถ่ายปกติออกเป็นก้อนไม่ได้มีอาการท้องเสีย
ทนไม่ไหวเลยขอลางานไปโรงพยาบาลเอกชนแถวสะพานควาย คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นยังไม่ชัดเจนก็เลยตีว่าอาหารเป็นพิษก่อน โดยให้ยาลดการบีบรัดกระเพาะ ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวดมาให้ โดยกำชับว่ามาตามนัดอีกครั้งวันพุธ
วันอังคาร 9/5/2560
กินยาตามที่คุณหมอให้มาพบว่า อาการปวดท้องหายไป... พอยาหมดฤทธิ์อาการปวดก็กลับมาอีก เป็นอย่างนี้ทั้งวัน ไปทำงานจนน้องที่ Office ทักว่าผมหน้าซีดมากแต่ก็ยังคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรมาก
วันพุธ 10/5/2560
มาตามนัดคุณหมอด้วยสภาพที่ไม่ค่อยดีคือปวดท้องตามที่บอกพอได้ยาก็หายพอยาหมดก็ปวดอีกและช่วงหลังๆรู้สึกยาเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว คุณหมอตรวจร่างกายแล้วขอให้ Admit เป็นผู้ป่วยในดีกว่า เพื่อจะทำการตรวจเลือด , อัลตร้าซาวด์ เพราะอาการตามสภาพตอนนี้เป็นไปได้ กระเพาะอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ และถุงน้ำดีอักเสบ
การเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนอย่างที่เราทราบกันว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ ผมออกจะลังเลนิดหน่อยเลยให้บัตรประกันที่ถืออยู่กับเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสิทธิ์ให้ว่า ถ้าสามารถใช้ได้ก็ยินดีเข้า Admit จนทุกอย่างเริ่มดำเนินการตรวจโรค
ระหว่างรออัลตร้าซาวด์โดนเจาะเลือดต่อท่อเริ่มให้น้ำเกลือล่ะ
เริ่มการรักษา อาจจะโชคดีของผมอยู่หน่อยที่ผมงดน้ำงดอาหารตั้งแต่ประมาณ 9 โมงมาทำให้ผมถูกส่งไปเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ และถูกส่งไปอัลตร้าซาวด์ ได้แทบจะทันที (อัลตร้าซาวด์ถุงน้ำดี ต้องงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ) ครบแล้วถึงถูกส่งขึ้นห้องพักรอผลตรวจ
หวยที่ออกคือ "นิ่วในถุงน้ำดี"
ตอนที่หมอมาบอก จำได้บอกว่ามีก้อนใหญ่อยู่ 1-2 ก้อนและก้อนเล็กๆอีกนิดหน่อย
"ตัดทิ้งเถอะครับ ไม่เป็นอันตรายกับการใช้ชีวิต ส่องกล้องเอา 2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้ว"
"ผมจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ออกกำลังกายหนักๆไ้ด้เหมือนเดิม ?"
"ได้แน่นอน"
"ระดับวิ่งมาราธอน 42km นะครับหมอ ?"
"ได้สิ สบายมาก"
ผมโทรแจ้งครอบครัวและแฟนและที่ทำงาน clear ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วก็พร้อม ... พร้อมเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต รอเช็คประกันยังไม่จบดี คุณหมอผ่าตัดก็ขึ้นมาตามที่ห้องอีกรอบล่ะ ก็เลยตัดสินใจไม่รอเช็คประกันล่ะลุยเลยดีกว่า
ห้องผ่าตัดคืออุโมงค์เปิดวาร์ป
ถามว่ากลัวไหมกับการผ่าตัด เอาจริงๆคือเกร็งๆครับแต่ ... มันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ตอนนี้สภาพร่างกายปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างรอเข้าห้องผ่าตัดคุณแม่กับแฟนมาถึงห้องพักแล้วได้พูดคุยให้สบายใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วง
17:30 หลังเตียงเข็นมาถึงผมก็เข้าสู่ อุโมงค์เปิดวาร์ป เข้าห้องผ่าตัด ผมถูกจับนอนหงายกางแขนถูกล็อกไว้วัดชีพจรและความดัน ที่จำได้คือ หมอรมยาบอกให้ผมทำใจสบายๆ หายใจยาวๆ .. 2 ทีก็เริ่มเข้าสู่เปิดวาร์ปเลย
คือก็ว่าเรามั่นใจว่าเรารู้ตัวตลอดน่ะนะ
เริ่มหรือยังนะ เออก็หายใจสะดวกปกติดีนิ ทำไมคุณหมอดูเงียบๆจัง เอะทำไมแขนเรามาแนบลำตัวแล้วหว่า ?
ซักพักเดียวเจ้าหน้าที่เตียงก็เข้ามาเข็นผมกลับห้องแล้ว ผ่าตัดเสร็จแล้ว ... หรอวะ ?? เร็วโคตร !!
ผมสายตาไปมองที่นาฬิกาที่ข้างฝาห้องพัก 20:30 โห เปิดวาร์ปเลยตู
22:00 คุณหมอผ่าตัดขึ้นมาที่ห้องพักพร้อมกับนิ่วที่ระลึก
จริงๆก็ไม่ได้ขอแกเก็บเป็นที่ระลึกหรอกแต่คงเพราะมันเยอะจริงๆคุณหมอเลยเอาใส่กระปุกมาให้
"ข้างในแย่มากอักเสบไปหมด นิ่วเยอะมาก แต่หมอก็เอาออกมาหมดล่ะ"
"1-2วัน อาจจะมีไข้นะ เป็นเพราะข้างในมันอักเสบอยู่เดี๋ยวกินยาลดไข้และให้ยาฆ่าเชื้อจะค่อยๆดีขึ้น"
มันไม่ค่อยน่าดูเท่าไรทานข้าวแล้วนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมได้แค่พูดขอบคุณแล้วก็หลับไป ...
ตลอดคืนที่ผมรู้สึกตัว พยาบาลจะเข้ามาเช็ค ชีพจร ความดัน ไข้ ตลอด
วันพฤหัส 11/5/2560
เช้ามากับสภาพฟ้าครึ้มฝนจะตกทั้งวัน
นี่มันงานวิ่งเทรล TNF2017 ชัดๆ คือใครได้มีโอกาสไปวิ่งเทรลงานนี้จะทราบว่ามันร้อนแค่ไหนบ้างก็ว่างานวิ่งนี้มันงานวิ่งปิ้งย่างชัดๆ ผมบนเตียงตอนนี้ก็ไข้ขึ้นไม่ต่างกันเลยครับ วันนี้อุณหภูมิร่างกายวัดได้ 38-39 องศาบางช่วงจะพุ่งไป 40 องศาด้วยซ้ำ สิ่งที่พยาบาลแทบจะทั้งแผนกระดมมาช่วยกันก็คือให้กินยาลดไข้ + การเช็ดตัว คือไข้แทบไม่ลดเลย โดยที่ตัวผมรู้สึกตัวปกติ ไม่มีอาการเวียนหัว ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน คือมีสติรับรู้ทุกอย่าง พูดคุยโต้ตอบได้หมด แค่ตัวร้อนระดับ 39 องศา ...
ผมเริ่มลุกออกจากเตียงมาเดินเข้าห้องน้ำตอนบ่ายๆถามว่าเจ็บแผลไหม ? ไม่ครับไม่เจ็บแผลแค่เราเกร็งๆเสียวๆกลัวมันจะเจ็บมากกว่า คุณหมอต่อท่อเดรนของเสียเอาไว้ข้างท้องก่อน เนื่องจากข้างในอักเสบมากไว้จะกลับบ้านจะมาถอดท่อให้
อย่าเพิ่งตกใจว่าผ่าตัดเมื่อคืนแล้วบ่ายลุกขึ้นจะบ้าหรอ ?? ปัจจุบันเราผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องแผลจากการผ่าตัดมันเล็กมาก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และผมก็ออกกำลังกายประจำ มันก็ลุกได้ปกติครับ
อาหารการกินจริงๆไม่ได้ห้ามแต่ก็เกรงใจร่างกายตัวเองเลยแจ้งเจ้าหน้าที่ของด กระทิ ของมัน ของเป็นอาหารเบาๆก่อน ใครที่เคยไปเฝ้าคนไข้ผ่าตัดคงเคยเห็นอาหารสำหรับผู้ป่วยอยู่
มื้อแรกที่แสนประทับใจคือ น้ำข้าว 1 ถ้วยครับคือร่า่งกายทานได้แค่นี้จริงๆครับแน่นท้องไปหมด มื้อต่อๆมาก็ค่อยๆปรับจนกินข้าวสวยได้ตามปกติครับ
ตลอดวันทำเอาพยาบาลหัวหมุนกับไข้ขึ้นสูงของผมแทบจะเช็ดตัวทุกๆชั่วโมง ทำวนไปตลอดทั้งวันจนเกือบ 4 ทุ่ม คุณหมอกลับเข้ามาตรวจแล้วแจ้งเบิกยาฆ่าเชื้ออีก 2 ขวดส่งเข้าทางสายน้ำเกลือคือมาถามพยาบาลตอนหลังทราบว่า พวกกลุ่มยาฆ่าเชื้อไม่ใช่ว่าอยากให้คนไข้ก็ให้ได้มันต้องรอให้พ้น 24 ้hrs ก่อน
เราเพิ่งผ่าตัดมาเมื่อวานก็เลยต้องรอเกือบ 4 ทุ่มเพื่อจัดอีกชุดได้
ทั้งลำคอผมตอนนี้มีแต่กลิ่นยา และตอนนี้ในกระแสเลือดก็เต็มไปด้วยยาฆ่าเชื้อ มาดูกันไข้จะหมดไหม
นอนรัวๆเช็ดตัวกับเจลโป๊ะหัววนๆไป
วันศุกร์ 12/5/2560
ใจจริงตั้งใจจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้เพราะตาม Package และค่าใช้จ่ายอยู่ต่อนานๆก็คงไม่ดีแน่ แต่ด้วยสภาพร่างกายวันนี้ ก็ไม่ต่างกับเมื่อวานเท่าไร ดีว่าตัวไม่ร้อนเท่าวันแรก เหลืออยู่ช่วง 37-39 องศาแทน
วันนี้ลุกยืนเดินได้ตามปกติแล้วไม่ต้องเกร็งหน้าท้องอะไรล่ะ จะมีก็มึนๆหัวนิดหน่อยตามช่วงจังหวะไข้ขึ้น เข้าห้องน้ำถ่ายหนักได้ตามปกติแล้ว วันนี้มีพี่ที่ Office มาเยี่ยมและมีน้องในกลุ่มวิ่งกลุ่มปั่นมาเยี่ยม
ตกค่ำๆ คุณหมอเข้ามาเยี่ยม และแจ้งว่าจะให้ยาฆ่าเชื้ออีก 2 ชุดสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีไข้อะไรพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ล่ะ
ภาพแผลผ่าตัดก่อนวันกลับบ้านแผลเริ่มติดกันล่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้