สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
1. ถุงน้ำดี...
ปกติทำหน้าที่หลักในการเก็บสะสมน้ำดีที่ผลิตจากตับ แล้วก็บีบเอาน้ำดีออกมาสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นเพื่อช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน
(น้ำดีคือสิ่งที่ทำให้อุจจาระคนสีเหลืองนั่นแหละ)
หากไม่มีถุงน้ำดีแล้ว ตับยังคงผลิตน้ำดีอยู่ แต่จะไม่มีที่สะสมอีกต่อไป
แพทย์ผู้ผ่าตัดจะทำการต่อท่อตรงจากตับลงสู่ลำไส้ น้ำดีก็จะค่อยๆออกมาทีละน้อยๆ ไม่ได้ออกมาเยอะๆเมื่อเรากินอาหารเหมือนตอนเรามีถุงน้ำดี
คนที่ตัดถุงน้ำดีออกจึงท้องอืดง่ายหากกินอาหารที่มีไขมันเยอะๆในมื้อหนึ่งๆ
ส่วนผลอื่นๆที่อาจเกิด แนะนำว่าปรึกษาศัลยแพทย์เพิ่มเติมดีกว่า
2. ต้องแยกก่อนว่าตกลงคุณเป็น "ติ่งเนื้อ" หรือ "นิ่ว" ในถุงน้ำดี
- นิ่ว...gallstone
อันตรายที่อาจเกิดก็คือ นิ่วไปอัดตันท่อน้ำดี
ถ้าเกิดภาวะนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือ ปวดบีบเป็นพักๆบริเวณชายโครงขวาด้านบน
เพราะถุงน้ำดีจะพยายามบีบให้น้ำดีออกมา แต่มันออกไม่ได้ มันโดนอุดตันอยู่ ก็พยายามบีบแรงๆๆ
ปวดบีบคล้ายๆเวลาคนท้องเสียแต่จะแรงกว่าและนานกว่า แต่ไม่ถี่เท่าท้องเสีย เวลาพักไม่ปวดบีบ(แต่อาจปวดตื้อๆ)ก็นานกว่า
อีกสิ่งที่อันตรายที่จะตามมาคือ การติดเชื้อ
วิธีรักษา ปกติแล้วก็ต้องผ่าตัด (มีบางรายอาจทำ ERCP แต่ไม่ค่อยทำกันเท่าไหร่มักผ่าเอาออกมากกว่า)
เวลาตัดก็ต้องตัดเอาถุงน้ำดีออก ไม่ใช่เอาออกเฉพาะนิ่ว การผ่าก็ค่อนข้างด่วนถ้าเกิดการอุดตันแล้ว
อย่างไรก็ตาม.....ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีแล้วจะมีการอุดตันทุกคน บางคนก็มีไปตลอดชีวิตโดยไม่มีปัญหา แต่บางคนก็อาจจะอุดตันวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้
บางคนจึงเลือกที่จะผ่าตัดเมื่อยังไม่เกิดปัญหา เป็น elective surgery เพื่อป้องกันไว้ก่อนและเพื่อความสะดวกของคนไข้ในหลายๆด้าน ซึ่งอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น อายุ โรคประจำตัว ฯลฯ อันอาจทำให้การผ่าตัดด่วนอันตรายกว่าในกรณีที่รอให้อุดตัน
- ตื่งเนื้อ....gallbadder polyp
ความเสี่ยงที่มีก็คือ มะเร็ง ของถุงน้ำดี
โดยทั่วไปติ่งเนื้อชิ้นเล็กมากๆ อัลตราซาวน์บอกไม่ได้หรอกว่าเป็นมะเร็งหรือติ่งเนื้อธรรมดา
จึงเกิดการศึกษาทางสถิติกันว่าขนาดเท่าไหร่จึงจะน่ากังวลมีโอกาสที่ติ่งเนื้อนั้นเป็นมะเร็งมากหน่อย ซึ่งก็คือราวๆ 1 ซม.
อย่างไรก็ตาม ต้องดูภาวะอื่นๆประกอบด้วยนอกจากขนาด
ติ่งเนื้อมันจะอยู่กับที่ มันไม่กลิ้งไปมาได้แบบนิ่ว โอกาสที่ติ่งเนื้อจะอุดตันท่อน้ำดีจึงน้อยมาก
3. ผมแนะนำว่า....
ข้อมูลทางการแพทย์ในกรณีเฉพาะสำหรับคนไข้แต่ละราย ควรเป็นเรื่องของคนไข้กับแพทย์ปรึกษากัน
หากคุณยังไม่มั่นใจแพทย์ที่คุณรักษาอยู่เพียงพอ ก็หา second หรือ third opinion จากแพทย์ท่านอื่นได้เพื่อมาประกอบการตัดสินใจของคุณ
แพทย์เป็นผู้ร่ำเรียนมาด้านนี้โดยตรง และทุกรายมีหน้าที่ต่อตัวคนไข้โดยตรง ประกอบกับแพทย์ผู้รักษาคนไข้รายนั้นๆมีประวัติและข้อมูลของคนไข้อยู่ เคยตรวจร่างกายคนไข้มาก่อน
จึงเหมาะสมเป็นผู้ให้ข้อมูลทางการแพทย์แก่คนไข้ รวมถึงความเห็นส่วนตัวของแพทย์แต่ละราย (ซึ่งอาจแตกต่างกันได้ในหลายกรณี)
อย่าไปเชื่อข้อมูลใน internet มากนัก โดยเฉพาะจากการถามตอบ ซึ่งผู้ตอบเป็นใครคุณก็อาจไม่รู้ มีพื้นฐานความรู้แค่ไหนก็ไม่ทราบ (รวมถึงผม) และเวลาเขาตอบเขาไม่ได้ต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพร่างกายหรือชีวิตของคุณ
ปกติทำหน้าที่หลักในการเก็บสะสมน้ำดีที่ผลิตจากตับ แล้วก็บีบเอาน้ำดีออกมาสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นเพื่อช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน
(น้ำดีคือสิ่งที่ทำให้อุจจาระคนสีเหลืองนั่นแหละ)
หากไม่มีถุงน้ำดีแล้ว ตับยังคงผลิตน้ำดีอยู่ แต่จะไม่มีที่สะสมอีกต่อไป
แพทย์ผู้ผ่าตัดจะทำการต่อท่อตรงจากตับลงสู่ลำไส้ น้ำดีก็จะค่อยๆออกมาทีละน้อยๆ ไม่ได้ออกมาเยอะๆเมื่อเรากินอาหารเหมือนตอนเรามีถุงน้ำดี
คนที่ตัดถุงน้ำดีออกจึงท้องอืดง่ายหากกินอาหารที่มีไขมันเยอะๆในมื้อหนึ่งๆ
ส่วนผลอื่นๆที่อาจเกิด แนะนำว่าปรึกษาศัลยแพทย์เพิ่มเติมดีกว่า
2. ต้องแยกก่อนว่าตกลงคุณเป็น "ติ่งเนื้อ" หรือ "นิ่ว" ในถุงน้ำดี
- นิ่ว...gallstone
อันตรายที่อาจเกิดก็คือ นิ่วไปอัดตันท่อน้ำดี
ถ้าเกิดภาวะนี้สิ่งที่จะตามมาก็คือ ปวดบีบเป็นพักๆบริเวณชายโครงขวาด้านบน
เพราะถุงน้ำดีจะพยายามบีบให้น้ำดีออกมา แต่มันออกไม่ได้ มันโดนอุดตันอยู่ ก็พยายามบีบแรงๆๆ
ปวดบีบคล้ายๆเวลาคนท้องเสียแต่จะแรงกว่าและนานกว่า แต่ไม่ถี่เท่าท้องเสีย เวลาพักไม่ปวดบีบ(แต่อาจปวดตื้อๆ)ก็นานกว่า
อีกสิ่งที่อันตรายที่จะตามมาคือ การติดเชื้อ
วิธีรักษา ปกติแล้วก็ต้องผ่าตัด (มีบางรายอาจทำ ERCP แต่ไม่ค่อยทำกันเท่าไหร่มักผ่าเอาออกมากกว่า)
เวลาตัดก็ต้องตัดเอาถุงน้ำดีออก ไม่ใช่เอาออกเฉพาะนิ่ว การผ่าก็ค่อนข้างด่วนถ้าเกิดการอุดตันแล้ว
อย่างไรก็ตาม.....ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีแล้วจะมีการอุดตันทุกคน บางคนก็มีไปตลอดชีวิตโดยไม่มีปัญหา แต่บางคนก็อาจจะอุดตันวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้
บางคนจึงเลือกที่จะผ่าตัดเมื่อยังไม่เกิดปัญหา เป็น elective surgery เพื่อป้องกันไว้ก่อนและเพื่อความสะดวกของคนไข้ในหลายๆด้าน ซึ่งอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น อายุ โรคประจำตัว ฯลฯ อันอาจทำให้การผ่าตัดด่วนอันตรายกว่าในกรณีที่รอให้อุดตัน
- ตื่งเนื้อ....gallbadder polyp
ความเสี่ยงที่มีก็คือ มะเร็ง ของถุงน้ำดี
โดยทั่วไปติ่งเนื้อชิ้นเล็กมากๆ อัลตราซาวน์บอกไม่ได้หรอกว่าเป็นมะเร็งหรือติ่งเนื้อธรรมดา
จึงเกิดการศึกษาทางสถิติกันว่าขนาดเท่าไหร่จึงจะน่ากังวลมีโอกาสที่ติ่งเนื้อนั้นเป็นมะเร็งมากหน่อย ซึ่งก็คือราวๆ 1 ซม.
อย่างไรก็ตาม ต้องดูภาวะอื่นๆประกอบด้วยนอกจากขนาด
ติ่งเนื้อมันจะอยู่กับที่ มันไม่กลิ้งไปมาได้แบบนิ่ว โอกาสที่ติ่งเนื้อจะอุดตันท่อน้ำดีจึงน้อยมาก
3. ผมแนะนำว่า....
ข้อมูลทางการแพทย์ในกรณีเฉพาะสำหรับคนไข้แต่ละราย ควรเป็นเรื่องของคนไข้กับแพทย์ปรึกษากัน
หากคุณยังไม่มั่นใจแพทย์ที่คุณรักษาอยู่เพียงพอ ก็หา second หรือ third opinion จากแพทย์ท่านอื่นได้เพื่อมาประกอบการตัดสินใจของคุณ
แพทย์เป็นผู้ร่ำเรียนมาด้านนี้โดยตรง และทุกรายมีหน้าที่ต่อตัวคนไข้โดยตรง ประกอบกับแพทย์ผู้รักษาคนไข้รายนั้นๆมีประวัติและข้อมูลของคนไข้อยู่ เคยตรวจร่างกายคนไข้มาก่อน
จึงเหมาะสมเป็นผู้ให้ข้อมูลทางการแพทย์แก่คนไข้ รวมถึงความเห็นส่วนตัวของแพทย์แต่ละราย (ซึ่งอาจแตกต่างกันได้ในหลายกรณี)
อย่าไปเชื่อข้อมูลใน internet มากนัก โดยเฉพาะจากการถามตอบ ซึ่งผู้ตอบเป็นใครคุณก็อาจไม่รู้ มีพื้นฐานความรู้แค่ไหนก็ไม่ทราบ (รวมถึงผม) และเวลาเขาตอบเขาไม่ได้ต้องมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพร่างกายหรือชีวิตของคุณ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามถึงประโยชน์ถุงน้ำดีและอาหารที่ทานไม่ได้เวลาตัดถุงน้ำดีทิ้ง
ไปถึงหมอก็ถามอาการเรา แล้วก็กดท้องตรวจดู ปรากฏว่าเราเจ็บๆบริเวณช่วงบน หมอเลยให้ส่องกล้องและอัลตร้าซาวดู เราก็ตกลง จากนั้นผลที่ออกมาปรากฏว่าเราเป็นกระเพาะอักเสบแต่หมอบอกไม่ได้ถึงขั้นรุนแรง แต่เค้าอัลตร้าซาวเจอติ่ง (คือ ไม่รู้ว่าเนื้อหรือนิ่ว) บริเวณปากถุงน้ำดี แต่เราปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอและเภสัช เค้าว่าเป็นนิ่วมากกว่า แต่มันก้อนเล็กค่ะ ปนะมาณ 2 มม กะ 5 มม เค้าเลยจัดยากระเพาะมาให้เราทาน และส่งเราไปคุยกะหมอศัลเผื่อเราอยากเอาออก หมอศัลเค้าดูฟิล์มกะผล เค้าก็บอกว่ามันยังไม่ใหญ่ ไม่น่าจะเป็นอะไร ไว้พร้อมค่อยเอาออก หรือเกิดไม่เอาออกก็มาตรวจดูทุก 6 เดือนว่ามันใหญ่ขึ้นมั๊ย ส่วนใหญ่ถ้าเกิน 1 ซม เค้าจะเอาออกกันหมอบอก
วีคนึงผ่านไป หมอกระเพาะนัดเราฟังผลตรวจเยื่อกระเพาะ เค้าบอกว่าไม่ได้มีอะไรร้ายแรง แต่ระหว่างวีคนั้นเราก้รู้สึกแน่นๆทั้งวันเป็นพักๆค่ะ หมอกระเพาะท่านนี้เค้าเลยสันนิษฐานว่าที่เราปวดท้องมันน่าจะเกิดมาจากอีติ่งนั้น เค้าอยากให้เอาออก แต่คำพูดของหมอ เค้าพูดให้เราสงสัยมากมาย เค้าบอกว่าถุงน้ำดีก็เหมือนกับไส้ติ่ง ไม่มีประโยชน์อะไร เอาออกได้ตอนร่างกายพร้อมก็เอาออก ตอนแรกเราคิดว่าเอาออกแต่ติ่งค่ะ แต่คุณหมอหมายถึงเอาออกทั้งถุง แล้วก็บอกต่อว่าคุณเดินไปบนท้องถนน 1 ใน 5 ไม่มีถุงน้ำดีกัน เราถามต่อว่า เกิดเอาออกต้องควบคุมอาหารใช่มั๊ย หมอบอกว่าไม่ต้อง สามารถกินได้เหมือนคนปกติ
เราเลยสงสัยว่า มันจิงเหรอ ที่ถุงนี้มันไม่มีประโยชน์ จริงเหรอที่ไม่ต้องควบคุมอาหาร กินได้ทุกอย่าง อาหารที่มีไขมันก้กินได้เหรอ เลยอยากถามว่ามันจริงตามที่หมอบอกเหรอคะ ดีแล้วเหรอคะที่หมอแนะนำเช่นนี้
ส่วนตัวเราคิดว่าเกิดไม่หายเราจะเปลี่ยน รพ ดีกว่าค่ะ เรายังไม่อยากเอาออกเท่าไหร่ มันอาจจะมีวิธีอื่น อยากลองรีเช็คกะ รพ อื่นอีกรอบ