สวัสดีค่ะ..วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การผ่าตัด "นิ่วในถุงน้ำดี" แบบส่องกล้อง ซึ่งเราเองไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้แชร์เรื่องอะไรแบบนี้เลย แต่วันนี้ตั้งใจจะมาแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทาง และเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการผ่าตัดแบบส่องกล้องค่ะ เพราะตอนที่เราหาข้อมูลจากการอ่านรีวิวของคนอื่น ก็คือเป็นประโยชน์มากๆ เลยคิดว่าอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ จะมาเขียนกระทู้แน่นอน
อาการก่อนผ่าตัด
อาการแรกเริ่มของเราคือมีอาการปวดท้องค่ะ! จนช่วงหลังอาการเริ่มหนักขึ้น คือปวดติดต่อกันทุกวัน ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกวัน! โดยเฉพาะช่วงหลังทานอาหารมื้อเย็น อาการปวดจะคล้ายกับคนเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งถามว่าเราไปหาหมอมั้ย แน่นอนว่าไปค่ะ! เข้าห้องฉุกเฉินนับครั้งไม่ถ้วน! แต่เราเพิ่งย้าย รพ.ประกันสังคม และใช้สิทธิ์ประกันสังคมในการรักษา พอปวดท้องมากๆ คุณหมอก็จะฉีดยา ให้นอนพัก และกลับบ้านได้ จนเราเริ่มทนไม่ไหว จึงไปปรึกษาคุณหมอจริงจังเรื่องการส่องกล้องกระเพาะอาหารดูว่าเราเป็นอะไรกันแน่ แต่คุณหมอบอกว่า ต้องรับยาไปทานในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งตอบไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ ทาง รพ.ถึงจะพิจารณารักษาต่อด้วยการส่องกล้องได้ อันนี้เราก็แอบเข้าใจทางรพ. และคุณหมอนะ เพราะการส่องกล้องมีราคาค่อนข้างสูงด้วย คือต้องเป็นเคสที่ดูแล้วว่าจำเป็นจริงๆ แต่ ณ เวลานั้น คือเราปวดทุกวันกินยาก็หายบ้างไม่หายบ้าง จนเราเริ่มหาช่องทางการรักษาแบบอื่นใน Pantip นี่ล่ะ ซึ่งแน่นอนเริ่มจากการเปลี่ยน รพ. และคิดว่า เอาล่ะ ฉันจะยอมเสียเงินแล้วนะ แพงแค่ไหนก็สู้ ขอให้หาย..🙏🙏
7 ก.พ. 63
เมื่อเปลี่ยน รพ. ชีวิตก็เปลี่ยนเลยค่ะ เราเลือกไปตรวจที่ รพ.เจ้าพระยา เราได้เจอคุณหมอเฉพาะทางด้านกระเพาะอาหารโดยตรง เมื่อเล่าอาการให้คุณหมอฟัง ก็ทำการนัดคิวส่องกล้องกระเพาะอาหาร แต่..คุณหมอบอกว่าอาการของเราเหมือนคนเป็น "นิ่วในถุงน้ำดี" นี่คือครั้งแรกที่ได้ยินชื่อโรคนี้ เราก็งงๆ นะ ไม่เคยรู้จักมาก่อน
8 ก.พ. 63
จนเมื่อถึงวันส่องกล้อง คุณหมอให้เราไปอัลตร้าซาวด์ก่อน โดยมีคุณหมออีกท่านที่เป็นคนอัลตร้าซาวด์ และหมอแจ้งว่า พบนิ่วในถุงน้ำดี!! ประมาณ 1.3 cm
วินาทีนั้นคือช๊อคมาก เมื่อไปพบคุณหมอท่านเดิม ก็พบว่าแนวทางการรักษาคือการผ่าตัดเท่านั้น (เลเซอร์ หรือกินยาสลายนิ่วไม่ได้!) วินาทีนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เรากลัวการผ่าตัดมากๆ และเราเองเพิ่งจะอายุ 27 ปี แต่คุณหมอก็บอกว่าสามารถผ่าตัดแบบส่องกล้องได้ เจ็บตัวน้อย นอน รพ.แค่ 2-3 วันก็กลับบ้านได้ แต่ถ้าเราไม่ผ่าในวันนี้ หากนิ่วมีการอักเสบ เราจะต้องผ่าแบบเปิดหน้าท้องซึ่งเจ็บตัวเยอะกว่า ส่วนการส่องกล้องกระเพราะอาหาร ของเราปกติดี
*ปล.คุณหมอที่นี่เก่ง และน่ารักมาก
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่👇👇
https://www.facebook.com/691541751197900/posts/1101159163569488/
หลังจากพบว่าฉันในวัย 27 ปี จะต้องผ่าตัด พูดเลยว่าเป็นเครียดค่ะ เพราะเราเป็นคนกลัวเข็ม กลัวเลือด กลัวความเจ็บปวด จิตตกไปซักพัก ช่วงนี้ก็ทำทุกทางเพื่อเยียวยาจิตใจ ทั้งทำบุญ ทำทาน ปล่อยปลา วัดไทย วัดจีน องค์เทพ คือไปหมด พอจิตใจเริ่มดีขึ้น เราก็เริ่มหาข้อมูลโรคนิ่วในถุงน้ำดี 👇👇
https://medthai.com/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5/
และชั่งใจว่าจะผ่าตัดดีไหม หรือจะเก็บไว้แล้วทนปวดท้องไปเรื่อยๆ แบบนี้ แต่แล้วร่างกายก็เหมือนจะตัดสินใจให้เราเอง เพราะเรายังคงปวดท้องเรื่อยๆ วันเว้นวัน สองวันติดเว้นหนึ่งวัน ประมาณนี้ค่ะ
ในที่สุดเมื่อร่างกายเริ่มไม่ไหว เราจึงตัดสินใจผ่าตัด โดยวางแพลนว่าจะผ่าตัดช่วงสงกรานต์ แต่.. ปีนี้ไม่หยุดสงกรานต์ เพราะโควิด 19 จ้า OMG เราเริ่มเครียดว่า แล้วฉันจะได้ผ่าเมื่อไหร่กันนะ เป็นท้อ..
3 มิ.ย. 63
จนเมื่อสถานการณ์โควิด 19 เริ่มดีขึ้น เราก็มาปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งเราเปลี่ยน รพ.อีกแล้วจ้า (เปลี่ยนเก่ง) ใช้เวลาเลือก รพ.นานพอสมควร โดยขั้นตอนนี้ใช้วิธีโทรสอบถาม เพื่อประเมิณค่ารักษา สุดท้ายเราเลือกมาที่ รพ.พญาไท 2 สาเหตุที่เปลี่ยนคือมีคนแนะนำว่าคุณหมอที่ รพ.นี้เก่งเรื่องผ่าตัด มากๆ และใกล้บ้านเราด้วย เอาละเพื่อความสบายใจ ลุย!! เมื่อปรึกษาคุณหมอ ด้วยความกลัวส่วนตัวของเราเอง เรามีข้อกังวลแปลกๆ อยู่นิดหน่อยคือ
1. อยากรู้ว่าต้องใส่ท่อระบายเลือดไหม (เรากลัวเลือด) คำตอบคือ : ไม่ต้องใส่
2. ต้องตัดไหมอีกมั้ย (เรากลัวเจ็บ) คำตอบคือ : ทาง รพ.ใช้ไหมละลาย
จากนั้นนัดวันผ่าตัด โดยเราเลือกวันที่สะดวกได้เลย ประเมิณค่ารักษาที่ 15x,xxx-18x,xxx ฿ บุญบาปแค่ไหนดิฉันเคยทำประกันสุขภาพไว้ ซึ่งยื่นเชคสิทธิ์ ใช้เครมได้ ไม่งั้นถ้าต้องจ่ายราคานี้ก็คงทนปวดท้องต่อไปก่อนละมั้ง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
งดน้ำ งดอาหาร หลังเที่ยงคืน พักผ่อนให้เพียงพอ (ห้ามทำสีเล็บ)
26 มิ.ย. 63
ถึงเวลาแล้วสินะ..วันนี้คุณหมอนัดมาเวลา 9.00 น. เพื่อมาอัลตร้าซาวด์อีกครั้งเพื่อความชัวร์ ว่าเรามีนิ่วจริงๆ นะ และมีการเซ็นต์เอกสารการผ่าตัด เราอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด ซึ่งในเอกสารระบุว่า หากการผ่าตัดเจอพังผืดในท้องจะต้องผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง OMG กะกะกลัวจากนั้นก็เจาะเลือด, วัดคลื่นหัวใจ, X-ray ปอด
และเราก็เข้าห้องพัก เวลาประมาณ 11.00 น.
และให้น้ำเกลือเพื่อรอผ่าตัดในเวลา 15.00 น. ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลมาวัดความดัน มีหมอท่านอื่นมาเยี่ยมเป็นระยะ ทุกครั้งที่ประตูห้องเปิดใจเราสั่นทุกทีเพราะคิดว่าจะคุณพยาบาลจะมารับหรือยังนะ พอถึงเวลา 15.00 น. ก็คือเป๊ะมาก ทีมพยาบาลก็มารับจ้า..ใจสั่นแบบตุ๊มต่อม สวดมนต์ในใจเพื่อระงับความแพนิค งื้อ..
เมื่อพยาบาลเข็นมาห้องผ่าตัด เราพยายามไม่อยากมองอะไรเยอะ เพราะไม่อยากจำอะไรมาก ก็คือยังกลัวแหละ พอเข้าห้องผ่าตัดก็นอนบนเตียง วิสัญญีแพทย์ ก็ถามอะไรนิดหน่อย เราย้ำกับวิสัญญีแพทย์ว่า วางยาให้หนูสลบแบบไม่รู้สึกตัว หลับสนิทเลยนะคะ จากนั้นก็มีเอกสารมาให้เซ็นต์ยินยอมการวางยาสลบ แล้วก็ใส่ที่ล็อกแขนเรา 2 ข้าง และภาพตัดค่ะ ตัดแบบตัดไปตอนไหนไม่รู้
เมื่อลืมตาขึ้นมา ยังรู้สึกง่วงๆ และก็เจ็บๆ ที่แผล คำแรกที่เราถามพยาบาลคือ หนูได้ผ่าแบบส่องกล้องใช่ไหมค่ะ 😅 พยาบาลบอกว่า ใช่ค่ะ โล่งใจไปอีกสเตป แต่ก็เจ็บๆ แผลอยู่ จึงขอยาแก้ปวดเพิ่ม ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่านะ สรุปเราหลับต่อจ้า จนตื่นอีกที พยาบาลถามอาการ และเข็นเราออกจากห้องผ่าตัดเพื่อไปส่งที่ห้องพัก เรารู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก จึงได้ใส่ออกซิเจนนอน เมื่อมาถึงห้องพักก็ยังง่วงๆ และหลับไป คืนนี้ เราได้นอนฉี่ด้วยจ้า ครั้งแรกในชีวิต 😂 อาการเจ็บก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากเท่าที่จินตนาการไว้
นี่คือหน้าตาของเจ้าก้อน
27 มิ.ย. 63
เช้านี้..ตื่นขึ้นมาแบบ งงๆ และคุยกับตัวเองว่านี่ฉันผ่าตัดเสร็จแล้วจริงๆ หรอ วันนี้คุณหมอให้เริ่มพลิกตัว และลุกขึ้นนั่ง พอบ่ายๆ ก็เริ่มทานน้ำเปล่า น้ำผลไม้ได้ และเริ่มลุกเข้าห้องน้ำเอง อาการเจ็บแผลก็ดีขึ้นตามลำดับ และเราไม่ต้องใส่ออกซิเจนแล้ว พอตกกลางคืนมีไข้เล็กน้อย แต่น้อยมากๆ ไม่ได้เป็นปัญหาเลย
28 มิ.ย. 63
วันนี้..จะได้ทานอาหารมื้อแรก OMG ซึ่งอาหารมื้อแรกหน้าตาเป็นแบบนี้จ้า
ส่วนอาการเจ็บแผลถือว่าดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และวันนี้ขับถ่ายได้เป็นวันแรก มีท้องเสียนิดหน่อย เพราะยาที่ได้รับไป วันนี้เริ่มลุกเดินเยอะขึ้น พอบ่ายก็เตรียมตัวกลับบ้านได้ คุณหมอจะนัดดูแผลอีกทีหลังผ่าตัด 1 week
หลังจากผ่าตัด (ภายใน 1 week)
-มีอาการเจ็บคอ และเพดานปาก เนื่องจากระคายเคืองตอนใส่อุปกรณ์ตอนผ่าตัด
-ต้องทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ปลา ห้ามทานของจำพวกมันๆ เช่น ของทอด กะทิ -สามารถเดินได้ แต่ห้ามยกของหนัก
-มีพลาสเตอร์กันน้ำ แปะแผล สามารถอาบน้ำได้ ชิลๆ
-คุณหมอใช้ไหมละลาย จึงไม่ต้องตัดไหม สะดวกมากๆ
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้..เราอยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะผ่าตัด หรือป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม "กายป่วยได้..แต่ใจห้ามป่วย" จิตใจที่เข้มแข็ง จะทำให้เราผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี พลังบวกจะนำสิ่งดีๆ มาหาเราเอง
ใครที่มีคำถามเพิ่มเติม สามารถเข้ามาพูดคุยในเพจของเราได้ค่ะ ยินดีตอบทุกคำถาม 👇👇
https://facebook.com/ninanstyle/
สรุป
-การผ่าตัดแบบส่องกล้องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
-ความเจ็บปวดมันก็มีแหละ แต่อยู่ในระดับที่พอทนไหว
-ขอบคุณ คุณหมอ พยาบาล รพ.พญาไท 2 และ รพ.เจ้าพระยา ที่คอยตอบคำถาม และใส่ใจดูแลดีมาก ยอมรับเลยว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจดีขึ้น ฟื้นตัวไว
-ค่ารักษาเป็นไปตามที่ทาง รพ. ประเมิณให้ 15x,xxx ฿
-ประกันสุขภาพสำคัญจริงๆ อายุน้อยๆ ถ้ามีกำลังส่ง ควรมีไว้นะ อย่างน้อยเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้ จะได้ไม่ต้องเครียดเรื่องค่ารักษา (เราไม่ได้ขายประกันนะ😂)
-ต้องปรับตัวเรื่องการกิน งดของมันแหละ ถึงแม้จะเป็นของชอบของเราก็ตาม
[CR] แชร์ปสก.ในวันที่ฉันต้องผ่าตัด "นิ่วในถุงน้ำดี" แบบส่องกล้อง ละเอียดยิบ!
สวัสดีค่ะ..วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การผ่าตัด "นิ่วในถุงน้ำดี" แบบส่องกล้อง ซึ่งเราเองไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้แชร์เรื่องอะไรแบบนี้เลย แต่วันนี้ตั้งใจจะมาแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทาง และเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังหาข้อมูลเรื่องการผ่าตัดแบบส่องกล้องค่ะ เพราะตอนที่เราหาข้อมูลจากการอ่านรีวิวของคนอื่น ก็คือเป็นประโยชน์มากๆ เลยคิดว่าอาการดีขึ้นเมื่อไหร่ จะมาเขียนกระทู้แน่นอน
อาการก่อนผ่าตัด
อาการแรกเริ่มของเราคือมีอาการปวดท้องค่ะ! จนช่วงหลังอาการเริ่มหนักขึ้น คือปวดติดต่อกันทุกวัน ขีดเส้นใต้คำว่า ทุกวัน! โดยเฉพาะช่วงหลังทานอาหารมื้อเย็น อาการปวดจะคล้ายกับคนเป็นโรคกระเพาะ ซึ่งถามว่าเราไปหาหมอมั้ย แน่นอนว่าไปค่ะ! เข้าห้องฉุกเฉินนับครั้งไม่ถ้วน! แต่เราเพิ่งย้าย รพ.ประกันสังคม และใช้สิทธิ์ประกันสังคมในการรักษา พอปวดท้องมากๆ คุณหมอก็จะฉีดยา ให้นอนพัก และกลับบ้านได้ จนเราเริ่มทนไม่ไหว จึงไปปรึกษาคุณหมอจริงจังเรื่องการส่องกล้องกระเพาะอาหารดูว่าเราเป็นอะไรกันแน่ แต่คุณหมอบอกว่า ต้องรับยาไปทานในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งตอบไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ ทาง รพ.ถึงจะพิจารณารักษาต่อด้วยการส่องกล้องได้ อันนี้เราก็แอบเข้าใจทางรพ. และคุณหมอนะ เพราะการส่องกล้องมีราคาค่อนข้างสูงด้วย คือต้องเป็นเคสที่ดูแล้วว่าจำเป็นจริงๆ แต่ ณ เวลานั้น คือเราปวดทุกวันกินยาก็หายบ้างไม่หายบ้าง จนเราเริ่มหาช่องทางการรักษาแบบอื่นใน Pantip นี่ล่ะ ซึ่งแน่นอนเริ่มจากการเปลี่ยน รพ. และคิดว่า เอาล่ะ ฉันจะยอมเสียเงินแล้วนะ แพงแค่ไหนก็สู้ ขอให้หาย..🙏🙏
7 ก.พ. 63
เมื่อเปลี่ยน รพ. ชีวิตก็เปลี่ยนเลยค่ะ เราเลือกไปตรวจที่ รพ.เจ้าพระยา เราได้เจอคุณหมอเฉพาะทางด้านกระเพาะอาหารโดยตรง เมื่อเล่าอาการให้คุณหมอฟัง ก็ทำการนัดคิวส่องกล้องกระเพาะอาหาร แต่..คุณหมอบอกว่าอาการของเราเหมือนคนเป็น "นิ่วในถุงน้ำดี" นี่คือครั้งแรกที่ได้ยินชื่อโรคนี้ เราก็งงๆ นะ ไม่เคยรู้จักมาก่อน
8 ก.พ. 63
จนเมื่อถึงวันส่องกล้อง คุณหมอให้เราไปอัลตร้าซาวด์ก่อน โดยมีคุณหมออีกท่านที่เป็นคนอัลตร้าซาวด์ และหมอแจ้งว่า พบนิ่วในถุงน้ำดี!! ประมาณ 1.3 cm
วินาทีนั้นคือช๊อคมาก เมื่อไปพบคุณหมอท่านเดิม ก็พบว่าแนวทางการรักษาคือการผ่าตัดเท่านั้น (เลเซอร์ หรือกินยาสลายนิ่วไม่ได้!) วินาทีนั้นเหมือนโลกหยุดหมุน เรากลัวการผ่าตัดมากๆ และเราเองเพิ่งจะอายุ 27 ปี แต่คุณหมอก็บอกว่าสามารถผ่าตัดแบบส่องกล้องได้ เจ็บตัวน้อย นอน รพ.แค่ 2-3 วันก็กลับบ้านได้ แต่ถ้าเราไม่ผ่าในวันนี้ หากนิ่วมีการอักเสบ เราจะต้องผ่าแบบเปิดหน้าท้องซึ่งเจ็บตัวเยอะกว่า ส่วนการส่องกล้องกระเพราะอาหาร ของเราปกติดี
*ปล.คุณหมอที่นี่เก่ง และน่ารักมาก
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่👇👇
https://www.facebook.com/691541751197900/posts/1101159163569488/
หลังจากพบว่าฉันในวัย 27 ปี จะต้องผ่าตัด พูดเลยว่าเป็นเครียดค่ะ เพราะเราเป็นคนกลัวเข็ม กลัวเลือด กลัวความเจ็บปวด จิตตกไปซักพัก ช่วงนี้ก็ทำทุกทางเพื่อเยียวยาจิตใจ ทั้งทำบุญ ทำทาน ปล่อยปลา วัดไทย วัดจีน องค์เทพ คือไปหมด พอจิตใจเริ่มดีขึ้น เราก็เริ่มหาข้อมูลโรคนิ่วในถุงน้ำดี 👇👇
https://medthai.com/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B5/
และชั่งใจว่าจะผ่าตัดดีไหม หรือจะเก็บไว้แล้วทนปวดท้องไปเรื่อยๆ แบบนี้ แต่แล้วร่างกายก็เหมือนจะตัดสินใจให้เราเอง เพราะเรายังคงปวดท้องเรื่อยๆ วันเว้นวัน สองวันติดเว้นหนึ่งวัน ประมาณนี้ค่ะ
ในที่สุดเมื่อร่างกายเริ่มไม่ไหว เราจึงตัดสินใจผ่าตัด โดยวางแพลนว่าจะผ่าตัดช่วงสงกรานต์ แต่.. ปีนี้ไม่หยุดสงกรานต์ เพราะโควิด 19 จ้า OMG เราเริ่มเครียดว่า แล้วฉันจะได้ผ่าเมื่อไหร่กันนะ เป็นท้อ..
3 มิ.ย. 63
จนเมื่อสถานการณ์โควิด 19 เริ่มดีขึ้น เราก็มาปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งเราเปลี่ยน รพ.อีกแล้วจ้า (เปลี่ยนเก่ง) ใช้เวลาเลือก รพ.นานพอสมควร โดยขั้นตอนนี้ใช้วิธีโทรสอบถาม เพื่อประเมิณค่ารักษา สุดท้ายเราเลือกมาที่ รพ.พญาไท 2 สาเหตุที่เปลี่ยนคือมีคนแนะนำว่าคุณหมอที่ รพ.นี้เก่งเรื่องผ่าตัด มากๆ และใกล้บ้านเราด้วย เอาละเพื่อความสบายใจ ลุย!! เมื่อปรึกษาคุณหมอ ด้วยความกลัวส่วนตัวของเราเอง เรามีข้อกังวลแปลกๆ อยู่นิดหน่อยคือ
1. อยากรู้ว่าต้องใส่ท่อระบายเลือดไหม (เรากลัวเลือด) คำตอบคือ : ไม่ต้องใส่
2. ต้องตัดไหมอีกมั้ย (เรากลัวเจ็บ) คำตอบคือ : ทาง รพ.ใช้ไหมละลาย
จากนั้นนัดวันผ่าตัด โดยเราเลือกวันที่สะดวกได้เลย ประเมิณค่ารักษาที่ 15x,xxx-18x,xxx ฿ บุญบาปแค่ไหนดิฉันเคยทำประกันสุขภาพไว้ ซึ่งยื่นเชคสิทธิ์ ใช้เครมได้ ไม่งั้นถ้าต้องจ่ายราคานี้ก็คงทนปวดท้องต่อไปก่อนละมั้ง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
งดน้ำ งดอาหาร หลังเที่ยงคืน พักผ่อนให้เพียงพอ (ห้ามทำสีเล็บ)
26 มิ.ย. 63
ถึงเวลาแล้วสินะ..วันนี้คุณหมอนัดมาเวลา 9.00 น. เพื่อมาอัลตร้าซาวด์อีกครั้งเพื่อความชัวร์ ว่าเรามีนิ่วจริงๆ นะ และมีการเซ็นต์เอกสารการผ่าตัด เราอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด ซึ่งในเอกสารระบุว่า หากการผ่าตัดเจอพังผืดในท้องจะต้องผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง OMG กะกะกลัวจากนั้นก็เจาะเลือด, วัดคลื่นหัวใจ, X-ray ปอด
และเราก็เข้าห้องพัก เวลาประมาณ 11.00 น.
และให้น้ำเกลือเพื่อรอผ่าตัดในเวลา 15.00 น. ระหว่างนั้นก็มีพยาบาลมาวัดความดัน มีหมอท่านอื่นมาเยี่ยมเป็นระยะ ทุกครั้งที่ประตูห้องเปิดใจเราสั่นทุกทีเพราะคิดว่าจะคุณพยาบาลจะมารับหรือยังนะ พอถึงเวลา 15.00 น. ก็คือเป๊ะมาก ทีมพยาบาลก็มารับจ้า..ใจสั่นแบบตุ๊มต่อม สวดมนต์ในใจเพื่อระงับความแพนิค งื้อ..
เมื่อพยาบาลเข็นมาห้องผ่าตัด เราพยายามไม่อยากมองอะไรเยอะ เพราะไม่อยากจำอะไรมาก ก็คือยังกลัวแหละ พอเข้าห้องผ่าตัดก็นอนบนเตียง วิสัญญีแพทย์ ก็ถามอะไรนิดหน่อย เราย้ำกับวิสัญญีแพทย์ว่า วางยาให้หนูสลบแบบไม่รู้สึกตัว หลับสนิทเลยนะคะ จากนั้นก็มีเอกสารมาให้เซ็นต์ยินยอมการวางยาสลบ แล้วก็ใส่ที่ล็อกแขนเรา 2 ข้าง และภาพตัดค่ะ ตัดแบบตัดไปตอนไหนไม่รู้
เมื่อลืมตาขึ้นมา ยังรู้สึกง่วงๆ และก็เจ็บๆ ที่แผล คำแรกที่เราถามพยาบาลคือ หนูได้ผ่าแบบส่องกล้องใช่ไหมค่ะ 😅 พยาบาลบอกว่า ใช่ค่ะ โล่งใจไปอีกสเตป แต่ก็เจ็บๆ แผลอยู่ จึงขอยาแก้ปวดเพิ่ม ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่านะ สรุปเราหลับต่อจ้า จนตื่นอีกที พยาบาลถามอาการ และเข็นเราออกจากห้องผ่าตัดเพื่อไปส่งที่ห้องพัก เรารู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก จึงได้ใส่ออกซิเจนนอน เมื่อมาถึงห้องพักก็ยังง่วงๆ และหลับไป คืนนี้ เราได้นอนฉี่ด้วยจ้า ครั้งแรกในชีวิต 😂 อาการเจ็บก็มีบ้าง แต่ไม่ได้มากเท่าที่จินตนาการไว้
นี่คือหน้าตาของเจ้าก้อน
27 มิ.ย. 63
เช้านี้..ตื่นขึ้นมาแบบ งงๆ และคุยกับตัวเองว่านี่ฉันผ่าตัดเสร็จแล้วจริงๆ หรอ วันนี้คุณหมอให้เริ่มพลิกตัว และลุกขึ้นนั่ง พอบ่ายๆ ก็เริ่มทานน้ำเปล่า น้ำผลไม้ได้ และเริ่มลุกเข้าห้องน้ำเอง อาการเจ็บแผลก็ดีขึ้นตามลำดับ และเราไม่ต้องใส่ออกซิเจนแล้ว พอตกกลางคืนมีไข้เล็กน้อย แต่น้อยมากๆ ไม่ได้เป็นปัญหาเลย
28 มิ.ย. 63
วันนี้..จะได้ทานอาหารมื้อแรก OMG ซึ่งอาหารมื้อแรกหน้าตาเป็นแบบนี้จ้า
ส่วนอาการเจ็บแผลถือว่าดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และวันนี้ขับถ่ายได้เป็นวันแรก มีท้องเสียนิดหน่อย เพราะยาที่ได้รับไป วันนี้เริ่มลุกเดินเยอะขึ้น พอบ่ายก็เตรียมตัวกลับบ้านได้ คุณหมอจะนัดดูแผลอีกทีหลังผ่าตัด 1 week
หลังจากผ่าตัด (ภายใน 1 week)
-มีอาการเจ็บคอ และเพดานปาก เนื่องจากระคายเคืองตอนใส่อุปกรณ์ตอนผ่าตัด
-ต้องทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ปลา ห้ามทานของจำพวกมันๆ เช่น ของทอด กะทิ -สามารถเดินได้ แต่ห้ามยกของหนัก
-มีพลาสเตอร์กันน้ำ แปะแผล สามารถอาบน้ำได้ ชิลๆ
-คุณหมอใช้ไหมละลาย จึงไม่ต้องตัดไหม สะดวกมากๆ
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้..เราอยากเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะผ่าตัด หรือป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม "กายป่วยได้..แต่ใจห้ามป่วย" จิตใจที่เข้มแข็ง จะทำให้เราผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี พลังบวกจะนำสิ่งดีๆ มาหาเราเอง
ใครที่มีคำถามเพิ่มเติม สามารถเข้ามาพูดคุยในเพจของเราได้ค่ะ ยินดีตอบทุกคำถาม 👇👇
https://facebook.com/ninanstyle/
สรุป
-การผ่าตัดแบบส่องกล้องไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
-ความเจ็บปวดมันก็มีแหละ แต่อยู่ในระดับที่พอทนไหว
-ขอบคุณ คุณหมอ พยาบาล รพ.พญาไท 2 และ รพ.เจ้าพระยา ที่คอยตอบคำถาม และใส่ใจดูแลดีมาก ยอมรับเลยว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจดีขึ้น ฟื้นตัวไว
-ค่ารักษาเป็นไปตามที่ทาง รพ. ประเมิณให้ 15x,xxx ฿
-ประกันสุขภาพสำคัญจริงๆ อายุน้อยๆ ถ้ามีกำลังส่ง ควรมีไว้นะ อย่างน้อยเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้ จะได้ไม่ต้องเครียดเรื่องค่ารักษา (เราไม่ได้ขายประกันนะ😂)
-ต้องปรับตัวเรื่องการกิน งดของมันแหละ ถึงแม้จะเป็นของชอบของเราก็ตาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้