[CR] Budapest - Krakow - Vienna 3 เมือง 9 วัน 1800 รูป กับ Leica M240

รีวิวยาวมากมีหลายตอนขอทยอยเอา link มาลงตรงนี้นะครับ
รีวิว ตอนที่ 1 - https://ppantip.com/topic/36779459
รีวิว ตอนที่ 2 - https://ppantip.com/topic/36782475
รีวิว ตอนที่ 3 - https://ppantip.com/topic/36784185
รีวิว ตอนที่ 4 - https://ppantip.com/topic/36789546
รีวิว ตอนที่ 5 - https://ppantip.com/topic/36795792
รีวิว ตอนที่ 6 - https://ppantip.com/topic/36799569
รีวิว ตอนที่ 7 - https://ppantip.com/topic/36812228
รีวิว ตอนที่ 8 - https://ppantip.com/topic/36830225

อันที่จริงผมเดินทางมาหลายประเทศหลายเมือง ส่วนมากก็จะแบกกล้องไปเก็บภาพมาตั้งแต่สมัยเป็นกล้องฟิล์มเอากลับมาอัดรูปใส่อัลบัมเต็มตู้ไปหมด จนตอนนี้เป็นดิจิตอลก็ยิ่งมีรูปเยอะเข้าไปใหญ่ การไปเที่ยวของผมมักเดินทางเอง และก็มักจัดทริปขับรถเที่ยวเอง การจัดทริปของผมก็ศึกษาข้อมูลจากรีวิวในพันทิพย์เป็นส่วนมาก เอาไปประกอบข้อมูลกับเวปท่องเที่ยวของประเทศนั้นๆ ไปเที่ยวกลับมาก็ไม่เคยคิดถึงการเอารูปหรือข้อมูลมาทำรีวิวอะไรเลย เพราะมันใช้เวลามาก ส่วนใหญ่ก็โพสลงในเฟซบุ้คไปเรื่อย สำหรับรีวิวนี้ ผมวางโครงการเอาไว้ว่าจะค่อยๆทำทีละนิดละหน่อยโดยการพิมพ์เนื้อหาเก็บไว้ จนพอที่จะตั้งเป็นกระทู้รีวิวได้จึงจะงัดมาโพสทีเดียว ไม่อย่างนั้นอาจจะทำได้ครึ่งๆกลางๆแล้วทิ้งค้างไว้ เหมือนหลายกระทู้ที่เคยเข้าไปดู มันจะเสียความรู้สึกเปล่าๆ

รีวิวนี้ผมเอาข้อมูลการเดินทางเที่ยวล่าสุด เดือนกรกฎาคม 2560 โดยเป็นการเที่ยวยุโรปตะวันออก 3 ประเทศ 9 วัน แต่เที่ยวแค่ 3 เมืองเท่านั้น มาถ่ายทอดพร้อมภาพที่ถ่ายมาครับ โดยปกติแล้วผมไม่นิยมการเที่ยวแบบหลายๆเมืองหลายๆประเทศในทริปเดียวแบบว่า 8 วัน 6 ประเทศ ย้ายโรงแรมทุกคืน ผมว่ามันแค่ได้ชื่อว่าไปถึงที่แล้ว ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน แต่การไปเที่ยวเองใช้เวลานั่งจิบกาแฟบ้าง เดินหลงทางบ้าง เจอความตื่นเต้นจากความไม่รู้บ้าง มันได้รสชาติของชีวิตดี เพราะฉะนั้นทริปนี้ นอน 8 คืน แค่ 3 เมือง 3 โรงแรมก็พอแล้วสำหรับผม

ทริปนี้เดินทางโดยสายการบิน การ์ต้าแอร์เวย์ ซึ่งจริงๆแล้วผมใช้เวลาตัดสินใจจิ้มคีย์บอร์ดจองตั๋วและจ่ายเงินในเวลาแค่ 2 วัน เพราะไปเจอโปรโมชั่นตั๋วยุโรปราคาพิเศษประมาณ 2 หมื่นนิดๆ ผมรีบเช็คตารางซึ่งตารางที่สำคัญที่สุดคือตารางวันหยุดเรียนและกิจกรรมของลูกๆ 2 คนครับ พอได้ตารางลงตัว  ​​​ก็เหลือเวลาอีก 2 วันจะหมดโปรฯแล้ว ยังไม่มีเวลาจัดโปรแกรมให้ชัดเจนเลยว่าจะไปใหนบ้าง เลยจิ้มเลยว่าไป-กลับเวียนนาก็แล้วกัน ซึ่งหลังจากผมจัดโปรแกรมเดินทางภายหลังแล้วยังเสียดายว่าน่าจะบินไปลง Budapest แล้วบินกลับจาก Vienna จะดีกว่า และทำให้คิดได้อีกอย่างว่าข้อดีของการบิน Qatar Airways แม้ว่าจะต้องไปต่อเครื่องที่โดฮา แต่เราสามารถเลือกไป กลับ เมืองต่างๆที่หลากหลายได้ เพราะการ์ต้ามีเที่ยวบินไปเมืองต่างๆในยุโรปเยอะมาก ในขณะที่สายการบินแห่งชาติมีความจำกัดกว่ามาก โดยเฉพาะในโซนยุโรปตะวันออก

ผมวางแผนไว้ว่าจะไป Vienna กับ Budapest เป็นหลัก แต่หลังจากเช็คข้อมูลต่างๆก็พบว่าสามารถเดินทางไปชมค่ายกักกันนาซี Auschwitz ใน Poland ได้ แม้จะไกลอยู่สักหน่อย แต่โอกาสจะไปเที่ยวโปแลนด์อาจจะยาก ถามลูกว่าอยากไปมั้ย เมื่อลูกอยากไปผมก็จัดให้ครับ

โปรแกรมการเดินทางเลยออกมาแบบนี้
Day 1 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เครื่องออกประมาณตี 2 ไปต่อเครื่องที่ Doha และไปถึง Vienna ประมาณเที่ยงครึ่ง รับรถเช่าแล้วขับไป Budapest ขับไปก็คิดไปว่าทำไมไม่จองเครื่องไปลง Budapest เลยหว่า 555
Day 2 เที่ยว Budapest
Day 3 ยังอยู่ใน Budapest
Day 4 ออกเดินทางแต่เช้า เพื่อขับรถไปเมือง Krakow ประเทศ Poland โดยขับผ่าน Slovakia
Day 5 Auschwitz Concentration Camp Memorial
Day 6 Wieliczka Salt Mine แล้วขับรถกลับ Vienna
Day 7 Vienna
Day 8 Vienna
Day 9 เดินเที่ยว ช็อปปิ้ง ถึงบ่าย ขึ้นเครื่องออกจาก Vienna เวลา 18.30 น.
Day 10 ถึงกรุงเทพฯประมาณบ่ายๆครับ

สำหรับกระทู้ ผมคงต้องแบ่งออกเป็นส่วนๆเพื่อไม่ให้ยาวเกินไป อันดับแรกเมื่อมาถึงสนามบิน Vienna สิ่งแรกที่ทำคือเดินไปหารถเช่าที่จองไว้ ซึ่งผมจองผ่าน Rentalcars.com รถที่เลือกเป็นรถ Opel Insignia Estate ของบริษัท Megadrive โดยผมจองรถไว้ 6 วัน กะว่าขากลับจากโปแลนด์มาถึงเวียนนา ก็จะเอารถไปคืนก่อน เพราะ 3 วันสุดท้ายเที่ยวแต่ในเมือง ถ้าเอารถไว้ก็ไม่ได้ใช้ นอกจากเสียค่าเช่ายังต้องเสียค่าจอดรถ ซึ่งค่าจอดรถในยุโรปมันไม่ใช่น้อยๆเลย เรายอมลำบากตอนลากกระเป๋าไปสนามบินวันสุดท้ายแค่ครั้งเดียวดีกว่า

ก่อนเดินทาง ผมส่ง e-mail ไปที่ customer service ของ Megadrive เพื่อยืนยันว่าผมต้องขับรถไปโปแลนด์ ผ่านประเทศ Slovakia ซึ่งตามข้อมูลรถบางรุ่นไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในประเทศเหล่านี้ เช่น Mercedes Benz, BMW, Volkswagen ตอนจองผมจึงเลือกเป็นยี่ห้อ Opel ไว้ เมล์ตอบมาว่าเอาไปใช้ได้ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีกประมาณ 45 ยูโร ตอนไปรับรถที่เคาเตอร์ผมก็แจ้งเจ้าหน้าที่อีกครั้ง พร้อมทั้งซื้อประกันภัยเพิ่มแบบ Full Protection ซึ่ง 6 วันจ่ายไปอีก 5 พันกว่าบาทสำหรับค่าประกันภัยให้สบายใจดีกว่า สุดท้ายก็คุ้มจริงๆครับ เพราะผมดันถอยรถชนเสากั้นฟุตบาธ ประตู้ท้ายบุบไปหน่อย กันชนเป็นรอย ไม่งั้นคงโดนอีกหลายตัง รวมแล้วการเช่ารถคันนี้ผมจ่ายไปประมาณ 25,000 บาท คร่าวๆนะครับ

Budapest – Krakow – Vienna Day 1

หลังจากได้กุญแจ กับเอกสารต่างๆเรียบร้อย ก็ลากกระเป๋าไปที่ลงลิฟท์เดินวนๆไปหาช่องจอดที่เขียนไว้ในเอกสาร ถ้าหาไม่เจอก็กดรีโมทเอา กดเปิดๆปิดๆเดี๋ยวเราก็เห็นรถเอง หลังจากจัดเรียงกระเป๋าทุกสิ่งอย่างเข้าไปหลังรถสำเร็จ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผมทำประจำในการวางแผนเช่ารถคือสั่งทุกคนให้เอาของไปแค่พอประมาณอย่าเอาใบใหญ่ยักษ์ไปหลายใบมันจะใส่รถไม่หมด ที่สำคัญผมจะเลือกกระเป๋าผ้ามีล้อที่มีซิปหน้ารูดผ่ากลางไปบางใบ เพราะอะไรหรือครับ ในกรณียัดกระเป๋าไม่ลง ซึ่งเคยเจอมาแล้ว เราต้องรื้อเสื้อผ้าออกมาใส่ถุงแล้วยัดไว้ใต้เบาะ ส่วนกระเป๋าผ้าใบนั้นมันจะยุบตัวลงจะได้เสียบเข้าช่องว่างได้ อันนี้เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้

คนที่เช่ารถขับ ขอให้อ่านตอนผมคืนรถนะครับ เราไปคืนนอกเวลา ซึ่งระบบรถเช่าสนามบินที่ผมเจอมาที่ Munich กับที่นี่ Vienna กว่าจะคืนรถได้เล่นเอาเหงื่อตก

ครอบครัวผมรวม 4 คน มีภรรยา และลูกอีก 2 คน กว่าจะจัดการจนสตาร์ทรถออกมาได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสาม นี่ยังต้องขับรถข้ามพรมแดนไป Budapest ประเทศฮังการีอีก 220 กม. ซึ่งผมจองอพาร์ทเม้นท์ผ่าน Booking.com ชื่อ Gold Pearl Apartment ตอนเลือกที่พักผมใช้เวลาค่อนข้างมาก จองแล้วยกเลิก จองที่ใหม่แล้วยกเลิก สุดท้ายตัดสินใจจองที่นี่ เหตุผลสำคัญที่สุดคือเรื่อง location ครับ อพาร์ทเม้นท์นี้อยู่ใกล้สะพาน Chain Bridge และใกล้ที่จอดรถ ซึ่งเราเช่ารถไปต้องเช็คให้ดีว่าจอดรถไกลหรือเปล่า เพราะอพาร์ทเม้นจะไม่มีที่จอดรถ แม้แต่โรงแรมบางแห่งก็ไม่มีที่จอดรถนะครับถ้ามันอยู่ใจกลางเมืองเก่าจริงๆ

ระหว่างทางผมแวะ Designer Outlet Parndorf ปรากฏว่าถ้าคนชอบช็อปปิ้ง ต้องมีเวลาสัก 5-6 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เพราะที่นี่ใหญ่มากมีร้านแบรนด์เนมต่างๆเยอะเลย แต่นี่เราถูกจำกัดด้วยเวลาเดินทางเลยซื้อได้เสื้อผ้า Desigual มานิดหน่อย รองเท้า Ecco ซึ่งราคาถูกมากๆ แล้วก็เดินไปหาร้าน Nordsee ร้านอาหารทะเล ที่ผมชอบมาก มายุโรปอย่างน้อยต้องกินทริปละ 2-3 มื้อ ไม่แพง อร่อยด้วย ใช้เวลาอยู่ที่นี่สัก 2 ชั่วโมง ก็รีบขับรถไปต่อ โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์

ออกจาก outlet มาไม่กี่กิโลเมตรก็ถึงพรมแดนแล้วครับ ถ้าคนไม่ตั้งใจดูดีๆอาจจะขับเพลินๆผ่านไปเลยก็ได้ แต่สำหรับเราไม่ได้ครับ ต้องจอดลงไปเพื่อซื้อบัตรสำหรับการใช้ทางด่วนในประเทศ Hungary เรียกว่า Vignette ราคาต่ำสุดสำหรับ 10 วันคือ 11 ยูโร อีกอย่างที่ต้องทำคือไปแลกเงิน Hungary Forint ซึ่งเขาย่อกันว่า HUF ผมก็เลยเรียกว่า ฮัฟ ไปซะเลย เอาเงินยูโรแลกได้ 285 HUF ต่อ 1 ยูโร ก็ตก HUF ละ 13 สตางค์บ้านเรา ทีนี้ด้วยความที่ตู้แลกเงินที่ชายแแดนนี่มันดูซอมซ่อ ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ผมกลัวว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะกดราคาเรารึเปล่าก็เลยแลกมาแค่ 200 ยูโร แต่ใครที่อ่านแล้วมาตามเส้นทางนี้ แลกได้ครับที่นี่ เพราะในตัวเมือง Budapest ก็อัตราเท่านี้เหมือนกัน แต่วันท้ายๆเงิน HUF ผมหมด หาที่แลกก็ไม่ได้ ตัดสินใจกดตู้ ATM พอกลับมาดูอัตราแลกเปลี่ยนที่ธนาคารคิดก็ตก HUF ละ 13 สตางค์เท่าๆกัน แต่ว่าโดนหักค่าธรรมเนียมไป 100 บาท แต่บัตร ATM ที่ไปกดเงินได้ต้องมีเครื่องหมาย Master Card นะครับ

ผมขับไปถึง Budapest ประมาณทุ่มเศษๆ ตามที่ตกลงกันไว้กับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ ก่อนถึง Budapest 30 กม. ให้ผมโทรศัพท์ไปแจ้ง เขาจะออกมารอรับ เพื่อส่งมอบกุญแจ และขอเก็บเงินสด ซึ่งกรณีแบบนี้ตอนแรกผมก็เป็นงงครับว่า หลังจากจองใน Booking.com แล้ว เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก็ e-mail ผ่านระบบ booking.com มาแจ้ง หลังจากนั้นก็ขอให้ติดต่อกันโดยตรงผ่าน e-mail ส่วนตัว ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจแต่ไปดูรีวิวมันก็ ok อยู่ แล้วก็ต้องลองดูไม่อยากเปลี่ยนที่ใหม่แล้ว พอขับรถเข้าไปในตัวเมือง Budapest ไม่ใช่เรื่องยากครับรถไม่ติด มาถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์เลทไปนิด ระหว่างกำลังชะโงกหาว่าประตูอพาร์ทเม้นท์อยู่ตรงใหน ป้าคนนึงก็กระโดดมาโบกรถ อ๊ะ รู้ได้ไงว่าเป็นเรา ยี่ห้อรถสีรถก็ไม่ได้บอกไป คงเห็นหน้าคนในรถกับทะเบียนรถมาจากเวียนนา แล้วเธอก็พาไปหาที่จอดริมฟุตบาท ขนกระเป๋าสัมภาระต่างๆลงมาหน้าประตูทางเข้า จริงๆผมจะไปเรียกป้าก็ไม่ถูกเพราะอายุอานามน่าจะพอๆกัน 555 แต่เอาเป็นว่าคนอ่านส่วนใหญ่คงต้องเรียกเธอว่าป้าก็แล้วกัน ป้าคนนี้ชื่อว่า Georgia ก็เรียกพวกเรามารวมตัวหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ บอกให้เราเอาโทรศัพท์มาจดรหัสเปิดประตู แล้วให้เรากดเปิด ปิด ประตู 2-3 ครั้งจนแน่ใจว่าพวกนี้ไม่โง่ เอ้ย แน่ใจว่าจำวิธีได้ และคงไม่โทรศัพท์ไปเรียกเธอมาเปิดให้ เราก็ลากกระเป๋าไปขึ้นลิฟท์ อันนี้ตอนจองพวกอพาร์ทเม้นท์ดูดีๆนะครับ ว่ามีลิฟท์หรือไม่ ถ้าเกิดไม่มีลิฟท์แต่เราเล่นกระเป๋าเดินทางใบขนาด 30 กิโลมา แค่ชั้นเดียวก็หืดจับแล้วครับ จากนั้นเราขึ้นไปชั้น 3 รับมอบกุญแจห้อง อธิบายสิ่งต่างๆว่าอะไรอยู่ตรงใหน เราก็จ่ายเงินสดให้ป้าไป จริงๆแล้วเธอก็เป็นคนคุยสนุก ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย เธอบอกว่ามีห้องเช่าแบบนี้อยู่ 6 ห้อง ที่เราเช่าอยู่นี่ 3 คืน ค่าห้องแค่ 16,000 กว่าบาท นอนได้ 4 คน ก็ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับทำเล ป้าจอร์เจีย เก็บค่าเช่าเดือนๆนึงก็อยู่ได้สบายแล้ว เธอบอกว่าพวกเราเป็นลูกค้าคนไทยรายแรกที่มาพักห้องของเธอ แต่สำหรับประเทศไทยนางรู้จักดี เพราะมาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ ชอบอาหารไทย

อย่างที่บอกว่าห้องนี้นอนได้ 4 คน คือมีเตียง 1 เตียง กับโซฟาเบดอีก 1 จริงๆเหนือโซฟาเบดยังทำเป็นชั้นลอย ขึ้นไปนอนเบียดๆได้อีก 2 คน แต่พื้นที่ใช้สอยรอบๆผมว่าถ้าอยู่เกิน 4 คนมันจะแน่นไปแล้วครับ เดินออกมาหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ที่ต้องกดรหัสเข้าออก เลี้ยวซ้ายมาแค่ไม่กี่ก้าว ก็จะเจอวิหาร St. Stephen หรือ Szent Istvan Bazilika ในภาษาฮังกาเรียน ตอนค่ำๆประมาณ 2 ทุ่มเศษที่เราออกมา ฟ้ายังไม่มืดสนิทเป็นสีน้ำเงินเข้ม วิหารเปิดแสงไฟส่องสว่างเป็นสีเหลืองทอง ตระหง่านสูงขึ้นไปชนิดแหงนคอตั้งบ่า เบื้องหน้าเป็นลานหินกว้าง มันเป็นค่ำคืนแรกที่ Budapest ให้ความรู้สึกประทับใจแก่ผู้มาเยือนอย่างเราชนิดที่ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางหายไปเป็นปลิดทิ้ง




ชื่อสินค้า:   บูดาเปสต์ คราคอฟ เวียนนา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่