ก่อนอื่นต้องอนุญาติในการใช้ภาษาไทยด้วยนะคะ เพราะเราจะเขียนในแบบภาษาของตัวเอง
ขอเล่าถึงประวัติผู้เขียนก่อนนะคะ ตอนนี้เป็นพนักงานอยู่ภายใต้บริษัท Royal Caribbean International ได้ 3 คอนแทรค เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เขียนทั้งหมด จะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ หรือเท่าที่ทราบมา รับฟังมา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่าน
คำถามคือ ทำไมถึงอยากไปทำงานบนเรือสำราญ!!!
คำตอบ อยากเก็บเงิน อยากท่องเที่ยว อยากทำงานต่างประเทศ ได้อยู่เมืองนอก ได้ประสบการณ์ชีวิต
แน่นอนคำตอบของคนไปทำงานเรือสำราญไม่ได้มีหลากหลายเท่าไหร่ ส่วนตัวของผู้เขียนคงบอกได้ว่า คำตอบคือทุกอย่างที่เขียนไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงิน ท่องเที่ยว ทำงานต่างประเทศ ประสบการณ์ชีวิต แต่ผู้เขียนให้ความสำคัญกับคำว่าประสบการณ์ชีวิตเป็นอันดับแรก
ในแต่ละปีจะมีเรือเกิดขึ้นใหม่ ปีละประมาณ 1-5 ลำ หลายบริษัทได้พยายามสร้างเรือให้ใหญ่ขึ้น เพราะฉะนั้น ปริมาณในการรับพนักงานก็มีมากตามไปด้วย
การทำงานบนเรือสำราญ เราจะเรียกรอบการทำงานว่า Contract โดย 1 Contract จะอยู่ที่ 6-9 เดือน และกลับมาพักร้อนประมาณ 2-3 เดือน
ขอบอกตรงนี้ว่า การทำงานบนเรือสำราญ “ไม่มีวันหยุด” ในตลอดคอนแทรคคือ ทำงานทุกวัน คุณจะหยุดได้ในกรณีที่คุณเจ็บป่วย และหมอบนเรือเป็นคนพิจารณาให้คุณได้หยุด ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้ แล้วรับได้กับการทำงานที่ต้องจากบ้าน จากครอบครัว พ่อแม่ แฟน สามี ภรรยา ลูก หรือคนทุกคนที่คุณรักไป ถึง 6-9 เดือน แสดงว่าคุณได้ผ่านจุดวัดใจไปแล้วหนึ่งจุด หลายคนที่รู้จักบนเรือ ต่างคนต่างมีเป้าหมาย มีครอบครัว มีลูก มีคนทางบ้านที่รอ ต้องตั้งใจทำงาน เก็บเงิน เพื่อส่งไปให้คนที่รออยู่ข้างหลัง (ถ้าคุณกำลังคิดถึง Internet บอกเลยว่า บนเรือมีค่ะ และแพงมาก ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้กัน เวลาเรือจอดเทียบท่าเราสามารถไปหาใช้บริษัทจุดฟรี wifi จากสถานที่ต่างๆ หรือซื้อซิมการ์ดมาใช้)
เรามาพูดเรื่องข้อดีของการทำงานบนเรือบ้างดีกว่า
สิ่งที่เรือส่วนใหญ่จะมีให้คือ อาหาร,ที่พัก(cabin),fitness center,Crew Bar,Talent Show,Party (บ่อยมาก),Tour free เป็นต้น (ย้ำว่า ทุกอย่างคือ FREE!!!) โดยขึ้นอยู่กับบริษัท แล้วแต่เรือลำนั้นๆว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง แต่ที่แน่นอนคือ อาหารฟรี ที่พักฟรีแน่นอน
เพราะฉะนั้นลองคิดดูว่า ถ้าคุณทำงานบนบก และบนเรือ ในจำนวนเงินเดือนเท่ากันที่ 15,000 บาท
ในเรือ คุณรับ 15,000 บาท คุณไม่มีอะไรให้เสียค่าใช้จ่ายเลย อาจจะมี ของใช้ส่วนตัวบ้าง อาจจะตกอยู่ที่ 2,000 บาท(สมมุติ) เท่ากับคุณจะเหลือเงินเก็บแน่นอน 13,000 บาท คุณไปทำงาน 8 เดือน เท่ากับคุณจะมีเงินเก็บ 104,000 บาท
เทียบกับทำงานบนบก คุณรับ 15,000 บาท ในแต่ละวันคุณจะต้องเสีย ค่าเดินทาง ค่ากิน อาจจะมีค่าที่พัก ยกตัวอย่างเช่น ค่ารถวันละ 60(หยุดวันอาทิตย์รวม1เดือนอยู่ที่ 1,560 บาท) อาหารวันละ 120 บาท/3มื้อ (รวม1เดือนอยู่ที่ 3,600 บาท) ค่าของใช้ส่วนตัวเดือนละ 2,000 บาท เหลือประมาณ 7,840 บาท ไม่รวมในกรณีบางคนต้องเสียค่าเช่าห้อง บางคนมีค่าปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ไม่รวมค่าน้ำ ค่าขนมนมเนย ถ้าหักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือเก็บอยู่ที่ 7,000 บาท เท่ากับว่า 1 ปี คุณจะเก็บได้ 84,000 บาท ถ้าถามจริงๆแล้ว 1 ปี คุณสามารถเก็บได้ถึง 84,000 รึเปล่า
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทำงานบนเรือจะเก็บเงินได้เยอะเสมอไป ทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับการใช้เงิน ต่อให้คุณอยู่บนเรือ แต่ถ้าคุณเอาเงินที่ได้ ไปเล่นการพนัน(Casino) เงินคุณก็หมดได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างคนเขียน ขึ้นอเมริกา ขึ้นยุโรป ทีก็ช๊อปกระจายพอตัว เสื้อผ้า ของแบรนด์ กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม
แต่ประเด็นคือ งานบนเรือเงินเดือนไม่ได้เริ่มที่ 15,000 บาท เราจะคิดเงินเดือนเป็นเหรียญ น้อยๆจะเริ่มที่ประมาณ 600 เหรียญ หรือประมาณ(x34) 20,400 บาท
โดยรายได้ประมาณคร่าวๆดังนี้
Housekeeping จะอยู่ที่ 600-4,000 $
Cleaner , Pool Attendant 600-900$
Linenkeeper 600-900$
Cabin attendant หรือ Stateroom 1,000 – 5,000
Bar Department จะอยู่ที่ 550-5,000 $ (ขอบอกว่าเป็นแผนกที่ นับเงินเพลินมือมากๆ)
Bar Server
Bar Utility
Bartender
Mixologist
Barista
Dining Room จะอยู่ที่ 800-4,000$
Assistant Waiter
Room Service Attendant
Snack Attendant
Waiter
Culinary เริ่มต้นประมาณ 700+ (อันนี้ออกตัวก่อนว่าไม่ทราบเลย เป็นแผนกที่มีความหลากหลายจริงๆ)
Baker
Butcher
Chef de Partie
Commis Cook
Buffet Cook
Sushi Cook
อื่นๆ เยอะมาก
Photographer เริ่มต้นประมาณ 1,000+
*ทั้งนี้ ในการเรียกชื่อตำแหน่ง อาจจะแตกต่างกันไปตามบริษัท
สายที่ได้เงินเยอะสุดๆ จะเป็นสายเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เพราะบางเดือนคุณอาจจะได้เดือนเป็นแสนบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับทิป ส่วนแบ่งการขาย ยิ่งคุณขยันขายมากเท่าไหร่ เงินแสนก็อยู่ไม่ไกล
แต่ผู้เขียนขอแนะนำอีกอย่างค่ะว่า ยังมีอีกหลายแผนกที่คุณสามารถทำได้ถ้าคุณมีความรู้ความสามารถในด้านนั้นๆ โดยที่เอเจนซี่ในบ้านเราไม่ได้รับสมัคร แต่ถ้าคุณไปอยู่บนเรือ คุณก็สามารถสมัครได้ ยกตัวอย่าง ในบริษัท Royal Caribbean International ทางบริษัทจะมี Job เปิดรับสมัคร และสามารถฝึกงานได้ โดยที่คุณอาจจะเริ่มจาก Cleaner หรือพนักงานเสริฟ แต่คุณสามารถเปลี่ยนไปสมัครตำแหน่งอื่นๆได้ เช่น
Human resource
Guest relation (แต่แผนกนี้ ต้องพูดได้มากกว่าภาษาอังกฤษนะคะ เช่น ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี ดัตช์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เป็นต้น)
Front Desk
Concierge
Guest Services Officer
Guest Activities (หลากหลายเยอะมาก ไม่ว่าจะด้านมีเดีย เสียง ภาพ ด้านกีฬา ด้านการพูด)
Stage Staff
Entertainment Staff Production
Technical Stage Staff
Activity Staff
Sport Staff (มีความรู้ ทำงานทางด้านกีฬา)
Youth Staff (ทำงานกับเด็ก ใครเป็นครู หรือทำงานด้านเด็ก ก็สมัครได้)
อื่นๆ
Finance
Admin Purser – Payroll
Administration Purser
Facilities (สารพัดช่าง)
Plumber
Carpenter
Repairman
โดยในบางตำแหน่งทางเอเจนซี่ก็เปิดรับเช่นกัน แต่อาจจะสมัครยากนิดนึง ถือว่าบริษัท Royal Caribbean International เปิดโอกาสให้คนมีความสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ (แอบเชียร์บริษัทที่ทำงาน)
พอเราเลือกได้แล้วว่าอยากไปทำงานอะไร เราต้องมาสำรวจตัวเองว่า เรามีคุณสมบัติ 2 สิ่งนี้ไหม คือ ภาษาอังกฤษ และประสบการณ์ (อย่างน้อย 6 เดือน)
ปล.แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์น้อยกว่า 6 เดือน ก็ยังสามารถสมัครได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในตอนสัมภาษณ์ว่าคุณมีความรู้ในสายงานที่คุณสมัครแค่ไหน
เช่น สำหรับแม่บ้าน คุณต้องเคยผ่านงานโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มาก่อน
งานสายเสิร์ฟ ต้องมีประสบการณ์ด้านร้านอาหาร หรือ บาร์
งานถ่ายภาพ จะเน้นไปที่ ผลงานการถ่ายภาพ
คุณสมบัติทั่วไป
อายุ 21-35 ปี (มากกว่าก็ยังสมัครได้อยู่ ในบริษัทให้คุณทำงานจนเกษียญ)
ประสบการณ์ (อย่างน้อย 6 เดือน หรือน้อยกว่าตามความสามารถ)
ภาษาอังกฤษ
ใจรักงานบริการ
สุขภาพแข็งแรง
ค่าใช้จ่าย
สำหรับเรือบางบริษัท ทุกอย่างฟรีหมด ค่าตรวจสุขภาพ ค่าตั๋ว ค่าวีซ่า เก็บใบเสร็จไปเบิกได้ เช่น Norwegian
บางบริษัทต้องจ่ายเอง แต่อาจจะเฉพาะรอบแรกเท่านั้น หลักจากที่ไปทำงานครบ Contract เขาจะจ่ายค่าตั๋วให้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบริษัท
สำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนสายงานดีไหม เราขอแนะนำท่านว่า ให้ไปสมัครเป็นพาร์ททาร์มก็ได้ ทำงานให้ครบ 6 เดือน แล้วขอใบรับรองการทำงาน ก็ได้เหมือนกัน
ขอยกตัวอย่าง โดยเล่าเรื่องส่วนตัว
คนเขียนตอนนั้นอายุ 23 ปี เพิ่งจบปริญญาตรี เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ไปสมัครงานเป็น Back Office ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในระหว่างนั้นได้ขอฝึกงานสายแม่บ้าน ในช่วงวันหยุด (ฟรีไม่รับเงินด้วย) ประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนั้นก็ลองไปสัมภาษณ์กับเอเจนซี่ แล้วเราก็ผ่านการสัมภาษณ์ ได้ขึ้นเรือของบริษัท Royal Caribbean
***เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่ได้ลอง ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ โอกาสยังรอเราอยู่***
ถ้ามีคนอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้หน้าจะเขียนเรื่อง การไปทำงานด้วยตัวเองแบบไม่ผ่านเอเจนซี่
อยากไปทำงานบนเรือสำราญ
ขอเล่าถึงประวัติผู้เขียนก่อนนะคะ ตอนนี้เป็นพนักงานอยู่ภายใต้บริษัท Royal Caribbean International ได้ 3 คอนแทรค เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เขียนทั้งหมด จะมาจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ หรือเท่าที่ทราบมา รับฟังมา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่าน
คำถามคือ ทำไมถึงอยากไปทำงานบนเรือสำราญ!!!
คำตอบ อยากเก็บเงิน อยากท่องเที่ยว อยากทำงานต่างประเทศ ได้อยู่เมืองนอก ได้ประสบการณ์ชีวิต
แน่นอนคำตอบของคนไปทำงานเรือสำราญไม่ได้มีหลากหลายเท่าไหร่ ส่วนตัวของผู้เขียนคงบอกได้ว่า คำตอบคือทุกอย่างที่เขียนไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงิน ท่องเที่ยว ทำงานต่างประเทศ ประสบการณ์ชีวิต แต่ผู้เขียนให้ความสำคัญกับคำว่าประสบการณ์ชีวิตเป็นอันดับแรก
ในแต่ละปีจะมีเรือเกิดขึ้นใหม่ ปีละประมาณ 1-5 ลำ หลายบริษัทได้พยายามสร้างเรือให้ใหญ่ขึ้น เพราะฉะนั้น ปริมาณในการรับพนักงานก็มีมากตามไปด้วย
การทำงานบนเรือสำราญ เราจะเรียกรอบการทำงานว่า Contract โดย 1 Contract จะอยู่ที่ 6-9 เดือน และกลับมาพักร้อนประมาณ 2-3 เดือน
ขอบอกตรงนี้ว่า การทำงานบนเรือสำราญ “ไม่มีวันหยุด” ในตลอดคอนแทรคคือ ทำงานทุกวัน คุณจะหยุดได้ในกรณีที่คุณเจ็บป่วย และหมอบนเรือเป็นคนพิจารณาให้คุณได้หยุด ถ้าคุณอ่านมาถึงจุดนี้ แล้วรับได้กับการทำงานที่ต้องจากบ้าน จากครอบครัว พ่อแม่ แฟน สามี ภรรยา ลูก หรือคนทุกคนที่คุณรักไป ถึง 6-9 เดือน แสดงว่าคุณได้ผ่านจุดวัดใจไปแล้วหนึ่งจุด หลายคนที่รู้จักบนเรือ ต่างคนต่างมีเป้าหมาย มีครอบครัว มีลูก มีคนทางบ้านที่รอ ต้องตั้งใจทำงาน เก็บเงิน เพื่อส่งไปให้คนที่รออยู่ข้างหลัง (ถ้าคุณกำลังคิดถึง Internet บอกเลยว่า บนเรือมีค่ะ และแพงมาก ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้กัน เวลาเรือจอดเทียบท่าเราสามารถไปหาใช้บริษัทจุดฟรี wifi จากสถานที่ต่างๆ หรือซื้อซิมการ์ดมาใช้)
เรามาพูดเรื่องข้อดีของการทำงานบนเรือบ้างดีกว่า
สิ่งที่เรือส่วนใหญ่จะมีให้คือ อาหาร,ที่พัก(cabin),fitness center,Crew Bar,Talent Show,Party (บ่อยมาก),Tour free เป็นต้น (ย้ำว่า ทุกอย่างคือ FREE!!!) โดยขึ้นอยู่กับบริษัท แล้วแต่เรือลำนั้นๆว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง แต่ที่แน่นอนคือ อาหารฟรี ที่พักฟรีแน่นอน
เพราะฉะนั้นลองคิดดูว่า ถ้าคุณทำงานบนบก และบนเรือ ในจำนวนเงินเดือนเท่ากันที่ 15,000 บาท
ในเรือ คุณรับ 15,000 บาท คุณไม่มีอะไรให้เสียค่าใช้จ่ายเลย อาจจะมี ของใช้ส่วนตัวบ้าง อาจจะตกอยู่ที่ 2,000 บาท(สมมุติ) เท่ากับคุณจะเหลือเงินเก็บแน่นอน 13,000 บาท คุณไปทำงาน 8 เดือน เท่ากับคุณจะมีเงินเก็บ 104,000 บาท
เทียบกับทำงานบนบก คุณรับ 15,000 บาท ในแต่ละวันคุณจะต้องเสีย ค่าเดินทาง ค่ากิน อาจจะมีค่าที่พัก ยกตัวอย่างเช่น ค่ารถวันละ 60(หยุดวันอาทิตย์รวม1เดือนอยู่ที่ 1,560 บาท) อาหารวันละ 120 บาท/3มื้อ (รวม1เดือนอยู่ที่ 3,600 บาท) ค่าของใช้ส่วนตัวเดือนละ 2,000 บาท เหลือประมาณ 7,840 บาท ไม่รวมในกรณีบางคนต้องเสียค่าเช่าห้อง บางคนมีค่าปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน ไม่รวมค่าน้ำ ค่าขนมนมเนย ถ้าหักค่าใช้จ่ายแล้วจะเหลือเก็บอยู่ที่ 7,000 บาท เท่ากับว่า 1 ปี คุณจะเก็บได้ 84,000 บาท ถ้าถามจริงๆแล้ว 1 ปี คุณสามารถเก็บได้ถึง 84,000 รึเปล่า
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนทำงานบนเรือจะเก็บเงินได้เยอะเสมอไป ทุกอย่าง มันขึ้นอยู่กับการใช้เงิน ต่อให้คุณอยู่บนเรือ แต่ถ้าคุณเอาเงินที่ได้ ไปเล่นการพนัน(Casino) เงินคุณก็หมดได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างคนเขียน ขึ้นอเมริกา ขึ้นยุโรป ทีก็ช๊อปกระจายพอตัว เสื้อผ้า ของแบรนด์ กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม
แต่ประเด็นคือ งานบนเรือเงินเดือนไม่ได้เริ่มที่ 15,000 บาท เราจะคิดเงินเดือนเป็นเหรียญ น้อยๆจะเริ่มที่ประมาณ 600 เหรียญ หรือประมาณ(x34) 20,400 บาท
โดยรายได้ประมาณคร่าวๆดังนี้
Housekeeping จะอยู่ที่ 600-4,000 $
Cleaner , Pool Attendant 600-900$
Linenkeeper 600-900$
Cabin attendant หรือ Stateroom 1,000 – 5,000
Bar Department จะอยู่ที่ 550-5,000 $ (ขอบอกว่าเป็นแผนกที่ นับเงินเพลินมือมากๆ)
Bar Server
Bar Utility
Bartender
Mixologist
Barista
Dining Room จะอยู่ที่ 800-4,000$
Assistant Waiter
Room Service Attendant
Snack Attendant
Waiter
Culinary เริ่มต้นประมาณ 700+ (อันนี้ออกตัวก่อนว่าไม่ทราบเลย เป็นแผนกที่มีความหลากหลายจริงๆ)
Baker
Butcher
Chef de Partie
Commis Cook
Buffet Cook
Sushi Cook
อื่นๆ เยอะมาก
Photographer เริ่มต้นประมาณ 1,000+
*ทั้งนี้ ในการเรียกชื่อตำแหน่ง อาจจะแตกต่างกันไปตามบริษัท
สายที่ได้เงินเยอะสุดๆ จะเป็นสายเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เพราะบางเดือนคุณอาจจะได้เดือนเป็นแสนบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับทิป ส่วนแบ่งการขาย ยิ่งคุณขยันขายมากเท่าไหร่ เงินแสนก็อยู่ไม่ไกล
แต่ผู้เขียนขอแนะนำอีกอย่างค่ะว่า ยังมีอีกหลายแผนกที่คุณสามารถทำได้ถ้าคุณมีความรู้ความสามารถในด้านนั้นๆ โดยที่เอเจนซี่ในบ้านเราไม่ได้รับสมัคร แต่ถ้าคุณไปอยู่บนเรือ คุณก็สามารถสมัครได้ ยกตัวอย่าง ในบริษัท Royal Caribbean International ทางบริษัทจะมี Job เปิดรับสมัคร และสามารถฝึกงานได้ โดยที่คุณอาจจะเริ่มจาก Cleaner หรือพนักงานเสริฟ แต่คุณสามารถเปลี่ยนไปสมัครตำแหน่งอื่นๆได้ เช่น
Human resource
Guest relation (แต่แผนกนี้ ต้องพูดได้มากกว่าภาษาอังกฤษนะคะ เช่น ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี ดัตช์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เป็นต้น)
Front Desk
Concierge
Guest Services Officer
Guest Activities (หลากหลายเยอะมาก ไม่ว่าจะด้านมีเดีย เสียง ภาพ ด้านกีฬา ด้านการพูด)
Stage Staff
Entertainment Staff Production
Technical Stage Staff
Activity Staff
Sport Staff (มีความรู้ ทำงานทางด้านกีฬา)
Youth Staff (ทำงานกับเด็ก ใครเป็นครู หรือทำงานด้านเด็ก ก็สมัครได้)
อื่นๆ
Finance
Admin Purser – Payroll
Administration Purser
Facilities (สารพัดช่าง)
Plumber
Carpenter
Repairman
โดยในบางตำแหน่งทางเอเจนซี่ก็เปิดรับเช่นกัน แต่อาจจะสมัครยากนิดนึง ถือว่าบริษัท Royal Caribbean International เปิดโอกาสให้คนมีความสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ (แอบเชียร์บริษัทที่ทำงาน)
พอเราเลือกได้แล้วว่าอยากไปทำงานอะไร เราต้องมาสำรวจตัวเองว่า เรามีคุณสมบัติ 2 สิ่งนี้ไหม คือ ภาษาอังกฤษ และประสบการณ์ (อย่างน้อย 6 เดือน)
ปล.แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์น้อยกว่า 6 เดือน ก็ยังสามารถสมัครได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในตอนสัมภาษณ์ว่าคุณมีความรู้ในสายงานที่คุณสมัครแค่ไหน
เช่น สำหรับแม่บ้าน คุณต้องเคยผ่านงานโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มาก่อน
งานสายเสิร์ฟ ต้องมีประสบการณ์ด้านร้านอาหาร หรือ บาร์
งานถ่ายภาพ จะเน้นไปที่ ผลงานการถ่ายภาพ
คุณสมบัติทั่วไป
อายุ 21-35 ปี (มากกว่าก็ยังสมัครได้อยู่ ในบริษัทให้คุณทำงานจนเกษียญ)
ประสบการณ์ (อย่างน้อย 6 เดือน หรือน้อยกว่าตามความสามารถ)
ภาษาอังกฤษ
ใจรักงานบริการ
สุขภาพแข็งแรง
ค่าใช้จ่าย
สำหรับเรือบางบริษัท ทุกอย่างฟรีหมด ค่าตรวจสุขภาพ ค่าตั๋ว ค่าวีซ่า เก็บใบเสร็จไปเบิกได้ เช่น Norwegian
บางบริษัทต้องจ่ายเอง แต่อาจจะเฉพาะรอบแรกเท่านั้น หลักจากที่ไปทำงานครบ Contract เขาจะจ่ายค่าตั๋วให้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบริษัท
สำหรับคนที่ไม่มั่นใจว่าจะเปลี่ยนสายงานดีไหม เราขอแนะนำท่านว่า ให้ไปสมัครเป็นพาร์ททาร์มก็ได้ ทำงานให้ครบ 6 เดือน แล้วขอใบรับรองการทำงาน ก็ได้เหมือนกัน
ขอยกตัวอย่าง โดยเล่าเรื่องส่วนตัว
คนเขียนตอนนั้นอายุ 23 ปี เพิ่งจบปริญญาตรี เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ไปสมัครงานเป็น Back Office ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในระหว่างนั้นได้ขอฝึกงานสายแม่บ้าน ในช่วงวันหยุด (ฟรีไม่รับเงินด้วย) ประมาณ 3-4 เดือน หลังจากนั้นก็ลองไปสัมภาษณ์กับเอเจนซี่ แล้วเราก็ผ่านการสัมภาษณ์ ได้ขึ้นเรือของบริษัท Royal Caribbean
***เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังไม่ได้ลอง ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ โอกาสยังรอเราอยู่***
ถ้ามีคนอ่านมาถึงตรงนี้ กระทู้หน้าจะเขียนเรื่อง การไปทำงานด้วยตัวเองแบบไม่ผ่านเอเจนซี่