**พิรุณแห่งรัก**
“ความรักคือ อะไร ทำไมใครต่อใคร มักตั้งคำถามแบบนี้
ถ้าเปรียบความรักเหมือนดั่งฝน บางคนเห็นฝนก็พลอยชุ่มฉ่ำใจดั่งผืนดินแห้งได้ซับสายน้ำ
หรือบางคนเห็นฝนทีไรก็อยากร้องไห้ทุกที เหมือนฟ้าจะร้องไห้ให้หัวใจที่ปวดช้ำ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ... ฝนจะโปรยปรายมาอย่างไร ฉันก็ยังคงชอบสายฝนอยู่ดี....
ฉันต้องการความรัก ที่เปรียบดั่งหยาดฝนมาสู่หัวใจฉัน เวลานั้นอาจจะชุ่มฉ่ำ หรือ เวลานั้น ฉันอาจจะร้องไห้
ฉันก็ยังจะรักสายฝน ฤดูที่ฉันรัก.....
เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาข้างหลัง ทำให้วรรษา หญิงสาวในวัยดรุณี ต้องเหลียวหลังกลับไปมอง และพบว่าเสียงฝีเท้านั้นเป็นเสียงของคนที่เธอรู้จัก เจ้านายเธอนั่นเอง
เขาวิ่งกางร่มมา พร้อมกับมีร่มอีกคันในมือ วรรษา รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ทันได้เอ่ยทักอะไรไป ชายหนุ่มก็หยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมยื่นร่มให้
“เดินตากฝนมาทำไม” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มเล็กน้อยเชิงดุเบา ๆ
“ก็ฝนมันไม่ได้ตกมากนี่คะ แบบนี้สบายมาก เดินแป๊บเดียวเองจากร้านก็ถึงที่พักแล้ว”
“ต้องรู้จักดูแลตัวเองนะ วรรษา .... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาช่วยที่ร้านไม่ได้” ชายหนุ่มขยี้ศีรษะของเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“เอ้า เอานี่ไป ช่วงนี้ฤดูฝน พกร่มไปไหนมาไหนด้วยนะ” ชายหนุ่มยื่นร่มให้วรรษา พร้อมกับถุงกระดาษที่บรรจุ แซนวิช 2 ชิ้น
“แล้วนี่ก็แซนวิช สำหรับพรุ่งนี้เช้า ไปก่อนนะ” เขาแตะที่แขนของวรรษาเบา ๆ พร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้ ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินกลับไปยังทางเดิม
วรรษายังยืนมองชายหนุ่มที่เดินหันหลังกลับไป เธอกางร่มที่ได้รับจากเขา แม้ฝนจะตกปรอยปรอยเท่านั้น แต่เขายังห่วงใย ยิ่งตามเอาร่มมาให้แบบนี้ ทำเอาวรรษาพลอยเคลิ้มเผลอมีรอยยิ้มระบายบนใบหน้า
ความบังเอิญที่ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันโดยไม่บังเอิญ วรรษาได้หวนคิดถึงวันวานที่ ความวุ่นวาย ได้นำให้วรรษาได้มาเจอกับ ภูศิลป์ จนกระทั่งกลายเป็นเจ้านายลูกน้องที่เกื้อกูลกัน
เสียงของความวุ่นวายยามเช้า.... รถเมล์ที่จอดเทียบป้ายคันแล้วคันเล่าแล้วก็เร่งเครื่องออกไป มาอย่างเร็ว ไปอย่างรวดเร็ว จนชีวิตของคนในกรุงเทพฯ เหมือนจะต้องวิ่งแข่งกันอย่างนี้เรื่อยไป
พอรถเมล์สายประจำที่รอคอยมา คนที่รอคอยอยู่ป้ายรถเมลล์ ต่างตั้งท่าอย่างกับนักวิ่ง รอออกตัวกันทีเดียว เช่นเดียวกันกับเช้าวันนี้อย่างที่คุ้นเคย วรรษา ในชุดนักศึกษาตื่นเช้าไปยืนคอยรถเมลล์เพื่อมุ่งหน้าไปเรียนมหาลัยเหมือนเช่นเคย ... ความเร่งรีบในยามเช้าเพื่อให้ทันเวลา ทำให้วรรษา ชอบที่จะใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงสบาย ๆ เพื่อหามุมสงบส่วนตัวในความวุ่นวายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตในเมืองมันช่างแตกต่างกับบ้านเกิดของเธออย่างห่างไกลทีเดียว
“อีกหน่อยถ้าหารายได้พิเศษได้บ้างแล้วหล่ะก็ ฉันจะย้ายไปพักใกล้มหาลัยเลย” วรรษาคิดวางแผนไว้
การเข้าเรียน ชั้น ปี 1 ของมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทำให้วรรษาต้องปรับตัว และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างประหยัด ตามแบบฉบับของเด็กที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่ได้โอกาสที่จะมาเรียนต่อในเมืองหลวง
ขณะที่วรรษาครุ่นคิดเพลิน ๆ โดยไม่ทันระวัง
“เอี๊ยด...” เสียงรถเมลล์เหยียบเบรคอย่างกระชั้นชิด ตามมาด้วยคนที่ยืนโหนอยู่ตรงกลางต่าง ๆ ถูกเทเอียงไปด้านหน้า วรรษา ร่างของเธอไปกระแทกกับชายหนุ่มที่ยืนโหนราวข้างหน้าเธออย่างไม่ตั้งใจ
เสียงของคนขับรถโวยวายอย่างหัวเสีย “ไอ้มอเตอร์ไซด์บ้า ตัดหน้าอย่างนี้ได้ไงวะ”
ผู้โดยสารโอดโอยกัน ในขณะที่วรรษาเองก็ละล่ำละลัก กล่าวขอโทษ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
เขาเพียงสะบัดศีรษะว่าไม่เป็นไร แต่ก็ดูจะหัวเสียนิดหน่อยเช่นเดียวกัน
คนขับรถเมลล์ออกรถต่อ .. วรรษาเองไม่รู้ตัวเลยว่า หูฟังของเธอได้หลุดและสายหูฟังได้ไปพันกับสายกระเป๋าสะพานของชายหนุ่มข้างหน้า
“ป้ายหน้าเพ่ ป้ายหน้าเพ่” เสียงกระเป๋ารถเมลล์ตะโกนเพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมตัว
ชายหนุ่มรีบขยับเพื่อเตรียมตัวไปรอลงที่หน้าประตูรถ จังหวะนั้นเอง เขาก็รู้ตัวว่า มีบางอย่างดึงอยู่ที่สายกระเป๋าสะพายของเขา
สายหูฟังของวรรษานั่นเอง ที่ไปเกี่ยวกับกระเป๋าสะพายของชายหนุ่ม
“โอ๊ะ..” วรรษาร้องอย่างแปลกใจ
รถเมลล์ตรงจอดเทียบป้าย
“โอ๊ะ..” ชายหนุ่มก็ร้องด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้คนกรูกันจากรถเมลล์ และในขณะเดียวกัน ผู้คนที่ยืนรอที่ป้ายรถเมลล์ก็กรูกันขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ ..” วรรษา พยายามจะแก้หูฟังของเธอจากสายสะพายกระเป๋าของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเริ่มสังเกตหญิงสาวตรงหน้า “เปิ่นเอ๊ย..” เขาคิดในใจ
“วันนี้วันอะไรวะ รถก็เสีย ฟ้าก็ยังครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตกอีก” เขาเองก็หงุดหงิดไม่น้อยแต่ไม่ได้กล่าวอะไรไป
เขาช่วยวรรษาแก้สายหูฟังที่พันกับกระเป๋าของเขา แต่ว่าก็ไม่ทันที่เขาจะลงป้ายนี่แล้ว เพราะรถได้เคลื่อนตัวออกอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ขอโทษนะคะ” วรรษารู้สึกเขินเล็กน้อย ที่สายหูฟังของเธอไปพันกับสายสะพายกระเป๋าของชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งน่าจะเกิดตรงช่วงที่รถเมลล์เบรคกระทันหันทำให้หูฟังของเธอหลุดไปและไปเกี่ยวกับกระเป๋าของเขา
เขาส่ายหน้าอย่างหัวเสียอีกครั้ง “ไม่เป็นไรครับ”
“ก็เขาไม่ได้ตั้งใจนี่หน่า ทำหน้าหงุดหงิดอยู่ได้” วรรษาคิดในใจ
“ลงป้ายหน้าก็แล้วกัน..” ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเอง
“ป้ายหน้าเพ่ ป้ายหน้าเพ่” เสียงกระเป๋ารถเมลล์เตือนอีกครั้ง
ชายหนุ่มเตรียมตัวที่จะลงป้ายรถเมลล์นี้ ป้ายเดียวกันกับที่วรรษาจะลงเพื่อไปมหาวิทยาลัย
รถเมลล์เทียบจอดป้าย ประตูเปิด ผู้คนกรูกันลงไป หรือฟ้าจะกลั่นแกล้งอย่างไร ฝนเทลงมาอย่างหนักทีเดียว ณ เวลานี้ผู้คนต่างวิ่งเบียดเสียดกันหลบฝนที่ป้ายรถเมลล์ ซึ่งมีหลังคายื่นออกมาพอหลบฝนได้ แต่เนื่องจากเป็นจุดหน้ามหาวิทยาลัย ผู้คนจึงแน่นยัดเยียดกันหลบฝน
ชายหนุ่มเอง ก็ต้องหลบฝนเช่นกัน โดยไม่ตั้งใจวรรษาเองก็ยืนหลบฝนข้าง ๆ เขา
แม่กับเด็กน้อยประมาณ 7 ขวบ คู่หนึ่งวิ่งกางร่มมาเพื่อมาร่วมหลบฝนที่ป้ายรถเมลล์ ผู้คนต่างพากันขยับให้แม่ลูกคู่นี้เบียดเข้ามาหลบฝนได้ ฝนที่เทอย่างหนักลงมา ทำให้ผู้เป็นแม่เองเป็นห่วงลูกน้อย ว่าจะพากันเปียกปอนฝน จึงหาที่หลบ
วรรษาขยับตัวใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น เพราะแม่ลูกมายืนอยู่ถัดจากเธอ ในจังหวะนั้นเอง ผู้เป็นแม่ชูร่มของเธอที่กางออกขึ้นแล้วหุบร่มที่มีน้ำฝนลงโดยไม่ทันระวังว่า หยดน้ำฝนได้ไหลกระเด็นลงใส่วรรษาที่อยู่ในชุดนักศึกษา
วรรษา สะดุ้ง เพราะหยาดน้ำฝนไหลลงใส่ศีรษะเธอ ดูเหมือนผู้เป็นแม่ไม่รู้ตัวเท่าไร แต่ชายหนุ่มที่ยืนข้าง ๆ หันมามอง เขาหัวเราะเบา ๆ
เธอรู้สึกโกรธและรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นชายหนุ่มข้าง ๆ หัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
จังหวะที่วรรษามองหน้าชายหนุ่มด้านข้าง เธอเริ่มสังเกตเห็นว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่สูงทีเดียว และแลดูดีมาก เมื่อเขายิ้ม ใบหน้าของเขาจะดูสดใส ซึ่งแตกต่างจากเมื่อสักครู่ ขณะที่อยู่บนรถเมลล์ ผมสีดำเข้มอาจจะดูยุ่งนิดหน่อยเพราะโดนฝน แต่ก็รู้ได้ทันทีเลยว่า เขาค่อนข้างเป็นชายหนุ่มที่ใส่ใจดูแลตัวเอง ทรงผมอันเดอร์คัทอย่างกับถอดแบบนายแบบโมเดิร์นมาเชียว
แต่เธอจะรู้สึกดีกว่านี้ ถ้าเขาจะไม่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นเธอเปียกฝนแบบนี้
ชายหนุ่มเองเริ่มสังเกตหญิงสาวที่ยืนข้าง ๆ เด็กมหาลัย สะพายกระเป๋าเป้ ใส่กระโปรงดำเลยเข่า รวบผมทรงดังโงะหลวม ๆ ปอยผมหลุดหลุ่ยปกหน้าผากใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์อย่างเต็มที่อย่างที่เขาคุ้นเคยกับคนใกล้ที่ผ่านมา มีเพียงลิปกลอสบาง ๆ ที่ระบายไว้บนริมฝีปาก แต่มันก็เผลอทำให้เขาเพ่งมองดูอย่างรู้สึกสนใจไม่ใช่น้อย
...เขาแอบยิ้มขำ ๆ ที่เห็นเธอสะดุ้งตอนที่ผู้เป็นแม่ของเด็กชายหุบร่มอย่างไม่ทันระวังคนข้าง ๆ
เขาเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบผ้าเช็ดหน้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก ที่เขามักติดตัวไปไหนเสมอ ส่งให้หญิงสาว ...
วรรษาแปลกใจ ยื่นมาให้ทำไม
**พิรุณแห่งรัก** ตอนที่ 1
“ความรักคือ อะไร ทำไมใครต่อใคร มักตั้งคำถามแบบนี้
ถ้าเปรียบความรักเหมือนดั่งฝน บางคนเห็นฝนก็พลอยชุ่มฉ่ำใจดั่งผืนดินแห้งได้ซับสายน้ำ
หรือบางคนเห็นฝนทีไรก็อยากร้องไห้ทุกที เหมือนฟ้าจะร้องไห้ให้หัวใจที่ปวดช้ำ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ... ฝนจะโปรยปรายมาอย่างไร ฉันก็ยังคงชอบสายฝนอยู่ดี....
ฉันต้องการความรัก ที่เปรียบดั่งหยาดฝนมาสู่หัวใจฉัน เวลานั้นอาจจะชุ่มฉ่ำ หรือ เวลานั้น ฉันอาจจะร้องไห้
ฉันก็ยังจะรักสายฝน ฤดูที่ฉันรัก.....
เสียงฝีเท้าวิ่งตามมาข้างหลัง ทำให้วรรษา หญิงสาวในวัยดรุณี ต้องเหลียวหลังกลับไปมอง และพบว่าเสียงฝีเท้านั้นเป็นเสียงของคนที่เธอรู้จัก เจ้านายเธอนั่นเอง
เขาวิ่งกางร่มมา พร้อมกับมีร่มอีกคันในมือ วรรษา รู้สึกแปลกใจ แต่ไม่ทันได้เอ่ยทักอะไรไป ชายหนุ่มก็หยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมยื่นร่มให้
“เดินตากฝนมาทำไม” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มเล็กน้อยเชิงดุเบา ๆ
“ก็ฝนมันไม่ได้ตกมากนี่คะ แบบนี้สบายมาก เดินแป๊บเดียวเองจากร้านก็ถึงที่พักแล้ว”
“ต้องรู้จักดูแลตัวเองนะ วรรษา .... เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาช่วยที่ร้านไม่ได้” ชายหนุ่มขยี้ศีรษะของเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“เอ้า เอานี่ไป ช่วงนี้ฤดูฝน พกร่มไปไหนมาไหนด้วยนะ” ชายหนุ่มยื่นร่มให้วรรษา พร้อมกับถุงกระดาษที่บรรจุ แซนวิช 2 ชิ้น
“แล้วนี่ก็แซนวิช สำหรับพรุ่งนี้เช้า ไปก่อนนะ” เขาแตะที่แขนของวรรษาเบา ๆ พร้อมส่งรอยยิ้มละมุนให้ ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินกลับไปยังทางเดิม
วรรษายังยืนมองชายหนุ่มที่เดินหันหลังกลับไป เธอกางร่มที่ได้รับจากเขา แม้ฝนจะตกปรอยปรอยเท่านั้น แต่เขายังห่วงใย ยิ่งตามเอาร่มมาให้แบบนี้ ทำเอาวรรษาพลอยเคลิ้มเผลอมีรอยยิ้มระบายบนใบหน้า
ความบังเอิญที่ทำให้ทั้งคู่มาเจอกันโดยไม่บังเอิญ วรรษาได้หวนคิดถึงวันวานที่ ความวุ่นวาย ได้นำให้วรรษาได้มาเจอกับ ภูศิลป์ จนกระทั่งกลายเป็นเจ้านายลูกน้องที่เกื้อกูลกัน
เสียงของความวุ่นวายยามเช้า.... รถเมล์ที่จอดเทียบป้ายคันแล้วคันเล่าแล้วก็เร่งเครื่องออกไป มาอย่างเร็ว ไปอย่างรวดเร็ว จนชีวิตของคนในกรุงเทพฯ เหมือนจะต้องวิ่งแข่งกันอย่างนี้เรื่อยไป
พอรถเมล์สายประจำที่รอคอยมา คนที่รอคอยอยู่ป้ายรถเมลล์ ต่างตั้งท่าอย่างกับนักวิ่ง รอออกตัวกันทีเดียว เช่นเดียวกันกับเช้าวันนี้อย่างที่คุ้นเคย วรรษา ในชุดนักศึกษาตื่นเช้าไปยืนคอยรถเมลล์เพื่อมุ่งหน้าไปเรียนมหาลัยเหมือนเช่นเคย ... ความเร่งรีบในยามเช้าเพื่อให้ทันเวลา ทำให้วรรษา ชอบที่จะใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงสบาย ๆ เพื่อหามุมสงบส่วนตัวในความวุ่นวายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตในเมืองมันช่างแตกต่างกับบ้านเกิดของเธออย่างห่างไกลทีเดียว
“อีกหน่อยถ้าหารายได้พิเศษได้บ้างแล้วหล่ะก็ ฉันจะย้ายไปพักใกล้มหาลัยเลย” วรรษาคิดวางแผนไว้
การเข้าเรียน ชั้น ปี 1 ของมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทำให้วรรษาต้องปรับตัว และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างประหยัด ตามแบบฉบับของเด็กที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี แต่ได้โอกาสที่จะมาเรียนต่อในเมืองหลวง
ขณะที่วรรษาครุ่นคิดเพลิน ๆ โดยไม่ทันระวัง
“เอี๊ยด...” เสียงรถเมลล์เหยียบเบรคอย่างกระชั้นชิด ตามมาด้วยคนที่ยืนโหนอยู่ตรงกลางต่าง ๆ ถูกเทเอียงไปด้านหน้า วรรษา ร่างของเธอไปกระแทกกับชายหนุ่มที่ยืนโหนราวข้างหน้าเธออย่างไม่ตั้งใจ
เสียงของคนขับรถโวยวายอย่างหัวเสีย “ไอ้มอเตอร์ไซด์บ้า ตัดหน้าอย่างนี้ได้ไงวะ”
ผู้โดยสารโอดโอยกัน ในขณะที่วรรษาเองก็ละล่ำละลัก กล่าวขอโทษ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
เขาเพียงสะบัดศีรษะว่าไม่เป็นไร แต่ก็ดูจะหัวเสียนิดหน่อยเช่นเดียวกัน
คนขับรถเมลล์ออกรถต่อ .. วรรษาเองไม่รู้ตัวเลยว่า หูฟังของเธอได้หลุดและสายหูฟังได้ไปพันกับสายกระเป๋าสะพานของชายหนุ่มข้างหน้า
“ป้ายหน้าเพ่ ป้ายหน้าเพ่” เสียงกระเป๋ารถเมลล์ตะโกนเพื่อให้ผู้โดยสารเตรียมตัว
ชายหนุ่มรีบขยับเพื่อเตรียมตัวไปรอลงที่หน้าประตูรถ จังหวะนั้นเอง เขาก็รู้ตัวว่า มีบางอย่างดึงอยู่ที่สายกระเป๋าสะพายของเขา
สายหูฟังของวรรษานั่นเอง ที่ไปเกี่ยวกับกระเป๋าสะพายของชายหนุ่ม
“โอ๊ะ..” วรรษาร้องอย่างแปลกใจ
รถเมลล์ตรงจอดเทียบป้าย
“โอ๊ะ..” ชายหนุ่มก็ร้องด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้คนกรูกันจากรถเมลล์ และในขณะเดียวกัน ผู้คนที่ยืนรอที่ป้ายรถเมลล์ก็กรูกันขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ ..” วรรษา พยายามจะแก้หูฟังของเธอจากสายสะพายกระเป๋าของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มเริ่มสังเกตหญิงสาวตรงหน้า “เปิ่นเอ๊ย..” เขาคิดในใจ
“วันนี้วันอะไรวะ รถก็เสีย ฟ้าก็ยังครึ้ม ๆ เหมือนฝนจะตกอีก” เขาเองก็หงุดหงิดไม่น้อยแต่ไม่ได้กล่าวอะไรไป
เขาช่วยวรรษาแก้สายหูฟังที่พันกับกระเป๋าของเขา แต่ว่าก็ไม่ทันที่เขาจะลงป้ายนี่แล้ว เพราะรถได้เคลื่อนตัวออกอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ขอโทษนะคะ” วรรษารู้สึกเขินเล็กน้อย ที่สายหูฟังของเธอไปพันกับสายสะพายกระเป๋าของชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งน่าจะเกิดตรงช่วงที่รถเมลล์เบรคกระทันหันทำให้หูฟังของเธอหลุดไปและไปเกี่ยวกับกระเป๋าของเขา
เขาส่ายหน้าอย่างหัวเสียอีกครั้ง “ไม่เป็นไรครับ”
“ก็เขาไม่ได้ตั้งใจนี่หน่า ทำหน้าหงุดหงิดอยู่ได้” วรรษาคิดในใจ
“ลงป้ายหน้าก็แล้วกัน..” ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเอง
“ป้ายหน้าเพ่ ป้ายหน้าเพ่” เสียงกระเป๋ารถเมลล์เตือนอีกครั้ง
ชายหนุ่มเตรียมตัวที่จะลงป้ายรถเมลล์นี้ ป้ายเดียวกันกับที่วรรษาจะลงเพื่อไปมหาวิทยาลัย
รถเมลล์เทียบจอดป้าย ประตูเปิด ผู้คนกรูกันลงไป หรือฟ้าจะกลั่นแกล้งอย่างไร ฝนเทลงมาอย่างหนักทีเดียว ณ เวลานี้ผู้คนต่างวิ่งเบียดเสียดกันหลบฝนที่ป้ายรถเมลล์ ซึ่งมีหลังคายื่นออกมาพอหลบฝนได้ แต่เนื่องจากเป็นจุดหน้ามหาวิทยาลัย ผู้คนจึงแน่นยัดเยียดกันหลบฝน
ชายหนุ่มเอง ก็ต้องหลบฝนเช่นกัน โดยไม่ตั้งใจวรรษาเองก็ยืนหลบฝนข้าง ๆ เขา
แม่กับเด็กน้อยประมาณ 7 ขวบ คู่หนึ่งวิ่งกางร่มมาเพื่อมาร่วมหลบฝนที่ป้ายรถเมลล์ ผู้คนต่างพากันขยับให้แม่ลูกคู่นี้เบียดเข้ามาหลบฝนได้ ฝนที่เทอย่างหนักลงมา ทำให้ผู้เป็นแม่เองเป็นห่วงลูกน้อย ว่าจะพากันเปียกปอนฝน จึงหาที่หลบ
วรรษาขยับตัวใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น เพราะแม่ลูกมายืนอยู่ถัดจากเธอ ในจังหวะนั้นเอง ผู้เป็นแม่ชูร่มของเธอที่กางออกขึ้นแล้วหุบร่มที่มีน้ำฝนลงโดยไม่ทันระวังว่า หยดน้ำฝนได้ไหลกระเด็นลงใส่วรรษาที่อยู่ในชุดนักศึกษา
วรรษา สะดุ้ง เพราะหยาดน้ำฝนไหลลงใส่ศีรษะเธอ ดูเหมือนผู้เป็นแม่ไม่รู้ตัวเท่าไร แต่ชายหนุ่มที่ยืนข้าง ๆ หันมามอง เขาหัวเราะเบา ๆ
เธอรู้สึกโกรธและรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นชายหนุ่มข้าง ๆ หัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ
จังหวะที่วรรษามองหน้าชายหนุ่มด้านข้าง เธอเริ่มสังเกตเห็นว่า เขาเป็นชายหนุ่มที่สูงทีเดียว และแลดูดีมาก เมื่อเขายิ้ม ใบหน้าของเขาจะดูสดใส ซึ่งแตกต่างจากเมื่อสักครู่ ขณะที่อยู่บนรถเมลล์ ผมสีดำเข้มอาจจะดูยุ่งนิดหน่อยเพราะโดนฝน แต่ก็รู้ได้ทันทีเลยว่า เขาค่อนข้างเป็นชายหนุ่มที่ใส่ใจดูแลตัวเอง ทรงผมอันเดอร์คัทอย่างกับถอดแบบนายแบบโมเดิร์นมาเชียว
แต่เธอจะรู้สึกดีกว่านี้ ถ้าเขาจะไม่หัวเราะออกมาเมื่อเห็นเธอเปียกฝนแบบนี้
ชายหนุ่มเองเริ่มสังเกตหญิงสาวที่ยืนข้าง ๆ เด็กมหาลัย สะพายกระเป๋าเป้ ใส่กระโปรงดำเลยเข่า รวบผมทรงดังโงะหลวม ๆ ปอยผมหลุดหลุ่ยปกหน้าผากใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางค์อย่างเต็มที่อย่างที่เขาคุ้นเคยกับคนใกล้ที่ผ่านมา มีเพียงลิปกลอสบาง ๆ ที่ระบายไว้บนริมฝีปาก แต่มันก็เผลอทำให้เขาเพ่งมองดูอย่างรู้สึกสนใจไม่ใช่น้อย
...เขาแอบยิ้มขำ ๆ ที่เห็นเธอสะดุ้งตอนที่ผู้เป็นแม่ของเด็กชายหุบร่มอย่างไม่ทันระวังคนข้าง ๆ
เขาเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบผ้าเช็ดหน้าขนหนูสีขาวผืนเล็ก ที่เขามักติดตัวไปไหนเสมอ ส่งให้หญิงสาว ...
วรรษาแปลกใจ ยื่นมาให้ทำไม