[เรื่องสั้น] ความคิดถึงที่ไม่ได้ส่ง

ครืน…ครืน
เสียงฟ้าร้อง เมฆสีเทาทะมึนก้อนใหญ่คล้อยตัวลงต่ำ คล้ายสำลีที่อุ้มน้ำไว้จนชุ่มพร้อมที่จะปล่อยหยดน้ำลงมาทุกเมื่อ  ต้นหูกวางใหญ่ไหวเอนไปตามแรงลมที่พัดกระหน่ำดูน่ากลัวราวกับจะมีพายุ เป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ฝนห่าใหญ่กำลังจะตกลงมา เหล่านักศึกษาที่ทำกิจกรรมอยู่นอกอาคารเรียนหรือในสนามพากันวิ่งหาที่หลบฝนกันจ้าละหวั่น หลายคนวิ่งมาหลบฝนใต้อาคารเรียนที่เธอนั่งทำรายงานอยู่ … รวมทั้ง ‘เขา’ คนนั้นด้วย

เนตรดาวเงยหน้ามองกลุ่มนักศึกษาที่วิ่งเข้ามาหลบฝน บางคนเริ่มมีร่องรอยของหยาดน้ำฝนประปราย
  ‘อา…ฝนเริ่มตกแล้วสินะ’
เธอกวาดตามองกลุ่มนักศึกษาที่ยืนบ้าง นั่งบ้าง บางคนหัวเสีย บางคนกำลังจัดเสื้อผ้า ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงจากลมพัดแรงในช่วงที่วิ่งมา ท่ามกลางคนเหล่านั้น … ก็เหมือนมีแสงไฟส่องสว่างไปที่แผ่นหลังสีขาวของคนๆหนึ่งให้โดดเด่นท่ามกลางแผ่นหลังสีขาวทั้งหลายที่ละลานตาเบื้องหน้า  ไม่มีใครโดดเด่นในสายตาเธอเท่า ‘เขา’ เลย

เธอ…แอบมองเขาอีกแล้ว  นานเท่าไหร่แล้วนะ…ที่เธอแอบมองเขาอย่างนี้
เธอแอบมองเขาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลยมั้ง   เจอกันครั้งแรกก็…ที่นี่ล่ะ..ใต้อาคารที่กำลังหลบฝนกันอยู่นี่ล่ะ!
    
วันนั้นเป็นวันสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนคณะนี้หลังจากพวกเราสอบผ่านข้อเขียนกันแล้ว  ตอนที่เธอมาถึงนั้นมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนต่างๆที่ผ่านข้อเขียนเข้ามาด้วยกันกระจายนั่งกันเป็นกลุ่มบ้าง เดี่ยวบ้างใต้อาคารนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารของคณะที่พวกเราจะเข้าเรียน  เธอเลือกนั่งโต๊ะม้าหินอ่อนที่ว่างอยู่มุมหนึ่ง ก็ตื่นเต้นอยู่บ้างล่ะนะ สอบสัมภาษณ์อาจจะไม่มีอะไร  แต่ถ้าทำได้ไม่ดีก็อดเข้าเรียนเหมือนกัน  สักพัก…สายตาเธอก็หันไปเห็น ‘เขา’ ในชุดนักเรียนมัธยมปลายเสื้อขาว กางเกงขาสั้นสีดำ สะพายเป้สีดำอยู่ด้านหลัง ผมเริ่มยาวจนเกินจะเป็นรองทรงซึ่งเป็นทรงผมที่ถูกระเบียบของนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป  กำลังหันไปยิ้มกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน  จากมุมของเนตรดาวนั้น … เธอเห็นรอยยิ้มอันสดใสเต็มตาราวกับว่าเขายิ้มให้กับเธอคนเดียว มันเป็นยิ้มที่ทำให้โลกสว่างไสวเสียจริง

ตั้งแต่วันนั้นมาเธอก็แอบมองเจ้าของรอยยิ้มนั้นอยู่เรื่อยๆอย่างเงียบๆ  เธอกับเขาเรียนคณะเดียวกัน ชั้นปีเดียวกันก็จริง แต่ทว่าท่ามกลางนักศึกษาชั้นปีละเฉียดร้อยนั้น ก็มีไม่บ่อยที่เธอและเขาจะโคจรมาอยู่ใกล้กัน  และทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้กันก็ยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกดีๆของเธอที่มีต่อเขาให้มันมากขึ้นไปเรื่อยๆ บางครั้ง..เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคล้ายดาวเคราะห์แคระ .. พลูโต…ที่แสนจะอยู่ห่างไกล แม้มันจะได้สัมผัสแสงสว่างของดวงอาทิตย์ในช่วงสั้นๆ แต่ก็ทำให้อบอุ่นได้ยาวนาน

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อขึ้นเทอมที่สองของปีการศึกษาแรก  เธอก็พบว่าไม่ได้มีแค่เธอที่ประทับใจเจ้าของรอยยิ้มอันสว่างไสวนั้น
‘ดาว…วาดรูปการ์ตูนน่ารักๆ ลงบนการ์ดนี้ให้หน่อยสิ’
‘วาดอะไรล่ะ’ เธอชอบวาดรูป มักวาดตัวการ์ตูนน่ารักๆ ประกอบสมุดเลคเชอร์อยู่เสมอ จึงมักมีเพื่อนๆมาไหว้วานให้วาดรูปการ์ตูนในการ์ดบ้าง หรือในสมุดบ้างอยู่บ่อยๆ คราวนี้เนตรดาวตอบพลางเงยหน้ามองเพื่อนสาวคนสนิทตรงหน้า
‘วาดอะไรก็ได้ประกอบคำว่า .. หายไวๆน่ะ..’
เนตรดาวทำหน้าฉงน  รู้สึกสังหรณ์ในใจ แต่ก็ยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
‘เอาไปให้ใครจ้ะ’ ใจเต้นตึกตักๆอย่างไรบอกไม่ถูกแฮะ
‘คือ..เรา..จะเอา..ไปให้..วินเค้าน่ะ …ได้ข่าวว่าช่วงนี้ไม่สบาย’ เพื่อนสาวคนสนิทหลบตา ค่อยๆอ้อมแอ้มตอบเบาๆ
เปรี้ยงๆ….ซู่…ครืน…ครืน
ฟ้าแลบสว่างวาบบบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าคำรามและสายฝนกระหน่ำเป็นทางขาว พาเธอออกจากภวังค์และแผ่นหลังหนานั้น

ใช่…เพื่อนสนิทเธอก็ชอบเขาเช่นกัน!
    
เมื่อมีการ์ตูนตัวแรก…ก็ย่อมมีการ์ตูนตัวที่ 2,3,4 … ตามมา รวมไปถึงการเขียนการ์ดหรือข้อความสั้นๆ ติดไปพร้อมขนมส่งไปให้เขาเป็นระยะ  ตอนแรกๆเธอก็รู้สึกอึดอัด แต่พอได้เขียน…มันก็ยิ่งทำให้เธอมีความสุขอยู่ลึกๆ ราวกับว่าข้อความและตัวการ์ตูนที่ส่งไปนั้นเป็นของเธอเอง จนช่วงหลังๆ เธอเองที่เป็นคนเสนอไอเดีย จะเขียนอะไรดี จะวาดอะไรดี จะวาดยังไง
‘ดาว..แกเก่งว่ะ ครีเอทดี วาดน่ารักด้วย’  เพื่อนสาวยิ้มแก้มปริ ชมเธอไม่ขาดปาก
แม้จะแฝงไปด้วยความเจ็บปวด…แต่เธอก็สุขใจอย่างบอกไม่ถูก
…แต่จะกี่ตัวการ์ตูน…จะกี่ข้อความ…เขาก็ยังเหมือนเดิม จนเพื่อนเธอท้อไปเอง!
    
เนตรดาวหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าที่ตั้งอยู่ข้างตัว ก่อนพลิกเปิดทีละหน้าอย่างระมัดระวัง
แต่ละหน้าที่เปิดไป…เป็นข้อความและตัวการ์ตูนที่เธออยากส่งให้เขา!แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อเพื่อนเธอไม่ได้ส่ง!
เธอได้แต่เขียนและวาดมันไว้ในสมุดเล่มนี้ เท่านั้น!
    
สายฝนที่ตกกระหน่ำด้านนอกเริ่มซาลง  ลมที่พัดพาต้นหูกวางใหญ่หน้าอาคารไหวเอนก็เบาลงเหลือเป็นเพียงสายลมที่ให้ความเย็นสบาย เนตรดาวเริ่มเก็บของที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเตรียมตัวจะกลับบ้าน นักศึกษาบางคนที่มีร่มก็ทยอยกางเดินออกไป บางคนไม่มีร่มก็พอจะเอาสมุดปิดศีรษะหรือฝ่าฝนที่เบาลงไปทั้งตัวเปล่าๆออกไปยังจุดหมายปลายทางได้ เธอเดินออกมาจากโต๊ะซึ่งอยู่ด้านในของอาคารจนมาถึงด้านหน้า  มาอยู่ห่างแผ่นหลังหนาที่เธอแอบมองไปไม่กี่ก้าว เขาเงยหน้ามองฟ้าและกำลังก้าวเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
    
เฮ้อ……. วันนี้คงได้แค่นี้ล่ะนะ
มือเธอควานหาร่มพับคันเล็กในกระเป๋าขึ้นมาถือพร้อมจะออกไปเช่นกัน
…ท่ามกลางสายฝนพรำ … ผู้หญิงคนหนึ่งได้แต่เดินกางร่มตามผู้ชายคนหนึ่ง…เท่านั้นเอง!
    
ผู้คนเริ่มออกมามากขึ้น ฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มมีแสงเรืองรอง  
จู่ๆ ‘เขา’ ก็หันกลับมา…เธอรู้สึกคล้ายโลกจะหยุดหมุน
‘อ้าว … ดาวน่ะเอง จะกลับบ้านหรอ เดินไปด้วยกันสิ’ ยิ้มของเขาดูสว่างไสวมากกว่าเคย
‘อือ’
เธอตอบรับก่อนก้าวไปเดินเคียงข้างเขา ยื่นร่มคันเล็กๆให้กางด้วยกัน เขาส่ายหน้าแล้วหัวเราะ สนามหญ้าเบื้องหน้าช่างนุ่มนิ่มเสียนี่กระไร เธออมยิ้มเงยหน้ามองท้องฟ้า เธอว่าเธอเห็นสายรุ้งจางๆอยู่บนนั้นนะ
     ……………………………………
     ……………………………………
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่