วันนี้อนงค์แต่งตัวงามตามรสนิยมของตัวเองเช่นเคย เสื้อผ้าสีดำวันนี้ตามตำราโหวเฮ้งบอกว่าจะให้โชคลาภเงินทอง และเป็นศิริมงคล เธอเชื่ออย่างนั้นว่าก่อนออกจากห้อง สวยอย่างเดียวไม่พอ จะต้องเสริมดวงที่ดีออกไปด้วย "กระจกเอ๋ย ตอบข้าเถิด ข้าสวยพอแล้วหรือยัง" เธอเอ่ยเบาๆกับกระจกทรงโบราณที่ติดไว้ตรงประตูทาง ออกห้องนอน "เจ้างามที่สุด ไม่มีใครเทียมเท่า" เธอหวังว่าจะได้ยินประโยคนี้กลับคืน เมื่อไม่เป็นดังใจ เธอก็เบ้ปากใส่ตัวเองในกระจกอย่างไม่แยแส
ร่มลวดลายดอกซากุระกางบังแดดอยู่ที่ป้ายรถเมล์รอสาย ปอ36. อนงค์นึกด่าในใจว่าทำไมมาช้านัก แดดก็ร้อน ที่นั่งก็น้อย การยืนบนส้นสูง4นิ้วนานๆ ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิง พยายามสวยอย่างเธอต้องทนให้มีเส้นเลือดขอด กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปรถก็ยังไม่มา นัดหมายนี้คงไม่ทันแน่ๆ เธอตัดสินใจเดินขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเปลี่ยน เส้นทางต่อรถเมล์และไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน "อุ๊ย 529 มาพอดี" เธออุทานในใจ อีกครึ่งชั่วโมงถึงเวลานัดหมาย ยังไงก็ลองเสี่ยงดูละกันน่าจะไปทันนัด รถเมล์คันนี้โล่งมากเป็นพิเศษ เธอเลือกที่นั่งหลังสุด เพราะคิดว่า จะได้รับแอร์เต็มที่ เผื่อเธอนึกอยากเติมแป้ง เติมปากก็ไม่ต้องเกรงใจคนข้างๆมากนัก
กระเป๋ารถเมล์สาวกำลังเดินจ่ายตั๋วเก็บเงินมาเรื่อยๆ เธอสังเกตต้นคอกระเป๋ารถเมล์สักรูปผีเสื้อสีแดง สีหน้าดูเคร่งเครียดและท่าทางเชื่องช้า อนงค์นึกในใจ. ถ้าผู้โดยสารเยอะกว่านี้แม่กระเป๋ารถเมล์สาวจะทำงาน ทันไหม ถ้ามัวแต่อืดอาดยืดยาดขนาดนี้ พลางเบ้ปากแล้วหันไปถอนหายใจฝั่งหน้าต่างรถเมล์
"วรรสรค่ะ" อนงค์เอ่ยสั้นๆพร้อมล้วงควักหาเศษเหรียญในกระเป๋าสตังส์ "อุ้ยตาย" เธออุทานเบาๆ พร้อมกับอาการที่อุณหภูมิของใบหน้าเริ่มสูงขึ้นโดยเธอควบคุมไม่ได้ "มีอยู่10บาท ตายห่าน" เธอเงยหน้ามองที่ใบหน้าของกระเป๋ารถเมล์สาวที่กำลังคำนวณค่าตั๋วต่อระยะทาง
"12บาทค่ะ" อนงค์ใจเต้นโครมตกไปจนถึงตาตุ่ม
"ฉันจะทำยังไงกับเกตุการณ์นี้ ฉันจะบอกให้พี่คนขับจอดป้ายหน้าเพื่อไปกดตังส์ได้ไหม แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันไม่มี เธอจะด่าฉันไหม ฉันอายเหลือเกินพี่ชาย แต่ถ้าให้ฉันลงป้ายหน้าแล้ว เดินกลับไปที่บ้าน แป้งรองพื้นของฉันมันต้องหลุดแน่ ไม่นะ.." อนงค์พึมพัมกับตัวเองในใจอย่างคนไร้สติ
"แต่เอ๊ะ งั้นพี่คิดเรา10บาทละกันพี่ลดให้"
"อะไรนะคะ" เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หรือนางเป็นฝาแฝดพี่เจนจะมีญาณทิพย์ได้ยินที่เธอคิด
"พอดีว่าป้ายก่อนหน้านี้จนถึงวรรณสรปกติ12บาทค่ะ ถ้าขึ้นป้ายหน้าถึงจะ10บาท พี่เลยลดให้ละกัน"
"ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ" อนงค์ขอบคุณแล้วขอบคุณเล่า จนกระเป๋ารถเมล์หัวเราะ
"ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆกัน"กระเป๋ารถเมล์สาวพูดแล้วเดิน ไปทำหน้าที่ต่อ อนงค์หันไปที่กระจกหน้าต่างรถเห็น ชุดสีดำของตัวเองแล้วเบ้ปากใส่ทีนึง พลางนึกโกรธตัวเอง ที่ให้ความสำคัญกับสีเสื้อผ้ามากกว่าสีหน้าของคน
เรื่องสั้นหัดเขียน สวยไม่สร่าง
ร่มลวดลายดอกซากุระกางบังแดดอยู่ที่ป้ายรถเมล์รอสาย ปอ36. อนงค์นึกด่าในใจว่าทำไมมาช้านัก แดดก็ร้อน ที่นั่งก็น้อย การยืนบนส้นสูง4นิ้วนานๆ ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิง พยายามสวยอย่างเธอต้องทนให้มีเส้นเลือดขอด กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปรถก็ยังไม่มา นัดหมายนี้คงไม่ทันแน่ๆ เธอตัดสินใจเดินขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเปลี่ยน เส้นทางต่อรถเมล์และไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน "อุ๊ย 529 มาพอดี" เธออุทานในใจ อีกครึ่งชั่วโมงถึงเวลานัดหมาย ยังไงก็ลองเสี่ยงดูละกันน่าจะไปทันนัด รถเมล์คันนี้โล่งมากเป็นพิเศษ เธอเลือกที่นั่งหลังสุด เพราะคิดว่า จะได้รับแอร์เต็มที่ เผื่อเธอนึกอยากเติมแป้ง เติมปากก็ไม่ต้องเกรงใจคนข้างๆมากนัก
กระเป๋ารถเมล์สาวกำลังเดินจ่ายตั๋วเก็บเงินมาเรื่อยๆ เธอสังเกตต้นคอกระเป๋ารถเมล์สักรูปผีเสื้อสีแดง สีหน้าดูเคร่งเครียดและท่าทางเชื่องช้า อนงค์นึกในใจ. ถ้าผู้โดยสารเยอะกว่านี้แม่กระเป๋ารถเมล์สาวจะทำงาน ทันไหม ถ้ามัวแต่อืดอาดยืดยาดขนาดนี้ พลางเบ้ปากแล้วหันไปถอนหายใจฝั่งหน้าต่างรถเมล์
"วรรสรค่ะ" อนงค์เอ่ยสั้นๆพร้อมล้วงควักหาเศษเหรียญในกระเป๋าสตังส์ "อุ้ยตาย" เธออุทานเบาๆ พร้อมกับอาการที่อุณหภูมิของใบหน้าเริ่มสูงขึ้นโดยเธอควบคุมไม่ได้ "มีอยู่10บาท ตายห่าน" เธอเงยหน้ามองที่ใบหน้าของกระเป๋ารถเมล์สาวที่กำลังคำนวณค่าตั๋วต่อระยะทาง
"12บาทค่ะ" อนงค์ใจเต้นโครมตกไปจนถึงตาตุ่ม
"ฉันจะทำยังไงกับเกตุการณ์นี้ ฉันจะบอกให้พี่คนขับจอดป้ายหน้าเพื่อไปกดตังส์ได้ไหม แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันไม่มี เธอจะด่าฉันไหม ฉันอายเหลือเกินพี่ชาย แต่ถ้าให้ฉันลงป้ายหน้าแล้ว เดินกลับไปที่บ้าน แป้งรองพื้นของฉันมันต้องหลุดแน่ ไม่นะ.." อนงค์พึมพัมกับตัวเองในใจอย่างคนไร้สติ
"แต่เอ๊ะ งั้นพี่คิดเรา10บาทละกันพี่ลดให้"
"อะไรนะคะ" เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หรือนางเป็นฝาแฝดพี่เจนจะมีญาณทิพย์ได้ยินที่เธอคิด
"พอดีว่าป้ายก่อนหน้านี้จนถึงวรรณสรปกติ12บาทค่ะ ถ้าขึ้นป้ายหน้าถึงจะ10บาท พี่เลยลดให้ละกัน"
"ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ" อนงค์ขอบคุณแล้วขอบคุณเล่า จนกระเป๋ารถเมล์หัวเราะ
"ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยๆกัน"กระเป๋ารถเมล์สาวพูดแล้วเดิน ไปทำหน้าที่ต่อ อนงค์หันไปที่กระจกหน้าต่างรถเห็น ชุดสีดำของตัวเองแล้วเบ้ปากใส่ทีนึง พลางนึกโกรธตัวเอง ที่ให้ความสำคัญกับสีเสื้อผ้ามากกว่าสีหน้าของคน