นักวิจัยหลายคนจากมหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์กได้ออกมาเตือนว่า ตลาดศิลปะมีความร้อนแรงสูงเกินไป เป็นตลาดที่มีการลงทุนที่เติบโตเร็วที่สุดในหลายสิบปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ตรวจพบภาวะฟองสบู่รอบใหม่จากการประมูลงานสินค้าเป็นจำนวนเงินหลายล้าน
ปัจจัยเพียงไม่กี่อย่าง ทำให้ตลาดศิลปะมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นงานที่ให้มูลค่ามากกว่า 2 เท่านับตั้งแต่ที่เจอวิกฤตทางการเงินในช่วงปี 2008/2009 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ได้ให้ความเห็นว่า การเติบโตของตลาดอยู่ในภาวะที่ไม่มั่นคง มีการเตือนว่าภาวะฟองสบู่ในตลาดจะต้องแตกสักวัน เหมือนกับในช่วงก่อนหน้าปี 1990 และในช่วงปี 2008/2009 ในเวลานี้มีการประโคมข่าวขายงานศิลปะหลังสงครามโลก และงานศิลปะร่วมสมัยที่มีมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน ซึ่งย้อนแย้งกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการวิเคราะห์ แต่ว่าภาวะฟองสบู่จะเกิดเป็นรูปแบบไหน?
ตลาดภาวะฟองสบู่โดยทั่วไปจะเกิดจากการที่มีการซื้อขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าความเป็นจริง จนนำไปสู่ภาวะวิกฤติแบบฉับพลัน การคาดคะเนแบบสมเหตุสมผลจะแสดงให้เห็นถึงมูลค่าพื้นฐานของสินทรัพย์ที่คาดได้ว่ามีกระแสเงินสดลดน้อยลง สำหรับสินทรัพย์ต่างๆส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อมโยงกับมูลค่าที่ได้รับ อย่างเช่นเงินปันผลในหุ้นแต่ละตัวหรือค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามในกรณีตัวอย่างของงานศิลปะนั้น ผลตอบแทนที่ได้รับน้อยมากที่จะมีความเชื่อมโยงกับต้นทุนในการผลิตจริงๆ
ประเด็นที่เกี่ยวกับมูลค่าพื้นฐานนั้น ทางด้าน Dr.Roman Kraussl กับ Dr.Nicolas Martelin จากมหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์กได้ใช้วิธีการวินิจฉัยใหม่และดูค่าสถิติเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ พวกเขาได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการประมูลหลายล้านที่มีการบันทึกเอาไว้ในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา โดยดูการประมูลสินค้าศิลปะ 6 ประเภท
พวกเขาสามารถระบุภาวะฟองสบู่ในช่วง 2 เหตุการณ์ที่ผ่านมาและพบว่าส่งผลจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะแบบ “ลัทธิประทับใจกับภาวะยุคสมัยใหม่” “ยุคหลังสงครามกับภาวะร่วมสมัย” “อเมริกัน” และ “งานเก่าแก่ชิ้นโบแดง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดศิลปะ ในการวิจัยของพวกเขาที่ได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Empirical Finance พวกเขาได้สรุปว่า ตลาดศิลปะในวันนี้แสดงสัญญาณให้เห็นถึงมูลค่าราคาที่สูงเกินจริงซึ่งสามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com
มีฟองสบู่ในตลาดศิลปะหรือไม่?
นักวิจัยหลายคนจากมหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์กได้ออกมาเตือนว่า ตลาดศิลปะมีความร้อนแรงสูงเกินไป เป็นตลาดที่มีการลงทุนที่เติบโตเร็วที่สุดในหลายสิบปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ตรวจพบภาวะฟองสบู่รอบใหม่จากการประมูลงานสินค้าเป็นจำนวนเงินหลายล้าน
ปัจจัยเพียงไม่กี่อย่าง ทำให้ตลาดศิลปะมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะงานศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นงานที่ให้มูลค่ามากกว่า 2 เท่านับตั้งแต่ที่เจอวิกฤตทางการเงินในช่วงปี 2008/2009 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ได้ให้ความเห็นว่า การเติบโตของตลาดอยู่ในภาวะที่ไม่มั่นคง มีการเตือนว่าภาวะฟองสบู่ในตลาดจะต้องแตกสักวัน เหมือนกับในช่วงก่อนหน้าปี 1990 และในช่วงปี 2008/2009 ในเวลานี้มีการประโคมข่าวขายงานศิลปะหลังสงครามโลก และงานศิลปะร่วมสมัยที่มีมูลค่ามากกว่า $100 ล้าน ซึ่งย้อนแย้งกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการวิเคราะห์ แต่ว่าภาวะฟองสบู่จะเกิดเป็นรูปแบบไหน?
ตลาดภาวะฟองสบู่โดยทั่วไปจะเกิดจากการที่มีการซื้อขายสินทรัพย์ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าความเป็นจริง จนนำไปสู่ภาวะวิกฤติแบบฉับพลัน การคาดคะเนแบบสมเหตุสมผลจะแสดงให้เห็นถึงมูลค่าพื้นฐานของสินทรัพย์ที่คาดได้ว่ามีกระแสเงินสดลดน้อยลง สำหรับสินทรัพย์ต่างๆส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อมโยงกับมูลค่าที่ได้รับ อย่างเช่นเงินปันผลในหุ้นแต่ละตัวหรือค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามในกรณีตัวอย่างของงานศิลปะนั้น ผลตอบแทนที่ได้รับน้อยมากที่จะมีความเชื่อมโยงกับต้นทุนในการผลิตจริงๆ
ประเด็นที่เกี่ยวกับมูลค่าพื้นฐานนั้น ทางด้าน Dr.Roman Kraussl กับ Dr.Nicolas Martelin จากมหาวิทยาลัยลักเซมเบิร์กได้ใช้วิธีการวินิจฉัยใหม่และดูค่าสถิติเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ พวกเขาได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการประมูลหลายล้านที่มีการบันทึกเอาไว้ในช่วง 36 ปีที่ผ่านมา โดยดูการประมูลสินค้าศิลปะ 6 ประเภท
พวกเขาสามารถระบุภาวะฟองสบู่ในช่วง 2 เหตุการณ์ที่ผ่านมาและพบว่าส่งผลจนถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะแบบ “ลัทธิประทับใจกับภาวะยุคสมัยใหม่” “ยุคหลังสงครามกับภาวะร่วมสมัย” “อเมริกัน” และ “งานเก่าแก่ชิ้นโบแดง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดศิลปะ ในการวิจัยของพวกเขาที่ได้มีการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Empirical Finance พวกเขาได้สรุปว่า ตลาดศิลปะในวันนี้แสดงสัญญาณให้เห็นถึงมูลค่าราคาที่สูงเกินจริงซึ่งสามารถคาดการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com