เร้นรัก กามเทพ บทที่ 2

กระทู้สนทนา
เรื่องโดย นิลวนา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ 2


2.1

ตามปกติมื้อค่ำของบ้านเกียรติธนบดี สมาชิกทุกคนจะมาอยู่รวมกันอย่างพร้อมหน้า เว้นแต่บางวันที่สมาชิกบางคนอาจติดธุระบางอย่าง ดังนั้นเมื่อได้เวลาทุกคนก็จะมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครคอยตาม ทว่าวันนี้บางคนกลับหายไปโดยไม่บอกกล่าว พีรพัฒน์มองที่นั่งประจำของบุตรสาว แล้วให้ต้องเอ่ยปากถามกับภรรยา

“ลูกไปไหนเสียล่ะคุณ ทำไมไม่มากินข้าว อย่าบอกนะว่ายังไม่กลับจากมหา’ลัย” พีรพัฒน์ปรายสายตาไปยังมารดาเป็นเชิงตั้งคำถาม ทั้งที่ตัวเขาเพิ่งจะตั้งคำถามกับภรรยาไปแท้ๆ  

“ไม่ต้องมามองแม่ด้วยสายตาแบบนั้นเลยเจ้าพี แม่เองก็กำลังจะถามอยู่เหมือนกัน ว่ายังไงแม่เกด หลานฉันไปไหน” คุณหญิงภัทรียาติงบุตรชายก่อนจะหันไปเอาคำตอบลูกสะใภ้

“กลับมาตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะคุณแม่ แต่เห็นบ่นว่าปวดหัวเลยอยากจะนอนพัก ขออนุญาตไม่ลงมาทานข้าวเย็น”

“ตายจริง! เป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วนี่ตามมดตามหมอหรือยัง ทำไมไม่รีบบอกล่ะแม่เกด ไม่ได้การล่ะแม่ต้องขึ้นไปดูเสียหน่อย” คุณหญิงภัทรียาโวยวายแล้วรีบลุกจากโต๊ะอาหาร จัดแจงจะเดินไปที่ห้องของกีรณาในทันที แต่การะเกดรั้งนางเอาไว้เสียก่อน

“คุณแม่ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ทิวลิปไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่ช่วงนี้แกต้องทำงานหลายชิ้น เลยนอนดึกไปหน่อย ก็เลยเพลียๆ คุณแม่อย่าห่วงไปเลยนะคะ”

“หลานฉันทั้งคน จะไม่ห่วงได้ยังไง ลูกไม่สบายแทนที่จะตามหมอ กลับตั้งตัวเป็นเภสัชจัดยาเสียเอง นี่ฉันเพิ่งจะรู้นะ ว่ามีลูกสะใภ้เป็นหมอตี๋” คุณหญิงค่อนว่าประชดประชันลูกสะใภ้ “ไม่รู้ล่ะ แม่ไม่ไว้ใจ แม่จะขึ้นไปดูหลาน” ทว่ายังไม่ทันจะก้าวออกจากโต๊ะ คุณวิสูตรผู้เป็นสามีและประมุขใหญ่ของบ้านพลันเหลือบไปเห็นหลานสาวก้าวลงมาจากบันไดจึงเอ่ยรั้งภรรยา

“ไม่ต้องไปแล้วล่ะคุณ โน่นแน่ะหลานรักคุณเดินลงมาโน่นแล้ว”

คุณหญิงหันหน้าไปตามคำบอกของสามี ก็พอดีกับที่กีรณาเดินมาถึงตัวนาง หญิงสาวโอบเอวผู้เป็นย่าจากทางด้านหลังด้วยกิริยาเอาใจ แล้วหอมแก้มท่านไปหนึ่งฟอดใหญ่

“คุยอะไรกันอยู่คะ เสียงดังไปถึงข้างบนเลย”

“จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็ย่าเราน่ะสิ เป็นห่วงหลานจนโอเวอร์ แถมยังไปต่อว่าแม่เราเสียอีก ปู่ละเวียนหัวกับย่าเราจริงๆ” คุณวิสูตรเล่าให้หลานสาวฟัง ไม่วายค่อนขอดภรรยา

“หลานทั้งคน ถ้าฉันไม่ห่วงแกแล้วจะไปห่วงใคร คุณไม่ห่วงก็เรื่องของคุณไม่ต้องมาจะค่อนแคะฉันเลย” นางตอบโต้สามีพลางโอบกอดหลานสาวอย่างรักใคร่ คุณวิสูตรได้แต่ส่ายหัวให้กับความเยอะของภรรยา

“ทานข้าวกันเถอะครับ ผมหิวจะแย่แล้ว นั่งเลยลูกทิวลิป” พีรพัฒน์ตัดบท ส่งยิ้มให้กับภรรยาและบุตรสาวอย่างรู้กัน

กีรณายิ้มรับแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ คุณหญิงภัทรียาผู้เป็นย่า ที่กุลีกุจอสั่งเด็กให้ตักข้าวให้เธอ ก่อนที่นางจะตักกับข้าวใส่จานของหลานสาว พร้อมกับซักถามด้วยความห่วงใย

“อันที่จริงถ้ายังไม่หายเพลียให้เด็กยกอาหารขึ้นไปให้บนห้องก็ได้นะลูก แล้วนี่ดีขึ้นแล้วรึถึงได้ลงมา”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ คุณย่า”

“เห็นแม่เขาบอกว่าช่วงนี้ลูกมีรายงานเยอะ มันเยอะจนถึงขั้นจะไม่สบายเอาเลยหรือลูก” พีรพัฒน์พูดคุยกับบุตรสาวไปตามปกติ ขณะตักอาหารใส่จานให้กับภรรยา ก่อนที่จะตักให้กับตัวเอง กิริยาเอาใจใส่ที่บิดามีต่อมารดาของเธอ เป็นภาพที่กีรณาเห็นจนเจนตา และประทับใจมาตั้งแต่เริ่มจำความได้

“นิดหน่อยค่ะพ่อ พอดีมันชนกับช่วงสอบ เลยออกจะเครียดนิดหน่อย”

“ยังไงก็อย่าหักโหมนะลูก ยังไงสุขภาพก็ต้องมาก่อน”

“ค่ะพ่อ”

มื้อเย็นดำเนินไปตามปกติ ทุกคนในครอบครัวต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอด บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลครอบคลุมไปทั่วทั้งโต๊ะอาหาร จนกระทั่ง...

“สวัสดีครับคุณปู่ คุณย่า อาพี อาเกด กำลังทานข้าวกันอยู่พอดี ขอผมทานด้วยคนนะครับ” แขกไม่ได้รับเชิญยิ้มแฉ่ง ทักทายผู้ใหญ่ทุกคนแบบเหมารวม แล้วขออนุญาตแบบดื้อ ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทางที่เป็นกันอย่างที่สุด

“อ้อ! พอ่ตฤณมาแล้ว มาลูกมา มากินข้าวด้วยกัน”

ประมุขของบ้านเอ่ยต้อนรับ พร้อมกับกวักมือเชื้อเชิญแขกประจำของบ้าน จะว่าไปแล้วเด็กหนุ่มคนนี้ก็เปรียบเสมือนลูกหลานของท่านคนหนึ่ง เพราะเขาคือบุตรชายของภูวิช หนึ่งในเพื่อนรักแสนสนิทของพีรพัฒน์บุตรชายท่าน

ตฤณเลือกที่นั่งยังด้านข้างกีรณา พีรพัฒน์มองตามร่างหลานชายตาเขียวปัด แต่ตฤณกลับทำเป็นมองไม่เห็นแถมยังส่งยิ้มประจบมาให้ ทำเอาพีรพัฒน์แทบตบะแตก

การะเกดหันไปมองหน้าสามีแล้วส่งยิ้มหวาน พลางลูบมือสามีเบาๆ เป็นการปลอบประโลมให้เขาทำใจเย็นๆ เข้าไว้ สาเหตุที่ตฤณสามารถเข้าๆ ออกๆ บ้านเกียรติธนบดีได้อย่างไม่เคอะเขินนั้นเป็นเพราะครอบครัวของพวกเขาต่างสนิทสนมกลมเกลียวกันดั่งญาติสนิท ทุกคนในครอบครัวนี้ต่างก็คุ้นเคยกับตฤณมาตั้งแต่เกิด

“กำลังหิวได้ที่เลยนะครับนี่” ตฤณพูดแล้วก็ตักอาหารรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย  โดยมีสายตาของพีรพัฒน์คอยมองอย่างหมั่นไส้

“มืดค่ำป่านนี้แล้ว บ้านช่องไม่กลับ ที่บ้านไม่ทำกับข้าวรึไง เจ้าตฤณ” พีรพัฒน์อดรนทนไม่ไหว ค่อนขอดบุตรชายของเพื่อนรักด้วยแววตาขุ่นขวาง

“คุณพี... ทำไมไปถามแบบนั้น ไม่น่ารักเลยค่ะ การะเกดปรามสามีแล้วหันไปทำหน้าขอลุกแก่โทษกับหลานชาย

“ก็มันจริงนี่คุณ เจ้าลิตมันออกจะรวย แต่ลูกชายมันกลับแล่นมากินข้าวบ้านคนอื่นเป็นประจำ” คำว่าประจำที่ว่าหมายถึงเกือบจะทุกวัน

“คุณพี....ประเดี๋ยวเถอะนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับอาเกด ตฤณไม่ถือ อาพีถามมา ผมก็แค่ตอบ” เด็กหนุ่มส่งยิ้มทะเล้นให้กับการะเกด ก่อนจะหันไปตอบคำถามกับเพื่อนสนิทของบิดา “ที่บ้านก็ทำกับข้าวทุกวันนะฮะอา แต่ไม่รู้เป็นไงตฤณติดใจข้าวบ้านนี้ ถึงได้มาฝากท้องที่นี่บ่อยๆ ไงฮะ จะว่าไปแล้วอาพีก็ออกจะรวย เลี้ยงหลานนิดๆ หน่อยๆ ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก จริงไหมฮะ” ว่าแล้วตฤณก็ยักคิ้วแพรบ พีรพัฒน์แทบจะแยกเขี้ยวกับคำตอบของหลานชายจอมทะเล้น

“ดู ดูมันพูด ให้มันน้อยๆ หน่อยเจ้าตฤณ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว!” พีรพัฒน์เงื้อง่าข่มขู่คนที่นั่งอยู่คนละฟากโต๊ะ ผู้เป็นภรรยาฟังการโต้ตอบของสองหนุ่มต่างวัยแล้วได้แต่ส่ายหน้า คงถึงเวลาที่เธอต้องเข้าห้ามทัพ เพราะขืนปล่อยให้เถียงกันต่อไปดูท่าว่าคงจะจบยาก ด้วยต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลงให้แก่กัน

“เอาล่ะค่ะๆ พอแล้วได้ ทานข้าวต่อเถอะนะคะคุณพี ตาตฤณก็เหมือนกัน รีบๆ ทานซะลูก มืดค่ำมากแล้ว ทานเสร็จแล้วจะได้รีบกลับ”

กีรณานั่งมองการสนทนาบนโต๊ะอาหารในค่ำนี้แล้วรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากช่วงเวลาที่ได้เจอกับภาณินเป็นต้นมา

ต้นสายปลายเหตุที่พีรพัฒน์ออกอาการเป็นไอ้เข้ขวางคลองอย่างเช่นวันนี้นั้น ทุกคนในครอบครัวต่างรู้กันดี พีรพัฒน์นั้นขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาว ดังนั้นเมื่อตฤณประกาศตัวโต้งๆ ว่าเขาชอบกีรณา อีกทั้งยังคอยตามติดเธอแจ มีหรือที่พีรพัฒน์จะปล่อยวาง ยอมให้ชายหนุ่มเข้าใกล้ลูกสาวของตนตามใจชอบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่กล้าที่จะไล่ตะเพิดออกไปตรงๆ ด้วยติดที่ว่าตฤณนั้นเป็นบุตรชายโทนของตลิตซึ่งเป็นหนึ่งในพื่อนรักของเขา เรื่องนี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของพีรพัฒน์ และเป็นช่องทางในการใกล้ชิดกับกีรณาโดยที่ไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือขัดขวางเขาได้อย่างบเต็มปาก

ตฤณเกิดช้ากว่ากีรณา 6 เดือน แต่ก็แทบจะเรียกได้ว่าทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน นับตั้งแต่จำความได้ตลิตจำได้แค่ว่าเขาคอยเดินตามกีรณาต้อยๆ แม้เว้นแม้แต่ยามที่เธอยังเป็นเด็กหญิงและที่ตามติดแต่ภาณิน ดังนั้นหากจะถามว่าเมื่อใดที่เขาเริ่มปักใจกับกีรณา ตฤณเองก็ตอบไม่ได เพราะเมื่อเขารู้ตัว ในสายตาก็มีแต่กีรณาไปเสียแล้ว

หลายปีที่ตฤณอยู่เคียงข้างกีรณา หลายสิ่งที่เขาต้องทำ เขามักจะเลือกทำเพื่อเธอก่อนเสมอ ทางใดที่คิดว่าจะสามารถเอาชนะใจเธอได้ เขาจะเดินหน้าทำมันอย่างไม่ลดละ ต่อให้ต้องเผชิญกับความห่วงหวงแบบไร้ขอบเขตของทั้งจากพ่อและย่าของเธอตฤณก็ยินดีจะฟันฝ่า  ขอเพียงแค่วันหนึ่งข้างหน้า กีรณาจะยอมเปิดใจให้เขาบ้าง แค่นั้นตฤณก็พอใจแล้ว

“ใช่ รีบๆ กินเลย เสร็จแล้วจะได้รีบกลับ ป่านนี้พ่อแม่เราเขาไม่บ่นหาลูกชายแย่แล้วเรอะ” เมื่อไล่ไม่ไป พีรพัฒน์จึงสวมรอยเข้าร่วมกับภรรยาคะยั้นคะยอหลานชายผู้น่าชังให้พ้นจากบ้านให้เร็วที่สุด

“โอ๊ย... รุ่นนี้แล้ว กลับดึกยังไงผีก็ไม่หลอกหรอกฮะอา แม่ก็มีพ่อกินข้าวเป็นเพื่อนอยู่แล้วคงไม่รอผมหรอก ผมหายไปแม่ก็เดาได้อยู่ดีว่าผมมาบ้านนี้ รับรองว่าไม่โดนบ่น” ตฤณต่อคำหน้าระรื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่สนแม้แต่สายตาขุ่นคลั่กของพีรพัฒน์ที่กำลังจ้องมองเขาจนตาแทบถลนออกมานอกเบ้า

“หนอย ไอ้หมอนี่...ฮึ่ย...” พีรพัฒน์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเหลืออด ได้แต่ท่องอยู่ในใจว่า ตฤณเป็นบุตรชายของเพื่อนรักๆ

“รีบๆ ทานกันเถอะค่ะ กับข้าวจะเย็นหมดแล้ว” การะเกดย้ำอีกครั้งแล้วลงมือตักอาหารใส่จานให้สามี หากไม่เกรงใจบิดามารดาของสามีที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เธอคงจะตักข้าวป้อนใส่ปากเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด จะได้หยุดพูดกันเสียที

------------------------------------
(ยังมีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่