ขอใช้คำว่า "ลดน้ำหนัก" แทนคำว่า "ลดความอ้วน" นะ
คือเราไม่ได้อ้วน แค่รู้สึกว่าน้ำหนักมากไปนิดนึง เลยอย่าลดน้ำหนัก แบบไม่เครียดค่ะ
จขกท สูง 167 ซม เคยหนัก 60-61 กก ในอดีตไม่กล้าชั่งน้ำหนักกลัวมันเกินกว่านี้อีก แต่บางทีก็จำเป็น เช่นไปหาหมอ ต้องชั่งน้ำหนัก ก็เลยรู้ว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น มีความคิดอยากจะลดน้ำหนักมานาน จนสุดท้ายก็จริงจังกับมัน
ก็เลยไปซื้อเครื่องนับก้าวเหน็บไว้ที่เอว ตั้งแต่เช้าจนก่อนนอน ดูว่าทั้งวันเดินกี่ก้าว ยิ่งเดินมากยิ่งดี อันที่จริง อ่านจากที่ไหนไม่แน่ใจ เค้าให้เดินวันละ 10000ก้าว สุขภาพจะดี และดีต่อน้ำหนักเราด้วย
หน้าตาเครื่องนับก้าวเป็นอย่างนี้
แต่ใครไม่มี จะลงแอปในมือถือ ชื่อ moves ก็ได้ เปิดโปรแกรมนี้และเหน็บมือถือไว้ที่เอว มันก็จะนับก้าวให้เรา แถมยังบอกด้วยว่าเราเดินไปกี่กิโลเมตรสำหรับวันนั้นๆ และใช้ไปกี่แคลอรี่
แต่เครื่องนับก้าวก็ไม่ได้ช่วยให้เราน้ำหนักลดลง ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ปกติแล้วถ้าวันๆไม่ออกกำลังกาย ไม่มีกิจกรรมอะไร วันๆเอาแต่นั่งจิ้มมือถือ วันหนึ่งๆก็เดินแค่ 2,xxx ก้าวเอง
ขออนุญาตเอารูปจาก internet มาลงนะคะ
มาจากเวปนี้ค่ะ
http://www.raipoong.com/content/detail.php?section&category&id=271
และถ้าไม่ช่วยเรื่องลดๆการกินลงไปมั่ง น้ำหนักคงจะลงช้า
ดังนั้น ตั้งแต่เหน็บเจ้าเครื่องนับก้าวมาเราก็พยายามเดินสะสมก้าวให้มากๆ เดินนิดเดินหน่อย บวกออกกำลังกาย ตอนนี้ที่นับก้าวทุกวัน มีน้อยสุดคือ 4,xxx ก้าว ถึงมากสุด 13,xxx ก้าว เฉลี่ยๆก็ 6-7,xxx ก้าว
ตัวอย่างกิจกรรมที่เพิ่มจำนวนก้าว
ตื่นเช้าออกวิ่ง / เดินเร็ว 15-30 นาที แล้วแต่เวลาอำนวย เพิ่มก้าวได้ถึง 3-4000ก้าว สำหรับ สว ที่อายุมากประมาณนึง จะเป็นการเดินจงกรม ปฏิบัติธรรมไปในตัวได้ด้วย มุกนี้ เราใช้ประจำ ทำ 1 อย่าง ได้ 2 อย่าง
ระหว่างวัน ทำงานตามปกติ หรือทำงานบ้าน อย่าขี้เกียจ ให้เคลื่อนไหว ทำโน่นทำนี่เยอะๆ
เวลาจะไปไหน ถ้าระยะไม่ไกลมากก็เดินเอา เป็นการสะสมก้าว
เวลาจะซื้อของโดยเฉพาะของกินเล่นกับเสื้อผ้า ใช้หลักว่าให้ผ่านไปก่อน ถ้ายังอยากได้จริงเดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ วิธีนี้ ทำ 1 ได้ 3 คือ 1.เดินหลายๆรอบ เป็นการสะสมก้าวของเรา 2. ประหยัดเงินในกระเป๋า ไม่ต้องซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อมาไม่ได้ใช้ หรือใช้แค่แป๊ปเดียวก็เลิกใช้ 3. ถ้าใช้วิธีนี้กับของกิน ก็คือเราจะไม่ได้กินทุกอย่างที่เห็นว่าอยากกิน แต่กินเฉพาะของที่อยากกินจริงๆเท่านั้น ทำให้น้ำหนักไม่เพิ่มหรือขึ้นช้า
ตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ ดูก้าวแล้วสำหรับวันนั้น ยังน้อยอยู่ ก็เพิ่มการออกกำลังกายรอบเย็นอีกรอบ ของเราใช้วิธีตีปิงปอง เพราะให้ความสนุก ตบมันส์มาก เดี๋ยวโยกซ้าย เดี๋ยวโยกขวา เดี๋ยวเก็บลูก เก็บก้าวได้อีก 3-4000 ก้าว
สรุปว่าถ้าวันไหนได้ออกกำลังทั้งเช้าและเย็น ก็ได้ถึง 7000-10000ก้าว
ส่วนเรื่องอาหารหรือของกินต้องปรับด้วยนะคะ แต่ของเราปรับนิดหน่อยเพราะปกติก็ใช้วิธีนี้ประจำอยู่แล้ว
อาหารเช้า / ข้าวเช้า กินเยอะๆ กินเท่าที่อยากกิน ให้อิ่มท้อง
อาหารกลางวัน บางทีก็กิน บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะข้าวเช้ากินมาเยอะอิ่มท้องนาน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้กินข้าวกลางวัน บ่ายๆจะหิว ต้องกินเป็นมื้อบ่ายแทน และมื้อนั้นก็รวบยอด เป็นมื้อกลางวันและเย็นไปเลย มื้อนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารจานเดียว ไม่ได้เบิ้ล
แต่บางวันมีงานเลี้ยง นัดสังสรร กินบุฟเฟ่ต์ เราก็กินนะคะ กินเยอะปกติ แค่ไม่ได้กินแบบนี้ทุกวัน สักเดือนละ 1-2 ครั้งก็พอไหว ไม่ถึงกับไม่ได้กินอะไรที่อยากกิน ชีวิตยังดำเนินตามปกติ
มื้อเย็น ปกติจะงด ยกเว้นบางวันไม่ได้กินข้าวกลางวัน จะหิวมากต้องกินมื้อเย็นนิดหน่อย เป็นข้าวทัพพีเล็กๆ กับข้าวอีกนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะกินผลไม้หรือขนม น้ำเต้าหู้ อะไรอย่างนี้แทน
ขนมระหว่างวัน กินปกติ ไม่ถึงกับงด แต่ไม่เยอะมาก เราค้นพบเคล็ดลับอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีขนมติดบ้าน หรือติดตัวเลย ก็ไม่ได้กิน ชีวิตก็ดำรงอยู่ได้ และเวลาก็หมดไปกับการออกกำลังกาย หรือทำกิจวัตรประจำวัน แต่ถ้านั่งจิ้มโทรศัพท์เมื่อไหร่ ก็จะอยากกินขึ้นมาทันที
อาหารที่กิน ก็น่าจะเกี่ยวด้วย ปกติจะกินพวกผัดผัก น้ำพริก แกงส้ม ไข่เจียว ปลาทอด ซึ่งมีผักเป็นส่วนประกอบเยอะ แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส
คำเตือน : ทุเรียน ทานวันละ 1 เม็ด นะคะ ไม่ใช่วันละพู หรือวันละลูก และไม่ต้องทานทุกวัน เว้นๆช่วงไปมั่ง สบายกระเป๋าเราค่ะ
รวมๆแล้วก็มี 2 ส่วนคือออกกำลังกาย จะเป็นวิธีไหนแล้วแต่สะดวก แลัวแต่วิถีชีวิตของเรา การเดินไปโน่นไปนี่ก็เป็นการออกกำลังกาย เครื่องนับก้าวช่วยบอกเราว่าวันนั้นเดินพอมั้ย ถ้าไม่พอสุดท้ายของวันก็ใช้วิธีเดินจงกรมในห้องนอนก็ได้ ได้อีกสัก 500 ก้าว 555
อาหาร อันนี้ไม่มีเครื่องนับอาหารว่าเรากินเยอะน้อยเท่าไหร่ในแต่ละวัน สังเกตกันเอาเองนะคะ
2 อย่างนี้ ถ้าทำประจำ ทุกวันสม่ำเสมอ รับรองค่ะ น้ำหนักลดเอาๆ
แถมอีกนิดนะคะ ตื่นแต่เช้า และนอนอย่าดึก 4-5 ทุ่มก็นอนได้แล้ว ยิ่งถ้าออกกำลังกายเยอะๆ หลับสบายเลยค่ะ หัวถึงหมอน เพ่งสมาธิดูลมหายใจ 2-3 ที หลับสนิทเลย ไม่รู้ว่าทำให้น้ำหนักลดไหมนะคะ แต่รู้ว่าสุขภาพดีค่ะ เห็นคนเดี๋ยวนี้นอนดึกกันจัง
พอไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าให้เตรียมเงินไว้เยอะๆ ถามว่าทำไม เพราะสุขภาพดีเกิน ไม่เป็นอะไรเลย จะอยู่ได้อีกนาน ยังต้องใช้เงินไปเรื่อยๆจนแก่ 555
ตอนนี้น้ำหนัก 57-58 กก ค่ะ ใช้เวลา 3 เดือนเอง เฉลี่ยประมาณเดือนละ 1 กก หน้าท้องที่เคยมี ประมาณคนท้อง 4 เดือน ก็ยุบลงไปเอง ไม่ได้ sit up ใดๆ กางเกงเริ่มหลวมละ ว่าจะไปขุดชุดเก่าๆมาใส่ 5555
ส่วนใครที่อยู่คอนโด ไม่มีที่วิ่งออกกำลังกาย ใครที่ทำงานประจำ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เดี๋ยวรอดูความเห็นอื่นๆนะคะ คงต้องปรับกันไปนะคะ
ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี และน้ำหนักลดกันถ้วนหน้าค่ะ
แบ่งปันวิธีลดน้ำหนักแบบง่ายๆ
คือเราไม่ได้อ้วน แค่รู้สึกว่าน้ำหนักมากไปนิดนึง เลยอย่าลดน้ำหนัก แบบไม่เครียดค่ะ
จขกท สูง 167 ซม เคยหนัก 60-61 กก ในอดีตไม่กล้าชั่งน้ำหนักกลัวมันเกินกว่านี้อีก แต่บางทีก็จำเป็น เช่นไปหาหมอ ต้องชั่งน้ำหนัก ก็เลยรู้ว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น มีความคิดอยากจะลดน้ำหนักมานาน จนสุดท้ายก็จริงจังกับมัน
ก็เลยไปซื้อเครื่องนับก้าวเหน็บไว้ที่เอว ตั้งแต่เช้าจนก่อนนอน ดูว่าทั้งวันเดินกี่ก้าว ยิ่งเดินมากยิ่งดี อันที่จริง อ่านจากที่ไหนไม่แน่ใจ เค้าให้เดินวันละ 10000ก้าว สุขภาพจะดี และดีต่อน้ำหนักเราด้วย
หน้าตาเครื่องนับก้าวเป็นอย่างนี้
แต่ใครไม่มี จะลงแอปในมือถือ ชื่อ moves ก็ได้ เปิดโปรแกรมนี้และเหน็บมือถือไว้ที่เอว มันก็จะนับก้าวให้เรา แถมยังบอกด้วยว่าเราเดินไปกี่กิโลเมตรสำหรับวันนั้นๆ และใช้ไปกี่แคลอรี่
แต่เครื่องนับก้าวก็ไม่ได้ช่วยให้เราน้ำหนักลดลง ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย ปกติแล้วถ้าวันๆไม่ออกกำลังกาย ไม่มีกิจกรรมอะไร วันๆเอาแต่นั่งจิ้มมือถือ วันหนึ่งๆก็เดินแค่ 2,xxx ก้าวเอง
ขออนุญาตเอารูปจาก internet มาลงนะคะ
มาจากเวปนี้ค่ะ http://www.raipoong.com/content/detail.php?section&category&id=271
และถ้าไม่ช่วยเรื่องลดๆการกินลงไปมั่ง น้ำหนักคงจะลงช้า
ดังนั้น ตั้งแต่เหน็บเจ้าเครื่องนับก้าวมาเราก็พยายามเดินสะสมก้าวให้มากๆ เดินนิดเดินหน่อย บวกออกกำลังกาย ตอนนี้ที่นับก้าวทุกวัน มีน้อยสุดคือ 4,xxx ก้าว ถึงมากสุด 13,xxx ก้าว เฉลี่ยๆก็ 6-7,xxx ก้าว
ตัวอย่างกิจกรรมที่เพิ่มจำนวนก้าว
ตื่นเช้าออกวิ่ง / เดินเร็ว 15-30 นาที แล้วแต่เวลาอำนวย เพิ่มก้าวได้ถึง 3-4000ก้าว สำหรับ สว ที่อายุมากประมาณนึง จะเป็นการเดินจงกรม ปฏิบัติธรรมไปในตัวได้ด้วย มุกนี้ เราใช้ประจำ ทำ 1 อย่าง ได้ 2 อย่าง
ระหว่างวัน ทำงานตามปกติ หรือทำงานบ้าน อย่าขี้เกียจ ให้เคลื่อนไหว ทำโน่นทำนี่เยอะๆ
เวลาจะไปไหน ถ้าระยะไม่ไกลมากก็เดินเอา เป็นการสะสมก้าว
เวลาจะซื้อของโดยเฉพาะของกินเล่นกับเสื้อผ้า ใช้หลักว่าให้ผ่านไปก่อน ถ้ายังอยากได้จริงเดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ วิธีนี้ ทำ 1 ได้ 3 คือ 1.เดินหลายๆรอบ เป็นการสะสมก้าวของเรา 2. ประหยัดเงินในกระเป๋า ไม่ต้องซื้อของฟุ่มเฟือย ซื้อมาไม่ได้ใช้ หรือใช้แค่แป๊ปเดียวก็เลิกใช้ 3. ถ้าใช้วิธีนี้กับของกิน ก็คือเราจะไม่ได้กินทุกอย่างที่เห็นว่าอยากกิน แต่กินเฉพาะของที่อยากกินจริงๆเท่านั้น ทำให้น้ำหนักไม่เพิ่มหรือขึ้นช้า
ตอนบ่ายๆ หรือเย็นๆ ดูก้าวแล้วสำหรับวันนั้น ยังน้อยอยู่ ก็เพิ่มการออกกำลังกายรอบเย็นอีกรอบ ของเราใช้วิธีตีปิงปอง เพราะให้ความสนุก ตบมันส์มาก เดี๋ยวโยกซ้าย เดี๋ยวโยกขวา เดี๋ยวเก็บลูก เก็บก้าวได้อีก 3-4000 ก้าว
สรุปว่าถ้าวันไหนได้ออกกำลังทั้งเช้าและเย็น ก็ได้ถึง 7000-10000ก้าว
ส่วนเรื่องอาหารหรือของกินต้องปรับด้วยนะคะ แต่ของเราปรับนิดหน่อยเพราะปกติก็ใช้วิธีนี้ประจำอยู่แล้ว
อาหารเช้า / ข้าวเช้า กินเยอะๆ กินเท่าที่อยากกิน ให้อิ่มท้อง
อาหารกลางวัน บางทีก็กิน บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะข้าวเช้ากินมาเยอะอิ่มท้องนาน แต่ถ้าวันไหนไม่ได้กินข้าวกลางวัน บ่ายๆจะหิว ต้องกินเป็นมื้อบ่ายแทน และมื้อนั้นก็รวบยอด เป็นมื้อกลางวันและเย็นไปเลย มื้อนี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นอาหารจานเดียว ไม่ได้เบิ้ล
แต่บางวันมีงานเลี้ยง นัดสังสรร กินบุฟเฟ่ต์ เราก็กินนะคะ กินเยอะปกติ แค่ไม่ได้กินแบบนี้ทุกวัน สักเดือนละ 1-2 ครั้งก็พอไหว ไม่ถึงกับไม่ได้กินอะไรที่อยากกิน ชีวิตยังดำเนินตามปกติ
มื้อเย็น ปกติจะงด ยกเว้นบางวันไม่ได้กินข้าวกลางวัน จะหิวมากต้องกินมื้อเย็นนิดหน่อย เป็นข้าวทัพพีเล็กๆ กับข้าวอีกนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะกินผลไม้หรือขนม น้ำเต้าหู้ อะไรอย่างนี้แทน
ขนมระหว่างวัน กินปกติ ไม่ถึงกับงด แต่ไม่เยอะมาก เราค้นพบเคล็ดลับอย่างหนึ่ง ถ้าไม่มีขนมติดบ้าน หรือติดตัวเลย ก็ไม่ได้กิน ชีวิตก็ดำรงอยู่ได้ และเวลาก็หมดไปกับการออกกำลังกาย หรือทำกิจวัตรประจำวัน แต่ถ้านั่งจิ้มโทรศัพท์เมื่อไหร่ ก็จะอยากกินขึ้นมาทันที
อาหารที่กิน ก็น่าจะเกี่ยวด้วย ปกติจะกินพวกผัดผัก น้ำพริก แกงส้ม ไข่เจียว ปลาทอด ซึ่งมีผักเป็นส่วนประกอบเยอะ แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส
คำเตือน : ทุเรียน ทานวันละ 1 เม็ด นะคะ ไม่ใช่วันละพู หรือวันละลูก และไม่ต้องทานทุกวัน เว้นๆช่วงไปมั่ง สบายกระเป๋าเราค่ะ
รวมๆแล้วก็มี 2 ส่วนคือออกกำลังกาย จะเป็นวิธีไหนแล้วแต่สะดวก แลัวแต่วิถีชีวิตของเรา การเดินไปโน่นไปนี่ก็เป็นการออกกำลังกาย เครื่องนับก้าวช่วยบอกเราว่าวันนั้นเดินพอมั้ย ถ้าไม่พอสุดท้ายของวันก็ใช้วิธีเดินจงกรมในห้องนอนก็ได้ ได้อีกสัก 500 ก้าว 555
อาหาร อันนี้ไม่มีเครื่องนับอาหารว่าเรากินเยอะน้อยเท่าไหร่ในแต่ละวัน สังเกตกันเอาเองนะคะ
2 อย่างนี้ ถ้าทำประจำ ทุกวันสม่ำเสมอ รับรองค่ะ น้ำหนักลดเอาๆ
แถมอีกนิดนะคะ ตื่นแต่เช้า และนอนอย่าดึก 4-5 ทุ่มก็นอนได้แล้ว ยิ่งถ้าออกกำลังกายเยอะๆ หลับสบายเลยค่ะ หัวถึงหมอน เพ่งสมาธิดูลมหายใจ 2-3 ที หลับสนิทเลย ไม่รู้ว่าทำให้น้ำหนักลดไหมนะคะ แต่รู้ว่าสุขภาพดีค่ะ เห็นคนเดี๋ยวนี้นอนดึกกันจัง
พอไปตรวจร่างกาย หมอบอกว่าให้เตรียมเงินไว้เยอะๆ ถามว่าทำไม เพราะสุขภาพดีเกิน ไม่เป็นอะไรเลย จะอยู่ได้อีกนาน ยังต้องใช้เงินไปเรื่อยๆจนแก่ 555
ตอนนี้น้ำหนัก 57-58 กก ค่ะ ใช้เวลา 3 เดือนเอง เฉลี่ยประมาณเดือนละ 1 กก หน้าท้องที่เคยมี ประมาณคนท้อง 4 เดือน ก็ยุบลงไปเอง ไม่ได้ sit up ใดๆ กางเกงเริ่มหลวมละ ว่าจะไปขุดชุดเก่าๆมาใส่ 5555
ส่วนใครที่อยู่คอนโด ไม่มีที่วิ่งออกกำลังกาย ใครที่ทำงานประจำ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เดี๋ยวรอดูความเห็นอื่นๆนะคะ คงต้องปรับกันไปนะคะ
ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี และน้ำหนักลดกันถ้วนหน้าค่ะ