เรื่องน่ากลัวบนดอย

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะคะ เป็นครั้งแรกที่ได้ตั้งกระทู้ (หากมีข้อผิดพลาดในการเขียน อธิบายไม่ละเอียด การเว้นวรรค ขออภัยด้วยนะคะ) และเป็นครั้งแรกที่ได้บอกเล่าประสบการณ์ที่น่ากลัวที่เคยพบเจอมาค่ะ
...ครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้วกับครอบครัวประมาณ11คน ได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ณ ดอยแห่งหนึ่ง ด้วยจำนวนคนเยอะจึงเช่าเหมารถตู้เพื่อใช้ในการเดินทางค่ะ ตัดไปตอนถึงตีนดอยนะคะ ในการทางขึ้นดอยแห่งนี้มีเพียงป้ายบอกทางเล็กๆ ถนนค่อนข้างคดเคี้ยวมากค่ะ ไม่มีรถคันอื่นเลยระหว่างทาง ด้านบนค่อนข้างสงบ มีที่พักและสวนต่างๆสวยงามมาก เมื่อถึงที่พักก็จัดแจงเช็คอิน และรอเข้าห้องพักค่ะ บรรยากาศดีมากค่ะ แม้แดดจะแรงแต่อุณภูมิค่อนข้างต่ำ 18-19 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การมาเที่ยวชมดอกไม้ ต้นไม้และพักผ่อนเป็นอย่างมากค่ะ
...เมื่อเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติระหว่างรอเข้าห้องพักประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังห้องพักค่ะ เดินผ่านสวนดอกไม้ตามทางเดินเล็กๆ ก็จะเจอห้องพักเป็นบ้านไม้ แยกเป็นหลังๆ เรียงรายอยู่ ด้านหลังบ้านพักเป็นป่า ด้านหน้าเป็นทางเดินหินกรวดเล็กๆ เมื่อจัดของกันเสร็จ บางส่วนก็พักผ่อนค่ะ เพราะมีสมาชิกบางส่วนเป็นผู้สูงอายุ
...พอได้เวลาเราก็ออกมา รับประทานอาหารกันตอนเย็นๆ นั่งคุยไปทานอาหารไปจนเสร็จประมาณสองทุ่ม เป็นเวลาปิดของร้านอาหาร เด็กๆพาผู้สูงอายุกลับยังที่พัก บางส่วนก็เดินเล่นถ่ายรูปกับซุ้มดอกไม้ต่างๆ เมื่อถึงเวลาพนักงานที่อยู่ในร้านอาหารก็ปิดประตูร้าน และกำลังรีบเร่งขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ที่นี่ทุกอย่างปิดหมดค่ะ ไม่มีคนออกมาเดินเพ่นพ่าน ไม่มีเสียงผู้คนใดๆ รู้สึกเกิดอยากชิวขึ้นมาเลยเดินเล่นเพียงลำพังค่ะ บรรยากาศโดยรอบมืดมาก มีเพียงแสงไฟส่องเป็นบางจุดจากหลอดไฟตามเสาไฟ ตามซุ้มดอกไม้ ต้นไม้ แล้วก็ดวงไฟหน้าห้องพัก ฤดูหนาวนี้ เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ามีเพียงดวงดาวสีเงินระยิบระยับมากมายโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้าที่ดำมืด จึงเดินเล่นโดยรอบที่พัก โดยถือโทรศัพท์เปิดหน้าจอสว่างเต็มที่ส่องเดินตามทาง เมื่อเดินไปด้านหน้าทางเข้า ถนนเป็นทางตรง กว้างประมาณ5เมตร ซึ่งลงต่อไปจะเป็นถนนคดเคี้ยว(ทางที่รถตู้ขับขึ้นมา) ด้านล่างมีดวงไฟเล็กๆจากที่มองดูไม่ไกลมากค่ะ ใจเกิดนึกสนุกขึ้นมาเข้าใจว่าเป็นร้านค้าค่ะเลยอยากได้ไอศครีมเย็นๆสักแท่ง นึกแล้วก็ฟินเพราะตอนนั้นอากาศเริ่มเย็นลงกว่าตอนกลางวันค่ะ  กะว่าจะซื้อมาฝากเด็กๆด้วย
...เมื่อเดินลงไปเรื่อยๆใช้ไฟจากโทรศัพท์2เครื่อง ส่องดูทางขณะเดิน ส่องได้ในระยะใกล้ๆเท่านั้นค่ะ ตามทางมีกรวดโรยอยู่ทั่ว เมื่อเหยียบลงไปจะมีเสียงดังสวบ สวบ เป็นเสียงกรวดกระทบกัน ด้านข้างเป็นกอหญ้าขึ้นสูงประมาณเกือบเท่าตัวคน ลมเย็นๆพัดมาเอื่อยๆไม่มีเสียงนะคะ มันเงียบมาก มีเสียงแมลงกับพวกกบ พวกเขียดบ้างเป็นระยะ เดินไปสักพัก อยู่ๆก็เริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึนมา จนต้องหันหน้าไปมองข้างหลังค่ะ แต่ไม่มีอะไรจึงหันกลับมาเดินต่อแหงนหน้ามองท้องฟ้า และมองไปรอบๆพร้อมส่องไฟไปค่ะ  สักพักก็เริ่มมีเสียงก้อนกรวดกระทบกันดังสวบ สวบ สวบ ในใจคิดทันที่ว่ามีคนเดินมา จึงหันไปมองตามทืศที่มาของเสียง แต่ไม่เห็นใครเดินมาค่ะ ตอนนั้นรู้สึกกลัวนิดๆ เริ่มคิดถึงสิ่งที่มองไม่เห็น และเริ่มขนลุก จึงข่มใจเดินต่อ พยายามนึกแค่ว่า ถ้าเดินถึงร้านค้าแล้วจะซื้ออะไรบ้าง เพื่อข่มความกลัว แต่ก้าวขาแทบไม่ได้แล้วค่ะ การเดินของเราช้าลง รู้สึกขาจะชาๆขึ้นมาซะดื้อๆ (เหมือนตอนที่ตัวเองเคยฝันว่าผีวิ่งไล่ ต่อให้เราวิ่งเร็วแค่ไหน ก็รู้สึกเหมือนขาจะก้าวไม่ออก หรือผีจะวิ่งเร็วกว่าประมาณนั้นค่ะ)
...เสียงเดินมันใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาทุกที สวบ สวบ สวบ เหมือนกำลังเคลื่อนตามมาหาเรา หากเป็นคน มันไม่ใช่เสียงคนๆเดียวเดิน แต่มันเป็นเสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังเดินตามมาค่ะ ด้วยความกลัว จึงค่อยๆหมุนจอโทรศัพท์ไปทางขวา พร้อมกับเหล่ตาไปด้านขวาข้างทางที่มีต้นหญ้าขึ้นสูง ทันใดนั้นไม่รู้ว่าด้วยแรงลมเอื่อยๆหรืออะไรบางอย่าง หญ้ากอนึงก้แหวกออกค่ะ (ถ้าเป็นคนก็เหมือนกำลังใช้มือแหวกกอหญ้าและเดินออกมาจากกอหญ้า) แต่สิ่งที่เห็นไม่มีใครอยู่ตรงนั้นค่ะ ตอนนั้นบอกตรงๆว่าสติเริ่มแตกกระเจิง ด้วยเสียงสวบ สวบของก้อนกรวดที่เหมือนคนกำลังเดินตามและกอหญ้าที่แหวกออก จึงซ้ายหันและวิ่งโดยทันทีอย่างสุดชีวิต เสียงฝีเท้าสวบ สวบ สวบมากมายก็ดังตามเรามาค่ะ(คล้ายเริ่มออกวิ่งตามมา) ตอนนั้นไม่คิดอะไรวิ่งอย่างเดียว (นึกถึงหนังผีที่ผีเอื้อมมือมาจับ เลยพยายามวิ่งให้เร็วค่ะ) สายตาเหลือบเห็นอะไรบางอย่างสีอ่อนๆ คล้ายสีขาวที่กอหญ้าข้างทางด้านหน้าไกลพอสมควร มันโผล่เด่นออกมาจากความมืดเลยค่ะ มันเป็นสีสว่างเหมือนผ้าพริ้วๆที่แม้ไม่ใช่ไฟส่องก็มองเห็นค่ะ
...วิ่งเรื่อยมา จนเมื่อวิ่งมาถึงมันจึงหันไปมองด้วยความงงกับสิ่งที่เห็น สมองไม่มีตรรกะไปชั่วขณะ เหตุและผลไม่มีในขณะนั้นค่ะ สิ่งที่มองเห็น เป็นลักษณะของคนยืนอยู่ใส่เสื้อขาวยาวกวาเสื้อที่เราใส่ปกติ เหมือนเป็นชุดคลุมผ่าด้านหน้ายาวลงมาประมาณเข่า (คล้ายชุดงานบวชค่ะ สีขาวๆโปร่งๆ) แต่หัวและท่อนล่างมองไม่เห็นค่ะ มันค่อนข้างมืด จึงเห็นเฉพาะเสื้อ
...เมื่อวิ่งพ้นสิ่งนั้นไป ก็เป็นทางเข้าที่พักมีโคมไฟติดอยู่ รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก และทุกอย่างก็กลับมาสู่ภาวะปกติ ไม่มีเสียงสวบ สวบตามมาแล้วค่ะ จึงหันหลังไปมองโดยอัตโนมัติ จากจุดที่แสงจากโคมไฟสาดไปเป็นระยะที่มองเห็นสิ่งต่างๆได้ประมาณ5-6 เมตร จากตรงนั้น บรรยากาศที่เริ่มไล่เฉดความมืด มันจะมืดขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นเป็นเงาดำลางๆของคนยืนอยู่เยอะมากค่ะ รีบหันกลับทันทีแล้ววิ่งต่อจนไปถึงที่หน้าห้องพัก เคาะประตูเรียกอย่างแรงจน กระจกบางๆบนประตูไม้หน้าห้องสะเทือนเสียงเหมือนพร้อมจะแตกได้ทุกวินาที เมื่อเข้ามาก็ไม่มีใครถามอะไร เพราะแต่ละคนนั่งกดๆโทรศัพท์กันอยู่2-3คนค่ะ อีก2คนนอนหลับไปแล้ว จึงเดินพุ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำเลยค่ะ ล้างหน้าล้างตา เพื่อดึงสติกลับมา และคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ ในใจคิดไว้อย่างเดียว ว่า คือ ผี ผีอย่างเดียวเท่านั้น คนอะไรเยอะแยะมาเดินในที่มืดๆ และไม่ส่งเสียงอะไรเลย ประกอบกับสิ่งที่เห็นชุดขาวยาวพริ้วๆ ไม่น่าจะใช่เครื่องแต่งกายที่คนปกติจะใส่มาเดินเล่นมืดๆแบบนั้น หลังจากนั้นจึงเข้านอนบนเตียงค่ะ ภายในห้องมีเตียงใหญ่2เตียง จากประตูห้องเข้ามาด้านซ้าย1เตียง(2-3คนนั่งกดโทรศัพท์) และถัดมาอีกเตียงที่มี2คนนอนอยู่  ด้วยความกลัวจึงนอนเตียงที่2ตรงกลาง นอนตัวคุดคู้เข่าแทบจะแนบกับอก (มันกลัวจนไม่กล้ายืดขาค่ะ กลัวมีอะไรโผล่มาจากใต้เตียงมาจับขาตอนดึก)
...เช้ามาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับคนที่บ้าน(คนที่เคยมาที่นี่หลายครั้ง และครั้งนี้แนะนำให้คนในบ้านมาเที่ยว)ฟัง เค้าเลยบอกกลับมาว่า ที่นี่เชื่อกันว่ากว่าจะสร้างมาได้สวยงาม ต้องแลกด้วยชีวิตคนในพื้นที่ เพราะการก่อสร้างทั้งถนนและที่พักบนเขาสูงมันเสี่ยงมาก ทางก็ชัน อาจเกิดอุบัติเหตุกันได้ และอีกอย่างคือป่าแถบนี้ในอดีตมีสงครามของคนในพื้นที่เพราะอยู่ใกล้เขตชายแดนค่ะ เมื่อฟังแล้วก็ขนลุกอีกรอบ ยกมือขึ้นพนม1ครั้ง คิดในใจว่าข้าพเจ้ามาเที่ยว ไม่ได้มาลบหลู่หรือสร้างความเสียหาย รบกวนผู้ใด
...หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ ก็เดินทางออกจากที่พัก จากหน้าทางเข้าออกมาไกลประมาณ1กิโลเมตรจึงจะถึงทางลงดอย ตามที่เมื่อคืนเรามองเห็น ตอนลงพยายามจดจ้องอยู่กับข้างทางค่ะ คือติดใจตรงไฟร้านค้า ที่เห็นมันเป็นไฟจริงๆนะคะเห็นเป็นลักษณะเต๊นท์เลยแต่อยู่ไกลๆลงมาทางลงดอย

         สรุปคือ ตั้งแต่ข้างบนลงมาถึงตีนดอยไม่มีร้านค้าเลยค่ะ ToT
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่