๑ เดือนผ่านไป...
สิงห์กับทับทิมกำลังเป็นคู่ซ้อมให้กันและกัน สิงห์ในวันนี้แข็งแกร่งขึ้นมากนัก เพราะหมั่นฝึกฝนมาเป็นแรมเดือน ทับทิมทดสอบสิงห์หลายกระบวนท่า สิงห์ก็หลบได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว พอถึงคราวสิงห์หาจังหวะรุกคืนบ้าง และทำให้ทับทิมต้องมาอยู่ในอ้อมกอดเพราะการคลุกวงใน สิงห์ส่งสายตาหวานซึ้งมองหน้าทับทิมอย่างไม่ละสายตา ทับทิมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หน้าแดงก่ำ ใจเต้นแรง และได้ยินเสียงหัวใจสิงห์เต้นไม่เป็นจังหวะ
เสียงหัวใจของสิงห์ดังจนปลุกให้ทับทิมเริ่มรู้สึกตัว ทับทิมจึงสั่งให้สิงห์ปล่อยเธอจากอ้อมกอด สิงห์ค่อยๆปล่อยทับทิมจากอ้อมแขน แต่ยังคงมองหน้าทับทิมไม่วางตา พร้อมกับยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้น
“เอ็งจะยิ้มจนปากฉีกไปถึงรูหูหรือไรไอ้สิงห์” ทับทิมโมโหกลบเกลื่อนความเขินอายของตน
“อ้าว ก็คนมันมีความสุข จะไม่ให้ยิ้มได้รึ”
“ความสุขกระไรของเอ็ง”
“ก็ทับทิมเปลี่ยนไป มิใช่คนเดิมแล้ว”
“ฉันนี่รึเปลี่ยนไป ฉันเปลี่ยนกระไร”
“หากเป็นแต่ก่อน ถ้าฉันล่วงเกินทับทิมเพียงนิด ฉันคงโดนหมัดทับทิมซัดเข้าให้แล้ว แต่ตอนนี้ ทับทิม...เปิดใจให้ฉันแล้วใช่หรือไม่จ๊ะ?”
“อีกอย่าง...แม้แต่คำพูดแทนตัว ที่แต่ก่อนพูดข้าพูดเอ็ง แต่มาบัดนี้ยังเปลี่ยนไปเลย... ว่าอย่างไรเล่า เปิดใจให้ฉันแล้วใช่หรือไม่จ๊ะ” ทับทิมหน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก สิงห์ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ทับทิมจึงเดินไปเตะผ่าหมากสิงห์เข้าอย่างจัง
“เป็นอย่างไรเล่า ข้าเหมือนเดิมรึยัง” สิงห์จุกจนตัวม้วนลงไปกองกับพื้น แล้วร้องโอดครวญ ทับทิมเริ่มใจคอไม่ดี
“ไอ้สิงห์ เอ็งเจ็บมากรึ ข้าขอโทษ ไอ้สิงห์ ดีขึ้นรึยัง?” ทับทิมเข้าไปถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วงแต่สิงห์กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอีกครั้ง
“เป็นห่วงฉันมากเลยรึ ยอมรับมาเถิดว่าห่วงฉัน ฉันไม่ว่ากระไรดอก”
“ไอ้บ้า..ไอ้สิงห์..ไอ้กะล่อน...”
ทับทิมซัดหมัดเข้าเบ้าตาขวาของสิงห์เต็มเหนี่ยว โมโหที่โดนสิงห์หลอกให้เป็นห่วง ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวหนีไป ปล่อยให้สิงห์ร้องโดดโอยอยู่ตรงนั้น...
00000000
คลองท้ายหมู่บ้าน…
หลังจากความเจ็บปวดเริ่มทุเลา สิงห์ก็เริ่มเดินมาตามหาตัวทับทิม แต่ความเขียวของขอบตาก็เริ่มเพิ่มสีช้ำๆขึ้นมา สิงห์เดาใจสาวจอมแก่น เดินมาตามหาที่น้ำตก แต่ก็ไม่พบเจอ
“ไม่อยู่ที่นี่ แล้วจะไปที่ใดกันเล่า” สิงห์มองซ้ายขวาก่อนจะตะโกนเรียกชื่อทับทิมจนดังลั่น ทันใดนั้น...ก้อนหินลูกพอดีมือถูกเขวี้ยงลงมาที่หัวของสิงห์ สิงห์มองตามขึ้นไป เห็นสาวจอมแก่นนั่งยิงหนังยางลงมาจากต้นไม้
“ตามข้ามาทำกระไร”
“ฉันก็มาตามหาหัวใจอย่างไรเล่า หัวใจฉันฝากไว้ที่...คนแถวนี้...ก็เลยต้องตามมา” สิงห์เห็นทับทิมแอบอมยิ้มเขินอายก็รีบทักว่า
“อยากยิ้มก็ยิ้มเถิด ไม่ต้องฝืนดอก” ทับทิมจึงยิงหนังยางใส่สิงห์รัว จนระบมไปทั้งตัว
“โอ๊ย...ตาฉัน...โอ๊ย”
สิงห์เอามือกุมตาไว้แล้วร้องว่าเจ็บปวด ทับทิมตกใจรีบกระโดดลงมาจากต้นไม้ มาดูอาการสิงห์ด้วยความเป็นห่วงอย่างเคย
“ข้าขอโทษ เจ็บมากรึ ไหนๆมาให้ข้าดูซิ” สิงห์ยังร้องโอดโอยแต่ก็ยอมให้ทับทิมดูแผล
“ก็ไม่เห็นบวมช้ำกระไรนี่”
ทับทิมมองหารอยช้ำบนขอบตาสิงห์ ก่อนจะสบสายตาคู่เจ้าเล่ห์แล้วรู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก ทับทิมโมโหสุดขีด เท้าเล็กๆถีบร่างฉกรรจ์ลงน้ำในทันที เสียงน้ำกระเซ็นซ่าน สาวจอมแก่นยืนหัวเราะสะใจอยู่บนฝั่ง แต่สิงห์กลับมีท่าทีว่าจะจมน้ำ
“ไอ้สิงห์ เอ็งไม่ต้องมาแสร้งทำ เอ็งว่ายน้ำเป็นจะจมได้เยี่ยงไร”
“ช่วยด้วย ฉันเป็นตะคริว..ช่วยฉันด้วย”
“ตะคริวรึไอ้สิงห์” ทับทิมรีบพุ่งตัวลงน้ำไปช่วยสิงห์ในทันที
“ใกล้ถึงฝั่งแล้วไอ้สิงห์ อีกเพียงอึดใจเดียว” ทับทิมว่ายน้ำแขนอีกข้างประคองคอสิงห์ให้เข้าฝั่ง
“จ้ะ” สิงห์ตอบรับใบหน้าระรื่น ทับทิมหยุดชะงัก หันมามองหน้าคนเจ้าเล่ห์
“เอ็งไม่ได้เป็นตะคริวรึ” สิงห์ไม่ตอบแต่ส่งรอยยิ้มแห้งๆมาให้
“ไอ้สิงห์ เอ็งตาย!”
ทับทิมกดหัวสิงห์ลงน้ำด้วยความโมโหสุดขีด สิงห์หายใจแทบไม่ทัน จึงมุดน้ำหนีทับทิมไป ทับทิมหันซ้ายขวามองหาคนเจ้าเล่ห์ สิงห์โผล่มาจากด้านหลัง พอทับทิมหันไปก็สบตากันเข้าพอดี ทับทิมสะดุ้งตกใจ สิงห์สวมกอดทับทิมไว้แนบแน่น
“ฉันขอโทษ หายโมโหฉันเถิด ฉันแค่อยากรู้ว่าทับทิมเป็นห่วงฉันหรือไม่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว”
“รู้กระไร”
ทับทิมถามขึ้นมาขณะถูกสวมกอด สิงห์ค่อยๆละอ้อมแขนออกจากตัวทับทิม สิงห์สบตาหญิงสาวข้างหน้าอย่างลึกซึ้ง ตั้งใจส่งความหมายทั้งหมดผ่านสายตา สิงห์ลูบไล้ใบหน้าของทับทิม
“ฉันรู้แล้วว่าทับทิมเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน ฉันจะไม่แกล้งให้ทับทิมโมโหอีกแล้ว ฉันสัญญา”
ทับทิมนิ่งอึ้งกับคำสารภาพของสิงห์ สิงห์ค่อยๆโน้มหน้ามาจูบลงเบาๆบนหน้าผากของหญิงสาว หัวใจของทับทิมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของสิงห์ ที่เต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมาจากอก
00000000
บนเรือนครูเที่ยง
ครูเที่ยงไม่เห็นหน้าเพลิงหลายวันจึงถามความจากสิงห์ สิงห์บอกว่าเห็นเพลิงเข้าไปหาของป่าตั้งแต่เช้าแล้ว พอตกเย็นทับทิมกับสิงห์แอบส่งสายตาหวานซึ้งต่อหน้าจุก จุกจึงคาดคั้นว่าทั้งสองทำไมไม่กัดกันเหมือนแต่ก่อน มีท่าทีแปลกๆ ทับทิมจึงไล่เตะจุกที่มาจับผิดตน จุกวิ่งหนีไป พอเห็นเพลิงเดินมา จุกจึงรีบวิ่งไปหลบหลังเพลิง
“ทับทิม พี่มีเรื่องจะคุยกับเอ็ง”
“แต่ฉันไม่มีกระไรจะคุย” ทับทิมเดินสะบัดหนีไป แต่ไม่ทันจะไปไหนได้ไกล เพลิงก็ล้มลงไปกองกับพื้น
“พี่เพลิง พี่เพลิงเป็นกระไรไม่รู้พี่ทับทิม!”
จุกเข้าไปประคองร่างเพลิง ทับทิมตกใจรีบหันกลับมาประคองร่างเพลิงแทนจุก
00000000
บ้านเพลิง...
ร่างของเพลิงถูกพามานอนที่เรือนของเพลิง ทับทิม จุก สิงห์เฝ้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง ทับทิมสัมผัสอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนราวกับไฟของเพลิงก็สงสัยว่าจะเป็นไข้ป่า เพราะเพลิงเพิ่งเข้าไปหาของป่ามาก็มีอาการจึงสั่งให้จุกไปขอยากับครูเที่ยงมาต้มไว้ ก่อนจะปลุกให้เพลิงลุกขึ้นมากินยาหม้อต้ม เพลิงลืมตาฟื้นเพราะเสียงเรียก เห็นใบหน้าของทับทิมก็เริ่มเพ้อเพราะพิษไข้
“ทับทิม พี่ขอโทษ เอ็งยกโทษให้พี่เถิด”
“พี่เพลิงกินยานี่ก่อนเถิด ไข้ขึ้นสูงนัก” เพลิงรับยามากินก่อนจะสำลักออกมา
“ยากระไร ขมนัก ข้าไม่กิน เอาออกไปไอ้จุก”
“แต่เด็กดื้อยา โตมาก็ไม่เปลี่ยนเลยนะพี่เพลิง แล้วนี่จะหายได้เยี่ยงไรกัน” ทับทิมกังวลใจที่เพลิงไม่ยอมกินยา เพลิงกุมมือทับทิมขึ้นมา
“เอ็งยกโทษให้พี่เถิด เรากลับมาเป็นพี่น้องรักใคร่กันเหมือนแต่ก่อนเถิดนะทับทิม ถึงพี่จะรักเอ็งแบบที่เอ็งต้องการไม่ได้ แต่ยังไงเอ็งก็เป็นน้องรักของพี่ พี่รู้สึกผิดนักที่ทำกับเอ็งเยี่ยงนั้น พี่ขอโทษ...พี่ยอมแล้ว ยอมเอ็งทุกอย่าง”
“ยอมทุกอย่างงั้นรึ” ทับทิมถามย้ำ เพลิงพยักหน้าตอบรับ
“อย่างนั้นก็กินยาให้หมด” เพลิงมองถ้วยยา ก่อนจะยอมรับมา กลั้นใจกินจนหมดถ้วย
“เอ็งยกโทษให้พี่ได้แล้วใช่หรือไม่” เพลิงมิวายทวงคำจากทับทิม
“ฉันไม่ได้หมายถึงกินหมดถ้วย แต่ต้องกินหมดหม้อนี่ต่างหาก”
เพลิงมองหม้อยาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็สั่งให้จุกรินยาถ้วยใหม่มาให้ เมื่อเห็นว่าเพลิงกินยามากพอแล้ว ทับทิมก็ประคองให้นอนพักผ่อน บอกว่าหายดีเมื่อใดจะยกโทษให้ สิงห์ที่มองดูอยู่ก็เกิดร้อนรนกับท่าทีสนิทสนมของทับทิมกับเพลิง อารมณ์พลุ่งพล่านด้วยความหึงหวงถาโถมจนต้องออกไปเดินเล่นตามลำพัง ก่อนจะระบายความคลุ้มคลั่งด้วยการเตะต้นกล้วยข้างทางจนก้านหักไปหลายต้น
00000000
คลองท้ายหมู่บ้าน...
ทับทิมเพิ่งสังเกตเห็นว่าสิงห์หายไป จึงออกตามหา เดาใจคนล่องหนมาที่น้ำตก แล้วก็ได้ก็เห็นสิงห์นั่งกอดเข่าอยู่บนโขดหิน ทับทิมจึงเดินเข้าไปหา
“หนีมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“สนใจฉันด้วยรึ” สิงห์ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“เอ็งพูดจาชอบกลนัก หากไม่สนใจจะตามมารึ”
“จะไปรู้รึ ฉันก็เห็นว่าห่วงใยพี่เพลิงนักหนา ก็เลยไม่รู้ดอกว่า ยังจะมีแก่ใจมาสนใจฉันด้วย” ทับทิมเริ่มรับรู้พิษแรงหึงที่แผ่รังสีออกมาจากสิงห์
“พวกผู้ชายหน้ามืดตามัว หึงไม่เข้าเรื่อง”
ขาดคำก็มองไปทางสิงห์ สิงห์หลบตาเบือนหน้าหนี น้อยใจที่ทับทิมไม่เข้าใจ แล้วตัดพ้อว่าหากไม่รักมากก็คงไม่หึงหวงเช่นนี้ ทับทิมจับหน้าสิงห์ให้หันมาสบตากัน
“เอ็งจงเชื่อใจข้า บัดนี้ใจข้าได้เปลี่ยนไป...เพราะเอ็ง...ในวันที่พี่เพลิงทำร้ายใจข้า ใจข้าก็มีแต่เอ็ง เอ็งไม่เคยทอดทิ้งข้าไปไหน แล้วข้าจะทอดทิ้งเอ็งได้เยี่ยงไรกัน”
สิงห์ซาบซึ้งกว่าคำบอกรักใดๆที่เฝ้ารอจากทับทิม จึงโผเข้าสวมกอดทับทิมแนบแน่น...
“เอ็งไม่ต้องหึงหวงข้ากับพี่เพลิงดอก เขามองข้าเป็นเพียงน้องเท่านั้น ข้าก็จะเห็นพี่เพลิงเป็นเพียงพี่ชายเช่นกัน ใจข้าจะไม่หวั่นไหวให้ชายใดอีก...นอกจากเอ็ง...เพียงผู้เดียว”
สิงห์ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ สองหนุ่มสาวบอกรักกันและกันอย่างอ่อนหวาน สิงห์จูบแก้มนวลของสาวคนรัก ระเรื่อยมาจะถึงริมฝีปาก ทับทิมใจเต้นรัว อ่อนไหวไปกับสัมผัสเล้าโลมนั้น แต่ด้วยความเป็นหญิง ทำให้พยายามเบี่ยงตัวหลบ สิงห์ไม่ยอมหยุด อ้อนขอจูบเสียงหวาน สายตาหวานหยดของสิงห์ทำให้ทับทิมยอมใจอ่อนยอมให้สิงห์บรรจงจูบอย่างนุ่มนวล
00000000
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลูกไม้มวยไทย ตอนที่ ๙ หวานเป็นลม...ขมเป็นยา
สิงห์กับทับทิมกำลังเป็นคู่ซ้อมให้กันและกัน สิงห์ในวันนี้แข็งแกร่งขึ้นมากนัก เพราะหมั่นฝึกฝนมาเป็นแรมเดือน ทับทิมทดสอบสิงห์หลายกระบวนท่า สิงห์ก็หลบได้อย่างแคล่วคล่องว่องไว พอถึงคราวสิงห์หาจังหวะรุกคืนบ้าง และทำให้ทับทิมต้องมาอยู่ในอ้อมกอดเพราะการคลุกวงใน สิงห์ส่งสายตาหวานซึ้งมองหน้าทับทิมอย่างไม่ละสายตา ทับทิมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หน้าแดงก่ำ ใจเต้นแรง และได้ยินเสียงหัวใจสิงห์เต้นไม่เป็นจังหวะ
เสียงหัวใจของสิงห์ดังจนปลุกให้ทับทิมเริ่มรู้สึกตัว ทับทิมจึงสั่งให้สิงห์ปล่อยเธอจากอ้อมกอด สิงห์ค่อยๆปล่อยทับทิมจากอ้อมแขน แต่ยังคงมองหน้าทับทิมไม่วางตา พร้อมกับยิ้มกว้างอยู่อย่างนั้น
“เอ็งจะยิ้มจนปากฉีกไปถึงรูหูหรือไรไอ้สิงห์” ทับทิมโมโหกลบเกลื่อนความเขินอายของตน
“อ้าว ก็คนมันมีความสุข จะไม่ให้ยิ้มได้รึ”
“ความสุขกระไรของเอ็ง”
“ก็ทับทิมเปลี่ยนไป มิใช่คนเดิมแล้ว”
“ฉันนี่รึเปลี่ยนไป ฉันเปลี่ยนกระไร”
“หากเป็นแต่ก่อน ถ้าฉันล่วงเกินทับทิมเพียงนิด ฉันคงโดนหมัดทับทิมซัดเข้าให้แล้ว แต่ตอนนี้ ทับทิม...เปิดใจให้ฉันแล้วใช่หรือไม่จ๊ะ?”
“อีกอย่าง...แม้แต่คำพูดแทนตัว ที่แต่ก่อนพูดข้าพูดเอ็ง แต่มาบัดนี้ยังเปลี่ยนไปเลย... ว่าอย่างไรเล่า เปิดใจให้ฉันแล้วใช่หรือไม่จ๊ะ” ทับทิมหน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก สิงห์ยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม ทับทิมจึงเดินไปเตะผ่าหมากสิงห์เข้าอย่างจัง
“เป็นอย่างไรเล่า ข้าเหมือนเดิมรึยัง” สิงห์จุกจนตัวม้วนลงไปกองกับพื้น แล้วร้องโอดครวญ ทับทิมเริ่มใจคอไม่ดี
“ไอ้สิงห์ เอ็งเจ็บมากรึ ข้าขอโทษ ไอ้สิงห์ ดีขึ้นรึยัง?” ทับทิมเข้าไปถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วงแต่สิงห์กลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอีกครั้ง
“เป็นห่วงฉันมากเลยรึ ยอมรับมาเถิดว่าห่วงฉัน ฉันไม่ว่ากระไรดอก”
“ไอ้บ้า..ไอ้สิงห์..ไอ้กะล่อน...”
ทับทิมซัดหมัดเข้าเบ้าตาขวาของสิงห์เต็มเหนี่ยว โมโหที่โดนสิงห์หลอกให้เป็นห่วง ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวหนีไป ปล่อยให้สิงห์ร้องโดดโอยอยู่ตรงนั้น...
คลองท้ายหมู่บ้าน…
หลังจากความเจ็บปวดเริ่มทุเลา สิงห์ก็เริ่มเดินมาตามหาตัวทับทิม แต่ความเขียวของขอบตาก็เริ่มเพิ่มสีช้ำๆขึ้นมา สิงห์เดาใจสาวจอมแก่น เดินมาตามหาที่น้ำตก แต่ก็ไม่พบเจอ
“ไม่อยู่ที่นี่ แล้วจะไปที่ใดกันเล่า” สิงห์มองซ้ายขวาก่อนจะตะโกนเรียกชื่อทับทิมจนดังลั่น ทันใดนั้น...ก้อนหินลูกพอดีมือถูกเขวี้ยงลงมาที่หัวของสิงห์ สิงห์มองตามขึ้นไป เห็นสาวจอมแก่นนั่งยิงหนังยางลงมาจากต้นไม้
“ตามข้ามาทำกระไร”
“ฉันก็มาตามหาหัวใจอย่างไรเล่า หัวใจฉันฝากไว้ที่...คนแถวนี้...ก็เลยต้องตามมา” สิงห์เห็นทับทิมแอบอมยิ้มเขินอายก็รีบทักว่า
“อยากยิ้มก็ยิ้มเถิด ไม่ต้องฝืนดอก” ทับทิมจึงยิงหนังยางใส่สิงห์รัว จนระบมไปทั้งตัว
“โอ๊ย...ตาฉัน...โอ๊ย”
สิงห์เอามือกุมตาไว้แล้วร้องว่าเจ็บปวด ทับทิมตกใจรีบกระโดดลงมาจากต้นไม้ มาดูอาการสิงห์ด้วยความเป็นห่วงอย่างเคย
“ข้าขอโทษ เจ็บมากรึ ไหนๆมาให้ข้าดูซิ” สิงห์ยังร้องโอดโอยแต่ก็ยอมให้ทับทิมดูแผล
“ก็ไม่เห็นบวมช้ำกระไรนี่”
ทับทิมมองหารอยช้ำบนขอบตาสิงห์ ก่อนจะสบสายตาคู่เจ้าเล่ห์แล้วรู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก ทับทิมโมโหสุดขีด เท้าเล็กๆถีบร่างฉกรรจ์ลงน้ำในทันที เสียงน้ำกระเซ็นซ่าน สาวจอมแก่นยืนหัวเราะสะใจอยู่บนฝั่ง แต่สิงห์กลับมีท่าทีว่าจะจมน้ำ
“ไอ้สิงห์ เอ็งไม่ต้องมาแสร้งทำ เอ็งว่ายน้ำเป็นจะจมได้เยี่ยงไร”
“ช่วยด้วย ฉันเป็นตะคริว..ช่วยฉันด้วย”
“ตะคริวรึไอ้สิงห์” ทับทิมรีบพุ่งตัวลงน้ำไปช่วยสิงห์ในทันที
“ใกล้ถึงฝั่งแล้วไอ้สิงห์ อีกเพียงอึดใจเดียว” ทับทิมว่ายน้ำแขนอีกข้างประคองคอสิงห์ให้เข้าฝั่ง
“จ้ะ” สิงห์ตอบรับใบหน้าระรื่น ทับทิมหยุดชะงัก หันมามองหน้าคนเจ้าเล่ห์
“เอ็งไม่ได้เป็นตะคริวรึ” สิงห์ไม่ตอบแต่ส่งรอยยิ้มแห้งๆมาให้
“ไอ้สิงห์ เอ็งตาย!”
ทับทิมกดหัวสิงห์ลงน้ำด้วยความโมโหสุดขีด สิงห์หายใจแทบไม่ทัน จึงมุดน้ำหนีทับทิมไป ทับทิมหันซ้ายขวามองหาคนเจ้าเล่ห์ สิงห์โผล่มาจากด้านหลัง พอทับทิมหันไปก็สบตากันเข้าพอดี ทับทิมสะดุ้งตกใจ สิงห์สวมกอดทับทิมไว้แนบแน่น
“ฉันขอโทษ หายโมโหฉันเถิด ฉันแค่อยากรู้ว่าทับทิมเป็นห่วงฉันหรือไม่ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว”
“รู้กระไร”
ทับทิมถามขึ้นมาขณะถูกสวมกอด สิงห์ค่อยๆละอ้อมแขนออกจากตัวทับทิม สิงห์สบตาหญิงสาวข้างหน้าอย่างลึกซึ้ง ตั้งใจส่งความหมายทั้งหมดผ่านสายตา สิงห์ลูบไล้ใบหน้าของทับทิม
“ฉันรู้แล้วว่าทับทิมเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน ฉันจะไม่แกล้งให้ทับทิมโมโหอีกแล้ว ฉันสัญญา”
ทับทิมนิ่งอึ้งกับคำสารภาพของสิงห์ สิงห์ค่อยๆโน้มหน้ามาจูบลงเบาๆบนหน้าผากของหญิงสาว หัวใจของทับทิมเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของสิงห์ ที่เต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมาจากอก
บนเรือนครูเที่ยง
ครูเที่ยงไม่เห็นหน้าเพลิงหลายวันจึงถามความจากสิงห์ สิงห์บอกว่าเห็นเพลิงเข้าไปหาของป่าตั้งแต่เช้าแล้ว พอตกเย็นทับทิมกับสิงห์แอบส่งสายตาหวานซึ้งต่อหน้าจุก จุกจึงคาดคั้นว่าทั้งสองทำไมไม่กัดกันเหมือนแต่ก่อน มีท่าทีแปลกๆ ทับทิมจึงไล่เตะจุกที่มาจับผิดตน จุกวิ่งหนีไป พอเห็นเพลิงเดินมา จุกจึงรีบวิ่งไปหลบหลังเพลิง
“ทับทิม พี่มีเรื่องจะคุยกับเอ็ง”
“แต่ฉันไม่มีกระไรจะคุย” ทับทิมเดินสะบัดหนีไป แต่ไม่ทันจะไปไหนได้ไกล เพลิงก็ล้มลงไปกองกับพื้น
“พี่เพลิง พี่เพลิงเป็นกระไรไม่รู้พี่ทับทิม!”
จุกเข้าไปประคองร่างเพลิง ทับทิมตกใจรีบหันกลับมาประคองร่างเพลิงแทนจุก
บ้านเพลิง...
ร่างของเพลิงถูกพามานอนที่เรือนของเพลิง ทับทิม จุก สิงห์เฝ้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง ทับทิมสัมผัสอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนราวกับไฟของเพลิงก็สงสัยว่าจะเป็นไข้ป่า เพราะเพลิงเพิ่งเข้าไปหาของป่ามาก็มีอาการจึงสั่งให้จุกไปขอยากับครูเที่ยงมาต้มไว้ ก่อนจะปลุกให้เพลิงลุกขึ้นมากินยาหม้อต้ม เพลิงลืมตาฟื้นเพราะเสียงเรียก เห็นใบหน้าของทับทิมก็เริ่มเพ้อเพราะพิษไข้
“ทับทิม พี่ขอโทษ เอ็งยกโทษให้พี่เถิด”
“พี่เพลิงกินยานี่ก่อนเถิด ไข้ขึ้นสูงนัก” เพลิงรับยามากินก่อนจะสำลักออกมา
“ยากระไร ขมนัก ข้าไม่กิน เอาออกไปไอ้จุก”
“แต่เด็กดื้อยา โตมาก็ไม่เปลี่ยนเลยนะพี่เพลิง แล้วนี่จะหายได้เยี่ยงไรกัน” ทับทิมกังวลใจที่เพลิงไม่ยอมกินยา เพลิงกุมมือทับทิมขึ้นมา
“เอ็งยกโทษให้พี่เถิด เรากลับมาเป็นพี่น้องรักใคร่กันเหมือนแต่ก่อนเถิดนะทับทิม ถึงพี่จะรักเอ็งแบบที่เอ็งต้องการไม่ได้ แต่ยังไงเอ็งก็เป็นน้องรักของพี่ พี่รู้สึกผิดนักที่ทำกับเอ็งเยี่ยงนั้น พี่ขอโทษ...พี่ยอมแล้ว ยอมเอ็งทุกอย่าง”
“ยอมทุกอย่างงั้นรึ” ทับทิมถามย้ำ เพลิงพยักหน้าตอบรับ
“อย่างนั้นก็กินยาให้หมด” เพลิงมองถ้วยยา ก่อนจะยอมรับมา กลั้นใจกินจนหมดถ้วย
“เอ็งยกโทษให้พี่ได้แล้วใช่หรือไม่” เพลิงมิวายทวงคำจากทับทิม
“ฉันไม่ได้หมายถึงกินหมดถ้วย แต่ต้องกินหมดหม้อนี่ต่างหาก”
เพลิงมองหม้อยาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ก็สั่งให้จุกรินยาถ้วยใหม่มาให้ เมื่อเห็นว่าเพลิงกินยามากพอแล้ว ทับทิมก็ประคองให้นอนพักผ่อน บอกว่าหายดีเมื่อใดจะยกโทษให้ สิงห์ที่มองดูอยู่ก็เกิดร้อนรนกับท่าทีสนิทสนมของทับทิมกับเพลิง อารมณ์พลุ่งพล่านด้วยความหึงหวงถาโถมจนต้องออกไปเดินเล่นตามลำพัง ก่อนจะระบายความคลุ้มคลั่งด้วยการเตะต้นกล้วยข้างทางจนก้านหักไปหลายต้น
คลองท้ายหมู่บ้าน...
ทับทิมเพิ่งสังเกตเห็นว่าสิงห์หายไป จึงออกตามหา เดาใจคนล่องหนมาที่น้ำตก แล้วก็ได้ก็เห็นสิงห์นั่งกอดเข่าอยู่บนโขดหิน ทับทิมจึงเดินเข้าไปหา
“หนีมาอยู่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“สนใจฉันด้วยรึ” สิงห์ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“เอ็งพูดจาชอบกลนัก หากไม่สนใจจะตามมารึ”
“จะไปรู้รึ ฉันก็เห็นว่าห่วงใยพี่เพลิงนักหนา ก็เลยไม่รู้ดอกว่า ยังจะมีแก่ใจมาสนใจฉันด้วย” ทับทิมเริ่มรับรู้พิษแรงหึงที่แผ่รังสีออกมาจากสิงห์
“พวกผู้ชายหน้ามืดตามัว หึงไม่เข้าเรื่อง”
ขาดคำก็มองไปทางสิงห์ สิงห์หลบตาเบือนหน้าหนี น้อยใจที่ทับทิมไม่เข้าใจ แล้วตัดพ้อว่าหากไม่รักมากก็คงไม่หึงหวงเช่นนี้ ทับทิมจับหน้าสิงห์ให้หันมาสบตากัน
“เอ็งจงเชื่อใจข้า บัดนี้ใจข้าได้เปลี่ยนไป...เพราะเอ็ง...ในวันที่พี่เพลิงทำร้ายใจข้า ใจข้าก็มีแต่เอ็ง เอ็งไม่เคยทอดทิ้งข้าไปไหน แล้วข้าจะทอดทิ้งเอ็งได้เยี่ยงไรกัน”
สิงห์ซาบซึ้งกว่าคำบอกรักใดๆที่เฝ้ารอจากทับทิม จึงโผเข้าสวมกอดทับทิมแนบแน่น...
“เอ็งไม่ต้องหึงหวงข้ากับพี่เพลิงดอก เขามองข้าเป็นเพียงน้องเท่านั้น ข้าก็จะเห็นพี่เพลิงเป็นเพียงพี่ชายเช่นกัน ใจข้าจะไม่หวั่นไหวให้ชายใดอีก...นอกจากเอ็ง...เพียงผู้เดียว”
สิงห์ซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ สองหนุ่มสาวบอกรักกันและกันอย่างอ่อนหวาน สิงห์จูบแก้มนวลของสาวคนรัก ระเรื่อยมาจะถึงริมฝีปาก ทับทิมใจเต้นรัว อ่อนไหวไปกับสัมผัสเล้าโลมนั้น แต่ด้วยความเป็นหญิง ทำให้พยายามเบี่ยงตัวหลบ สิงห์ไม่ยอมหยุด อ้อนขอจูบเสียงหวาน สายตาหวานหยดของสิงห์ทำให้ทับทิมยอมใจอ่อนยอมให้สิงห์บรรจงจูบอย่างนุ่มนวล
โปรดติดตามตอนต่อไป