การที่คนนึงจะเป็นโซนเศร้าได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เค้าจะต้องอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถพูดเรื่องราวเหล่านั้นให้ใครฟังได้เป็นเวลานาน นานจนเค้ารู้สึกว่าตัวเค้าไม่สามารถแบกรับเรื่องเหล่านี้ไว้ตัวคนเดียวไหว คนทั่วไปอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติที่คนเราถ้าเจอเรื่องเศร้าเสียใจ ก็จะต้องมีอารมณ์เศร้าเป็นธรรมดา ซึ่งสำหรับคนป่วยด้วยโรคนี้การแบกรับปัญหาต่างๆ มันเกินจุดที่คนธรรมดาจะรับได้แล้วมั้งหรือเรียกง่ายๆมันเกินจุดที่ตัวฉันเองจะแบกรับเรื่องราวที่เจอ ปกติตัวฉันเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาก มีความคิดบวก มีความคิดสร้างสรร เป็นคนเรียนเก่ง เป็นคนเรียบร้อย พูดจาเพราะ เป็นคนใฝ่ดีและเคยมีความฝันเคยวางอนาคตตัวเองไว้ อยากเรียนจบ มีงานทำที่ดี แต่ช่วงชีวิตของฉัน ในช่วงที่เจอปัญหานั้น ฉันไม่รู้จะพูดมันกับใคร ฉันไม่รู้จะกอดใคร ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่ายังมีคนต้องการฉัน ตลอดเวลาเป็น 10 ปี ฉันสร้างกำลังใจให้ตัวเองมาตลอด ต่อสู้มาตลอด ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ คนที่เป็นโรคซึมเศร้าคือคนที่เข้มแข็งมาก เข้มแข็งจนไม่รู้ว่ามันถึงจุดที่ตัวเองเกินจะรับไหว
วันที่โรคซึมเศร้าเข้ามาพังทลายชีวิตฉัน คือวันที่ฉันเปลี่ยนไปแบบไม่ใช่ตัวของตัวเองและฉันไม่สามารถควบคุมอาการเหล่านั้นได้ ฉันตั้งกำแพงเริ่มจากก่ออิฐทีละชิ้นๆ จนสูงขึ้น เป็นการป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายจิตใจจนไม่เหลือชิ้นดี ถูกรุมโทรม ถูกไล่ออกจากบ้าน ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนเหลวแหลก ถูกหักหลัง ถูกหลอกลวง มันไม่ใช่แค่ 1หรือ 2 หรือ 3 แต่มันเป็น 100 และมันเข้ามาตลอด จากคนที่มองโลกในแง่ดี เริ่มระแวงและกลัวการเชื่อใจ ไม่ไว้วางใจใครสักคน เพราะกลัวว่าคนๆนั้นจะเข้ามาหลอกลวงและทำให้เจ็บอีก วันที่ฉันเริ่มกลายเป็นคนไม่มีหัวใจ เพราะหัวใจที่ฉันมีมันถูกตีตราด้วยคำว่า "ด้านชา" ที่ฉันต้องตีตราหัวใจไว้ด้วยคำๆนี้ เพราะฉันไม่อยากเจ็บอีก ฉันทำร้ายตัวเองไม่ใช่เพราะฉันอยากทำแต่เพราะฉันแค่อยากบรรเทาความเจ็บปวดที่ได้รับให้มันน้อยลง เชื่อมั๊ยว่าการเอามีดกรีดมือตัวเองหรือหาวิธีฆ่าตัวตายมันเจ็บน้อยกว่าความรู้สึกเจ็บที่ได้รับเสียอีก จึงไม่แปลกที่ผู้ป่วยด้วยโรคนี้จะสามารถฆ่าตัวตายได้อย่างง่ายดาย จากคนเรียบร้อยและใจเย็นกลายเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ระเบิดมันออกมาถึงขนาดทำร้ายร่างกายคนๆนึงจนเลือดตกยางออก ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธ เศร้า เหงา ของตัวเองได้ เพราะมันเกินจุดที่สมองจะควบคุม การอยู่ร่วมกับคนในสังคมหรือคนใกล้ตัวเป็นเรื่องยากเพราะพฤติกรรมที่เราแสดงออกมามันเป็นอาการของโรคโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้เค้ามองเราเป็นคนไม่ดีจากพฤติกรรมที่เราแสดงออก ทั้งๆที่ตัวตนของเราจริงๆมันไม่ใช่ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุข ฉันมองหาเป้าหมายของตัวเองไม่เจอ ฉันเบื่อไปหมดทุกอย่าง ฉันร้องไห้กับบางเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ฉันรู้สึกเหงาและอ้างว้างตลอดเวลาทั้งๆที่มีคนอยู่รอบตัวมากมาย ฉันไม่สามารถสนุกกับการไปเที่ยวได้ ฉันไม่สามารถอ่านหนังสือแล้วเข้าใจได้ สิ่งที่ฉันชอบฉันไม่สามารถทำมันได้ ฉันสูญเสียความสามารถที่ฉันมีเหล่านั้นไป
หมอสรุปว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าต้องได้รับการรักษา เพราะตัวฉันเปลี่ยนไปจากสิ่งที่ฉันเคยเป็นมากเหลือเกิน ปัจจุบันการทานยาอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายดูแลตัวเอง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำให้ฉันอยู่ร่วมกับคนในสังคมหรือคนใกล้ตัวได้ดีขึ้น ซึ่งฉันไม่รู้ว่าที่ฉันดีขึ้นเป็นผลของยาหรือเปล่า แต่การไปหาหมอหรือพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอายเพราะนั่นหมายความว่าคุณกำลังรักษาตัวเองเพื่อตัวเอง ดีกว่าเป็นแล้วไม่รักษาเพราะมันไม่ใช่แค่ครึ่งชีวิตที่จะพังแต่ที่จะพังมันคือทั้งหมดของชีวิตคุณ ก้าวขาออกไปเถอะค่ะไปหาคุณหมอคุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้อีกครึ่งชีวิตของคุณกลับคืนมา
โรคซึมเศร้า
วันที่โรคซึมเศร้าเข้ามาพังทลายชีวิตฉัน คือวันที่ฉันเปลี่ยนไปแบบไม่ใช่ตัวของตัวเองและฉันไม่สามารถควบคุมอาการเหล่านั้นได้ ฉันตั้งกำแพงเริ่มจากก่ออิฐทีละชิ้นๆ จนสูงขึ้น เป็นการป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายจิตใจจนไม่เหลือชิ้นดี ถูกรุมโทรม ถูกไล่ออกจากบ้าน ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนเหลวแหลก ถูกหักหลัง ถูกหลอกลวง มันไม่ใช่แค่ 1หรือ 2 หรือ 3 แต่มันเป็น 100 และมันเข้ามาตลอด จากคนที่มองโลกในแง่ดี เริ่มระแวงและกลัวการเชื่อใจ ไม่ไว้วางใจใครสักคน เพราะกลัวว่าคนๆนั้นจะเข้ามาหลอกลวงและทำให้เจ็บอีก วันที่ฉันเริ่มกลายเป็นคนไม่มีหัวใจ เพราะหัวใจที่ฉันมีมันถูกตีตราด้วยคำว่า "ด้านชา" ที่ฉันต้องตีตราหัวใจไว้ด้วยคำๆนี้ เพราะฉันไม่อยากเจ็บอีก ฉันทำร้ายตัวเองไม่ใช่เพราะฉันอยากทำแต่เพราะฉันแค่อยากบรรเทาความเจ็บปวดที่ได้รับให้มันน้อยลง เชื่อมั๊ยว่าการเอามีดกรีดมือตัวเองหรือหาวิธีฆ่าตัวตายมันเจ็บน้อยกว่าความรู้สึกเจ็บที่ได้รับเสียอีก จึงไม่แปลกที่ผู้ป่วยด้วยโรคนี้จะสามารถฆ่าตัวตายได้อย่างง่ายดาย จากคนเรียบร้อยและใจเย็นกลายเป็นคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ระเบิดมันออกมาถึงขนาดทำร้ายร่างกายคนๆนึงจนเลือดตกยางออก ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธ เศร้า เหงา ของตัวเองได้ เพราะมันเกินจุดที่สมองจะควบคุม การอยู่ร่วมกับคนในสังคมหรือคนใกล้ตัวเป็นเรื่องยากเพราะพฤติกรรมที่เราแสดงออกมามันเป็นอาการของโรคโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้เค้ามองเราเป็นคนไม่ดีจากพฤติกรรมที่เราแสดงออก ทั้งๆที่ตัวตนของเราจริงๆมันไม่ใช่ ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีความสุข ฉันมองหาเป้าหมายของตัวเองไม่เจอ ฉันเบื่อไปหมดทุกอย่าง ฉันร้องไห้กับบางเรื่องที่ไม่มีเหตุผล ฉันรู้สึกเหงาและอ้างว้างตลอดเวลาทั้งๆที่มีคนอยู่รอบตัวมากมาย ฉันไม่สามารถสนุกกับการไปเที่ยวได้ ฉันไม่สามารถอ่านหนังสือแล้วเข้าใจได้ สิ่งที่ฉันชอบฉันไม่สามารถทำมันได้ ฉันสูญเสียความสามารถที่ฉันมีเหล่านั้นไป
หมอสรุปว่าฉันเป็นโรคซึมเศร้าต้องได้รับการรักษา เพราะตัวฉันเปลี่ยนไปจากสิ่งที่ฉันเคยเป็นมากเหลือเกิน ปัจจุบันการทานยาอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายดูแลตัวเอง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทำให้ฉันอยู่ร่วมกับคนในสังคมหรือคนใกล้ตัวได้ดีขึ้น ซึ่งฉันไม่รู้ว่าที่ฉันดีขึ้นเป็นผลของยาหรือเปล่า แต่การไปหาหมอหรือพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอายเพราะนั่นหมายความว่าคุณกำลังรักษาตัวเองเพื่อตัวเอง ดีกว่าเป็นแล้วไม่รักษาเพราะมันไม่ใช่แค่ครึ่งชีวิตที่จะพังแต่ที่จะพังมันคือทั้งหมดของชีวิตคุณ ก้าวขาออกไปเถอะค่ะไปหาคุณหมอคุณต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้อีกครึ่งชีวิตของคุณกลับคืนมา