กรุงศรีอยุธยามั่นใจสินเชื่อรายย่อยทั้งปีโตเกินเป้า 7-8% รับกำลังซื้อกระเตื้อง หนุนครึ่งปีหลังขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจในเครือผลงานโดดเด่นทุกเซ็กเตอร์
นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมสินเชื่อธุรกิจรายย่อยในช่วง 5-6 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตและทำได้ค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของธนาคารและบริษัทในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โดยเฉพาะของสินเชื่อรถยนต์จากกรุงศรี ออโต้ และเงินติดล้อ ซึ่งเป็นธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ มีอัตราการขยายตัวดีมากส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย กำลังขยับสู่การเป็นผู้นำตลาดหรือ Big Player และทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตยังเติบโตได้ แม้ว่าจะมีประเด็นเรื่องการออกกฎเกณฑ์คุมสินเชื่อประเภทดังกล่าว แต่เชื่อว่าทุกธนาคารรวมถึงกรุงศรี อยุธยา ได้เตรียมแผนรองรับไว้พอสมควร ด้านเงินฝากจะเห็นว่าจำนวนเงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นตามฐานลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี(K-SAM) ทำได้ดีเช่นกัน จะเห็นกองทุนที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากลูกค้า ซึ่งล่าสุดได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโรดโชว์จับคู่ธุรกิจ (Business Matching)โดยนำบริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 10บริษัทเข้ามา พูดคุยกับนักลงทุนไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าและนักลงทุน คาดว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจในไทยได้อย่างมากในอนาคตส่งผลดีต่อธุรกิจธนาคารในระยะยาว
ดังนั้นจากภาพรวมธุรกิจของบริษัทในเครือโดยรวมที่ขยายตัว ส่งผลให้ภาพรวมของธนาคารเติบโตได้ดี โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สินเชื่อมีอัตราการเติบโตแล้วประมาณ 3-4% จากเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 7-8% คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นสินเชื่อรายย่อยขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ปรับประมาณการเติบโตสินเชื่อรายย่อยทั้งระบบลดลงจากคาดการณ์เดิมอยู่ที่ 5.5% เหลือ 4.5% โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วง 4 เดือนแรกชะลอตัว เป็นผลมาจากกำลังซื้อยังไม่มาเต็มที่ ทำให้ปรับตัวเลขการเติบโตสินเชื่อบ้านเหลือเพียง 5.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 7% ส่งผลกดดันต่อสินเชื่อรายย่อยภาพรวมลดลง
อย่างไรก็ตามในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงประมาณการเติบโตไว้ระดับเดิมที่อัตรา 7% และ 1% ตามลำดับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,280 วันที่ 20 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
http://m.thansettakij.com/content/182026 
BAY ชี้กำลังซื้อฟื้น รายย่อยทะลุเป้า 8%
นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมสินเชื่อธุรกิจรายย่อยในช่วง 5-6 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตและทำได้ค่อนข้างดี ทั้งในส่วนของธนาคารและบริษัทในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โดยเฉพาะของสินเชื่อรถยนต์จากกรุงศรี ออโต้ และเงินติดล้อ ซึ่งเป็นธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ มีอัตราการขยายตัวดีมากส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัย กำลังขยับสู่การเป็นผู้นำตลาดหรือ Big Player และทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตยังเติบโตได้ แม้ว่าจะมีประเด็นเรื่องการออกกฎเกณฑ์คุมสินเชื่อประเภทดังกล่าว แต่เชื่อว่าทุกธนาคารรวมถึงกรุงศรี อยุธยา ได้เตรียมแผนรองรับไว้พอสมควร ด้านเงินฝากจะเห็นว่าจำนวนเงินฝากเติบโตเพิ่มขึ้นตามฐานลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี(K-SAM) ทำได้ดีเช่นกัน จะเห็นกองทุนที่ออกมาอย่างต่อเนื่องและได้ผลตอบรับค่อนข้างดีจากลูกค้า ซึ่งล่าสุดได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโรดโชว์จับคู่ธุรกิจ (Business Matching)โดยนำบริษัทชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 10บริษัทเข้ามา พูดคุยกับนักลงทุนไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกและได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้าและนักลงทุน คาดว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจในไทยได้อย่างมากในอนาคตส่งผลดีต่อธุรกิจธนาคารในระยะยาว
ดังนั้นจากภาพรวมธุรกิจของบริษัทในเครือโดยรวมที่ขยายตัว ส่งผลให้ภาพรวมของธนาคารเติบโตได้ดี โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สินเชื่อมีอัตราการเติบโตแล้วประมาณ 3-4% จากเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 7-8% คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเห็นสินเชื่อรายย่อยขยายตัวดีกว่าครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้านบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ปรับประมาณการเติบโตสินเชื่อรายย่อยทั้งระบบลดลงจากคาดการณ์เดิมอยู่ที่ 5.5% เหลือ 4.5% โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วง 4 เดือนแรกชะลอตัว เป็นผลมาจากกำลังซื้อยังไม่มาเต็มที่ ทำให้ปรับตัวเลขการเติบโตสินเชื่อบ้านเหลือเพียง 5.5% จากคาดการณ์เดิมที่ 7% ส่งผลกดดันต่อสินเชื่อรายย่อยภาพรวมลดลง
อย่างไรก็ตามในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงประมาณการเติบโตไว้ระดับเดิมที่อัตรา 7% และ 1% ตามลำดับ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,280 วันที่ 20 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
http://m.thansettakij.com/content/182026