สวัสดีค่ะ ในพันทิปนี้ปกติเราจะอ่านอย่างเดียว แต่ที่มาตั้งกระทู้เพราะเราเครียดมากๆค่ะ
แต่อยากจะขอให้
งดใช้ถ้อยคำด่าทอ คำพูดรุนแรง หรือคำที่กระทบกระเทือนจิตใจใดๆ
ต่อตัวเราหรือต่อความคิดเห็นใดๆก็ตามในกระทู้นี้ทีนะคะ ไม่ได้หมายความว่าต้องตามน้ำไปกับเราได้อย่างเดียว แค่อยากให้ใช้หัวใจคุยกันมากๆหน่อยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า แฟนเราเสียได้หลายปีแล้ว เราคิดว่าวันเวลาจะเยียวยา แต่ไม่ใช่ค่ะ และความรู้สึกนี้เราคิดว่ามันไม่ใช่ "ความคิดถึง" ถึงมันจะมีความเหงาประกอบอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
เราไม่รู้จะเล่าอย่างไรดี จึงขอเขียนแบบทบทวนเหตุการณ์ในสปอยล์นะคะ อาจจะยาวหน่อย จะอ่านหรือไม่อ่านก็แล้วแต่ดุลย์พินิจเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แฟนเราอายุมากกว่าเราค่อนข้างมาก (11 ปี) เรากับแฟนเจอกันในอินเทอร์เน็ต สมัยเรายังเรียนอยู่ป.5ค่ะ(ตอนนั้นแอ๊บเป็นเด็กผู้ชายม.ต้น) ยังไม่ได้จีบกันนะคะ แค่คิดว่าเล่นเกมด้วยกันสนุกดี เขาก็บอกเราบ่อยๆค่ะว่าเราเป็นเด็กที่เล่นเกมเก่ง(เก่งกว่าเขาพอสมควร) แต่พอคุยกันไประดับหนึ่งคือตอนเราขึ้นม.1 (ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ พ่อเราถูกบีบในบริษัท จึงลาออกและย้ายครอบครัวมาอยู่ต่างจังหวัดค่ะ) เราก็บอกเรื่องจริงให้เขารู้ ประมาณ นี่ จริงๆเป็นผู้หญิงนะ เขาก็แบบ โห เล่นเกมแพ้เด็กแล้วยังเป็นเด็กผู้หญิงอีกเหรอ แล้วก็หัวเราะค่ะ
ซึ่งเราทั้งคู่ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ก็เลยได้เจอกันครั้งแรกที่งานหนังสือค่ะ อารมณ์ต่างฝ่ายต่างอยากไปซื้อหนังสือ แต่มาเหมือนกันงั้นก็เลยเจอกันซะหน่อยมากกว่า หลังจากที่เจอตัวกันแล้ว เราก็เริ่มคุยแบบคอลเสียงบ้าง เปิดหน้าบ้างกันมากขึ้น
เหตุผลสำหรับเราคือรสนิยมด้านหนังสือถูกชะตามาก และแนวคิดต่างๆในด้านการมองโลกก็ตรงกัน(ตอนนี้มานึกเสียใจว่าไม่ตรงกันจะดีกว่า)
ปิดเทอมกลางม.3ของเรา เราทั้งคู่คุยกันถึงเรื่องสังคมที่ไม่น่าอยู่ "ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามบนโลก" นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเราว่า จริงๆเขาอยากฆ่าตัวตายหลายครั้ง แต่พอจะทำจริงๆก็ "เลือกวิธีตายไม่ได้" เพราะตายได้ครั้งเดียว แต่เค้าเลือกระหว่างฉีดยาที่ใช้put to sleep หรือว่าไปต่างประเทศที่สูงๆสวยๆแล้วกระโดดลงมาดี(เราทั้งคู่ชอบการบันจี้ จัมป์ค่ะ เราอยากจะลองให้ได้ ส่วนเค้าลองมาแล้ว ตรงนี้เขาเลยพูดทำนองว่า ฆ่าตัวตายแบบบันจี้ จัมป์ลงมาโดยไม่ใช้เชือก)
เราตอนนั้นไม่ได้ตอบไปในทำนองว่าห้ามเขา คงเพราะไอ้การที่คิดแบบเดียวกันจริงๆนี่แหละค่ะ เราก็เลยตอบว่าเราก็อยากฆ่าตัวตายเหมือนกัน แต่จะเลือกวิธีตายดีๆ เลยจะรอสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อไปเอาสารที่ใช้ put to sleep มาจากมหาลัยก่อน เขาก็เลยบอกว่า งั้นเขาจะรอ เราจะจากโลกนี้ไปพร้อมกันนะ ซึ่งคือการขอคบกับเราค่ะ
หลังๆเราแทบจะมีชีวิตอยู่กันแบบโลกนี้มีเราสองคนเลยค่ะ หมายถึง เพื่อนที่โรงเรียนสำหรับเราก็เป็นแค่คนอื่น ความเสียใจหรือเศร้าหรือโกรธ เราให้อภัยหมดเลย อาจารย์ฺจะงี่เง่าแค่ไหนเราก็ปล่อยผ่าน พ่อแม่จะทำอะไรก็ยอม ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่มีความสำคัญ แล้วรีบตั้งใจเรียนเพื่อเข้าคณะที่เราตั้งจุดประสงค์ให้ได้ ซึ่งตรงกับหนึ่งในคณะที่พ่อแม่ต้องการพอดี
ส่วนเขาก็ทำงานเก็บเงินค่ะ เราทั้งคู่ติดต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตประจำ แต่ก็ไปหาตัวจริงกันบ่อยๆค่ะ เช่น ไปอยู่ที่คอนโดเค้าบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง นั่งรถเขาไปแบบเรื่อยเปื่อยบ้าง ซึ่งพ่อแม่เราไม่รู้ (เขาเคยถามว่าจะให้ไปขอดีๆมั้ย แต่เราบอกไปว่า พอถึงเวลาที่เราจะไปไหนก็ได้แล้วก็จากไปกันเงียบๆสองคนเลยดีกว่า) ฟีลคงคล้ายๆกับการที่เราสองคนวางแผนไว้ว่า เรียนจบจะแต่งงานกันนะ อะไรทำนองนั้นค่ะ แต่เป็นขั้นโซลเมท
จนเราสอบเข้ามหาลัยและคณะที่คาดหวังไว้ได้ค่ะ แต่พอได้เริ่มเปิดเทอมเรียนได้ไม่นาน เขาก็ถามว่าได้ยามาหรือยัง เราก็บอกไปว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาก็บอกว่า งั้นก็ไปบันจี้ จัมป์กันเถอะ หรือไม่ก็หาซื้อเอาตามอินเทอร์เน็ตก็ได้ เขาเองก็เคยหาแหล่งซื้อไว้ก่อนแล้ว(ที่เตยคุยกับเราตอนม.3) ไม่ต้องเอาจากมหาลัยก็ได้
ตอนนั้นเราปฏิเสธค่ะ เราว่าเราคงคาใจแปลกๆ ถ้าอุตส่าห์สอบเข้ามาเพื่อการนั้นได้แล้วก็อยากทำตามแผน แต่เขาบอกว่าเขารอเรามา 4 ปีแล้ว เขาก็รอได้เพื่อเรา แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่ไหว เขาอยากพาเราหนีไปตอนนี้เลย ถ้ายังไม่อยากตายก็ไม่เป็นไร หนีตามกันไปอยู่กินแบบคู่รักกันก่อนก็ได้
เราบอกเขาว่าอยากให้รอจนจบ อยากจากโลกไปแบบไม่ต้องให้ใครรู้ อยากให้มันเป็นเรื่องของเราแค่สองคน
แต่เหมือนเขาจะไม่ไหวจริงๆ ปกติทุกครั้งเวลาที่เราพูดทำนองว่า สนใจแต่เราสิ (เหมือนที่เราไม่สนใจคนอื่นเลยนอกจากเขากับตัวเอง) เขาก็จะรอค่ะ เราว่าตรงนี้เขาเคยรักเรามากๆ และเสียสละมากๆที่อุตส่าห์รอเรา ซึ่งเราก็เคยแสดงออกมากๆว่าเรารักเขาและดีใจจริงๆ แล้วก็ชวนคุยเรื่องที่เราสองคนชอบแทน
แต่สุดท้ายกลางเทอม2ของปี1 เขาก็กระโดดตึกฆ่าตัวตายไปค่ะ ส่งคำพูดสุดท้ายใมานแชท(ส่งมาตอนเราหลับ) ว่า ลาก่อน เท่านั้น
ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจ สับสนว่าเขาบอกเลิกเราอ้อมๆหรือเปล่า เช่น มีคนอื่นที่พร้อมจะไปกับเขาในตอนนี้โดยเขาไม่ต้องรอ หรือคิดว่าเราเป็นพวกพูดพล่อยๆไม่กล้าตามสัญญาจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ค่ะ เขาตายแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นซักพักก็ตรงกับงานหนังสือ เราก็ขอพ่อแม่ว่าเราจะไปงานหนังสือ แต่จริงๆแอบไปดูคอนโดของเค้าที่เรามีกุญแจสำรอง ไม่มีจดหมายลาตาย แต่ในคอมที่เปิดค้างเอาไว้จนเครื่องร้อนของเขาขึ้นเมลล์เอาไว้ ซึ่งเราไม่ได้เช็คเมลล์ฝั่งตัวเองเลยเพิ่งรู้ บอกว่าทำเรื่องสมบัติทรัพย์สินอะไรไว้ให้เราคร่าวๆ เงินสดก็มีอยู่ในกล่องเซฟ คอนโดเขาจ่ายยาวเอาไว้ให้เราเอาไปใช้ได้ เพราะฉะนั้นถึงเค้าตายตำรวจก็จะบังคับให้เคลียร์ห้องไม่ได้
แต่เราไม่อยากรับรู้แล้ว ไม่มีแม้แต่คำชี้แจง ไม่มีคำบอกรักครั้งสุดท้ายหรืออะไรแบบในหนัง ทั้งๆที่เขาเป็นคนหวานมากๆตลอดเวลาที่คบกัน ในเมลล์มีแต่เรื่องว่าเราจะได้อะไรบ้างถ้าเขาตายไป ทั้งๆที่สุดท้ายเราก็ลบเมลล์นั้นทิ้งจากประวัติเมลล์ของเชา แล้วก็เดินออกมาเฉยๆเท่านั้น ไม่ได้ยุ่งอะไรเลย
แต่ตำรวจก็ไม่เคยมาถามหาเราเพื่อสอบสวนว่าอาจจะเป็นเราฆ่าเขาเอาสมบัติหรือต้องไปแสดงความบริสุทธิ์ใจใดๆ ไม่มีทนายหรือญาติของเขาติดต่อมาเพื่อให้เราเอาทรัพย์สินตามที่เขาเขียนไว้ ก็คงเห็นเราไม่แสดงตัวก็หวังฮุบเอาไปนั่นแหละ ซึ่งเราก็ไม่สนใจแล้ว ภายหลังจากนี้อีกสิบยี่สิบปีเราก็คงไม่มานึกเสียดายอยู่ดี
เขาเคยพูดว่า ไม่เคยบอกเรื่องเรากับครอบครัว เราเองก็ไม่เคยเหมือนกัน เหมือนกับว่าเรื่องนี้มีเราแบกรับอยู่คนเดียว จากที่เคยเป็นความตั้งใจของเรา ตอนนี้มันหนักอึ้ง ไม่ได้นึกเสียใจที่ทำไป แต่แค่รู้สึกหนักอึ้ง
เราใช้ชีวิตต่อมา เรียนไปเรื่อยๆ ไม่บอกใครเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มันไม่มีทางเหมือนเดิม จากที่เคยปล่อยวางได้ทุกอย่าง เราเสียใจทุกวันๆ เสียใจที่เขา "ไม่รอ"
เสียใจที่เรา "ไม่สามารถทำให้เขารอเราได้" และ "ไม่สามารถทำให้เขาไม่ต้องรอได้" ถ้าเขาคอลกับเราครั้งสุดท้ายว่าเขาจะฆ๋าตัวตายจริงๆอย่างจริงจังมากๆ เราก็อาจจะได้ตัดสินใจใหม่อีกครั้งก็ยังดี
แม้จะเรียนจนถึงช่วงที่สามารถแอบไปเอายาตัวที่เคยพูดถึงกับเขามาฉีดเข้าเส้นเลือดตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้แล้ว ก็ยังไม่อยากฉีด ไม่ได้กลัวตายหรือเปลี่ยนใจ แต่รู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ใช่อัตการุนยฆาต เราอยากรู้สึกปล่อยวางแล้วจากไปอย่างคนหลุดพ้น ถ้าต้องฆ่าตัวตายแบบไม่ดี เรายังไม่ตายดีกว่า
ตอนนี้เรากำลังจะเรียนจบ แต่ยังคงมืดบอดค่ะ อนาคตที่เราจะต้องทำงาน หากจะทำก็คงได้ทำงานในสถานที่ที่ยังสามารถเข้าถึงสารตัวที่ว่าได้ง่ายๆตามเดิม หมายความว่าจิตเราคงยังต้องยุ่งเหยิงแบบนี้ไปตลอดที่ทำงานใช่ไหม
เราไม่รู้ว่าเป็นเราที่ผิดคำสัญญาหรือเขาที่ผิดสัญญา
และไม่รู้ว่าเราเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมไปพร้อมกับเขา หรือเขากันแน่ที่เห็นแก่ตัวรีบไปก่อนโดยทิ้งเราเอาไว้ โดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป
ก็คงจะผิดทั้งคู่ ในอัตราส่วนที่เท่ากันไหมก็ช่างมันเถอะ
ความรู้สึกเรามันเคว้งคว้างมากค่ะ กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก
เราไม่คิดว่าเรายังอยากจะทำตามแผนเดิมอยู่ เพราะความสุนทรีย์ที่จะจบชีวิตมันไม่มีแล้ว เขาทำลายมันไปแล้ว
ถ้าใช้ชีวิตต่อ ก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเรามาตลอดตั้งแต่ก่อนได้เจอเขาแล้ว จะคบคนใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนความคิดเรา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ และอาจจะไม่มีคนแบบที่ว่าอยู่ด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยลองที่จะใช้ชีวิตอย่างคนอื่น ตลอดหลายปีมานี้เราทำทุกอย่างค่ะ เราลองทำก่อนทั้งหมดแล้วถึงค่อยพูดว่าไม่มีทางออก ไม่ได้ตั้งกระทู้ทันที แต่ทบทวนหลายรอบแล้ว ผ่านมาหลายปีก็ยังแก้ไม่ได้ จึง "ลอง" ตั้งกระทู้ดูน่ะค่ะ
ปล.1
เราค่อนข้างเป็นคนที่แน่วแน่ในความคิดของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นการตอบกระทู้นี้(หากมีคนมาเมนท์) บางครั้งถ้าที่เราทำจะดูหัวแข็งไป ต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ
ปล.2
เรื่องจิตแพทย์ เราพบมาสามที่แล้วค่ะ แต่เนื่องจากเคสเรารักษาให้หายขาดไม่ได้ มันเกิดจากระบบความคิดโดยที่มีสมองสภาพสมบูรณ์แต่แรก แล้วมามีภาวะเครียดในภายหลัง การทานยาก็เหมือนการกินเหล้า หรือเสพย์มอร์ฟีนเท่านั้น ยิ่งไม่นับยาประเภทที่มีผลทำให้อยากฆ่าตัวตายโดยเป็นผลข้างเคียงของฮอร์โมนที่อยู่นอกเหนือจิตใต้สำนึกอีก
นักจิตวิทยาในไทยที่เน้นรักษาเชิงพูดคุย ยังหาคนที่พูดดีกว่าสายด่วนสุขภาพจิตไม่ได้(หมายถึงแย่พอกัน) ส่วนนักจิตวิทยาต่างประเทศนั้นด้วยปัจจัยหลายๆด้านก็คงไม่อยู่ในตัวเลือกของเราค่ะ คงจะพอทราบปัจจัยเหล่านั้นกันอยู่แล้วนะคะ
เพราะฉะนั้น โดยพื้นฐานคิดว่าการแนะนำเราให้ไปพบจิตแพทย์คงไม่ช่วยอะไร
แต่ก็สามารถแนะนำด้านนี้ได้ โดยขอให้รบกวนมีข้อมูลชี้แจงมากกว่าแนะนำโดยทั่วไปหน่อยนะคะ
ปล.3
ไม่ได้แท็กห้องศาสนา เพราะฉะนั้นรบกวน
ไม่คอมเมนท์ทางศาสนาใดๆทั้งสิ้นนะคะ เรานับถือพุทธมหายานไม่ปรุงแต่งค่ะ อาจจะยาวและเราไม่ต้องการประเด็นนี้ในกระทู้นี้ค่ะ
ปล.4
ถ้าในเคสของเราอาจจะแนะนำยาก อย่างน้อยสำหรับคนที่เคยมีแฟน แล้วเขาฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะในระหว่างที่คบกันอยู่หรือเลิกกันไปไม่นานนัก หรือเคสใกล้เคียง ก็อยากจะให้ลองแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกดูค่ะ
แฟนเราฆ่าตัวตาย เราจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ
แต่อยากจะขอให้งดใช้ถ้อยคำด่าทอ คำพูดรุนแรง หรือคำที่กระทบกระเทือนจิตใจใดๆต่อตัวเราหรือต่อความคิดเห็นใดๆก็ตามในกระทู้นี้ทีนะคะ ไม่ได้หมายความว่าต้องตามน้ำไปกับเราได้อย่างเดียว แค่อยากให้ใช้หัวใจคุยกันมากๆหน่อยค่ะ
ต้องบอกก่อนว่า แฟนเราเสียได้หลายปีแล้ว เราคิดว่าวันเวลาจะเยียวยา แต่ไม่ใช่ค่ะ และความรู้สึกนี้เราคิดว่ามันไม่ใช่ "ความคิดถึง" ถึงมันจะมีความเหงาประกอบอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
เราไม่รู้จะเล่าอย่างไรดี จึงขอเขียนแบบทบทวนเหตุการณ์ในสปอยล์นะคะ อาจจะยาวหน่อย จะอ่านหรือไม่อ่านก็แล้วแต่ดุลย์พินิจเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราไม่รู้ว่าเป็นเราที่ผิดคำสัญญาหรือเขาที่ผิดสัญญา
และไม่รู้ว่าเราเห็นแก่ตัวที่ไม่ยอมไปพร้อมกับเขา หรือเขากันแน่ที่เห็นแก่ตัวรีบไปก่อนโดยทิ้งเราเอาไว้ โดยไม่สนใจอีกต่อไปว่าเราจะทำอย่างไรต่อไป
ก็คงจะผิดทั้งคู่ ในอัตราส่วนที่เท่ากันไหมก็ช่างมันเถอะ
ความรู้สึกเรามันเคว้งคว้างมากค่ะ กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก
เราไม่คิดว่าเรายังอยากจะทำตามแผนเดิมอยู่ เพราะความสุนทรีย์ที่จะจบชีวิตมันไม่มีแล้ว เขาทำลายมันไปแล้ว
ถ้าใช้ชีวิตต่อ ก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเรามาตลอดตั้งแต่ก่อนได้เจอเขาแล้ว จะคบคนใหม่ที่อาจจะเปลี่ยนความคิดเรา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ และอาจจะไม่มีคนแบบที่ว่าอยู่ด้วย
แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยลองที่จะใช้ชีวิตอย่างคนอื่น ตลอดหลายปีมานี้เราทำทุกอย่างค่ะ เราลองทำก่อนทั้งหมดแล้วถึงค่อยพูดว่าไม่มีทางออก ไม่ได้ตั้งกระทู้ทันที แต่ทบทวนหลายรอบแล้ว ผ่านมาหลายปีก็ยังแก้ไม่ได้ จึง "ลอง" ตั้งกระทู้ดูน่ะค่ะ
ปล.1
เราค่อนข้างเป็นคนที่แน่วแน่ในความคิดของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นการตอบกระทู้นี้(หากมีคนมาเมนท์) บางครั้งถ้าที่เราทำจะดูหัวแข็งไป ต้องขอโทษล่วงหน้านะคะ
ปล.2
เรื่องจิตแพทย์ เราพบมาสามที่แล้วค่ะ แต่เนื่องจากเคสเรารักษาให้หายขาดไม่ได้ มันเกิดจากระบบความคิดโดยที่มีสมองสภาพสมบูรณ์แต่แรก แล้วมามีภาวะเครียดในภายหลัง การทานยาก็เหมือนการกินเหล้า หรือเสพย์มอร์ฟีนเท่านั้น ยิ่งไม่นับยาประเภทที่มีผลทำให้อยากฆ่าตัวตายโดยเป็นผลข้างเคียงของฮอร์โมนที่อยู่นอกเหนือจิตใต้สำนึกอีก
นักจิตวิทยาในไทยที่เน้นรักษาเชิงพูดคุย ยังหาคนที่พูดดีกว่าสายด่วนสุขภาพจิตไม่ได้(หมายถึงแย่พอกัน) ส่วนนักจิตวิทยาต่างประเทศนั้นด้วยปัจจัยหลายๆด้านก็คงไม่อยู่ในตัวเลือกของเราค่ะ คงจะพอทราบปัจจัยเหล่านั้นกันอยู่แล้วนะคะ
เพราะฉะนั้น โดยพื้นฐานคิดว่าการแนะนำเราให้ไปพบจิตแพทย์คงไม่ช่วยอะไร
แต่ก็สามารถแนะนำด้านนี้ได้ โดยขอให้รบกวนมีข้อมูลชี้แจงมากกว่าแนะนำโดยทั่วไปหน่อยนะคะ
ปล.3
ไม่ได้แท็กห้องศาสนา เพราะฉะนั้นรบกวนไม่คอมเมนท์ทางศาสนาใดๆทั้งสิ้นนะคะ เรานับถือพุทธมหายานไม่ปรุงแต่งค่ะ อาจจะยาวและเราไม่ต้องการประเด็นนี้ในกระทู้นี้ค่ะ
ปล.4
ถ้าในเคสของเราอาจจะแนะนำยาก อย่างน้อยสำหรับคนที่เคยมีแฟน แล้วเขาฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะในระหว่างที่คบกันอยู่หรือเลิกกันไปไม่นานนัก หรือเคสใกล้เคียง ก็อยากจะให้ลองแชร์ประสบการณ์และความรู้สึกดูค่ะ