คนไทยมีนิสัยแก้ยากอยู่หลายอย่าง เช่น
มีแต่คำด่า ไม่เคยมีคำเสนอแนะ ชอบทำตามกระแส กลัวตกยุค ไม่ค่อยสงสัย หรือสงสัยก็ไม่ถาม แต่ติ วิจารณ์เก่ง
ชอบ และพร้อมที่จะเชื่อเรื่องเสียหายก่อนเสมอ คิดแต่จะค้าน คิดแต่จะจับผิด
ขอให้กูมีส่วนร่วม ว่ากูก็ออกมาค้านนะ แต่ไม่ได้อยากออกเงินว่าง่ายๆ
จากพื้นที่ตาบอดของราชพัสดุ สู่มือของ"มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร" ซึ่งเป็น "องค์กรเอกชน" ในการพัฒนาเป็นหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการกว่า 4.62 พันล้านบาท
สรุป : ที่หลวง ทุนเอกชน กำไรนำไปบริจาคองค์กรสาธารณะกุศล เมื่อครบ 30 ปี หอชมเมืองฯ จะกลับสู่มือของราชพัสดุไปบริหารจัดการเอง หรือให้เอกชนรายอื่นๆ ที่สนใจมาร่วมบริหารจัดการต่อไป
ทำให้เกิดประเด็นวิพากษณ์ วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสของการลงทุนนี้ ที่รัฐบาลออกมาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว โดยไม่มีการเปิดประมูลให้เช่าพื้นที่
จนทำให้กลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งอดีตสส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ฝั่งคลองสาน ไปจนถึงกลุ่มที่อยากเด่น อยากดัง อยากสร้างตัวตน ออกมาจับประเด็นนี้โจมตีรัฐบาล และเอกชนที่ต้องการจัดสร้างหอชมเมืองฯ กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่มองที่จุดประสงค์ว่า "ทำไมเอกชนกลุ่มนี้ถึงต้องการสร้างหอชมเมืองฯ ขึ้น"
สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการรวมใจของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อร่วมมือกับโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อรวบรวมเรื่องราวความดีที่จัดแสดงไว้ในหอชมเมือง และเพื่อส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติ ยึดมั่นในการเชิดชูสถาบันหลัก อันประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกทั้งโครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบในการน้อมนำศาสตร์พระราชาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ เพื่อมาใช้ในการดำเนินโครงการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีความโดดเด่นของเอกลักษณ์ไทย และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยุค ที่จะเป็น New Global Destination เป็นต้นแบบในการก่อสร้างอาคารสูง ด้วยหลักการ Zero Dischange เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีและความรู้ขั้นสูง ทั้งทางด้านการออกแบบและวิศวกรรม และการบริหารจัดการที่ทันสมัยตามนโยบายของรัฐบาล ไทยแลนด์ 4.0 และเป็นการส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ การศึกษา คุณภาพชีวิตประชาชน
หากลองมองย้อนไปถึงกลุ่มเอกชน "มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร" ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2557 เป็นกลุ่มนิติบุคคลเพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยไม่ได้มุ่งหากำไร จำนวนเงินที่ใช้ในการก่อสร้างจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน 2,500 ล้านบาท และเงินบริจาคจากกลุ่มเอกชนต่างๆ อีก 2,100 ล้านบาท#ไม่ใช่เงินงบประมาณจากรัฐบาล
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเราก็มีหอชมเมืองในหลายจังหวัดแล้ว ถามว่าทำไมหอชมเมืองกรุงเทพฯ ถึงเป็นประเด็น ก็เพราะมีการลงทุนจำนวนมหาศาลกว่า 4.62 พันล้านบาท ใครๆ ก็อยากมีส่วนร่วม
*** 555 มีคนมาบอกว่า กระทู้ที่เราเขียน แอบมีคนไปส่งให้หัวหน้าเก่าเราอ่านด้วยละ ***
ยังรักหัวหน้านะ
แต่ก็ขอต่อต้านนโยบายในการรับเงินเพื่อมาทำร้ายประเทศไทยจ้า
เมื่อความเห็นต่างกำลังจะรั้งประเทศไทยให้ไม่พัฒนา
มีแต่คำด่า ไม่เคยมีคำเสนอแนะ ชอบทำตามกระแส กลัวตกยุค ไม่ค่อยสงสัย หรือสงสัยก็ไม่ถาม แต่ติ วิจารณ์เก่ง
ชอบ และพร้อมที่จะเชื่อเรื่องเสียหายก่อนเสมอ คิดแต่จะค้าน คิดแต่จะจับผิด
ขอให้กูมีส่วนร่วม ว่ากูก็ออกมาค้านนะ แต่ไม่ได้อยากออกเงินว่าง่ายๆ
จากพื้นที่ตาบอดของราชพัสดุ สู่มือของ"มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร" ซึ่งเป็น "องค์กรเอกชน" ในการพัฒนาเป็นหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการกว่า 4.62 พันล้านบาท
สรุป : ที่หลวง ทุนเอกชน กำไรนำไปบริจาคองค์กรสาธารณะกุศล เมื่อครบ 30 ปี หอชมเมืองฯ จะกลับสู่มือของราชพัสดุไปบริหารจัดการเอง หรือให้เอกชนรายอื่นๆ ที่สนใจมาร่วมบริหารจัดการต่อไป
ทำให้เกิดประเด็นวิพากษณ์ วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสของการลงทุนนี้ ที่รัฐบาลออกมาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว โดยไม่มีการเปิดประมูลให้เช่าพื้นที่
จนทำให้กลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งอดีตสส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ฝั่งคลองสาน ไปจนถึงกลุ่มที่อยากเด่น อยากดัง อยากสร้างตัวตน ออกมาจับประเด็นนี้โจมตีรัฐบาล และเอกชนที่ต้องการจัดสร้างหอชมเมืองฯ กันอย่างสนุกสนาน โดยไม่มองที่จุดประสงค์ว่า "ทำไมเอกชนกลุ่มนี้ถึงต้องการสร้างหอชมเมืองฯ ขึ้น"
สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการรวมใจของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อร่วมมือกับโครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อรวบรวมเรื่องราวความดีที่จัดแสดงไว้ในหอชมเมือง และเพื่อส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติ ยึดมั่นในการเชิดชูสถาบันหลัก อันประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อีกทั้งโครงการดังกล่าวจะเป็นต้นแบบในการน้อมนำศาสตร์พระราชาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานไว้ เพื่อมาใช้ในการดำเนินโครงการ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีความโดดเด่นของเอกลักษณ์ไทย และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยุค ที่จะเป็น New Global Destination เป็นต้นแบบในการก่อสร้างอาคารสูง ด้วยหลักการ Zero Dischange เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้เทคโนโลยีและความรู้ขั้นสูง ทั้งทางด้านการออกแบบและวิศวกรรม และการบริหารจัดการที่ทันสมัยตามนโยบายของรัฐบาล ไทยแลนด์ 4.0 และเป็นการส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ การศึกษา คุณภาพชีวิตประชาชน
หากลองมองย้อนไปถึงกลุ่มเอกชน "มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร" ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2557 เป็นกลุ่มนิติบุคคลเพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยไม่ได้มุ่งหากำไร จำนวนเงินที่ใช้ในการก่อสร้างจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน 2,500 ล้านบาท และเงินบริจาคจากกลุ่มเอกชนต่างๆ อีก 2,100 ล้านบาท#ไม่ใช่เงินงบประมาณจากรัฐบาล
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเราก็มีหอชมเมืองในหลายจังหวัดแล้ว ถามว่าทำไมหอชมเมืองกรุงเทพฯ ถึงเป็นประเด็น ก็เพราะมีการลงทุนจำนวนมหาศาลกว่า 4.62 พันล้านบาท ใครๆ ก็อยากมีส่วนร่วม
*** 555 มีคนมาบอกว่า กระทู้ที่เราเขียน แอบมีคนไปส่งให้หัวหน้าเก่าเราอ่านด้วยละ ***
ยังรักหัวหน้านะ แต่ก็ขอต่อต้านนโยบายในการรับเงินเพื่อมาทำร้ายประเทศไทยจ้า