นิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง CIRCLE TIME (นิรันดรเอกภพ)----บทที่ 1

ขอฝากนิยายวิทยาศาสตร์ให้ได้อ่านกันครับ แนวของเรื่องไม่ได้เป็นแนวแฟนตาซีเต็มร้อยนะครับ แต่เป็นแนวที่แต่งจากการหาคำตอบของจุดกำเนิดของเวลาจักรวาล หากผิดพลาดประการใดขอคุณผู้อ่านทุกท่านได้ให้ข้อเสนอแนะด้วยนะครับ จะได้นำไปพัฒนาต่อไป ขอกราบขอบพระคุณครับ

บทที่ 1
นิรันดรเอกภพ


          หากเวลา  เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของจักรวาล  และเวลามีขึ้นเพื่อพลังงานและสสารได้ดำเนินเหตุการณ์อยู่ในห้วงลำดับนั้น  อีกทั้งยังเป็นหน่วยวัดสมมติที่สามารถวัดค่าคำนวณได้เฉกเช่นเดียวกับพื้นที่และระยะทาง   แต่จะมีนักปราชญ์ใด  ที่สามารถให้คำนิยามได้อย่างไร้ข้อกังขาเกี่ยวกับจุดกำเนิดของเวลา  หากเปรียบเสมือนเวลาคือการเดินทางของรถไฟขบวนหนึ่งเมื่อออกจากชานชาลา   สถานีต้นทางประดุจดั่งจุดเริ่มต้นแห่งห้วงเวลา เมื่อเข็มเวลาขยับตัวจากศูนย์ไปหาหนึ่ง ปฐมบทแห่งจักรวาลจึงได้บังเกิด ด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ของมวลสารปฐมภูมิบริสุทธิ์  ที่อัดแน่นและเร่าร้อนเกินจินตนาการ แยกตัวเป็นสสารทุติยภูมิ   ทั้งแยกและรวมองค์ประกอบแปรเปลี่ยนหมุนเวียนจวบจนกลายเป็นหมู่มวลดวงดาวและก่อบังเกิดสิ่งมีชีวิตเช่นเราในปัจจุบัน  
          เส้นเวลาดั่งรถไฟที่วิ่งห้อตะบึงเพื่อจะไปให้ถึงยังสถานีปลายทาง  และที่สุดของปลายทาง  อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดแห่งเวลาของจักรวาล
หากนิยามนี้กำหนดว่าเวลามีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด  แล้วก่อนที่เวลาจะนับหนึ่งนั้นมีอะไร  หลังจากการสิ้นสุดของเวลาคืออะไร   หรือมันคือความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งเหตุการณ์ของทั้งพลังงานและสสาร  ณ ห้วงแห่งที่กาลเวลาหยุดนิ่งนั้นจะเนิ่นนานแค่ไหน   แล้วเหตุใดการก่อกำเนิดแห่งจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่งถึงได้ประวิงเวลานานนักที่จะเกิด หรือเปรียบดังภาพทางรถไฟในจินตนาการ  ที่มีเพียงเส้นทางเชื่อมสถานีรถไฟเพียงสองสถานี แต่ก่อนหน้าสถานีเริ่มต้นและหลังจากสถานีปลายทางนี้  จะมีแต่เพียงความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ
          ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อลัน  นาล  มาครูฟ  นักก่อนจักรวาลวิทยา  เฝ้าครุ่นคิดหาคำตอบในเรื่องนี้มานานเนิ่น  แต่คำตอบในเรื่องเวลาก่อนจุดกำเนิดจักรวาลนั้น  ดูเหมือนจะห่างไกลจากทุกทฤษฎีที่เขาเพียรพยายามศึกษาวิจัยเพื่อไขปริศนามาทั้งชีวิต  รอยย่นมากมายที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากและหางตา บ่งบอกถึงการทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหักโหมมาแรมปี  ผมสีทองแซมด้วยกลุ่มเส้นผมสีขาวที่แทบไม่ได้รับการดูแล  และการจัดทรงที่เป็นไปอย่างไม่ใส่ใจ  สอดรับกับใบหน้าคมเข้มเรียวแหลม  ดวงตาทั้งคู่ดูอิดโรย ดูแก่กว่าลักษณะของชายวัย 50 ปีที่ควรจะเป็น  ร่างกายผอมเล็กในชุดเสื้อกาวน์นักวิทยาศาสตร์ที่ยับย่น จมอยู่ในเก้าอี้บุนวมพิเศษตัวใหญ่ หลังโต๊ะทำงานที่หรูหราและทันสมัย  ซึ่งตั้งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นส่วนตัว  บ่งบอกถึงความมีตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับสูง
ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อลัน   นาล  มาครูฟ
ผู้อำนวยการ องค์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเอกภพ

          ป้ายหน้าห้องที่แสดงถึง ชื่อ และตำแหน่งสูงสุดในองค์การแห่งนี้  เป็นหน่วยงานส่วนราชการแห่งสหพันธรัฐ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อน  ตามสหพันธรัฐบัญญัติการบินและเอกภพ รับผิดชอบในโครงการอวกาศต่างๆ และงานวิจัยเทคโนโลยีกาลอวกาศ  คอยสนับสนุน จัดการ หรือควบคุมระบบงานวิจัยทั้งฝ่ายทหารและรวมไปถึงงานวิจัยฝ่ายพลเรือน  แต่ถึงแม้เขาจะเป็นถึงผู้อำนวยการที่มีตำแหน่งสูงสุดขององค์การแห่งนี้  แต่กลับไม่ถือตัวหรือคอยแต่ชี้นิ้วสั่งงาน  เขามีแต่ความเป็นกันเอง  ไม่ชอบพิธีรีตอง  เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ลงไปร่วมทำงานวิจัยกับคณะวิจัยในความดูแลของเขา  อาจเป็นเพราะเขาเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการวิจัยมานานตั้งแต่เริ่มชีวิตทำงาน   ความกระหายใคร่รู้ในปริศนาต่างๆ  จึงเป็นแรงผลักดันให้เขายังคงทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน  แม้ตำแหน่งเขาจะเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดขององค์การก็ตาม
          ห้องทำงานของเขาตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกองค์การ เป็นห้องรูปโดมที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารรูปทรงคล้ายกระสวยโลหะที่ดูเหมือนจะผุดโผล่ออกมาจากพื้นดินและมีความสูง 100 ชั้น  ผนังในห้องของเขาส่วนใหญ่จึงเป็นหน้าต่างกระจกโค้งเกือบรอบตัวห้อง เพื่อที่ผู้ใช้ทำงาน จะได้มองเห็นวิวของท้องฟ้ายามราตรีได้รอบด้าน  เฉกเช่นราตรีนี้  เขายังคงนั่งครุ่นคิดอย่างกังวลใจถึงบางสิ่งบางอย่าง  สายตาเหม่อมองไปยังเวิ้งฟ้าราตรีที่มืดสนิท ฉากหลังสีดำของท้องฟ้าห้วงอวกาศนั้นแทบจะไร้ซึ่งจุดสว่างใดๆ จะมีเพียงจุดขาวสว่างไสวของดวงดาวที่อยู่ในระบบสุริยะของเขาเพียงไม่ถึง 38 ดวง  และในมุมมองซีกโลกกลางคืนที่เขาอยู่นี้  คงสามารถเห็นได้เพียง 9 ดวงเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือดวงจันทร์บริวารดวงเดียวของโลก  ซึ่งสุกสว่างมากที่สุดในบรรดาดวงดาวที่เขามองเห็นในค่ำคืนนี้   “ดวงจันทร์ของพาโลนีบาส”  เขาเอ่ยชื่อนี้เบาๆ อย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า  พลันความคิดได้ย้อนภาพอดีตในวันที่เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่รัฐบ้านเกิด  ในวันที่ได้เจอกับบุรุษผู้ปราดเปรื่อง และได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท  เพื่อนผู้ซึ่งพลิกอนาคตแห่งเอกภพ
          “ พาโลนีบาส !  ถ้าเธออยากจะนอนอยู่แบบนั้นในคาบเรียนของฉัน  เธอก็ต้องเตรียมใจลงเรียนวิชาของฉันใหม่ในเทอมหน้า”   เสียงตวาดอันดุดันของอาจารย์มักกะมารี  หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนท้วม สวมแว่นตาหนาเตอะ ภายใต้ชุดที่คล้ายกับชุดของแม่ชีสีดำ ตะโกนดังลั่นขึ้นกลางห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เอกภพ  สายตานักศึกษาทุกคนรวมทั้งอลัน นาล มาครูฟ ในวัยหนุ่มนักศึกษา  ต่างหันจับจ้องไปยังชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อพาโลนีบาส ไทเรียส ตัวขาวสูงโปร่ง  ผมยาวรุงรัง  เสื้อผ้ายับย่น ที่นั่งหลับอยู่ตรงหลังสุดของห้องเรียน  ซึ่งในคาบเรียนนั้น อาจารย์มักสอนถึงเรื่องของการเกิดเอกภพ  อาจารย์มักกะมารีจะแสดงภาพของจักวาลไว้หน้าห้องเรียนและมักถามคำถามนักศึกษาคนที่ไม่ค่อยให้ความสนใจ  ในภาพที่แสดงนั้นคือภาพของจักรวาล  โดยในภาพนั้นมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่มหึมาเพียงดวงเดียว  อยู่ตรงใจกลางของภาพ  และมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รายรอบดวงอาทิตย์จำนวน 38 ดวง  หลากสีสันและขนาด  ดาวเคราะห์บางดวงมีวงแหวนล้อมรอบ  ดาวเคราะห์บางดวงมีดวงจันทร์เป็นบริวาร  ในภาพแสดงเส้นทางโคจรของแต่ละดวงดาวที่หมุนเป็นวงกลมล้อมรอบดวงอาทิตย์   ดวงเดียวกัน  บริเวณวงโคจรนอกสุดของระบบสุริยะนี้  เป็นจุดเล็กๆ มากมายของกลุ่มดาวเคราะห์น้อย  ฟุ้งกระจายเป็นเหมือนแถบกลุ่มเมฆวงกลมขนาดใหญ่สีขาวที่อยู่วงแหวนชั้นนอกสุดของระบบ  เลยออกไปจากนั้นมีแต่ความว่างเปล่าและเวิ้งว้างของห้วงอวกาศที่มืดดำ  
          “ ใช่แล้ว! ”  เสียงดังกึกก้องห้องเรียนของอาจารย์มักกะมารีดึงความสนใจ  นักศึกษา  ต่างหันไปมองใบหน้าอันอวบอูมเต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความเด็ดขาดและคงแก่เรียน  ดวงตาหรี่เล็กอยู่เบื้องหลังแว่นตาวงกลมของโลหะ  แวววับ สร้างให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น   เมื่อนักศึกษาหันมามองด้วยความสนใจในน้ำเสียง    “ภาพนี้คือจักรวาลของเรา  จักรวาลที่มีเพียงหนึ่งดาวฤกษ์ และอีก 38 ดาวบริวาร นั่นคือเอกภพของเรา ระบบสุริยะหนึ่งเดียวของจักรวาล ”   อาจารย์มักกะมารีมักจะย้ำด้วยน้ำเสียงที่แสนภูมิใจเมื่อได้อธิบายลักษณะจักวาลให้กับนักศึกษาใหม่ได้ฟัง พร้อมกับเล่าถึงจุดกำเนิดแห่งเอกสุริยะจักรวาล  ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 25,000 ล้านปีก่อน  เมื่อสสารปฐมภูมิบริสุทธิ์ขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุด แต่กลับมีความหนาแน่นเป็นอนันต์  และความร้อนเกินจินตนาการได้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง  ในเศษเสี้ยววินาทีของการระเบิด  สสารปฐมภูมิบริสุทธิ์นั้นได้แยกตัวเองออกเป็นสสารทุติยภูมิสามชนิด  และฉับพลันทันใดสสารทั้งสามชนิด ก็ได้แยกตัวออกเป็นทั้งพลังงานและอนุภาค  ก่อกำเนิดคลื่น  ความร้อน  แสง  พลังงานแม่เหล็ก และสสารที่เรารู้จักดีในปัจจุบัน  เหล่านี้ล้วนก่อกำเนิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีหลังการระเบิดครั้งใหญ่  ต่อมาก่อตัวเป็นก้อนแก๊สขนาดใหญ่หมุนวนอยู่ใจกลาง พร้อมด้วยกลุ่มแก๊สก้อนที่เล็กกว่า  กระจัดกระจายอยู่รายรอบพร้อมกับการหมุนเหวี่ยงขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลาง  เมื่อความร้อนจากการระเบิดเริ่มเย็นลง  การหมุนวนของมวลแก๊สเกิดการรวมตัวกับอนุภาคขนาดเล็ก หมุนวนในตัวเองเพื่อสร้างแรงดึงดูด  เกิดการอัดแน่นในระดับอนุภาคจนบางดวงเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง  บางดวงมีแรงดึงดูดในระดับต่ำก็จะยังคงสภาพเป็นเพียงดวงดาวที่เป็นก้อนแก๊ส  แต่กลุ่มก้อนแก๊สขนาดมหึมาบริเวณจุดศูนย์กลางการระเบิดนั้นมีพลังดึงดูดตัวเองสูงมาก ดึงเอามวลแก๊สในระยะใกล้ให้มาควบรวมเป็นกลุ่มก้อนแก๊สขนาดใหญ่ตรงใจกลางและเริ่มอัดแน่นด้วยแรงดึงดูดมหาศาล ทันใดนั้นได้เกิดปฏิกิริยาการแตกตัว  ในระดับอนุภาค  ส่งให้เกิดพลังงานความร้อน และคลื่นรังสีต่างๆ มหาศาลและได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากปฏิกิริยาลูกโซ่ดังกล่าว  กลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดมหึมาที่ให้พลังงานแก่เรามา และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ”   อาจารย์มักกะมารีชี้ให้ดูตรงกลางภาพจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีส้มสุกสว่าง   “ และเมื่อแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของดาวบริวารต่างๆ มีค่าสมดุลกับแรงดึงดูดกลับของดวงอาทิตย์นี้  การขยายตัวของจักรวาลจะหยุดนิ่ง  ระยะห่างของการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวบริวารเกิดความเสถียรคงที่   เกิดความสมดุลแห่งจักรวาลตราบเท่าทุกวันนี้  และนี่แหละ   นิรันดรเอกภพ เอกภพที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ”  
          ในห้วงเวลาที่เงียบกริบหลังสิ้นเสียงคำพูดนั้น  ชายผู้ซึ่งนั่งฟังด้วยความนิ่งเงียบหลังสุดได้ยกมือพร้อมกับแสดงความคิดเห็น “ อาจารย์มักกะมารีครับ  ถ้าหากว่าแรงของการขยายตัวและแรงดึงดูดเข้าสู่ศูนย์กลางเกิดความไม่สมดุลกัน สิ่งที่จะเกิดกับโลกและดวงจันทร์ของโลกจะเป็นอย่างไร  และส่งผลกระทบต่อจักรวาลอย่างไรครับ “  อาจารย์มักกะวารีหันไปมอง พาโลนีบาส ชายหนุ่มเจ้าของเสียงด้วยดวงตาที่แปลกใจ ไม่นาน  เธอจึงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน  “นิรันดรเอกภพถล่มสิ!  ไม่มีทางเป็นไปได้พาโลนีบาส   ความสมดุลนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน  ระยะเวลาก่อกำเนิดดวงดาวโลกของเราที่ผ่านมาสามหมื่นล้านปี ระบบการโคจรของทุกดวงดาวตั้งแต่เรามีวิทยาการในการคำนวณตำแหน่งและวิถี  ทั้ง 38 ดาวบริวารของดวงอาทิตย์นี้  ไม่เคยมีดวงใดเลยเปลี่ยนแปลงวงโคจร  และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป   แต่เอาเถอะ ถ้าเธออยากได้คำตอบ  สมมติว่ามีการเปลี่ยนแปลงระยะโคจรที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอาจจะทำให้โลกกับดวงจันทร์เกิดความไม่เสถียรและอาจจะชนกันก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น  ฉันจะเรียกดวงจันทร์นั้นว่า ดวงจันทร์ของพาโลนีบาสละกัน  ”  
          ภาพความทรงจำในห้องเรียนเริ่มจางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล  ความคิดเขาเริ่มกลับมาสู่ปัจจุบันขณะอีกครั้ง  ภาพทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีนอกห้องทำงานกลับเข้ามาแทนที่    ในห้องเรียนนั้น ความคิดของพาโลนีบาสดูตลกขบขัน  แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึง เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้นั้น มันได้เกิดขึ้นแล้ว  
“ นิรันดรเอกภพเหรอ ”  ด๊อกเตอร์อลัน นาล มาครูฟ เอ่ยขึ้นเบาๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่