ขอฝากนิยายวิทยาศาสตร์ให้ได้อ่านกันครับ แนวของเรื่องไม่ได้เป็นแนวแฟนตาซีเต็มร้อยนะครับ แต่เป็นแนวที่แต่งจากการหาคำตอบของจุดกำเนิดของเวลาจักรวาล หากผิดพลาดประการใดขอคุณผู้อ่านทุกท่านได้ให้ข้อเสนอแนะด้วยนะครับ จะได้นำไปพัฒนาต่อไป ขอกราบขอบพระคุณครับ
บทที่ 1
นิรันดรเอกภพ
หากเวลา เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของจักรวาล และเวลามีขึ้นเพื่อพลังงานและสสารได้ดำเนินเหตุการณ์อยู่ในห้วงลำดับนั้น อีกทั้งยังเป็นหน่วยวัดสมมติที่สามารถวัดค่าคำนวณได้เฉกเช่นเดียวกับพื้นที่และระยะทาง แต่จะมีนักปราชญ์ใด ที่สามารถให้คำนิยามได้อย่างไร้ข้อกังขาเกี่ยวกับจุดกำเนิดของเวลา หากเปรียบเสมือนเวลาคือการเดินทางของรถไฟขบวนหนึ่งเมื่อออกจากชานชาลา สถานีต้นทางประดุจดั่งจุดเริ่มต้นแห่งห้วงเวลา เมื่อเข็มเวลาขยับตัวจากศูนย์ไปหาหนึ่ง ปฐมบทแห่งจักรวาลจึงได้บังเกิด ด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ของมวลสารปฐมภูมิบริสุทธิ์ ที่อัดแน่นและเร่าร้อนเกินจินตนาการ แยกตัวเป็นสสารทุติยภูมิ ทั้งแยกและรวมองค์ประกอบแปรเปลี่ยนหมุนเวียนจวบจนกลายเป็นหมู่มวลดวงดาวและก่อบังเกิดสิ่งมีชีวิตเช่นเราในปัจจุบัน
เส้นเวลาดั่งรถไฟที่วิ่งห้อตะบึงเพื่อจะไปให้ถึงยังสถานีปลายทาง และที่สุดของปลายทาง อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดแห่งเวลาของจักรวาล
หากนิยามนี้กำหนดว่าเวลามีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แล้วก่อนที่เวลาจะนับหนึ่งนั้นมีอะไร หลังจากการสิ้นสุดของเวลาคืออะไร หรือมันคือความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งเหตุการณ์ของทั้งพลังงานและสสาร ณ ห้วงแห่งที่กาลเวลาหยุดนิ่งนั้นจะเนิ่นนานแค่ไหน แล้วเหตุใดการก่อกำเนิดแห่งจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่งถึงได้ประวิงเวลานานนักที่จะเกิด หรือเปรียบดังภาพทางรถไฟในจินตนาการ ที่มีเพียงเส้นทางเชื่อมสถานีรถไฟเพียงสองสถานี แต่ก่อนหน้าสถานีเริ่มต้นและหลังจากสถานีปลายทางนี้ จะมีแต่เพียงความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ
ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อลัน นาล มาครูฟ นักก่อนจักรวาลวิทยา เฝ้าครุ่นคิดหาคำตอบในเรื่องนี้มานานเนิ่น แต่คำตอบในเรื่องเวลาก่อนจุดกำเนิดจักรวาลนั้น ดูเหมือนจะห่างไกลจากทุกทฤษฎีที่เขาเพียรพยายามศึกษาวิจัยเพื่อไขปริศนามาทั้งชีวิต รอยย่นมากมายที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากและหางตา บ่งบอกถึงการทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหักโหมมาแรมปี ผมสีทองแซมด้วยกลุ่มเส้นผมสีขาวที่แทบไม่ได้รับการดูแล และการจัดทรงที่เป็นไปอย่างไม่ใส่ใจ สอดรับกับใบหน้าคมเข้มเรียวแหลม ดวงตาทั้งคู่ดูอิดโรย ดูแก่กว่าลักษณะของชายวัย 50 ปีที่ควรจะเป็น ร่างกายผอมเล็กในชุดเสื้อกาวน์นักวิทยาศาสตร์ที่ยับย่น จมอยู่ในเก้าอี้บุนวมพิเศษตัวใหญ่ หลังโต๊ะทำงานที่หรูหราและทันสมัย ซึ่งตั้งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นส่วนตัว บ่งบอกถึงความมีตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับสูง
ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อลัน นาล มาครูฟ
ผู้อำนวยการ องค์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเอกภพ
ป้ายหน้าห้องที่แสดงถึง ชื่อ และตำแหน่งสูงสุดในองค์การแห่งนี้ เป็นหน่วยงานส่วนราชการแห่งสหพันธรัฐ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อน ตามสหพันธรัฐบัญญัติการบินและเอกภพ รับผิดชอบในโครงการอวกาศต่างๆ และงานวิจัยเทคโนโลยีกาลอวกาศ คอยสนับสนุน จัดการ หรือควบคุมระบบงานวิจัยทั้งฝ่ายทหารและรวมไปถึงงานวิจัยฝ่ายพลเรือน แต่ถึงแม้เขาจะเป็นถึงผู้อำนวยการที่มีตำแหน่งสูงสุดขององค์การแห่งนี้ แต่กลับไม่ถือตัวหรือคอยแต่ชี้นิ้วสั่งงาน เขามีแต่ความเป็นกันเอง ไม่ชอบพิธีรีตอง เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ลงไปร่วมทำงานวิจัยกับคณะวิจัยในความดูแลของเขา อาจเป็นเพราะเขาเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการวิจัยมานานตั้งแต่เริ่มชีวิตทำงาน ความกระหายใคร่รู้ในปริศนาต่างๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้เขายังคงทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน แม้ตำแหน่งเขาจะเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดขององค์การก็ตาม
ห้องทำงานของเขาตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกองค์การ เป็นห้องรูปโดมที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารรูปทรงคล้ายกระสวยโลหะที่ดูเหมือนจะผุดโผล่ออกมาจากพื้นดินและมีความสูง 100 ชั้น ผนังในห้องของเขาส่วนใหญ่จึงเป็นหน้าต่างกระจกโค้งเกือบรอบตัวห้อง เพื่อที่ผู้ใช้ทำงาน จะได้มองเห็นวิวของท้องฟ้ายามราตรีได้รอบด้าน เฉกเช่นราตรีนี้ เขายังคงนั่งครุ่นคิดอย่างกังวลใจถึงบางสิ่งบางอย่าง สายตาเหม่อมองไปยังเวิ้งฟ้าราตรีที่มืดสนิท ฉากหลังสีดำของท้องฟ้าห้วงอวกาศนั้นแทบจะไร้ซึ่งจุดสว่างใดๆ จะมีเพียงจุดขาวสว่างไสวของดวงดาวที่อยู่ในระบบสุริยะของเขาเพียงไม่ถึง 38 ดวง และในมุมมองซีกโลกกลางคืนที่เขาอยู่นี้ คงสามารถเห็นได้เพียง 9 ดวงเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือดวงจันทร์บริวารดวงเดียวของโลก ซึ่งสุกสว่างมากที่สุดในบรรดาดวงดาวที่เขามองเห็นในค่ำคืนนี้ “ดวงจันทร์ของพาโลนีบาส” เขาเอ่ยชื่อนี้เบาๆ อย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า พลันความคิดได้ย้อนภาพอดีตในวันที่เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่รัฐบ้านเกิด ในวันที่ได้เจอกับบุรุษผู้ปราดเปรื่อง และได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนผู้ซึ่งพลิกอนาคตแห่งเอกภพ
“ พาโลนีบาส ! ถ้าเธออยากจะนอนอยู่แบบนั้นในคาบเรียนของฉัน เธอก็ต้องเตรียมใจลงเรียนวิชาของฉันใหม่ในเทอมหน้า” เสียงตวาดอันดุดันของอาจารย์มักกะมารี หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนท้วม สวมแว่นตาหนาเตอะ ภายใต้ชุดที่คล้ายกับชุดของแม่ชีสีดำ ตะโกนดังลั่นขึ้นกลางห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เอกภพ สายตานักศึกษาทุกคนรวมทั้งอลัน นาล มาครูฟ ในวัยหนุ่มนักศึกษา ต่างหันจับจ้องไปยังชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อพาโลนีบาส ไทเรียส ตัวขาวสูงโปร่ง ผมยาวรุงรัง เสื้อผ้ายับย่น ที่นั่งหลับอยู่ตรงหลังสุดของห้องเรียน ซึ่งในคาบเรียนนั้น อาจารย์มักสอนถึงเรื่องของการเกิดเอกภพ อาจารย์มักกะมารีจะแสดงภาพของจักวาลไว้หน้าห้องเรียนและมักถามคำถามนักศึกษาคนที่ไม่ค่อยให้ความสนใจ ในภาพที่แสดงนั้นคือภาพของจักรวาล โดยในภาพนั้นมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่มหึมาเพียงดวงเดียว อยู่ตรงใจกลางของภาพ และมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รายรอบดวงอาทิตย์จำนวน 38 ดวง หลากสีสันและขนาด ดาวเคราะห์บางดวงมีวงแหวนล้อมรอบ ดาวเคราะห์บางดวงมีดวงจันทร์เป็นบริวาร ในภาพแสดงเส้นทางโคจรของแต่ละดวงดาวที่หมุนเป็นวงกลมล้อมรอบดวงอาทิตย์ ดวงเดียวกัน บริเวณวงโคจรนอกสุดของระบบสุริยะนี้ เป็นจุดเล็กๆ มากมายของกลุ่มดาวเคราะห์น้อย ฟุ้งกระจายเป็นเหมือนแถบกลุ่มเมฆวงกลมขนาดใหญ่สีขาวที่อยู่วงแหวนชั้นนอกสุดของระบบ เลยออกไปจากนั้นมีแต่ความว่างเปล่าและเวิ้งว้างของห้วงอวกาศที่มืดดำ
“ ใช่แล้ว! ” เสียงดังกึกก้องห้องเรียนของอาจารย์มักกะมารีดึงความสนใจ นักศึกษา ต่างหันไปมองใบหน้าอันอวบอูมเต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความเด็ดขาดและคงแก่เรียน ดวงตาหรี่เล็กอยู่เบื้องหลังแว่นตาวงกลมของโลหะ แวววับ สร้างให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น เมื่อนักศึกษาหันมามองด้วยความสนใจในน้ำเสียง “ภาพนี้คือจักรวาลของเรา จักรวาลที่มีเพียงหนึ่งดาวฤกษ์ และอีก 38 ดาวบริวาร นั่นคือเอกภพของเรา ระบบสุริยะหนึ่งเดียวของจักรวาล ” อาจารย์มักกะมารีมักจะย้ำด้วยน้ำเสียงที่แสนภูมิใจเมื่อได้อธิบายลักษณะจักวาลให้กับนักศึกษาใหม่ได้ฟัง พร้อมกับเล่าถึงจุดกำเนิดแห่งเอกสุริยะจักรวาล ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 25,000 ล้านปีก่อน เมื่อสสารปฐมภูมิบริสุทธิ์ขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุด แต่กลับมีความหนาแน่นเป็นอนันต์ และความร้อนเกินจินตนาการได้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ในเศษเสี้ยววินาทีของการระเบิด สสารปฐมภูมิบริสุทธิ์นั้นได้แยกตัวเองออกเป็นสสารทุติยภูมิสามชนิด และฉับพลันทันใดสสารทั้งสามชนิด ก็ได้แยกตัวออกเป็นทั้งพลังงานและอนุภาค ก่อกำเนิดคลื่น ความร้อน แสง พลังงานแม่เหล็ก และสสารที่เรารู้จักดีในปัจจุบัน เหล่านี้ล้วนก่อกำเนิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีหลังการระเบิดครั้งใหญ่ ต่อมาก่อตัวเป็นก้อนแก๊สขนาดใหญ่หมุนวนอยู่ใจกลาง พร้อมด้วยกลุ่มแก๊สก้อนที่เล็กกว่า กระจัดกระจายอยู่รายรอบพร้อมกับการหมุนเหวี่ยงขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลาง เมื่อความร้อนจากการระเบิดเริ่มเย็นลง การหมุนวนของมวลแก๊สเกิดการรวมตัวกับอนุภาคขนาดเล็ก หมุนวนในตัวเองเพื่อสร้างแรงดึงดูด เกิดการอัดแน่นในระดับอนุภาคจนบางดวงเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง บางดวงมีแรงดึงดูดในระดับต่ำก็จะยังคงสภาพเป็นเพียงดวงดาวที่เป็นก้อนแก๊ส แต่กลุ่มก้อนแก๊สขนาดมหึมาบริเวณจุดศูนย์กลางการระเบิดนั้นมีพลังดึงดูดตัวเองสูงมาก ดึงเอามวลแก๊สในระยะใกล้ให้มาควบรวมเป็นกลุ่มก้อนแก๊สขนาดใหญ่ตรงใจกลางและเริ่มอัดแน่นด้วยแรงดึงดูดมหาศาล ทันใดนั้นได้เกิดปฏิกิริยาการแตกตัว ในระดับอนุภาค ส่งให้เกิดพลังงานความร้อน และคลื่นรังสีต่างๆ มหาศาลและได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากปฏิกิริยาลูกโซ่ดังกล่าว กลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดมหึมาที่ให้พลังงานแก่เรามา และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ” อาจารย์มักกะมารีชี้ให้ดูตรงกลางภาพจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีส้มสุกสว่าง “ และเมื่อแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของดาวบริวารต่างๆ มีค่าสมดุลกับแรงดึงดูดกลับของดวงอาทิตย์นี้ การขยายตัวของจักรวาลจะหยุดนิ่ง ระยะห่างของการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวบริวารเกิดความเสถียรคงที่ เกิดความสมดุลแห่งจักรวาลตราบเท่าทุกวันนี้ และนี่แหละ นิรันดรเอกภพ เอกภพที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ”
ในห้วงเวลาที่เงียบกริบหลังสิ้นเสียงคำพูดนั้น ชายผู้ซึ่งนั่งฟังด้วยความนิ่งเงียบหลังสุดได้ยกมือพร้อมกับแสดงความคิดเห็น “ อาจารย์มักกะมารีครับ ถ้าหากว่าแรงของการขยายตัวและแรงดึงดูดเข้าสู่ศูนย์กลางเกิดความไม่สมดุลกัน สิ่งที่จะเกิดกับโลกและดวงจันทร์ของโลกจะเป็นอย่างไร และส่งผลกระทบต่อจักรวาลอย่างไรครับ “ อาจารย์มักกะวารีหันไปมอง พาโลนีบาส ชายหนุ่มเจ้าของเสียงด้วยดวงตาที่แปลกใจ ไม่นาน เธอจึงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน “นิรันดรเอกภพถล่มสิ! ไม่มีทางเป็นไปได้พาโลนีบาส ความสมดุลนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ระยะเวลาก่อกำเนิดดวงดาวโลกของเราที่ผ่านมาสามหมื่นล้านปี ระบบการโคจรของทุกดวงดาวตั้งแต่เรามีวิทยาการในการคำนวณตำแหน่งและวิถี ทั้ง 38 ดาวบริวารของดวงอาทิตย์นี้ ไม่เคยมีดวงใดเลยเปลี่ยนแปลงวงโคจร และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป แต่เอาเถอะ ถ้าเธออยากได้คำตอบ สมมติว่ามีการเปลี่ยนแปลงระยะโคจรที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอาจจะทำให้โลกกับดวงจันทร์เกิดความไม่เสถียรและอาจจะชนกันก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะเรียกดวงจันทร์นั้นว่า ดวงจันทร์ของพาโลนีบาสละกัน ”
ภาพความทรงจำในห้องเรียนเริ่มจางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล ความคิดเขาเริ่มกลับมาสู่ปัจจุบันขณะอีกครั้ง ภาพทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีนอกห้องทำงานกลับเข้ามาแทนที่ ในห้องเรียนนั้น ความคิดของพาโลนีบาสดูตลกขบขัน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึง เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้นั้น มันได้เกิดขึ้นแล้ว
“ นิรันดรเอกภพเหรอ ” ด๊อกเตอร์อลัน นาล มาครูฟ เอ่ยขึ้นเบาๆ
นิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง CIRCLE TIME (นิรันดรเอกภพ)----บทที่ 1
นิรันดรเอกภพ
หากเวลา เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของจักรวาล และเวลามีขึ้นเพื่อพลังงานและสสารได้ดำเนินเหตุการณ์อยู่ในห้วงลำดับนั้น อีกทั้งยังเป็นหน่วยวัดสมมติที่สามารถวัดค่าคำนวณได้เฉกเช่นเดียวกับพื้นที่และระยะทาง แต่จะมีนักปราชญ์ใด ที่สามารถให้คำนิยามได้อย่างไร้ข้อกังขาเกี่ยวกับจุดกำเนิดของเวลา หากเปรียบเสมือนเวลาคือการเดินทางของรถไฟขบวนหนึ่งเมื่อออกจากชานชาลา สถานีต้นทางประดุจดั่งจุดเริ่มต้นแห่งห้วงเวลา เมื่อเข็มเวลาขยับตัวจากศูนย์ไปหาหนึ่ง ปฐมบทแห่งจักรวาลจึงได้บังเกิด ด้วยการระเบิดครั้งใหญ่ของมวลสารปฐมภูมิบริสุทธิ์ ที่อัดแน่นและเร่าร้อนเกินจินตนาการ แยกตัวเป็นสสารทุติยภูมิ ทั้งแยกและรวมองค์ประกอบแปรเปลี่ยนหมุนเวียนจวบจนกลายเป็นหมู่มวลดวงดาวและก่อบังเกิดสิ่งมีชีวิตเช่นเราในปัจจุบัน
เส้นเวลาดั่งรถไฟที่วิ่งห้อตะบึงเพื่อจะไปให้ถึงยังสถานีปลายทาง และที่สุดของปลายทาง อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดแห่งเวลาของจักรวาล
หากนิยามนี้กำหนดว่าเวลามีทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แล้วก่อนที่เวลาจะนับหนึ่งนั้นมีอะไร หลังจากการสิ้นสุดของเวลาคืออะไร หรือมันคือความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งเหตุการณ์ของทั้งพลังงานและสสาร ณ ห้วงแห่งที่กาลเวลาหยุดนิ่งนั้นจะเนิ่นนานแค่ไหน แล้วเหตุใดการก่อกำเนิดแห่งจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่งถึงได้ประวิงเวลานานนักที่จะเกิด หรือเปรียบดังภาพทางรถไฟในจินตนาการ ที่มีเพียงเส้นทางเชื่อมสถานีรถไฟเพียงสองสถานี แต่ก่อนหน้าสถานีเริ่มต้นและหลังจากสถานีปลายทางนี้ จะมีแต่เพียงความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ
ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ อลัน นาล มาครูฟ นักก่อนจักรวาลวิทยา เฝ้าครุ่นคิดหาคำตอบในเรื่องนี้มานานเนิ่น แต่คำตอบในเรื่องเวลาก่อนจุดกำเนิดจักรวาลนั้น ดูเหมือนจะห่างไกลจากทุกทฤษฎีที่เขาเพียรพยายามศึกษาวิจัยเพื่อไขปริศนามาทั้งชีวิต รอยย่นมากมายที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าผากและหางตา บ่งบอกถึงการทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหักโหมมาแรมปี ผมสีทองแซมด้วยกลุ่มเส้นผมสีขาวที่แทบไม่ได้รับการดูแล และการจัดทรงที่เป็นไปอย่างไม่ใส่ใจ สอดรับกับใบหน้าคมเข้มเรียวแหลม ดวงตาทั้งคู่ดูอิดโรย ดูแก่กว่าลักษณะของชายวัย 50 ปีที่ควรจะเป็น ร่างกายผอมเล็กในชุดเสื้อกาวน์นักวิทยาศาสตร์ที่ยับย่น จมอยู่ในเก้าอี้บุนวมพิเศษตัวใหญ่ หลังโต๊ะทำงานที่หรูหราและทันสมัย ซึ่งตั้งอยู่ในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและเป็นส่วนตัว บ่งบอกถึงความมีตำแหน่งหน้าที่การงานในระดับสูง
ผู้อำนวยการ องค์การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเอกภพ
ป้ายหน้าห้องที่แสดงถึง ชื่อ และตำแหน่งสูงสุดในองค์การแห่งนี้ เป็นหน่วยงานส่วนราชการแห่งสหพันธรัฐ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อน ตามสหพันธรัฐบัญญัติการบินและเอกภพ รับผิดชอบในโครงการอวกาศต่างๆ และงานวิจัยเทคโนโลยีกาลอวกาศ คอยสนับสนุน จัดการ หรือควบคุมระบบงานวิจัยทั้งฝ่ายทหารและรวมไปถึงงานวิจัยฝ่ายพลเรือน แต่ถึงแม้เขาจะเป็นถึงผู้อำนวยการที่มีตำแหน่งสูงสุดขององค์การแห่งนี้ แต่กลับไม่ถือตัวหรือคอยแต่ชี้นิ้วสั่งงาน เขามีแต่ความเป็นกันเอง ไม่ชอบพิธีรีตอง เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ลงไปร่วมทำงานวิจัยกับคณะวิจัยในความดูแลของเขา อาจเป็นเพราะเขาเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการวิจัยมานานตั้งแต่เริ่มชีวิตทำงาน ความกระหายใคร่รู้ในปริศนาต่างๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้เขายังคงทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำงาน แม้ตำแหน่งเขาจะเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดขององค์การก็ตาม
ห้องทำงานของเขาตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกองค์การ เป็นห้องรูปโดมที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารรูปทรงคล้ายกระสวยโลหะที่ดูเหมือนจะผุดโผล่ออกมาจากพื้นดินและมีความสูง 100 ชั้น ผนังในห้องของเขาส่วนใหญ่จึงเป็นหน้าต่างกระจกโค้งเกือบรอบตัวห้อง เพื่อที่ผู้ใช้ทำงาน จะได้มองเห็นวิวของท้องฟ้ายามราตรีได้รอบด้าน เฉกเช่นราตรีนี้ เขายังคงนั่งครุ่นคิดอย่างกังวลใจถึงบางสิ่งบางอย่าง สายตาเหม่อมองไปยังเวิ้งฟ้าราตรีที่มืดสนิท ฉากหลังสีดำของท้องฟ้าห้วงอวกาศนั้นแทบจะไร้ซึ่งจุดสว่างใดๆ จะมีเพียงจุดขาวสว่างไสวของดวงดาวที่อยู่ในระบบสุริยะของเขาเพียงไม่ถึง 38 ดวง และในมุมมองซีกโลกกลางคืนที่เขาอยู่นี้ คงสามารถเห็นได้เพียง 9 ดวงเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือดวงจันทร์บริวารดวงเดียวของโลก ซึ่งสุกสว่างมากที่สุดในบรรดาดวงดาวที่เขามองเห็นในค่ำคืนนี้ “ดวงจันทร์ของพาโลนีบาส” เขาเอ่ยชื่อนี้เบาๆ อย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า พลันความคิดได้ย้อนภาพอดีตในวันที่เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่รัฐบ้านเกิด ในวันที่ได้เจอกับบุรุษผู้ปราดเปรื่อง และได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนผู้ซึ่งพลิกอนาคตแห่งเอกภพ
“ พาโลนีบาส ! ถ้าเธออยากจะนอนอยู่แบบนั้นในคาบเรียนของฉัน เธอก็ต้องเตรียมใจลงเรียนวิชาของฉันใหม่ในเทอมหน้า” เสียงตวาดอันดุดันของอาจารย์มักกะมารี หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนท้วม สวมแว่นตาหนาเตอะ ภายใต้ชุดที่คล้ายกับชุดของแม่ชีสีดำ ตะโกนดังลั่นขึ้นกลางห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เอกภพ สายตานักศึกษาทุกคนรวมทั้งอลัน นาล มาครูฟ ในวัยหนุ่มนักศึกษา ต่างหันจับจ้องไปยังชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อพาโลนีบาส ไทเรียส ตัวขาวสูงโปร่ง ผมยาวรุงรัง เสื้อผ้ายับย่น ที่นั่งหลับอยู่ตรงหลังสุดของห้องเรียน ซึ่งในคาบเรียนนั้น อาจารย์มักสอนถึงเรื่องของการเกิดเอกภพ อาจารย์มักกะมารีจะแสดงภาพของจักวาลไว้หน้าห้องเรียนและมักถามคำถามนักศึกษาคนที่ไม่ค่อยให้ความสนใจ ในภาพที่แสดงนั้นคือภาพของจักรวาล โดยในภาพนั้นมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่มหึมาเพียงดวงเดียว อยู่ตรงใจกลางของภาพ และมีดาวเคราะห์ขนาดใหญ่รายรอบดวงอาทิตย์จำนวน 38 ดวง หลากสีสันและขนาด ดาวเคราะห์บางดวงมีวงแหวนล้อมรอบ ดาวเคราะห์บางดวงมีดวงจันทร์เป็นบริวาร ในภาพแสดงเส้นทางโคจรของแต่ละดวงดาวที่หมุนเป็นวงกลมล้อมรอบดวงอาทิตย์ ดวงเดียวกัน บริเวณวงโคจรนอกสุดของระบบสุริยะนี้ เป็นจุดเล็กๆ มากมายของกลุ่มดาวเคราะห์น้อย ฟุ้งกระจายเป็นเหมือนแถบกลุ่มเมฆวงกลมขนาดใหญ่สีขาวที่อยู่วงแหวนชั้นนอกสุดของระบบ เลยออกไปจากนั้นมีแต่ความว่างเปล่าและเวิ้งว้างของห้วงอวกาศที่มืดดำ
“ ใช่แล้ว! ” เสียงดังกึกก้องห้องเรียนของอาจารย์มักกะมารีดึงความสนใจ นักศึกษา ต่างหันไปมองใบหน้าอันอวบอูมเต็มเปี่ยมไปด้วยร่องรอยแห่งความเด็ดขาดและคงแก่เรียน ดวงตาหรี่เล็กอยู่เบื้องหลังแว่นตาวงกลมของโลหะ แวววับ สร้างให้เกิดความรู้สึกน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น เมื่อนักศึกษาหันมามองด้วยความสนใจในน้ำเสียง “ภาพนี้คือจักรวาลของเรา จักรวาลที่มีเพียงหนึ่งดาวฤกษ์ และอีก 38 ดาวบริวาร นั่นคือเอกภพของเรา ระบบสุริยะหนึ่งเดียวของจักรวาล ” อาจารย์มักกะมารีมักจะย้ำด้วยน้ำเสียงที่แสนภูมิใจเมื่อได้อธิบายลักษณะจักวาลให้กับนักศึกษาใหม่ได้ฟัง พร้อมกับเล่าถึงจุดกำเนิดแห่งเอกสุริยะจักรวาล ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการระเบิดครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 25,000 ล้านปีก่อน เมื่อสสารปฐมภูมิบริสุทธิ์ขนาดเล็กกว่าหัวเข็มหมุด แต่กลับมีความหนาแน่นเป็นอนันต์ และความร้อนเกินจินตนาการได้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ในเศษเสี้ยววินาทีของการระเบิด สสารปฐมภูมิบริสุทธิ์นั้นได้แยกตัวเองออกเป็นสสารทุติยภูมิสามชนิด และฉับพลันทันใดสสารทั้งสามชนิด ก็ได้แยกตัวออกเป็นทั้งพลังงานและอนุภาค ก่อกำเนิดคลื่น ความร้อน แสง พลังงานแม่เหล็ก และสสารที่เรารู้จักดีในปัจจุบัน เหล่านี้ล้วนก่อกำเนิดขึ้นในช่วงไม่กี่นาทีหลังการระเบิดครั้งใหญ่ ต่อมาก่อตัวเป็นก้อนแก๊สขนาดใหญ่หมุนวนอยู่ใจกลาง พร้อมด้วยกลุ่มแก๊สก้อนที่เล็กกว่า กระจัดกระจายอยู่รายรอบพร้อมกับการหมุนเหวี่ยงขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลาง เมื่อความร้อนจากการระเบิดเริ่มเย็นลง การหมุนวนของมวลแก๊สเกิดการรวมตัวกับอนุภาคขนาดเล็ก หมุนวนในตัวเองเพื่อสร้างแรงดึงดูด เกิดการอัดแน่นในระดับอนุภาคจนบางดวงเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง บางดวงมีแรงดึงดูดในระดับต่ำก็จะยังคงสภาพเป็นเพียงดวงดาวที่เป็นก้อนแก๊ส แต่กลุ่มก้อนแก๊สขนาดมหึมาบริเวณจุดศูนย์กลางการระเบิดนั้นมีพลังดึงดูดตัวเองสูงมาก ดึงเอามวลแก๊สในระยะใกล้ให้มาควบรวมเป็นกลุ่มก้อนแก๊สขนาดใหญ่ตรงใจกลางและเริ่มอัดแน่นด้วยแรงดึงดูดมหาศาล ทันใดนั้นได้เกิดปฏิกิริยาการแตกตัว ในระดับอนุภาค ส่งให้เกิดพลังงานความร้อน และคลื่นรังสีต่างๆ มหาศาลและได้ปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากปฏิกิริยาลูกโซ่ดังกล่าว กลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดมหึมาที่ให้พลังงานแก่เรามา และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป ” อาจารย์มักกะมารีชี้ให้ดูตรงกลางภาพจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่สีส้มสุกสว่าง “ และเมื่อแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของดาวบริวารต่างๆ มีค่าสมดุลกับแรงดึงดูดกลับของดวงอาทิตย์นี้ การขยายตัวของจักรวาลจะหยุดนิ่ง ระยะห่างของการโคจรรอบดวงอาทิตย์ของดาวบริวารเกิดความเสถียรคงที่ เกิดความสมดุลแห่งจักรวาลตราบเท่าทุกวันนี้ และนี่แหละ นิรันดรเอกภพ เอกภพที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ”
ในห้วงเวลาที่เงียบกริบหลังสิ้นเสียงคำพูดนั้น ชายผู้ซึ่งนั่งฟังด้วยความนิ่งเงียบหลังสุดได้ยกมือพร้อมกับแสดงความคิดเห็น “ อาจารย์มักกะมารีครับ ถ้าหากว่าแรงของการขยายตัวและแรงดึงดูดเข้าสู่ศูนย์กลางเกิดความไม่สมดุลกัน สิ่งที่จะเกิดกับโลกและดวงจันทร์ของโลกจะเป็นอย่างไร และส่งผลกระทบต่อจักรวาลอย่างไรครับ “ อาจารย์มักกะวารีหันไปมอง พาโลนีบาส ชายหนุ่มเจ้าของเสียงด้วยดวงตาที่แปลกใจ ไม่นาน เธอจึงหัวเราะด้วยความตลกขบขัน “นิรันดรเอกภพถล่มสิ! ไม่มีทางเป็นไปได้พาโลนีบาส ความสมดุลนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ระยะเวลาก่อกำเนิดดวงดาวโลกของเราที่ผ่านมาสามหมื่นล้านปี ระบบการโคจรของทุกดวงดาวตั้งแต่เรามีวิทยาการในการคำนวณตำแหน่งและวิถี ทั้ง 38 ดาวบริวารของดวงอาทิตย์นี้ ไม่เคยมีดวงใดเลยเปลี่ยนแปลงวงโคจร และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป แต่เอาเถอะ ถ้าเธออยากได้คำตอบ สมมติว่ามีการเปลี่ยนแปลงระยะโคจรที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมอาจจะทำให้โลกกับดวงจันทร์เกิดความไม่เสถียรและอาจจะชนกันก็ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ฉันจะเรียกดวงจันทร์นั้นว่า ดวงจันทร์ของพาโลนีบาสละกัน ”
ภาพความทรงจำในห้องเรียนเริ่มจางหายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกกังวล ความคิดเขาเริ่มกลับมาสู่ปัจจุบันขณะอีกครั้ง ภาพทิวทัศน์ท้องฟ้ายามราตรีนอกห้องทำงานกลับเข้ามาแทนที่ ในห้องเรียนนั้น ความคิดของพาโลนีบาสดูตลกขบขัน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึง เพราะสิ่งที่เขาคิดไว้นั้น มันได้เกิดขึ้นแล้ว
“ นิรันดรเอกภพเหรอ ” ด๊อกเตอร์อลัน นาล มาครูฟ เอ่ยขึ้นเบาๆ