คุณเคยสงสัยกันไหมคับ
ว่า เวลาคุณไปดูดวงและเจอหมอดูที่ทายแม่นๆ
หรือ
คุณอาจจะเป็นหมอดู ที่ทายแม่นมาก แล้วทายดวงตัวเองซะเอง
สิ่งหนึ่งที่คุณมักจะพบความจริงเสมอ
คือ ดวงชะตาคุณในเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของคุณเอง ไม่ว่า จะดี/ร้าย มากน้อยแค่ไหน
ส่วนใหญ่มักเป็นไปตามดวงเกิดคุณเองชี้ฟ้องไว้เลย
(อาจจะไม่เป็นไปตามนั้น 100% แต่ใกล้เคียง 100% มันมีอยู่จริง เช่น 70-95%)
ไม่ว่า คุณจะดูอดีตย้อนหลัง ปัจจุบัน หรือ อนาคต ก็ตาม
ถ้าในกรณีที่คุณ ดูดวงกับหมอดูที่เก่งทายแม่นเป็นยอดฝีมือจริงๆ ละก็นะคับ
หรือ ตัวคุณเองเป็นหมอดูเก่งๆยอดฝีมือซะเอง แล้วดูดวงเกิดตัวเอง
โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ วิชา โหราศาสตร์ไหนด้วย
ไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย / โหราศาสตร์ภารตะ (อินเดีย) / โหราศาสตร์จีน / โหราศาสตร์สากล /
โหราศาสตร์ยูเรเนียม / เลข 7 ตัว 4-11 ฐาน (กี่ฐานก็ช่างที่ตัววิชามีให้ใช้งานได้) /
โหราศาสตร์พม่า อังคะวิชาธาตุ หรือ เลข 7 ตัวพม่า
ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ แสดงว่า แท้จริงแล้วดวงชะตาเกิดของคนเรากำลังจะบอกว่า
สัจธรรมของโลกนี้ หรือ จักรวาลที่คุณอาศัยอยู่ ถูกบางสิ่งบางอย่างกำหนดทุกเหตุการณ์เอาไว้หมดแล้ว
ตั้งแต่จักรวาลเกิด BigBang จนถึงวันที่จักรวาลแตกดับเลย
หรือ
ตั้งแต่ชีวิตคน เกิดจนตาย นั้นแหละคับ
ทำให้ อนาคตถูกกำหนดไว้หมดแล้วไปด้วย
ที่นี้เราจะมาดูกันว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
และผมมี สมมุติฐาน หรือ แนวคิดหนึ่งจะนำเสนอให้ทุกคนฟังกันคับ
(ผมใช้คำว่า สมมุติฐาน นะคับ เพราะถ้าใช่คำว่า ทฤษฏี แสดงว่า มันเป็น Fact เรียบร้อยแล้ว เดียวคนที่ไม่เชื่อแนวคิดนี้ หรือ ชาววิทย์ เขาจะไม่พอใจกัน)
********************************************************************************************************************
สมมุติฐานผมมีอยู่ ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ วันที่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นมา
สิ่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นจากความว่างเปล่า คือ Space-Time
และหลังจาก Space-Time ถูกสร้างขึ้นมา
สสารก็ถูกสร้างขึ้นตามมา
แต่เมื่อมีสสารเกิดขึ้น แม้เพียงแค่ อะตอม เดียว
ก็เกิดการทำปฏิกิริยาบ้างอย่างที่ทำให้เกิด อะตอม อีกตัวขึ้นมา
เมื่อมีอะตอมเกิน 2 ตัว
อะตอมตัวที่ 1 ย่อมมีผลกระทบต่ออะตอมตัวที่ 2 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งผลกระทบนี้ นักวิทย์ อย่าง Sir Isaac Newton เมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว
ค้นพบแค่ว่า มีผลกระทบต่อกันใน เรื่อง แรงกระทำต่อกัน เท่านั้น
และยุคต่อมา เริ่มมีนักวิทย์คนอื่น ค้นพบ ผลกระทบต่อกันของอะตอม ในเรื่องอื่นๆ
เช่น แรงทางไฟฟ้า / คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า / ... เป็นต้น
ตั้งแต่ยุคของ Sir Isaac Newton (ตามรูป) เมื่อ 300 กว่าปีก่อน
เขาก็เป็นคนแรกๆของโลกที่มีแนวคิดและเผยแพร่แนวคิดนี้
ที่ว่า อนาคตถูกกำหนดไว้แล้ทุกเหตุการณ์ในโลก
จากการสังเกตุการโคจรของดวงดาวที่หากเราสามารถรู้และคำนวณทุกตัวแปรของมันได้ เราจะสามารถทายอนาคตมันได้ 100%
ถามว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
เพราะคุณพี่นิวตัน เขาดันคิดว่า หากสามารถรู้และคำนวณทุกตัวแปรของสสารทั้งหมดที่มีอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ได้
นั้นเท่ากับว่า สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า สสารที่ไม่มีชีวิตอย่าง อะตอม จะมีพฤติกรรมในอนาคตไปในทิศทางไหนได้บ้าง
หรือ พูดง่ายๆว่า พฤติกรรมของอะตอม ถูกกำหนดไว้แล้วจากพฤติของอะตอมในจักรวาลที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
แปลว่า พฤติกรรมในอดีตของทุกอะตอม สามารถกำหนด พฤติกรรมของทุกอะตอมในอนาคตด้วย
แต่ทุกคนคงไม่ได้ลืมอะไรไปอย่างหนึ่งใช่ไหมคับ
นั้นคือ วิทย์ในปัจจุบันก้าวล้ำจนค้นพบว่า
มนุษย์ เองก็ถูกควบคุมทั้ง อารมณ์ ความคิด นิสัย การตัดสินใจ และพฤติกรรม จากการเคลื่อนที่ของสารสื่อประสาทในสมองของตัวเองทุกคน
แล้วคุณว่า สารสื่อประสาท ประกอบไปด้วย อะตอม ไหมคับ
คำตอบ คือ ใช่คับ
มันประกอบไปด้วย อะตอม คับ
นั้นเท่ากับว่า สิ่งที่พี่นิวตัน ได้ทิ้งแนวคิดนี้ไว้ให้กับโลกนี้ก่อนเขาจะตายจากไป
คือ พฤติกรรมของอะตอมในอดีต สามารถกำหนด พฤติกรรมของอะตอมในอนาคตได้หมด ทุกอะตอม
แล้ว อะตอม เป็นส่วนประกอบของ สารสื่อประสาทในสมองของคน
ทำให้ สารสื่อประสารในสมองของคน ถูกกำหนดพฤติกรรมในอนาคตไว้หมดแล้วไปด้วย
และทำให้ พฤติกรรมของคนทุกๆด้าน ทั้ง อารมณ์ / ความคิด / นิสัย / การตัดสินใจ ในอนาคตจึงต้องถูกกำหนดไปด้วยโดยอัตโนมัติอย่างเลี่ยงไม่ได้
นั้นเท่ากับ Free Will ของคนเราไม่เคยมีอยู่จริงไปด้วยคับ
ในทุกๆการตัดสินใจทางเลือกในชีวิตของคนเรา และอนาคตถูกลิขิตไว้หมดแล้ว
ในขณะโลกฝั่งวิทยาศาสตร์ค้นพบ เรื่อง Free Will มาได้ขนาดนี้
โลกฝั่งโหราศาสตร์ ก็พยายามค้นพบเรื่องนี้ มาได้ไม่ต่างจากวิทย์เลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่เริ่มทำการค้นพบอะไรต่อมิอะไรมาก่อนหน้า วิทย์ เท่านั้นเอง
เมื่อเกิน 5000 ปีที่แล้ว โหราศาสตร์ ได้มีการเก็บสถิติ พฤติกรรม / อารมณ์ / นิสัย / ... / เหตุการณ์ในชีวิต ดี-ร้าย ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคน
ผ่านทางการสังเกตุการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทำให้โหราศาสตร์ ทรงพลังถึงระดับทายแม่นใกล้เคียง 100% และละเอียดหลายเรื่อง ได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากผู้ใช้วิชานี้เก่งจริงๆนะคับ
นั้นเท่ากับว่า โหราศาสตร์ กำลังจะบอกเราว่า
การโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้า มีผลต่อการกำหนด พฤติกรรม และ เหตุการณ์ต่างๆทั้ง ดี-ร้าย ในชีวิตของทุกคนได้นะ
ผ่านการแกะ รหัส เบาะแส ของการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ อะไรบ้างอย่าง
ตั้งแต่วันที่ทุกคนเกิดจนตาย (แบบภาพด้านบนมันเล่าเรื่อง)
เหมือนแนวคิดของนิวตันที่ไปมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมองของคนเลย
ซึ่งนั้นนำไปสู่แนวคิดและสมมุติฐานของผม
ถ้าชีวิตของคนเราถูกทั้งดวงดาวและอะตอม ลิขิตทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ตั้งแต่เกิดจนตาย ล่วงหน้าไว้แล้ว
และถูกลิขิตยันไปถึงสสารที่ไม่มีขีวิตทั้งจักรวาลได้
แสดงให้เห็นว่า เส้นเวลา หรือ ที่เราเรียกว่า Timeline
(รูปภาพด้านบน ภาพที่ 1-2 ตามลำดับ คือ ภาพ Timeline จากซี่รี่เรื่อง Loki ของ Marvel จะได้เห็นภาพกันได้ง่ายๆ)
1. Timeline เส้นเวลามีเพียงแค่ เส้นเวลาเดียว หรือ 1 เส้นเวลา เท่านั้น
แนวคิดนี้ตรงไปตรงมา คือ ตั้งแต่จักรวาลเกิด BigBang ยัน ดับสูญ รวมทั้งชีวิตคน ทุกชีวิต ทุกสสาร ถูกลิขิตไว้หมดแล้ว
ไม่มีทางมีอนาคตแบบอื่นได้
เช่น นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
นาย A ก็ต้องได้เข้าทำงานที่นี้เวลานี้ จะเป็นช่วงเวลาอื่น หรือ คนอื่น ไม่ได้
Story ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
(ภาพที่ 3 Timeline เส้นเวลาแตกกิ่งก้านสาขาออกไปจนกลายสภาพเป็นกิ่งของต้นไม้)
2. Timeline เส้นเวลามีตั้งแต่ 2 เส้นเวลา ขึ้นไป
แต่เกาะกลุ่มก้อนกัน ไม่แตกแขนงสาขาย่อย ออกไปไกลจนกลายเป็น กิ่งก้านต้นไม้ (ไม่เป็นแบบในภาพที่ 3 แต่เป็นแบบในภาพที่ 1)
อาจมีคน งง ว่า กลุ่มก้อน Timeline คืออะไร
มันคือ Timeline หรือ เส้นเวลา ที่เกิดเหตุการณ์ ดี-ร้าย ที่ใกล้เคียงกับ เส้นเวลาหลักใน Timeline ข้อ 1 คับ
และต้องมีความใกล้เคียงกับ เส้นเวลาที่ 2 3 4 ... ด้วย
เช่น
Timeline ที่ 1 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
Timeline ที่ 2 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 09.00 น.
Timeline ที่ 3 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 13.00 น.
แต่จะไม่มี Timeline แบบนี้เด็ดขาด
Timeline ที่ 4 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท B ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
Timeline ที่ 5 : นาย A ไม่ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A แต่เป็น นาย B แทนที่ได้ทำงานที่นี้ ณ
วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
จะเห็นว่า Timeline ที่ 4 5 เป็นเส้นเวลาที่แตกกิ่นก้านออกจาก เส้นเวลาหลัก Timline ที่ 1 และเส้นเวลา Timline กลุ้มก้อนย่อยที่ 2 3 คับ
เพราะงั้น Timeline ที่ 4 5 จึงเกิดเหตุการณ์แตกกิ่งก้านต้นไม้ ตามรูปภาพที่ 3 เรียบร้อยแล้วคับ ไม่ใช่ภาพที่ 1 2 แน่ๆ
และเมื่อการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะที่โหราศาสตร์ค้นพบ สามารถลิขิตชีวิตคนได้ขนาดนี้
คุณว่า แล้วอะตอมละ แท้จริงมันสามารถลิขิตชีวิตคนได้เหมือนที่ การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ ลิขิตชีวิตคนได้ไหมคับ ?
แต่ในสมมุติฐานของผม คิดว่า อะตอมทั้งหมดในจักรวาลเองจริงๆแล้วก็สามารถมีผลลิขิตชีวิตคนได้เหมือนกัน
เพราะดวงดาวในระบบสุริยะที่โหราศาสตร์ค้นพบ ก็ประกอบไปด้วยอะตอมจำนวนมากนะคับ อย่าลืมตรงนี้ด้วย
แต่ที่ โหราศาสตร์ ค้นพบแค่ว่า การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ มีผลกับชีวิตคนแค่นี้
เพราะศาสตร์การทำนายทุกศาสตร์ที่มนุษย์เราค้นพบและสร้างมันขึ้นมาบนโลก เรามักจะคำนวณจาก ตัวแปร ที่มีผลมากที่สุดเป็นหลักก่อนเสมอคับ
จึงไม่แปลกที่ โหราศาสตร์ Focus แค่ ดวงดาวในระบบสุริยะ
แล้วคุณคิดดูละกัน เกิดมีใครคนหนึ่งค้นพบ วิชาการทำนายชีวิตคน
จาก อะตอมทุกตัว ทุกดวงดาวในจักรวาล จะทายชีวิตคนได้มากขนาดไหน
ผมว่า ถึงตอนนั้น วิชานั้น จะสามารถทายดวงชะตาคนได้ 100% แบบไม่มีผิดพลาดได้เลยละคับ
เหมือนที่ นิวตัน เคยมีแนวคิดแบบนี้มาก่อน
หรือ ว่ามีสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ อะตอม เช่น สสารมืด (สมมุติฐานของวิทย์) / ... ก็มีผลต่อชีวิตคนด้วยละ
เอากลับไปคิดกันเอาเอง
แต่ผมว่า วิชาที่ว่านี้ ไม่มีคนไหนในโลกจะค้นพบมันได้จริงคับ
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ความสามารถและการรับรู้ของมนุษย์ จะสามารถรับรู้และเก็บขอมูลสถิติทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้คับ
แต่ผู้ที่จะค้นพบและได้วิชานั้นมาอยู่ในมือหรือจะเป็น
(รูปภาพตัวละคร He Who Remain จากซี่รี่ Loki หนัง Marvel)
หรือจะเป็นเขาคนนี้ดี He Who Remain จากซี่รี่ Loki
(รูปภาพตัวละคร ผู้สร้าง Matrix และ เทพพยากรณ์ จากหนัง The Matrix ตามลำดับ)
หรือจะเป็นเขาคนนี้ดี ผู้สร้าง Matrix และ เทพพยากรณ์ จากหนัง The Matrix ตามลำดับ
ซึ่งถ้าเป็นแนวคิด 2 เรื่องนี้ (Loki+Matrix) จะเป็นแนวคิดเดียวกับศาสนาเทวนิยม เช่น ศาสนาคริส / อิสลาม
หรือจะไม่มี พระเจ้า หรือ มนุษย์ หรือ สิ่งมีชีวิต ตนใดได้ครอบครองวิชาที่ทำนายชีวิตคนได้ทุกอย่าง 100% แบบที่ว่าไป
แต่เป็น สสารในจักรวาลนี้ละ ทำปฏิกิริยา มีผลกระทบต่อกันตั้งแต่ระดับอะตอม อดีตกำหนดอนาคต ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
ซึ่งถ้าเป็นแนวคิดนี้ จะเป็นแนวคิดเดียวกับศาสนาอเทวนิยม เช่น ศาสนาพุทธ
แล้วคุณละคับ คิดว่า ความเป็นจริงสิ่งที่ทั้งโหราศาสตร์และวิทย์ค้นพบ น่าจะไปในแนวคิดไหนมากที่สุด
แต่ที่แน่ๆ หากหมอดูเก่งๆ มืออาชีพมาอ่าน ทุกคนย่อมปฏิเสธ ความจริง เรื่อง การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ มีผลต่อชีวิตคน ไม่ได้แน่ๆ
ปล. ไม่ต้องหาว่า ผมเบียว จนหลุดโลก นะคับ
ถ้าผมไม่เล่าเชื่อมโยง หนัง ซี่รี่ 2 เรื่อง ยอดฮิตแบบนี้ ทุกคนคงยากที่จะเข้าใจตามได้
ดวงชะตาของคน ถูกกำหนดไว้แล้วหรือไม่ ความจริงแล้วเรามี Free Will หรือไม่กันแน่ ในมุมมองโหราศาสตร์
ว่า เวลาคุณไปดูดวงและเจอหมอดูที่ทายแม่นๆ
หรือ
คุณอาจจะเป็นหมอดู ที่ทายแม่นมาก แล้วทายดวงตัวเองซะเอง
สิ่งหนึ่งที่คุณมักจะพบความจริงเสมอ
คือ ดวงชะตาคุณในเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของคุณเอง ไม่ว่า จะดี/ร้าย มากน้อยแค่ไหน
ส่วนใหญ่มักเป็นไปตามดวงเกิดคุณเองชี้ฟ้องไว้เลย
(อาจจะไม่เป็นไปตามนั้น 100% แต่ใกล้เคียง 100% มันมีอยู่จริง เช่น 70-95%)
ไม่ว่า คุณจะดูอดีตย้อนหลัง ปัจจุบัน หรือ อนาคต ก็ตาม
ถ้าในกรณีที่คุณ ดูดวงกับหมอดูที่เก่งทายแม่นเป็นยอดฝีมือจริงๆ ละก็นะคับ
หรือ ตัวคุณเองเป็นหมอดูเก่งๆยอดฝีมือซะเอง แล้วดูดวงเกิดตัวเอง
โดยไม่ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ วิชา โหราศาสตร์ไหนด้วย
ไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย / โหราศาสตร์ภารตะ (อินเดีย) / โหราศาสตร์จีน / โหราศาสตร์สากล /
โหราศาสตร์ยูเรเนียม / เลข 7 ตัว 4-11 ฐาน (กี่ฐานก็ช่างที่ตัววิชามีให้ใช้งานได้) /
โหราศาสตร์พม่า อังคะวิชาธาตุ หรือ เลข 7 ตัวพม่า
ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ แสดงว่า แท้จริงแล้วดวงชะตาเกิดของคนเรากำลังจะบอกว่า
สัจธรรมของโลกนี้ หรือ จักรวาลที่คุณอาศัยอยู่ ถูกบางสิ่งบางอย่างกำหนดทุกเหตุการณ์เอาไว้หมดแล้ว
ตั้งแต่จักรวาลเกิด BigBang จนถึงวันที่จักรวาลแตกดับเลย
หรือ
ตั้งแต่ชีวิตคน เกิดจนตาย นั้นแหละคับ
ทำให้ อนาคตถูกกำหนดไว้หมดแล้วไปด้วย
ที่นี้เราจะมาดูกันว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
และผมมี สมมุติฐาน หรือ แนวคิดหนึ่งจะนำเสนอให้ทุกคนฟังกันคับ
(ผมใช้คำว่า สมมุติฐาน นะคับ เพราะถ้าใช่คำว่า ทฤษฏี แสดงว่า มันเป็น Fact เรียบร้อยแล้ว เดียวคนที่ไม่เชื่อแนวคิดนี้ หรือ ชาววิทย์ เขาจะไม่พอใจกัน)
********************************************************************************************************************
สมมุติฐานผมมีอยู่ ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ วันที่จักรวาลถือกำเนิดขึ้นมา
สิ่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นจากความว่างเปล่า คือ Space-Time
และหลังจาก Space-Time ถูกสร้างขึ้นมา
สสารก็ถูกสร้างขึ้นตามมา
แต่เมื่อมีสสารเกิดขึ้น แม้เพียงแค่ อะตอม เดียว
ก็เกิดการทำปฏิกิริยาบ้างอย่างที่ทำให้เกิด อะตอม อีกตัวขึ้นมา
เมื่อมีอะตอมเกิน 2 ตัว
อะตอมตัวที่ 1 ย่อมมีผลกระทบต่ออะตอมตัวที่ 2 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งผลกระทบนี้ นักวิทย์ อย่าง Sir Isaac Newton เมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว
ค้นพบแค่ว่า มีผลกระทบต่อกันใน เรื่อง แรงกระทำต่อกัน เท่านั้น
และยุคต่อมา เริ่มมีนักวิทย์คนอื่น ค้นพบ ผลกระทบต่อกันของอะตอม ในเรื่องอื่นๆ
เช่น แรงทางไฟฟ้า / คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า / ... เป็นต้น
ตั้งแต่ยุคของ Sir Isaac Newton (ตามรูป) เมื่อ 300 กว่าปีก่อน
เขาก็เป็นคนแรกๆของโลกที่มีแนวคิดและเผยแพร่แนวคิดนี้
ที่ว่า อนาคตถูกกำหนดไว้แล้ทุกเหตุการณ์ในโลก
จากการสังเกตุการโคจรของดวงดาวที่หากเราสามารถรู้และคำนวณทุกตัวแปรของมันได้ เราจะสามารถทายอนาคตมันได้ 100%
ถามว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
เพราะคุณพี่นิวตัน เขาดันคิดว่า หากสามารถรู้และคำนวณทุกตัวแปรของสสารทั้งหมดที่มีอยู่ในจักรวาลแห่งนี้ได้
นั้นเท่ากับว่า สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า สสารที่ไม่มีชีวิตอย่าง อะตอม จะมีพฤติกรรมในอนาคตไปในทิศทางไหนได้บ้าง
หรือ พูดง่ายๆว่า พฤติกรรมของอะตอม ถูกกำหนดไว้แล้วจากพฤติของอะตอมในจักรวาลที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
แปลว่า พฤติกรรมในอดีตของทุกอะตอม สามารถกำหนด พฤติกรรมของทุกอะตอมในอนาคตด้วย
แต่ทุกคนคงไม่ได้ลืมอะไรไปอย่างหนึ่งใช่ไหมคับ
นั้นคือ วิทย์ในปัจจุบันก้าวล้ำจนค้นพบว่า
มนุษย์ เองก็ถูกควบคุมทั้ง อารมณ์ ความคิด นิสัย การตัดสินใจ และพฤติกรรม จากการเคลื่อนที่ของสารสื่อประสาทในสมองของตัวเองทุกคน
แล้วคุณว่า สารสื่อประสาท ประกอบไปด้วย อะตอม ไหมคับ
คำตอบ คือ ใช่คับ
มันประกอบไปด้วย อะตอม คับ
นั้นเท่ากับว่า สิ่งที่พี่นิวตัน ได้ทิ้งแนวคิดนี้ไว้ให้กับโลกนี้ก่อนเขาจะตายจากไป
คือ พฤติกรรมของอะตอมในอดีต สามารถกำหนด พฤติกรรมของอะตอมในอนาคตได้หมด ทุกอะตอม
แล้ว อะตอม เป็นส่วนประกอบของ สารสื่อประสาทในสมองของคน
ทำให้ สารสื่อประสารในสมองของคน ถูกกำหนดพฤติกรรมในอนาคตไว้หมดแล้วไปด้วย
และทำให้ พฤติกรรมของคนทุกๆด้าน ทั้ง อารมณ์ / ความคิด / นิสัย / การตัดสินใจ ในอนาคตจึงต้องถูกกำหนดไปด้วยโดยอัตโนมัติอย่างเลี่ยงไม่ได้
นั้นเท่ากับ Free Will ของคนเราไม่เคยมีอยู่จริงไปด้วยคับ
ในทุกๆการตัดสินใจทางเลือกในชีวิตของคนเรา และอนาคตถูกลิขิตไว้หมดแล้ว
ในขณะโลกฝั่งวิทยาศาสตร์ค้นพบ เรื่อง Free Will มาได้ขนาดนี้
โลกฝั่งโหราศาสตร์ ก็พยายามค้นพบเรื่องนี้ มาได้ไม่ต่างจากวิทย์เลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่เริ่มทำการค้นพบอะไรต่อมิอะไรมาก่อนหน้า วิทย์ เท่านั้นเอง
เมื่อเกิน 5000 ปีที่แล้ว โหราศาสตร์ ได้มีการเก็บสถิติ พฤติกรรม / อารมณ์ / นิสัย / ... / เหตุการณ์ในชีวิต ดี-ร้าย ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตคน
ผ่านทางการสังเกตุการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ทำให้โหราศาสตร์ ทรงพลังถึงระดับทายแม่นใกล้เคียง 100% และละเอียดหลายเรื่อง ได้มากขึ้นเรื่อยๆ หากผู้ใช้วิชานี้เก่งจริงๆนะคับ
นั้นเท่ากับว่า โหราศาสตร์ กำลังจะบอกเราว่า
การโคจรของดวงดาวบนท้องฟ้า มีผลต่อการกำหนด พฤติกรรม และ เหตุการณ์ต่างๆทั้ง ดี-ร้าย ในชีวิตของทุกคนได้นะ
ผ่านการแกะ รหัส เบาะแส ของการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ อะไรบ้างอย่าง
ตั้งแต่วันที่ทุกคนเกิดจนตาย (แบบภาพด้านบนมันเล่าเรื่อง)
เหมือนแนวคิดของนิวตันที่ไปมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมองของคนเลย
ซึ่งนั้นนำไปสู่แนวคิดและสมมุติฐานของผม
ถ้าชีวิตของคนเราถูกทั้งดวงดาวและอะตอม ลิขิตทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ตั้งแต่เกิดจนตาย ล่วงหน้าไว้แล้ว
และถูกลิขิตยันไปถึงสสารที่ไม่มีขีวิตทั้งจักรวาลได้
แสดงให้เห็นว่า เส้นเวลา หรือ ที่เราเรียกว่า Timeline
(รูปภาพด้านบน ภาพที่ 1-2 ตามลำดับ คือ ภาพ Timeline จากซี่รี่เรื่อง Loki ของ Marvel จะได้เห็นภาพกันได้ง่ายๆ)
1. Timeline เส้นเวลามีเพียงแค่ เส้นเวลาเดียว หรือ 1 เส้นเวลา เท่านั้น
แนวคิดนี้ตรงไปตรงมา คือ ตั้งแต่จักรวาลเกิด BigBang ยัน ดับสูญ รวมทั้งชีวิตคน ทุกชีวิต ทุกสสาร ถูกลิขิตไว้หมดแล้ว
ไม่มีทางมีอนาคตแบบอื่นได้
เช่น นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
นาย A ก็ต้องได้เข้าทำงานที่นี้เวลานี้ จะเป็นช่วงเวลาอื่น หรือ คนอื่น ไม่ได้
Story ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
(ภาพที่ 3 Timeline เส้นเวลาแตกกิ่งก้านสาขาออกไปจนกลายสภาพเป็นกิ่งของต้นไม้)
2. Timeline เส้นเวลามีตั้งแต่ 2 เส้นเวลา ขึ้นไป
แต่เกาะกลุ่มก้อนกัน ไม่แตกแขนงสาขาย่อย ออกไปไกลจนกลายเป็น กิ่งก้านต้นไม้ (ไม่เป็นแบบในภาพที่ 3 แต่เป็นแบบในภาพที่ 1)
อาจมีคน งง ว่า กลุ่มก้อน Timeline คืออะไร
มันคือ Timeline หรือ เส้นเวลา ที่เกิดเหตุการณ์ ดี-ร้าย ที่ใกล้เคียงกับ เส้นเวลาหลักใน Timeline ข้อ 1 คับ
และต้องมีความใกล้เคียงกับ เส้นเวลาที่ 2 3 4 ... ด้วย
เช่น
Timeline ที่ 1 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
Timeline ที่ 2 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 09.00 น.
Timeline ที่ 3 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 13.00 น.
แต่จะไม่มี Timeline แบบนี้เด็ดขาด
Timeline ที่ 4 : นาย A ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท B ณ วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
Timeline ที่ 5 : นาย A ไม่ได้เข้าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่บริษัท A แต่เป็น นาย B แทนที่ได้ทำงานที่นี้ ณ
วันที่ 23 ส.ค. 2568 เวลา 20.37 น.
จะเห็นว่า Timeline ที่ 4 5 เป็นเส้นเวลาที่แตกกิ่นก้านออกจาก เส้นเวลาหลัก Timline ที่ 1 และเส้นเวลา Timline กลุ้มก้อนย่อยที่ 2 3 คับ
เพราะงั้น Timeline ที่ 4 5 จึงเกิดเหตุการณ์แตกกิ่งก้านต้นไม้ ตามรูปภาพที่ 3 เรียบร้อยแล้วคับ ไม่ใช่ภาพที่ 1 2 แน่ๆ
และเมื่อการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะที่โหราศาสตร์ค้นพบ สามารถลิขิตชีวิตคนได้ขนาดนี้
คุณว่า แล้วอะตอมละ แท้จริงมันสามารถลิขิตชีวิตคนได้เหมือนที่ การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ ลิขิตชีวิตคนได้ไหมคับ ?
แต่ในสมมุติฐานของผม คิดว่า อะตอมทั้งหมดในจักรวาลเองจริงๆแล้วก็สามารถมีผลลิขิตชีวิตคนได้เหมือนกัน
เพราะดวงดาวในระบบสุริยะที่โหราศาสตร์ค้นพบ ก็ประกอบไปด้วยอะตอมจำนวนมากนะคับ อย่าลืมตรงนี้ด้วย
แต่ที่ โหราศาสตร์ ค้นพบแค่ว่า การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ มีผลกับชีวิตคนแค่นี้
เพราะศาสตร์การทำนายทุกศาสตร์ที่มนุษย์เราค้นพบและสร้างมันขึ้นมาบนโลก เรามักจะคำนวณจาก ตัวแปร ที่มีผลมากที่สุดเป็นหลักก่อนเสมอคับ
จึงไม่แปลกที่ โหราศาสตร์ Focus แค่ ดวงดาวในระบบสุริยะ
แล้วคุณคิดดูละกัน เกิดมีใครคนหนึ่งค้นพบ วิชาการทำนายชีวิตคน
จาก อะตอมทุกตัว ทุกดวงดาวในจักรวาล จะทายชีวิตคนได้มากขนาดไหน
ผมว่า ถึงตอนนั้น วิชานั้น จะสามารถทายดวงชะตาคนได้ 100% แบบไม่มีผิดพลาดได้เลยละคับ
เหมือนที่ นิวตัน เคยมีแนวคิดแบบนี้มาก่อน
หรือ ว่ามีสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ อะตอม เช่น สสารมืด (สมมุติฐานของวิทย์) / ... ก็มีผลต่อชีวิตคนด้วยละ
เอากลับไปคิดกันเอาเอง
แต่ผมว่า วิชาที่ว่านี้ ไม่มีคนไหนในโลกจะค้นพบมันได้จริงคับ
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ความสามารถและการรับรู้ของมนุษย์ จะสามารถรับรู้และเก็บขอมูลสถิติทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลได้คับ
แต่ผู้ที่จะค้นพบและได้วิชานั้นมาอยู่ในมือหรือจะเป็น
(รูปภาพตัวละคร He Who Remain จากซี่รี่ Loki หนัง Marvel)
หรือจะเป็นเขาคนนี้ดี He Who Remain จากซี่รี่ Loki
(รูปภาพตัวละคร ผู้สร้าง Matrix และ เทพพยากรณ์ จากหนัง The Matrix ตามลำดับ)
หรือจะเป็นเขาคนนี้ดี ผู้สร้าง Matrix และ เทพพยากรณ์ จากหนัง The Matrix ตามลำดับ
ซึ่งถ้าเป็นแนวคิด 2 เรื่องนี้ (Loki+Matrix) จะเป็นแนวคิดเดียวกับศาสนาเทวนิยม เช่น ศาสนาคริส / อิสลาม
หรือจะไม่มี พระเจ้า หรือ มนุษย์ หรือ สิ่งมีชีวิต ตนใดได้ครอบครองวิชาที่ทำนายชีวิตคนได้ทุกอย่าง 100% แบบที่ว่าไป
แต่เป็น สสารในจักรวาลนี้ละ ทำปฏิกิริยา มีผลกระทบต่อกันตั้งแต่ระดับอะตอม อดีตกำหนดอนาคต ไปเรื่อยๆไม่รู้จบ
ซึ่งถ้าเป็นแนวคิดนี้ จะเป็นแนวคิดเดียวกับศาสนาอเทวนิยม เช่น ศาสนาพุทธ
แล้วคุณละคับ คิดว่า ความเป็นจริงสิ่งที่ทั้งโหราศาสตร์และวิทย์ค้นพบ น่าจะไปในแนวคิดไหนมากที่สุด
แต่ที่แน่ๆ หากหมอดูเก่งๆ มืออาชีพมาอ่าน ทุกคนย่อมปฏิเสธ ความจริง เรื่อง การโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะ มีผลต่อชีวิตคน ไม่ได้แน่ๆ
ปล. ไม่ต้องหาว่า ผมเบียว จนหลุดโลก นะคับ
ถ้าผมไม่เล่าเชื่อมโยง หนัง ซี่รี่ 2 เรื่อง ยอดฮิตแบบนี้ ทุกคนคงยากที่จะเข้าใจตามได้