***นิทานชาดก : วัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ ว่าด้วยการทำให้เกิดความสุข***

นกคุ่มโพธิสัตว์  
วัฏฏกชาดก ว่าด้วย การทำให้เกิดความสุข


.....ในอดีตสมัยเมื่อพระองค์ ยังทรงเสวยพระชาติเป็น พญานกคุ้มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่า แคว้นมคธ .....




.....วันหนึ่งพ่อและแม่พญานกคุ้มพากันออกไปหาอาหาร ปล่อยให้ลูกนกคุ้มอยู่ในรังตามลำพัง.....



.....ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่า ปรากฏขึ้นมาจากทิศทั้ง ๔ รอบรังของลูกนกคุ้ม อยู่ห่างจากรัง ๑๖ กรีส หรือหนึ่งกิโลครึ่ง.....




.....ขณะนั้นลูกนกคุ้ม ได้รู้ตัวว่าตนตกอยู่ในวงรอบของไฟป่า จึงเหลียวหาบิดามารดา ก็ไม่เห็นลูกนกคุ้มจึงคิดว่า โดยปกติธรรมดาสัตว์ เมื่อตัวลูกมีภัยก็ต้องอาศัยพึ่งพิงพ่อแม่ แต่บัดนี้พ่อแม่เรามิได้อยู่เสียแล้ว เราคงจะต้องพึ่งพิงอิงอาศัยตัวเอง ลูกนกคุ้มนั้นจึงตั้งสัจจะวาจาว่า.....



....." คุณของศีลมีอยู่ คุณของธรรมมีอยู่ คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง ปีกทั้งสองข้างเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้ เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้มิได้อยู่กับเรานี้เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป ".....



.....ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐานของลูกนกคุ้ม ไฟป่าที่ไหม้มาทั้ง ๔ ทิศ ก็ดับลงโดยพลัน ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีเพลิงลุก แล้วจุ่มลงในน้ำฉะนั้น ไฟนั้นก็พลันดับไปในทันที องค์สมเด็จพระชินศรีจึงทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า แต่บัดนั้นจวบจนถึงกาลนี้ ไฟป่าก็มิอาจเผาไหม้เข้ามาถึงเขตนี้ได้อีกเลย ซึ่งมีอาณาเขตโดยรอบ ๑๖ กรีส โดยประมาณ ๑ กิโลครึ่ง.....



สาเหตุที่ตรัสชาดก


       .....สมัยหนึ่ง สมเด็จพระศาสดาเสด็จจาริกไปใน แว่นแคว้นมคธ เพื่อบิณฑบาตพร้อมด้วยพระสาวกตามเสด็จเป็นอันมาก ครั้นเสด็จกลับหลังจากทำภัตรกิจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาค พร้อมภิกษุสงฆ์เป็นอันมาก เสด็จเข้าไปทรงประทับเจริญสมณธรรมในป่าแห่งหนึ่ง ขณะนั้นได้บังเกิดไฟป่าขึ้นในทิศทั้งสี่ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายต่างพากันตื่นตระหนกตกใจ บ้างก็บอกว่าจะพากันไปช่วยดับไฟ บ้างก็บอกว่าเรามาช่วยกันจุดไฟเพื่อสกัดไฟกันดีกว่า

       .....ยังมีพระภิกษุผู้เป็นเถระบางรูป กล่าวเตือนขึ้นว่า พวกเราจะตระหนกตกใจไปไย พระบรมสุคตเจ้าทรงประทับอยู่ด้วยกับเราที่นี่ เราควรจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อให้พระองค์ทรงแนะนำเรื่องนี้จะดีกว่า

        .....ภิกษุทั้งหลายจึงพากันไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วทูลเรื่องไฟป่าให้พระบรมศาสดาทรงทราบ พระบรมสุคตเจ้าเมื่อทรงทราบ จึงได้ทรงเสด็จลุกขึ้นยืนทอดพระเนตรไฟในทิศทั้ง ๔ ในทันทีนั้นไฟป่าที่พระบรมสุคตเจ้า ทรงหันไปทอดพระเนตร ได้ดับไป ดุจดังบุคคลถือคบเพลิงที่มีไฟลุกอยู่ แล้วจุ่มลงไปในน้ำ ไฟนั้นได้ดับลงในฉับพลันฉันนั้น โดยรอบพื้นที่ ๑๖ กรีส หรือประมาณ ๑ กิโลครึ่ง

       .....ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้น จึงกล่าวสรรเสริญพุทธธานุภาพ ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าเป็นที่มหัศจรรย์ยิ่งนักองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงตรัสว่า การที่ไฟไหม้มาถึงภูมิประเทศนี้ โดยรอบ ๑๖ กรีส แล้วดับไปหาใช่พุทธานุภาพของพระองค์แต่ชาตินี้ไม่ ไฟป่าที่ไม่ มีชีวิตย่อมดับไปเพราะกำลังแห่งสัจจะวาจาของเราที่มีมาแล้วแต่อดีต


ประชุมชาดก


       .....ครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสชาดกจบลง ทรงแสดงอริยสัจ ๔ โดยอเนกปริยายไปตามลำดับ พระภิกษุรูปนั้นสามารถทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ได้เข้าถึงธรรมกายพระโสดา บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ณ ที่นั้นเอง
       .....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่า

ในพุทธกาลสมัย นกคุ้ม ได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
................................................................



ขอบคุณ     ภาพ  ป๋องแป๋ง /  ลงสี  มิ้น,ป๋องแป๋ง  http://www.kalyanamitra.org/th/chadok_detail.php?page=3445
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่