เมื่อก่อน เคยมองว่า คนที่คิดฆ่าตัวตาย เพราะความรัก คือคนที่โง่มาก ทำไมไม่คิดถึงคนรอบข้าง คิดถึงพ่อแม่...จนได้สัมผัสด้วยตัวเอง
ชีวิตเราก็เป็นเมื่อคนทั่วๆ ไป มีรักครั้งแรก เมื่อตอนมอปลาย เค้าคือรักแรก และรักเดี่ยวที่เรามี เรารักเค้ามาก ผ่านทุกข์ ผ่านวันที่เค้าไม่เหลืออะไร ผ่านวันที่เราไม่เหลืออะไรมาด้วยกัน เราคบกันเกือบ 10 ปี เรียกได้ว่า เค้าคือทุกอย่างในชีวิต
จนเมื่อเราจบมหาลัยและตัดสินใจมาเรียนต่อที่ออสเตรเรีย เราเรียนได้ไม่ถึงปี ก็กลับไทยไปรับปริญญา และกลับมาอีกรอบ รวมระยะเวลาประมานเกือบๆสองปี ที่เรามาอยู่ที่นี่ เราก็ติดต่อกันตลอด เรากลับไทยเราก็อยู่กับเค้าตลอด เมื่อกลับออสก็โทรหากันแทบทุกวัน บอกรัก และวางแผนอนาคตด้วยกันเสมอ
แล้ววันหนึ่ง วันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเราก็มาถึง เมื่อเราได้รู้ความจริง ว่า แฟนเรามี ผู้หญิงอีกคน และผูกข้อไม้ข้อมือกัน แล้วเอาผู้หญิงเข้าบ้าน ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่เรามาออสครั้งแรก
เหมือนโลกหยุดหมุน ความเจ็บปวดทุกอย่างประเดประดังเข้ามา เราร้องให้เมื่อคนบ้า เหมือนคนเสียสติ ไม่เป็นอันทำอะไร ไม่ไปเรียน ไม่ไปทำงาน ขังตัวเองอยู่กับคำถามว่า ทำไม ทำไม และทำไม เค้าถึงทำกับเราได้ และแล้วร่างกายก็ไม่ไหว ด้วยโรคประจำตัวที่มี และร่างกายที่อ่อนแอ เราซ็อกเข้าโรงบาล นอนให้น้ำเกลืออยู่สองวัน
พอออกจากโรงพยาบาลมา เราก็เหมือนเดิม ร้องให้ ฟูมฟาย ไม่เป็นอันทำอะไร แถมเพิ่มเติมคือ มอมเหล้าตัวเองให้เมาทุกคืน เพราะถ้าไม่เมา เราจะนอนไม่หลับ ซึ่งมันทำให้เรายิ่งทรมานมาก
และสุดท้าย เมื่อร่างกายรับไม่ไหว ก็ไปจบที่โรงบาลเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เหมือนมีสติมากขึ้น เมื่อหมอด่า แต่ก็ได้แปปเดี่ยว
วันที่ออกจากโรงบาลมา ก็มาอยู่อพาทเม้นของเพื่อน เรารู้สึกทรมานมาก ทรมานจนมันไม่ไหวแล้ว เราอยู่ชั้น 7 ของตึก อยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวสมอง เคยอ่านหนังสือพวกชันสูตรศพ จำไม่ได้ว่าใครเขียน แต่เนื้อหาประมาณว่า คนที่ฆ่าตัวตาย โดยการโดดตึก ถ้าเค้าตกจากชั้นแปดขึ้นไป เส้นเลือดที่ขั้วหัวใจจะฉีกขาด ทรมานมาก แต่ถ้าเราตกจากชั้นที่ต่ำกว่าชั้นสี่ มีโอกาศที่จะไม่ตาย (เนื้อหาหนังสือไม่รู้ว่าตรงหรือป่าวแต่ตอนนั้นคือ เราไม่ไหวแล้ว) เราอยู่ชั้น 7 เรารู้แค่ว่าเราไม่อยากจะเจ็บปวดแล้ว เรากำลังจะทำมัน!!!! แต่เพื่อนเกาหลีวิ่งเข้ามาหาถามว่า ยูกำลังทำอะไร เราก็เลยตอบเพื่อนไปว่า เราแค่เดินออกมาเฉยๆ
เหมือนพอเรามีความคิดแบบนั้น มันก็เริ่มกลับมาหาเราอีก เราทรมาน กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน เราแทบบ้า ห้องเราอยู่บนชั้น 62 ของตึก เราคิดแค่ว่า ถ้าเราลงไป เราคงไม่ทรมาน หรือเจ็บปวดที่โดนหักหลังแบบนี้อีกแล้ว สงสัย นรกคงไม่อยากต้อนรับเรา เมื่อเราปีนออกมาที่หน้าต่าง กระเป๋ากางเกงเราที่มีโทรสัพอยู่ ก็สั่นขึ้น เราคิดว่าเป็นเค้าที่โทรเข้ามา ก็คิดแค่ว่าก็ดี เค้าจะได้รู้ว่า เราจะไป
แต่มันกลับเป็นแม่เราที่โทรเข้ามา เรายิ่งใจสั่น แต่ก็พยายามคุยกับแม่เหมือนไม่มีอะไร แต่ครั้งนี้ เรารู้สึกตัวแล้ว ว่าสิ่งที่เราคิด มันแย่มากแค่ไหน
แต่ความคิดบ้าๆ มันก็ยังอยู่ในหัวเราตลอด ยิ่งถ้าเราดื่มเหล้าแต่เมาไม่มาก เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก เรายิ่งทรมาน
จนเที่ยงของวันหนึ่ง เราก็คิดจะทำร้ายตัวเองอีก แต่เหมือนเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนมีสองเสียงที่ตีกันอยู่ในสมองเหมือนคนบ้า
เราไม่รู้จะทำไงค้นหาเบอร์จิตเพทย์แล้วระบายออกไปทุกอย่างที่เราคิด พูดออกมา เค้าก็พยายามคุย ถามที่อยู่ ไม่เกินสิบนาที ตำรวจฝรั่งร่างยักษ์สี่คน ก็บุกมาที่ชั้น 62
ในตอนที่เค้าเข้ามาในห้อง เราไม่รู้สึกกลัวเลย เพราะความเจ็บปวดในใจเรามันมีมากกว่า เราถามว่า จะพาเราไปหาหมอไช่ไหม เค้าก็บอกว่าเดี่ยวพาไปหาหมอนะ เราหยิบแค่พาทสปอร์ตใบเดี่ยวมา และตำรวจก็ขอค้นตัว กลัวเราจะมีอะไรทำร้ายตัวเอง จากนั้นเราก็ขึ้นรถไปโรงพยาบาลบ้ากับตำรวจ
วันนั้นเราก็ได้นอนโรงบาลบ้าสมใจ เพราะหมอกลัวเราจะทำร้ายตัวเองอีก เลยให้อยู่ที่โรงบาลเฉยๆ คืนหนึ่ง ก็ได้แต่คิดว่า จะตายก็ยังทำให้ชาวบ้านเค้าลำบาก
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เราก็ยังต้องไปพบจิตเพทย์อยู่เสมอ กินยาอยู่เสมอ ทีมเพทย์ที่นี่เค้าดีค่ะ โทรหาเราทุกวัน สอบถามอาการตลอด และเราก็คุยกับ สายด่วนสุขภาพจิตของไทยตลอดค่ะ แต่คุยผ่านเพจ เพราะโทรข้ามประเทศไม่ได้
ถามว่าอาการเราดีขึ้นไหม เรื่องทำร้ายตัวเองก็ดีขึ้น แต่ความเจ็บปวด เราก็ยังเจ็บอยู่ตลอด ร้องให้ทุกครั้งที่นึกถึง แต่เรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เราแข็มแข็งขึ้นได้ นั้นคือ ครอบครัวค่ะ เมื่อแม่เรารู้ว่าเราอกหัก แม่อยู่ข้างๆ เราเสมอ เวลาของที่ไทย และที่นี่ต่างกัน เมื่อเราตื่น แล้วร้องให้ เราจะโทรหาแม่ตลอด แต่มันเช้ามากที่ไทย แต่แม่ก็ตื่นมาคุย จนแม่เริ่มเวียนหัว หน้ามืด เมื่อน้องมาบอกถึงได้รู้
เราแย่มาก นอกจากเราจะทำร้ายตัวเอง เรายัง ทำร้ายแม่เราด้วย แต่แม่ยังไม่รู้เรื่องที่เราจะทำร้ายตัวเอง และเรื่องที่เราเข้าโรงพยาบาล
วันที่เราร้องให้หนักๆ เราโทรหาแม่
แม่ได้แต่บอก กลับมาหาแม่นะ ถ้าหนูไม่อยากเจอเค้า เราย้ายบ้านกัน (บ้านเราไกล้ที่ทำงานเค้า) ย้ายไปทำไร่ทำสวนที่ต่างจังหวัดกัน มี พ่อ แม่ ลูก เราแย่มากค่ะ เรายิ่งร้องหนัก แม่ก็ร้องตามจนสะอื้น เราเป็นลูกที่เลวมาก
ทุกวันนี้ เราก็ยังเจ็บปวด ร้องให้ตลอดตอนตื่นนอน ก่อนนอน
แต่เราก็นึกถึงครอบครัวมากขึ้น
เรารู้ค่ะว่าสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเราที่ทำร้ายตัวเราเอง ก็คงต้องเตือนตัวเอง และตั้งสติให้มากขึ้น
ที่เราเขียนเรื่องนี้ขึ้น เราแค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนที่กำลัง นอกใจแฟนค่ะ อยากให้คุณรู้ว่า คุณทำร้ายคนๆ หนึ่งมากแค่ไหน กับคำว่ารัก ที่เค้าโง่ เค้าเชื่อใจ เค้าเชื่อในคำโกหกของคุณ ไม่ไช่เค้าโง่นะค่ะ เค้ารักค่ะ ถึงได้เชื่อ
สิ่งที่คุณทำผิดไป แม้คุณอยากจะกลับมาแค่ไหน อยากทำให้เหมือนเดิมแค่ไหน แต่เชื่อเถอะค่ะ มันไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน แถมมันยังสร้างตราบาปให้อีกฝ่ายไปตลอดชีวิต
แก้วที่ร้าวไปแล้ว โดนแรงกระทบไม่มาก มันก็แตก
เราเชื่อค่ะ ว่าคนเจ้าชู้ สุดท้ายแล้ว เค้าจะไม่เหลือใคร
ฝากถึงคนที่เป็นมือที่สามของความรัก...
คุณคิดว่ามันเป็นความสุขที่แท้จริงไหม กับการที่รู้ว่า คนที่รัก มีใครอีกคนตลอด
ทุกๆ คนคู่ควรกับความรักที่ดีนะค่ะ ค้นหามันให้เจอค่ะ อย่าไปเป็นเหยื่อของความเจ้าชู้ใครเลย
หรือถ้าคุณรู้อยู่แก่ใจแล้ว แต่ยังทำ คุณคิดนะค่ะ ว่าเค้ามีคนรักอยู่แล้ว ยังทำได้ ถ้าสักวันหนึ่ง คุณได้เค้าไป แล้วคิดไหมค่ะ ว่าเค้าจะไม่ทำอีก
สุดท้ายแล้ว เราอโหสิค่ะ
อโหสิให้กับความเจ้าชู้หลายใจที่เค้ามี
อโหสิให้กับอีกฝ่ายที่รู้ตลอดว่าเค้ามีเรา แต่ยังทำ
อโหสิให้กับทุกคนที่ช่วยเค้าปิดบังเรา
ขออโหสิที่ทำให้สุดท้ายแล้ว เธอและเขา ไม่ได้เดินไปด้วยกัน
ขอให้ชาตินี้ เราอย่าได้เจอกับความเจ็บปวดแบบนี้อีกเลย
Sent from my iPhone
เมื่อฉันคิดฆ่าตัวตาย...ที่ออสเตรเลีย
ชีวิตเราก็เป็นเมื่อคนทั่วๆ ไป มีรักครั้งแรก เมื่อตอนมอปลาย เค้าคือรักแรก และรักเดี่ยวที่เรามี เรารักเค้ามาก ผ่านทุกข์ ผ่านวันที่เค้าไม่เหลืออะไร ผ่านวันที่เราไม่เหลืออะไรมาด้วยกัน เราคบกันเกือบ 10 ปี เรียกได้ว่า เค้าคือทุกอย่างในชีวิต
จนเมื่อเราจบมหาลัยและตัดสินใจมาเรียนต่อที่ออสเตรเรีย เราเรียนได้ไม่ถึงปี ก็กลับไทยไปรับปริญญา และกลับมาอีกรอบ รวมระยะเวลาประมานเกือบๆสองปี ที่เรามาอยู่ที่นี่ เราก็ติดต่อกันตลอด เรากลับไทยเราก็อยู่กับเค้าตลอด เมื่อกลับออสก็โทรหากันแทบทุกวัน บอกรัก และวางแผนอนาคตด้วยกันเสมอ
แล้ววันหนึ่ง วันที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตของเราก็มาถึง เมื่อเราได้รู้ความจริง ว่า แฟนเรามี ผู้หญิงอีกคน และผูกข้อไม้ข้อมือกัน แล้วเอาผู้หญิงเข้าบ้าน ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่เรามาออสครั้งแรก
เหมือนโลกหยุดหมุน ความเจ็บปวดทุกอย่างประเดประดังเข้ามา เราร้องให้เมื่อคนบ้า เหมือนคนเสียสติ ไม่เป็นอันทำอะไร ไม่ไปเรียน ไม่ไปทำงาน ขังตัวเองอยู่กับคำถามว่า ทำไม ทำไม และทำไม เค้าถึงทำกับเราได้ และแล้วร่างกายก็ไม่ไหว ด้วยโรคประจำตัวที่มี และร่างกายที่อ่อนแอ เราซ็อกเข้าโรงบาล นอนให้น้ำเกลืออยู่สองวัน
พอออกจากโรงพยาบาลมา เราก็เหมือนเดิม ร้องให้ ฟูมฟาย ไม่เป็นอันทำอะไร แถมเพิ่มเติมคือ มอมเหล้าตัวเองให้เมาทุกคืน เพราะถ้าไม่เมา เราจะนอนไม่หลับ ซึ่งมันทำให้เรายิ่งทรมานมาก
และสุดท้าย เมื่อร่างกายรับไม่ไหว ก็ไปจบที่โรงบาลเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เหมือนมีสติมากขึ้น เมื่อหมอด่า แต่ก็ได้แปปเดี่ยว
วันที่ออกจากโรงบาลมา ก็มาอยู่อพาทเม้นของเพื่อน เรารู้สึกทรมานมาก ทรมานจนมันไม่ไหวแล้ว เราอยู่ชั้น 7 ของตึก อยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวสมอง เคยอ่านหนังสือพวกชันสูตรศพ จำไม่ได้ว่าใครเขียน แต่เนื้อหาประมาณว่า คนที่ฆ่าตัวตาย โดยการโดดตึก ถ้าเค้าตกจากชั้นแปดขึ้นไป เส้นเลือดที่ขั้วหัวใจจะฉีกขาด ทรมานมาก แต่ถ้าเราตกจากชั้นที่ต่ำกว่าชั้นสี่ มีโอกาศที่จะไม่ตาย (เนื้อหาหนังสือไม่รู้ว่าตรงหรือป่าวแต่ตอนนั้นคือ เราไม่ไหวแล้ว) เราอยู่ชั้น 7 เรารู้แค่ว่าเราไม่อยากจะเจ็บปวดแล้ว เรากำลังจะทำมัน!!!! แต่เพื่อนเกาหลีวิ่งเข้ามาหาถามว่า ยูกำลังทำอะไร เราก็เลยตอบเพื่อนไปว่า เราแค่เดินออกมาเฉยๆ
เหมือนพอเรามีความคิดแบบนั้น มันก็เริ่มกลับมาหาเราอีก เราทรมาน กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน เราแทบบ้า ห้องเราอยู่บนชั้น 62 ของตึก เราคิดแค่ว่า ถ้าเราลงไป เราคงไม่ทรมาน หรือเจ็บปวดที่โดนหักหลังแบบนี้อีกแล้ว สงสัย นรกคงไม่อยากต้อนรับเรา เมื่อเราปีนออกมาที่หน้าต่าง กระเป๋ากางเกงเราที่มีโทรสัพอยู่ ก็สั่นขึ้น เราคิดว่าเป็นเค้าที่โทรเข้ามา ก็คิดแค่ว่าก็ดี เค้าจะได้รู้ว่า เราจะไป
แต่มันกลับเป็นแม่เราที่โทรเข้ามา เรายิ่งใจสั่น แต่ก็พยายามคุยกับแม่เหมือนไม่มีอะไร แต่ครั้งนี้ เรารู้สึกตัวแล้ว ว่าสิ่งที่เราคิด มันแย่มากแค่ไหน
แต่ความคิดบ้าๆ มันก็ยังอยู่ในหัวเราตลอด ยิ่งถ้าเราดื่มเหล้าแต่เมาไม่มาก เมื่อตื่นขึ้นมากลางดึก เรายิ่งทรมาน
จนเที่ยงของวันหนึ่ง เราก็คิดจะทำร้ายตัวเองอีก แต่เหมือนเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนมีสองเสียงที่ตีกันอยู่ในสมองเหมือนคนบ้า
เราไม่รู้จะทำไงค้นหาเบอร์จิตเพทย์แล้วระบายออกไปทุกอย่างที่เราคิด พูดออกมา เค้าก็พยายามคุย ถามที่อยู่ ไม่เกินสิบนาที ตำรวจฝรั่งร่างยักษ์สี่คน ก็บุกมาที่ชั้น 62
ในตอนที่เค้าเข้ามาในห้อง เราไม่รู้สึกกลัวเลย เพราะความเจ็บปวดในใจเรามันมีมากกว่า เราถามว่า จะพาเราไปหาหมอไช่ไหม เค้าก็บอกว่าเดี่ยวพาไปหาหมอนะ เราหยิบแค่พาทสปอร์ตใบเดี่ยวมา และตำรวจก็ขอค้นตัว กลัวเราจะมีอะไรทำร้ายตัวเอง จากนั้นเราก็ขึ้นรถไปโรงพยาบาลบ้ากับตำรวจ
วันนั้นเราก็ได้นอนโรงบาลบ้าสมใจ เพราะหมอกลัวเราจะทำร้ายตัวเองอีก เลยให้อยู่ที่โรงบาลเฉยๆ คืนหนึ่ง ก็ได้แต่คิดว่า จะตายก็ยังทำให้ชาวบ้านเค้าลำบาก
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เราก็ยังต้องไปพบจิตเพทย์อยู่เสมอ กินยาอยู่เสมอ ทีมเพทย์ที่นี่เค้าดีค่ะ โทรหาเราทุกวัน สอบถามอาการตลอด และเราก็คุยกับ สายด่วนสุขภาพจิตของไทยตลอดค่ะ แต่คุยผ่านเพจ เพราะโทรข้ามประเทศไม่ได้
ถามว่าอาการเราดีขึ้นไหม เรื่องทำร้ายตัวเองก็ดีขึ้น แต่ความเจ็บปวด เราก็ยังเจ็บอยู่ตลอด ร้องให้ทุกครั้งที่นึกถึง แต่เรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้เราแข็มแข็งขึ้นได้ นั้นคือ ครอบครัวค่ะ เมื่อแม่เรารู้ว่าเราอกหัก แม่อยู่ข้างๆ เราเสมอ เวลาของที่ไทย และที่นี่ต่างกัน เมื่อเราตื่น แล้วร้องให้ เราจะโทรหาแม่ตลอด แต่มันเช้ามากที่ไทย แต่แม่ก็ตื่นมาคุย จนแม่เริ่มเวียนหัว หน้ามืด เมื่อน้องมาบอกถึงได้รู้
เราแย่มาก นอกจากเราจะทำร้ายตัวเอง เรายัง ทำร้ายแม่เราด้วย แต่แม่ยังไม่รู้เรื่องที่เราจะทำร้ายตัวเอง และเรื่องที่เราเข้าโรงพยาบาล
วันที่เราร้องให้หนักๆ เราโทรหาแม่
แม่ได้แต่บอก กลับมาหาแม่นะ ถ้าหนูไม่อยากเจอเค้า เราย้ายบ้านกัน (บ้านเราไกล้ที่ทำงานเค้า) ย้ายไปทำไร่ทำสวนที่ต่างจังหวัดกัน มี พ่อ แม่ ลูก เราแย่มากค่ะ เรายิ่งร้องหนัก แม่ก็ร้องตามจนสะอื้น เราเป็นลูกที่เลวมาก
ทุกวันนี้ เราก็ยังเจ็บปวด ร้องให้ตลอดตอนตื่นนอน ก่อนนอน
แต่เราก็นึกถึงครอบครัวมากขึ้น
เรารู้ค่ะว่าสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเราที่ทำร้ายตัวเราเอง ก็คงต้องเตือนตัวเอง และตั้งสติให้มากขึ้น
ที่เราเขียนเรื่องนี้ขึ้น เราแค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนที่กำลัง นอกใจแฟนค่ะ อยากให้คุณรู้ว่า คุณทำร้ายคนๆ หนึ่งมากแค่ไหน กับคำว่ารัก ที่เค้าโง่ เค้าเชื่อใจ เค้าเชื่อในคำโกหกของคุณ ไม่ไช่เค้าโง่นะค่ะ เค้ารักค่ะ ถึงได้เชื่อ
สิ่งที่คุณทำผิดไป แม้คุณอยากจะกลับมาแค่ไหน อยากทำให้เหมือนเดิมแค่ไหน แต่เชื่อเถอะค่ะ มันไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน แถมมันยังสร้างตราบาปให้อีกฝ่ายไปตลอดชีวิต
แก้วที่ร้าวไปแล้ว โดนแรงกระทบไม่มาก มันก็แตก
เราเชื่อค่ะ ว่าคนเจ้าชู้ สุดท้ายแล้ว เค้าจะไม่เหลือใคร
ฝากถึงคนที่เป็นมือที่สามของความรัก...
คุณคิดว่ามันเป็นความสุขที่แท้จริงไหม กับการที่รู้ว่า คนที่รัก มีใครอีกคนตลอด
ทุกๆ คนคู่ควรกับความรักที่ดีนะค่ะ ค้นหามันให้เจอค่ะ อย่าไปเป็นเหยื่อของความเจ้าชู้ใครเลย
หรือถ้าคุณรู้อยู่แก่ใจแล้ว แต่ยังทำ คุณคิดนะค่ะ ว่าเค้ามีคนรักอยู่แล้ว ยังทำได้ ถ้าสักวันหนึ่ง คุณได้เค้าไป แล้วคิดไหมค่ะ ว่าเค้าจะไม่ทำอีก
สุดท้ายแล้ว เราอโหสิค่ะ
อโหสิให้กับความเจ้าชู้หลายใจที่เค้ามี
อโหสิให้กับอีกฝ่ายที่รู้ตลอดว่าเค้ามีเรา แต่ยังทำ
อโหสิให้กับทุกคนที่ช่วยเค้าปิดบังเรา
ขออโหสิที่ทำให้สุดท้ายแล้ว เธอและเขา ไม่ได้เดินไปด้วยกัน
ขอให้ชาตินี้ เราอย่าได้เจอกับความเจ็บปวดแบบนี้อีกเลย
Sent from my iPhone