สติ สตางค์ : "ทบทวน" และ "พรหมวิหาร 4"


เราเอง ... ที่ฟังไม่ได้สับ แล้วจับไปกระเดียด
เราเอง ... ที่ไม่ถามไถ่ให้ได้ความ แล้วเอาไปตีโพยตีพาย
เราเอง ... ที่อนุญาตให้อารมณ์ (ไม่พอใจ) สิงร่างจนมือเย็นเฉียบ แต่ใจนี่ร้อนระอุเลยจุดเดือด
เราเอง .... ที่เอาใจไปเก็บคำที่คนแค่พูดไปเรื่อย มาใส่ใจ
เราเอง ... ที่ไปส่อแส่เรื่องของคนอื่น
โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอให้ช่วยเหลือ
เราเอง ... ที่เข้าไปวอแว โดยไม่แลตาม้าตาเรือ
เราเอง ... ที่ใจยังไม่กว้างเหลือเฟือ ที่จะเผื่อน้ำใจให้คนอื่นจริง ๆ
เราเอง ... ที่ยังไม่ดีพอกับสิ่งตอบแทนที่ได้รับ
เราเอง ... ที่ร้องขอทั้งที่ยังไม่มีคุณค่าคู่ควร
เราเอง ... ที่เป็นต้นเหตุในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะสุข เศร้า เสียใจ ไม่พอใจ ทุกข์ยาก หรือร่ำรวย

เหนื่อย สับสน หรือรู้สึกไม่พอ (ไม่พอใจ / ไม่พอเพียง) กับทุกสิ่ง ปิดประตูห้อง ปิดวาจา แล้วเปิดใจ ... โอย ตาย ๆๆ เมื่อคนพบว่าเราเป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง ไม่มีเหตุผลอะไรจะแก้ตัว ทำได้ดีที่สุด คือ “ให้อภัย” ตัวเองนะเพราะตัวเราเป็นต้นเหตุ ไม่ใช่ใครเลย

ที่ว่ากล่าวหาว่า ก็เพราะเธอทำแบบนั้น ฉันถึงเป็นแบบนี้ ก็เพราะเธอไม่ทำอย่างนั้น ฉันถึงเป็นแบบนี้ ก็เพราะเธอเป็นแบบนั้น แล้วจะให้ฉันเป็นแบบไหนล่ะ
ก็เพราะ เธอ เธอ เธอ หรือเขาคนโน้นคนนี้ ... พอมีสติดี ๆ ก็ ... ก็เพราะตรูทั้งนั้นถึงขั้นขวัญผวาเพราะตัวเองเลยทีเดียวเชียว

ให้อภัยตัวเองแล้วยังไงต่อ เอาล่ะ ปัญญาพอจะมี พอจะนึกได้ ขอยึดถือเอา #ธรรมะ #พรหมวิหาร 4 ของ #พระพุทธเจ้า เป็นที่ตั้ง

#เมตตา คือ มีความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นเป็นสุข เวลานี้ พี่ต้องเมตตาตัวเองอย่างแรงกล้า “ปรารถนาอยากให้ตัวเองเป็นสุข” เพราะถ้าพี่ (เรา) สุข คนอื่นก็สุขด้วยอยู่แล้ว

#กรุณา คือ ความคิดช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ เวลานี้ “พี่ต้องช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์อย่างจริงจัง” เพราะถ้าพี่ (เรา) พ้นทุกข์ คนรอบข้างก็พ้น

#มุฑิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นมีสุข มีจิตใจผ่องใสเบิกบานอยู่เสมอ เวลานี้และตลอดไปพี่ต้องมีสติที่จะประคับประคองให้ตัวเองผ่องใสเบิกบานอยู่เสมอ ด้วยความยินดีที่จะให้ตัวเองมีความสุข ฟังดูแปลก ๆ นะ ใครบ้างจะไม่อยากมีความสุข แต่ลองสังเกตดูสิ หลายคนอายที่จะแสดงออกถึงการมีความสุขแต่พี่ไม่อาย (พูดเลย) เพราะเมื่อพี่ (เรา) ยินดีในสุข พี่ (เรา) ก็จะเบิกบานผ่องใสและทุกคนรอบข้างพี่ (เรา) ก็จะเบิกบานผ่องใสด้วยแน่นอนอยู่แล้ว

#อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง มีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรม ไม่เอนเอียงไปตามอารมณ์ ข้อนี้ยากจริงจังนะ แต่พี่เชื่อว่าพี่ Can do เพราะเมื่อมนุษย์ปรารถนาอะไรสักอย่างแล้วล่ะก็มนุษย์ก็จะทำได้ ใครคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ (จำไม่ได้ว่าใคร แต่เชื่อเข้าไปแล้ว เพราะมีตัวอย่างมากมาย เช่น เหล็กบินได้ (เครื่องบิน) แสงสว่างตอนกลางคืน (หลอดไฟฟ้า) พูดคุยผ่านอากาศ (โทรศัพท์)) และก็อะไรอีก บลา บลา บลา ... พอแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวจะฟุ้งจบไม่ลง

เอาล่ะ สรุปว่า ... เมื่อปิดวาจา แล้วเปิดใจทบทวน พี่ก็ค้นพบว่า ต้นเหตุของอารมณ์ไม่พอใจทั้งหมด คือ ใจเรา แล้วเมื่อความไม่พอใจยังค้างคาอยู่ที่ใจ มันเป็นเรื่องที่ชีวิตไม่ควรจะรับไว้ ดังนั้น “ให้อภัยตัวเอง” ซะ และเพื่อให้ได้ผลดีต่อชีวิตในขั้นกว่า ก็ยึดถือ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา เป็นที่ตั้ง แล้วชีวิตก็จะสงบสุข สำหรับพี่ขออธิษฐานให้ไปจนถึงขั้น Peace of Mind (ความสงบในใจ) ... สาธุ
...
สติมาปัญญาเกิด สติบรรเจิด สตางค์ก็มากมาย
สติกับสตางค์เป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะไปมันหรือไปสงบ เรื่องจะจบได้ก็ต้องใช้สตางค์
...
หมายเหตุ : ไม่มีเจตนาจะกล่าวสอน มีเจตนาเพียงแค่ ฝึกคิดดี ฝึกพูดดี ฝึกทำดี เพื่อที่จะเป็นคนดีของโลก
อุ่น ปารมิตา ชูเกียรติมั่น
...
ขอบคุณภาพจาก pixabay
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่