นี่คงเป็นเหตุผลที่ผม . . .ไม่อยากกลับบ้าน อยากแชร์ให้พ่อแม่ที่กำลังมีลูกน้อย ได้อ่าน

ผมรู้สึกว่ามันกำลังเป็นปัญหากับชีวิตและความรู้สึกของผมเรื่อยๆ ทำไมผมถึงไม่อยากกลับ  ผมก็ตอบไม่ได้แน่ชัดเหมือนกันว่าทำไม
เวลามีวันหยุดยาวๆ เห็นคนอื่นๆตื่นเต้นอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่สำหรับผม ไม่เลย
ทั้งๆที่ผมก็มี พ่อ แม่(เลี้ยง) น้องชาย(คนละแม่) ยาย(แม่ของแม่เลี้ยง) อยู่ที่นั่น แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกผูกพันกับครอบครัวและบ้าน

ที่แน่ใจเรื่องนึงและคือสิ่งที่ผมอยากจะเล่าคือ ผมมีปัญหาซึ่งเกิดจากปมในวัยเด็ก ผมไม่ได้อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อไปทำงาน
ตปท ตั้งแต่ผมอายุได้ 2 เดือน ผมต้องอยู่กับแม่ ซึ่งแม่ก็ติดการพนัน บางครั้งผมก็อยู่คนเดียว เล่นคนเดียวหรือกับเพื่อน กินบ้างอดบ้าง
ไปตามประสาเด็ก เพราะแม่ไม่ได้เฝ้าตลอดเวลา ปีถึงสองปีจะเจอพ่อครั้งนึง ซึ่งความผูกพันน้อยมาก แต่รู้อยู่ว่าเขาคือพ่อ
จนอายุ 9 ขวบ พ่อกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ก็ส่งผมไปอยู่กับอา ให้อาเลี้ยงอีก 3 ปี ซึ่งผมก็ถูกเอาเปรียบจากเมียของอาและลูกพี่ลูกน้อง
ช่วงนั้นคือช่วงที่พ่อแม่ผมเลิกกัน ผมจบ ป.6 ผมต้องย้ายไปอยู่กับพ่อ ซึ่งผมไม่สนิท กับครอบครัวใหม่ของเขา ผมปรับตัวไม่ค่อยได้
และเริ่มเป็นเด็กเก็บตัว พออยู่ ม.1 ก็ต้องเริ่มช่วยเหลือตัวเอง ซักผ้า รีดผ้า และทำงานบ้านแทบทุกอย่าง หุงข้าว ทำกับข้าวบางอย่าง
ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้-ผักสวนครัว เสาร์-อาทิตย์ ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ต้องขุดดินยกร่องผักเพิ่ม ผสมปุ๋ย ถางหญ้า
ทำไม่ดีเท่าที่เขาพอใจก็โดนด่า โดนตี เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มโตเป็นวัยรุ่น 16-18 ก็ยังคงทำแบบนี้ แต่กติกาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เช่น เลิกเรียนต้องกลับบ้านไม่เกิน 5 โมงเย็น งานบ้านต้องทำให้ครบทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ต้องอยู่บ้าน จะไปไหนต้องขอและกลับ
ตรงเวลา ถ้าสายโดนด่า โดนตี บทลงโทษยิ่งรุนแรงขึ้น จากตีก้น ตีจนแตก มาตีน่อง ตีจนแตก มาตีหัว ตีจนโน มาตบ มาเตะ มาต่อย
เวลาพ่อผมด่า ก็ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดูถูก เหยียดหยาม ทุกอย่างครับ อะไรที่คุณคิดว่าหยาบที่สุดในชีวิตที่คุณได้ยินมา นั่นแหล่ะ
ครับ เขาใช้ด่าผม (แม่ผมเสียด้วยโรคมะเร็งตอน ม.3 ผมใจสลายเลย แม่คือคนที่ผมสนิทที่สุด รักมากที่สุด ความรู้สึกตอนนั้น เหมือน
ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ) เขาด่าพาลไปถึงแม่ ว่าสันดานแบบนี้เพราะเชื้อแม่เมิง คงไม่มีอะไรเจ็บไปกว่านี้แล้ว เขาด่าเหมือนผมไม่ใช่ลูก
แล้วเขาก็เคยพูดด้วยว่า "เมิงเป็นลูกกุจริงๆรึเปล่าก็ไม่รู้" ประโยคนี้มันเหมือนมีดปักที่หัวใจผมเลย ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง ซึมเศร้า บ้านหลัง
นี้ ไม่มีคำว่าความสุขสำหรับผมเลย ผมไม่กล้าพูดด้วยซ้ำว่า นี่บ้านของผม มันไม่ใช่ที่ของผม ผมคือเสนียด อย่างที่พ่อเคยบอก

ตั้งแต่ ม.ปลาย การเรียนผมตกลงเรื่อยๆ จากที่เคยอยู่ห้องคิง ผมมั่นใจว่าผมเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีมาตลอด เพราะผมเคยใฝ่ฝันว่า
อยากจะเป็นนักการฑูต อยากทำงานต่างประเทศ อยากเอนฯเข้าคณะนี้ มหาวิทยาลัยนี้ ต้องทำให้ได้นะ แต่ผมกลับฝันสลาย การเรียน
ของผมตกฮวบเลยครับ จาก 3.5 -3.7 มาตกต่ำสุดคือ 1.09 ตอนจบม.6 ผมไม่มีสิทธิ์ได้โควต้าอะไรเลย เห็นเพื่อนที่เคยเรียนดีมาคู่กันๆ
ได้ที่เรียนดีๆทั้งนั้น ผมรู้สึกผิดหวัง ชีวิตผมพัง อะไรที่ฝันไว้ มันพังครืนลงมาหมด ผมอยากฆ่าตัวตาย ผมนอนร้องไห้ทุกคืน ผมคิดถึงแม่
ทุกคืน ผมภาวนาแทบทุกคืนว่า ขอให้แม่มาเข้าฝัน มาหา มายังไงก็ได้ มาเอาผมไปอยู่ก็ได้ เพ้อแบบลมๆแล้งๆ เพราะอยากใกล้ชิดแม่ให้มากที่สุด

ผมลืมบอกไปครับ ตอนแม่ผมเสีย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ เพราะแม่สั่งเสียญาติว่าไม่ให้บอก กลัวผมไม่เป็นอันทำอะไร เพราะตอนที่แม่ป่วย
เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ผมกำลังจะบวชภาคฤดูร้อน เราได้โทรคุยกัน ผมบอกผมกำลังจะบวชเณรนะ จู่ๆแม่ก็ร้องไห้ เกิดมาผม
ไม่เคยเห็นหรือได้ยินแม่ร้องไห้ ผมงงมาก แล้วแม่ก็บอกว่า ดีแล้ว บวชเถอะลูก ตั้งใจล่ะ ผมไม่อยากจะเชื่อว่า นั่นคือประโยค
สุดท้ายที่ผมได้ยินจากแม่ หลังจากนั้นหลายเดือนผมฝันว่าแม่เสีย ผมตกใจตื่นและกลัวมาก และไม่กี่อาทิตย์ น้าสาวโทรมาหา
พ่อและบอกว่า แม่ผมเสียแล้ว เสียนานแล้ว อยากให้ผมไปไหว้แม่ ผมอยากบอกว่า ตอนผมเห็นรูปแม่ ผมอยากตายไปเสียตรงนั้น
ผมร้องไห้จนอยากควักลูกตาออกมา ใจผมสลายไม่มีชิ้นดี ทำไมมันต้องเกิดเรื่องอะไรแบบนี้กับผม ผมไม่ได้มาแม้แต่งานศพ
แม่ตัวเอง ผมไม่มีโอกาสกอดแม่ครั้งสุดท้าย ผมยังไม่ได้บอกรักแม่จริงๆเลย ทำไมๆๆๆๆๆๆ ผมเกลียดทุกคน เกลียดๆๆๆๆ
เกลียดตัวเองด้วยครับ เกลียดชีวิตบัดซบแบบนี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการเรียนผมเริ่มตก มีอาการซึมเศร้า อยากฆ่าตัวตาย
แล้วยิ่งเวลาทะเลาะกับพ่อ (จริงๆผมไม่เคยตอบโต้อะไรพ่อเลยนะครับ เขาด่าก็ยืนฟังนิ่งๆ รับมือรับเท้าไป เหมือนในใจ
คิดว่า พ่ออยากทำอะไรก็เอาเลย เต็มที่) และสุดท้ายพ่อก็ต้องวนมาเรื่องแม่ มาโทษแม่ มาด่าแม่ ทั้งๆที่แม่ตายไปแล้ว
ก็เห็นว่าเราเสียใจทั้งคู่ ทุกวันนี้ 21 ปีแล้ว ที่แม่จากผมไป เวลาผมคิดถึงแม่ ผมก็ยังร้องไห้เหมือนเด็กอยู่เลย
(ตอนที่ผมพิมพ์อยู่นี่ ก็กำลังร้องไห้อยู่นะ)

หลังจากจบ ม.6 ไปเรียนที่กรุงเทพ พ่อก็ตามมาเอาเรื่องผมอีก กับความผิดเล็กๆน้อยๆ คือผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความผิด
เพราะผมเก็บเงินซื้อหนังสือศิลปินนักร้องต่างประเทศมาอ่าน เก็บเงินเอง แต่พ่อไม่ชอบ แล้วก็เจอหนังสือเกย์ (ผมเป็นเกย์
จริงๆไม่ได้เกี่ยวกับพ่อนะ ผมรู้สึกชอบผู้ชายมาตั้งแต่จำความได้แล้ว เคยถูก abuse ตอน 4-5 ขวบด้วย คนงานที่ร้านอา
เอาอวัยวะเพศของเขาใส่ปากผม ผมกลัวมาก แต่ไม่กล้าบอกใคร แต่เขาก็ไม่กล้าทำอีกนะ คงกลัวผมเอาไปบอกอา จนลาออกไป
ก็ถือว่าโชคดีสำหรับผมส่วนนึง) พ่อก็โมโหมาก เอาสันหนังสือตบหน้า ตีหัวผม แล้วก็ประจานทั้งบ้านเลย ว่าผมเป็นพวกวิปริตผิดเพศ
ผมอายมาก ผมไม่เคยบอกใคร ไม่ได้แสดงออกให้ใครเห็น ผมไม่รู้จะอยู่ยังไง ผมเลยหนีออกจากบ้าน หนีถึง 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 หนีมาได้
6 ปี สรุปที่ผ่านมา ผมไม่มีอะไรผูกพันหรือมีความรู้สึกดีๆอะไรเกิดขึ้นระหว่างผมกับพ่อเลย เพิ่งมามีความรู้สึกดีๆ แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร
ตอนผมทำงานและย่างเข้า 30 นี่เอง ตอนนี้พ่อพยายามส่งสัญญาณเหมือนอยากให้ผมกลับบ้านบ่อยๆ ผมก็กลับบ้างนะ แต่น้อย
ปีนึง 2-5 ครั้ง มีวันเกิดพ่อปีที่แล้ว ผมส่งไลน์ไปอวยพร (พ่อไม่ชอบแสดงออก ผมก็เลยไม่ได้ถูกปลูกฝังให้แสดงออกในเรื่องการแสดง
ความรักต่อกันในครอบครัว) ประโยคนึงบอกว่า ขอให้สมปรารถนา พ่อตอบกลับมาว่า งั้นขอให้ผมกลับบ้านมาเจอกัน
หวังว่าคงสมปรารถนานะ  ผมอ่านผมก็ดีใจนะ นี่คงเป็นประโยคที่ sweet ที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้จากพ่อแล้วล่ะครับ ผมก็กลับไปนะ
ไปกินข้าวกัน ทั้งหมด อีกเรื่องที่ผมโชคดีมาก ผมมีแม่เลี้ยงที่ดีมาก ผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย เขาคอยห้ามพ่อด้วยซ้ำ
แต่ไม่มีใครห้ามพ่อได้

สิ่งที่ผมอยากจะเข้าใจตัวเอง คือ ผมจะทำยังไงดี ให้เกิดความรู้สึกที่ดีกับครอบครัวให้มากกว่านี้ บอกตรงๆกลับไปบ้าน
ผมก็ไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นนะ ชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ผมเลยเป็นคนสันโดษไปเลย ชอบอยู่คนเดียว เคยมีแฟน
ก็ไม่ชอบที่จะอยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นเพราะผมโตมาด้วยตัวเอง ตัวคนเดียวตลอดทั้งชีวิตเลยมั๊ง แต่มันอิสระดี มันเป็นความอิสระ
ที่ผมโหยหามาตั้งแต่เด็ก ผมไม่รู้ว่าผมจะแก้ไขมันยังไงดี ผมรักพ่อนะครับ เหมือนลูกคนนึงรักนั่นแหล่ะ ถ้าผมต้องเสียเขาไปซักวัน
ผมรู้เลยว่าผมต้องเสียใจมากๆเช่นกัน แต่ความผูกพันทำไมมันกลับไม่มี ผมควรจะไปหาจิตแพทย์หรือนักสะกดจิตดีมั๊ยครับ
เขาจะช่วยผมได้มั๊ย มีใครแนะนำผมได้บ้าง  ถ้าวันนึงพ่อผมจากไปจริงๆ ผมก็อยากที่จะดูแลและไปมาหาสู่กับแม่เลี้ยงอยู่นะ
เพราะเขาก็ดีกับผม ไม่เคยรังเกียจผม และเขาก็ยังเป็นแม่ของน้องผม อย่างน้อยก็พ่อเดียวกัน ผมไม่อยากเป็นคนรู้สึกด้านชา

ถ้าพ่อแม่ท่านไหนได้อ่านเรื่องราวของผม หวังว่ามันคงจะเตือนใจคุณได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ว่าคุณควรจะเลี้ยงลูกแบบไหน
ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี ต้องพอดี สายกลาง เลี้ยงลูก ไม่ควรเป็นแค่พ่อแม่อย่างเดียว ควรเป็นพี่เป็นน้อง ควรเป็นเพื่อนกับเขา
ได้ด้วย พ่อแม่ควรเป็นทั้งที่แรกและที่สุดท้าย ที่เมื่อลูกคุณมีปัญหา เขาพร้อมที่จะเข้าหาคุณเพื่อให้คุณช่วยเหลือ อย่าเป็นแบบ
ครอบครัวผม ที่เมื่อผมมีปัญหา ผมต้องแก้ปัญหานั้นเอง ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องจมอยู่กับมัน อย่าทำร้ายเขาด้วยสิ่งที่คุณอาจจะคิด
ไปเองว่า คุณกำลังหวังดี ผมไม่อยากให้ครอบครัวคุณพังเหมือนผมหรือยิ่งกว่าผม

ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านนะครับ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่