สมมติถ้าในสมัยสุโขทัยยุคทองคือสมัยพ่อขุนรามคำแหง เกิดผิดใจกับพญามังรายแห่งเชียงใหม่ กับพญางำเมืองแห่งพะเยา เหมือนสงครามยุคสามก๊กของจีน คุณคิดว่าใครจะชนะครับ (เหตุการณ์ต่อไปนี้ไม่เป็นจริงตามประวัติศาสตร์ ฉะนั้นอย่าซีเรียสกันเลยครับ 555)
เหตุแห่งสงคราม: เริ่มจากพญางำเมืองผิดใจกับพ่อขุนรามในกรณีของพระนางอั้วเชียงแสน และพญามังรายไม่ได้เข้าห้ามปราม
เริ่มสงคราม: พญางำเมืองยกทัพไปตีเมืองแพร่ซึ่งเป็นหัวเมืองประเทศราชของสุโขทัยในขณะนั้นจนแตก แล้วยกทัพต่อไปยังเมืองน่าน พญากาวน่านขอกำลังจากหลวงพระบางมาช่วยจึงสามารถป้องกันเมืองได้ พญางำเมืองจึงได้แต่ล้อมอยู่อย่างนั้น จนพ่อขุนรามคำแหงยกทัพหลวงมา พญางำเมืองเห็นว่าถ้าล้อมเมืองในขณะที่อีกทัพหนึ่งมาตลบหลังย่อมเสียเปรียบแน่ จึงรีบยกทัพกลับพะเยา
พญามังรายเห็นว่าทัพหลวงพะเยาไม่อยู่ในเมือง จึงใช้ข้ออ้างว่าพญางำเมืองไม่ดูแลพระนางอั้วเชียงแสนให้ดีซึ่งเป็นชาวเมืองเชียงแสน และเชียงแสนเป็นเมืองที่อยู่ในเขตปกครองของเชียงใหม่ ดังนั้นจึงถือว่าไม่ให้เกียรติแก่เชียงใหม่ด้วย(อันนี้แถมากครับ555) จึงรีบยกทัพจากเชียงใหม่ไปตีเมืองพะเยา แต่ด้วยภูมิประเทศเมืองพะเยาเป็นภูเขาล้อมรอบ หนทางทุรกันดารป่าไม้หนาแน่น ยุงชุกชุม ทำให้ทัพเชียงใหม่ที่มีขนาดใหญ่ต้องซอยแบ่งแยกออกเป็นทัพเล็กทัพน้อยหลายๆทัพ และจะไปบรรจบกันอีกครั้งหน้ากำแพงเมือง แต่ทัพพะเยายกมาทันการณ์ แล้วไล่ซุ่มโจมตีทัพเชียงใหม่แตกกลับไปทีละกองทัพโดยอาศัยความได้เปรียบจากป่าไม้ที่หนาทึบและตั้งทัพในที่สูงกว่า ทำให้ทัพเชียงใหม่แม้จะมีกำลังพลมากกว่าแต่พอมาเจอการต่อต้านในช่องแคบในหุบเขา จำนวนที่มากกว่าก็ไร้ผล พญามังรายจึงยกทัพกลับ อีกทั้งเนื่องจากทัพฮ่อยุนนานกำลังยกทัพมาตีชายแดนที่สิบสองปันนาด้วย
ขณะที่พญามังรายยกทัพขึ้นไปปราบฮ่อทางเหนือ พ่อขุนรามได้โอกาสจึงรีบยกขึ้นไปเชียงใหม่ โดยเกณฑ์คนมอญเข้าร่วมรบด้วยและได้มะกะโทมาเป็นแม่ทัพหน้า พญางำเมืองซึ่งแค้นยังไม่หายที่ถูกลอบโจมตีจากคราวที่แล้ว จึงทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันกับสุโขทัย แล้วยกทัพขึ้นไปตีเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน ทัพสุโขทัยเข้าล้อมลำปาง แต่ตีเมืองไม่ได้ จึงให้ขอมดำดินซึ่งเป็นนายช่างใหญ่ในสมัยนั้นขุดอุโมงค์เพื่อระเบิดฐานกำแพง กำแพงถล่ม ทำให้เมืองลำปางแตก ส่วนพญางำเมืองยกทัพไปอีกเส้นทาง และเข้าตีเมืองชัยปราการซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางเหนือของเชียงใหม่ แต่เนื่องจากเมืองชัยปราการตั้งอยู่บนที่สูง ชัยภูมิดี สามารถมองเห็นภูมิประเทศโดยรอบได้ ทำให้ทัพพะเยาไม่สามารถตีได้ง่ายๆ พญางำเหมืองเห็นว่าไม่คุ้มค่ากับกำลังพลที่จะสูญเสียจึงยกทัพผ่านเลยลงมาเชียงใหม่ ส่วนทัพพ่อขุนรามก็ยกมาถึงเมืองลำพูนและเข้าตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายเนื่องจากลำพูนเป็นเมืองเล็กและมีแต่วัดวาในเขตกำแพงใช้เนื้อที่เยอะเกินไป ไม่เหมาะแก่การตั้งรับข้าศึก จากนั้นทัพสุโขทัยก็ยกไปบรรจบกับทัพพะเยาที่เชียงใหม่ โดยสุโขทัยจะเข้าตีทางด้านใต้ ส่วนพะเยาจะเข้าตีทางด้านเหนือ
ส่วนพญามังรายเมื่อได้ข่าวก็ตกใจมาก จึงรีบทำสัญญาสงบศึกกับฮ่อและขอส่งบรรณาการให้ดังเดิมแล้วเร่งยกทัพหลวงกลับโดยด่วน ทัพผสมสุโขทัย-พะเยาไม่สามารถตีเชียงใหม่ได้ เนื่องจากกำแพงที่แข็งแกร่งและคูเมืองที่กว้าง และยังมีสายน้ำจากดอยสุเทพไหลมาหล่อเลี้ยงเมืองอยู่ตลอดเวลา
พ่อขุนรามจึงกั้นทำนบน้ำที่ห้วยแก้วโดยหวังจะทำลายทำนบให้น้ำท่วมเมือง แต่ไม่สำเร็จเพราะพื้นที่เชียงใหม่ลาดเอียงจากดอยสุเทพลงไปยังแม่น้ำปิง ทำให้น้ำจากทำนบไหลลงไปในน้ำปิงเสียหมด จนกระทั่งทัพพญามังรายมาถึง ทหารม้าธนูล้านนาเข้าตีด้านซ้ายของทัพพะเยาแตก พญางำเมืองถอนทัพไปทางตะวันออก ข้ามสะพานแม่น้ำปิงและปักหลักรวมกำลังพลตั้งรับอยู่ที่นั่น ส่วนทัพสุโขทัยได้เข้าปะทะกับทหารราบหนักถือง้าวล้านนา แต่สู้ความดุดันของทหารง้าวไม่ได้จึงถอนทัพออกมาแล้วเปิดทางให้ขบวนทัพช้างมอญเข้าปะทะ ทหารราบล้านนาเสียขวัญแตกถอยไปทางทัพหลวงซึ่งพญามังรายบัญชาการอยู่ พญามังรายสั่งให้พลหน้าไม้ระดมยิงขบวนทัพช้างของมอญ แล้วล้อมยิงกระหนาบข้างด้วยพลม้าธนูที่เพิ่งกลับมาจากฝั่งแม่น้ำปิง ทำให้ขบวนทัพช้างระส่ำระส่ายและตื่นตกใจหนีไปทางทัพสุโขทัย เหยียบพวกเดียวกันเองบาดเจ็บล้มตายไปก็มาก ทำให้ทัพสุโขทัยเสียขวัญ พ่อขุนรามจึงรีบสั่งให้ทุกทัพยกกลับไปยังเมืองลำพูน ส่วนพญางำเมืองเมื่อเห็นดังนั้นจึงยกทัพกลับพะเยาทันที ทัพเชียงใหม่เห็นดังนั้นจึงให้ทหารม้ารีบตามตีทัพสุโขทัยที่กำลังถอย ไม่ให้ตั้งตัวติด จนไปถึงชายแดนอุตรดิตถ์ และสามารถยึดเมืองลำพูนและลำปางกลับคืนมาได้
พญามังรายคับแค้นใจมากที่ถูกลอบโจมตี จึงเตรียมตัวยกพลไปสุโขทัย ส่วนข้างเมืองพะเยา พญามังรายให้พญาอุปราชเฝ้าระวังชายแดนทางทิศตะวันออกไว้ ในขณะเดียวกันก็ส่งสายสืบไปยังพะเยาเพื่อสนับสนุนการก่อกบฏของชาวเมืองที่เหนื่อยล้าจากสงคราม ส่วนทัพเชียงใหม่ยกลงมาถึงสววรคโลก ทัพเรือยกไปตีเมืองศรีสัชนาลัยทางแม่น้ำยม และวางแผนไว้ว่าทั้งสองทัพจะมาบรรจบกันที่สุโขทัย แต่พ่อขุนรามได้เกณฑ์กำลังพลจากเมืองขึ้นต่างๆรวมถึงอยุธยาและหัวเมืองทางใต้มาป้องกันไว้ก่อนแล้ว ทำให้สุโขทัยซึ่งมี manpower มากกว่าได้เปรียบทัพล้านนา และด้วยระบบชลประทานที่ดีเยี่ยม คือมีทำนบพระร่วงกักเก็บน้ำได้ตลอดปี และภายในเมืองยังมีตระพังและท่อประปาน้ำดินเผาเชื่อมต่อกันอีก และด้วยความที่มีที่ราบเยอะ ทำให้ผลผลิตการเก็บเกี่ยวอาหารสูง จึงมีเสบียงเลี้ยงชาวเมืองได้ตลอดปี ทัพล้านนาไม่สามารถตีเมืองสุโขทัยได้ เสบียงก็กำลังร่อยหรอ และทัพสุโขทัยในเมืองมีขนาดใหญ่กว่า พญามังรายจึงตัดสินใจยกทัพกลับเชียงใหม่
ในขณะเดียวกับสายลับที่ส่งไปพะเยาถูกจับได้ และถูกประหารชีวิตส่งหัวกลับมาเป็นของกำนัลให้แก่เชียงใหม่ พญางำเมืองเห็นว่าอาณาจักรตนเป็นอาณาจักรเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองอาณาจักร manpower กับอัตราการผลิตก็ต่ำ จึงเล็งเมืองน่านไว้ เพราะเมืองน่านเป็นแหล่งบ่อเกลือสำคัญ ดังนั้นถ้าคุมการผลิตเกลือได้ในภูมิภาคนี้ ก็หมายถึงความร่ำรวยและมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่า จึงขอเจ้าหญิงเมืองน่านมาอภิเษกกับราชบุตรตัวเอง(Royal marriage) และเริ่มทำสัญญาค้าขายกับหลวงพระบางด้วย เริ่มมีการส่งทูตไปมาหากันตลอดทุก 3 ปี ดังนั้นและเพื่อเป็นการตอบแทนในไมตรี หลวงพระบางจึงรับรองเอกราชของพะเยา(Proclaim guarantee)
เมื่อเจ้าเมืองน่านเสียชีวิตลง ราชบุตรของพญางำเมืองก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์เมืองน่าน และทำสนธิสัญญาพันธมิตรทางทหาร(Military alliance)กับหลวงพระบางอีกด้วย แต่ทางสุโขทัยถือว่าเมืองน่านเป็นประเทศราชของตน(Vassal)ไม่มีสิทธิ์ทำสัญญากับเมืองใดๆถ้าไม่ผ่านการรู้เห็นของสุโขทัย และเป็นการกระทำที่ข้ามหัวและหยามเกียรติกันอีกด้วย จึงเตรียมยกทัพปราบ แต่ด้วยที่เกรงว่าล้านนาจะตลบหลัง จึงส่งสายลับไปยุยงพวกไทใหญ่ในรัฐฉานให้ก่อกบฏเพื่อเบนความสนใจ จากนั้นจึงทำสัญญาไม่รุกรานกันกับล้านนา(Non aggression pact) ทางล้านนาซึ่งกำลังยุ่งกับการปราบกบฏจึงยอมทำสัญญา
ทัพสุโขทัยยกไปทางเมืองแพร่ และให้เมืองแพร่จัดเตรียมเสบียงให้เพิ่มเติม แล้วยกต่อไปยังเมืองน่าน ฝ่ายพะเยาและหลวงพระบางได้ประกาศสงครามกับสุโขทัยทันทีที่ได้ข่าว และยกทัพมาช่วยรักษาเมืองน่าน แต่กำลังพลยังไม่เพียงพอที่จะเทียบเท่าทัพใหญ่จากสุโขทัยได้ จึงวางกำลังไว้ค่อยซุ่มโจมตีจากที่สูงบนภูเขาหินที่สูงชัน และขุดหลุมพรางฝังหลาวไม้ปลายแหลมไว้ทั่วทั้งทุ่งหน้ากำแพงเมือง ทำลายหมู่บ้าน ยุ้งฉาง และไร่นาทาสวนที่คาดว่าทัพสุโขทัยจะเดินผ่านทั้งหมด และยังส่งสายลับเข้าไปในกองทัพข้าศึกเพื่อยุยงให้ทหารสุโขทัยหนีทัพอีกด้วย
ทัพสุโขทัยถูกตอดโจมตีระหว่างทางมาตลอด และอากาศร้อนแดดแผดเผาของเมืองน่านเพราะไม่มีลมมรสุมพัดผ่านทำให้ทหารเหนื่อยล้า และยิ่งพบว่าหมู่บ้านที่พบระหว่างถูกทำลายอีก เส้นทางลำเลียงเสบียงด้านหลังก็มักถูกซุ่มโจมตีอีก ทำให้อาหารร่อยหรอ ทหารมีเค้าแววว่าจะก่อกบฏ แต่ในข่าวร้ายที่กำลังสุมเข้ามา ก็มีข่าวดีเกิดขึ้นคือสายลับเมืองน่านถูกจับได้โดยหน่วยลาดตระเวน แต่ทหารทั้งกองทัพยังไม่ทราบข่าว พ่อขุนรามจึงใช้สายลับคนนี้มาประหารชีวิตในข้อหาเป็นพนักงานจ่ายอาหารที่ทุจริตยักยอกอาหารจากฉางหลวง ทำให้ทหารกินอาหารไม่เต็มอิ่มท้อง เพื่อเบนไปความสนใจและความโกรธแค้นไปหาสายลับคนนี้คนเดียว และเพื่อให้สร้างกำลังใจแก่ทหาร พ่อขุนรามจึงประกาศแก่ทหารและแม่ทัพทุกคนว่าอาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายและพวกเราจะเข้าไปกินอาหารในเมืองน่านกันได้แน่นอน
ทัพสุโขทัยเร่งเข้าประชิดกำแพงเมือง แต่ทหารก็ตกหลุมหลาวตายเป็นจำนวนมากเช่นกัน แม่ทัพสุโขทัยจึงเปลี่ยนทิศเข้าตีเมืองจากทางด้านอื่น แต่ก็เข้าปะทะกับทัพผสมทั้งสามเมือง ทั้งสองฝ่ายเสียหายหนัก ทัพสุโขทัยทำทีแตกพ่ายกลับไป ทัพสามหัวเมืองตามไปติดๆอย่างไร้ระเบียบและถูกซุ่มโจมตีขนาบข้าง ทำให้แทบละลายทั้งกองทัพและถูกจับเป็นเชลยได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันทัพสุโขทัยอีกทัพแอบอ้อมไปตีอีกด้านหนึ่งของเมืองซึ่งเกือบเข้าเมืองได้อยู่แล้วแต่ถูกต้านทานอย่างแข็งแกร่งจากชาวเมืองจึงถอนทัพกลับ
ถ้าสามกษัตริย์เกิดผิดใจกันขึ้นมา สุโขทัยVSเชียงใหม่VS พะเยา จะเกิดอะไรขึ้น?
เหตุแห่งสงคราม: เริ่มจากพญางำเมืองผิดใจกับพ่อขุนรามในกรณีของพระนางอั้วเชียงแสน และพญามังรายไม่ได้เข้าห้ามปราม
เริ่มสงคราม: พญางำเมืองยกทัพไปตีเมืองแพร่ซึ่งเป็นหัวเมืองประเทศราชของสุโขทัยในขณะนั้นจนแตก แล้วยกทัพต่อไปยังเมืองน่าน พญากาวน่านขอกำลังจากหลวงพระบางมาช่วยจึงสามารถป้องกันเมืองได้ พญางำเมืองจึงได้แต่ล้อมอยู่อย่างนั้น จนพ่อขุนรามคำแหงยกทัพหลวงมา พญางำเมืองเห็นว่าถ้าล้อมเมืองในขณะที่อีกทัพหนึ่งมาตลบหลังย่อมเสียเปรียบแน่ จึงรีบยกทัพกลับพะเยา
พญามังรายเห็นว่าทัพหลวงพะเยาไม่อยู่ในเมือง จึงใช้ข้ออ้างว่าพญางำเมืองไม่ดูแลพระนางอั้วเชียงแสนให้ดีซึ่งเป็นชาวเมืองเชียงแสน และเชียงแสนเป็นเมืองที่อยู่ในเขตปกครองของเชียงใหม่ ดังนั้นจึงถือว่าไม่ให้เกียรติแก่เชียงใหม่ด้วย(อันนี้แถมากครับ555) จึงรีบยกทัพจากเชียงใหม่ไปตีเมืองพะเยา แต่ด้วยภูมิประเทศเมืองพะเยาเป็นภูเขาล้อมรอบ หนทางทุรกันดารป่าไม้หนาแน่น ยุงชุกชุม ทำให้ทัพเชียงใหม่ที่มีขนาดใหญ่ต้องซอยแบ่งแยกออกเป็นทัพเล็กทัพน้อยหลายๆทัพ และจะไปบรรจบกันอีกครั้งหน้ากำแพงเมือง แต่ทัพพะเยายกมาทันการณ์ แล้วไล่ซุ่มโจมตีทัพเชียงใหม่แตกกลับไปทีละกองทัพโดยอาศัยความได้เปรียบจากป่าไม้ที่หนาทึบและตั้งทัพในที่สูงกว่า ทำให้ทัพเชียงใหม่แม้จะมีกำลังพลมากกว่าแต่พอมาเจอการต่อต้านในช่องแคบในหุบเขา จำนวนที่มากกว่าก็ไร้ผล พญามังรายจึงยกทัพกลับ อีกทั้งเนื่องจากทัพฮ่อยุนนานกำลังยกทัพมาตีชายแดนที่สิบสองปันนาด้วย
ขณะที่พญามังรายยกทัพขึ้นไปปราบฮ่อทางเหนือ พ่อขุนรามได้โอกาสจึงรีบยกขึ้นไปเชียงใหม่ โดยเกณฑ์คนมอญเข้าร่วมรบด้วยและได้มะกะโทมาเป็นแม่ทัพหน้า พญางำเมืองซึ่งแค้นยังไม่หายที่ถูกลอบโจมตีจากคราวที่แล้ว จึงทำสนธิสัญญาไม่รุกรานกันกับสุโขทัย แล้วยกทัพขึ้นไปตีเชียงใหม่ด้วยเช่นกัน ทัพสุโขทัยเข้าล้อมลำปาง แต่ตีเมืองไม่ได้ จึงให้ขอมดำดินซึ่งเป็นนายช่างใหญ่ในสมัยนั้นขุดอุโมงค์เพื่อระเบิดฐานกำแพง กำแพงถล่ม ทำให้เมืองลำปางแตก ส่วนพญางำเมืองยกทัพไปอีกเส้นทาง และเข้าตีเมืองชัยปราการซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านทางเหนือของเชียงใหม่ แต่เนื่องจากเมืองชัยปราการตั้งอยู่บนที่สูง ชัยภูมิดี สามารถมองเห็นภูมิประเทศโดยรอบได้ ทำให้ทัพพะเยาไม่สามารถตีได้ง่ายๆ พญางำเหมืองเห็นว่าไม่คุ้มค่ากับกำลังพลที่จะสูญเสียจึงยกทัพผ่านเลยลงมาเชียงใหม่ ส่วนทัพพ่อขุนรามก็ยกมาถึงเมืองลำพูนและเข้าตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายเนื่องจากลำพูนเป็นเมืองเล็กและมีแต่วัดวาในเขตกำแพงใช้เนื้อที่เยอะเกินไป ไม่เหมาะแก่การตั้งรับข้าศึก จากนั้นทัพสุโขทัยก็ยกไปบรรจบกับทัพพะเยาที่เชียงใหม่ โดยสุโขทัยจะเข้าตีทางด้านใต้ ส่วนพะเยาจะเข้าตีทางด้านเหนือ
ส่วนพญามังรายเมื่อได้ข่าวก็ตกใจมาก จึงรีบทำสัญญาสงบศึกกับฮ่อและขอส่งบรรณาการให้ดังเดิมแล้วเร่งยกทัพหลวงกลับโดยด่วน ทัพผสมสุโขทัย-พะเยาไม่สามารถตีเชียงใหม่ได้ เนื่องจากกำแพงที่แข็งแกร่งและคูเมืองที่กว้าง และยังมีสายน้ำจากดอยสุเทพไหลมาหล่อเลี้ยงเมืองอยู่ตลอดเวลา
พ่อขุนรามจึงกั้นทำนบน้ำที่ห้วยแก้วโดยหวังจะทำลายทำนบให้น้ำท่วมเมือง แต่ไม่สำเร็จเพราะพื้นที่เชียงใหม่ลาดเอียงจากดอยสุเทพลงไปยังแม่น้ำปิง ทำให้น้ำจากทำนบไหลลงไปในน้ำปิงเสียหมด จนกระทั่งทัพพญามังรายมาถึง ทหารม้าธนูล้านนาเข้าตีด้านซ้ายของทัพพะเยาแตก พญางำเมืองถอนทัพไปทางตะวันออก ข้ามสะพานแม่น้ำปิงและปักหลักรวมกำลังพลตั้งรับอยู่ที่นั่น ส่วนทัพสุโขทัยได้เข้าปะทะกับทหารราบหนักถือง้าวล้านนา แต่สู้ความดุดันของทหารง้าวไม่ได้จึงถอนทัพออกมาแล้วเปิดทางให้ขบวนทัพช้างมอญเข้าปะทะ ทหารราบล้านนาเสียขวัญแตกถอยไปทางทัพหลวงซึ่งพญามังรายบัญชาการอยู่ พญามังรายสั่งให้พลหน้าไม้ระดมยิงขบวนทัพช้างของมอญ แล้วล้อมยิงกระหนาบข้างด้วยพลม้าธนูที่เพิ่งกลับมาจากฝั่งแม่น้ำปิง ทำให้ขบวนทัพช้างระส่ำระส่ายและตื่นตกใจหนีไปทางทัพสุโขทัย เหยียบพวกเดียวกันเองบาดเจ็บล้มตายไปก็มาก ทำให้ทัพสุโขทัยเสียขวัญ พ่อขุนรามจึงรีบสั่งให้ทุกทัพยกกลับไปยังเมืองลำพูน ส่วนพญางำเมืองเมื่อเห็นดังนั้นจึงยกทัพกลับพะเยาทันที ทัพเชียงใหม่เห็นดังนั้นจึงให้ทหารม้ารีบตามตีทัพสุโขทัยที่กำลังถอย ไม่ให้ตั้งตัวติด จนไปถึงชายแดนอุตรดิตถ์ และสามารถยึดเมืองลำพูนและลำปางกลับคืนมาได้
พญามังรายคับแค้นใจมากที่ถูกลอบโจมตี จึงเตรียมตัวยกพลไปสุโขทัย ส่วนข้างเมืองพะเยา พญามังรายให้พญาอุปราชเฝ้าระวังชายแดนทางทิศตะวันออกไว้ ในขณะเดียวกันก็ส่งสายสืบไปยังพะเยาเพื่อสนับสนุนการก่อกบฏของชาวเมืองที่เหนื่อยล้าจากสงคราม ส่วนทัพเชียงใหม่ยกลงมาถึงสววรคโลก ทัพเรือยกไปตีเมืองศรีสัชนาลัยทางแม่น้ำยม และวางแผนไว้ว่าทั้งสองทัพจะมาบรรจบกันที่สุโขทัย แต่พ่อขุนรามได้เกณฑ์กำลังพลจากเมืองขึ้นต่างๆรวมถึงอยุธยาและหัวเมืองทางใต้มาป้องกันไว้ก่อนแล้ว ทำให้สุโขทัยซึ่งมี manpower มากกว่าได้เปรียบทัพล้านนา และด้วยระบบชลประทานที่ดีเยี่ยม คือมีทำนบพระร่วงกักเก็บน้ำได้ตลอดปี และภายในเมืองยังมีตระพังและท่อประปาน้ำดินเผาเชื่อมต่อกันอีก และด้วยความที่มีที่ราบเยอะ ทำให้ผลผลิตการเก็บเกี่ยวอาหารสูง จึงมีเสบียงเลี้ยงชาวเมืองได้ตลอดปี ทัพล้านนาไม่สามารถตีเมืองสุโขทัยได้ เสบียงก็กำลังร่อยหรอ และทัพสุโขทัยในเมืองมีขนาดใหญ่กว่า พญามังรายจึงตัดสินใจยกทัพกลับเชียงใหม่
ในขณะเดียวกับสายลับที่ส่งไปพะเยาถูกจับได้ และถูกประหารชีวิตส่งหัวกลับมาเป็นของกำนัลให้แก่เชียงใหม่ พญางำเมืองเห็นว่าอาณาจักรตนเป็นอาณาจักรเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับอีกสองอาณาจักร manpower กับอัตราการผลิตก็ต่ำ จึงเล็งเมืองน่านไว้ เพราะเมืองน่านเป็นแหล่งบ่อเกลือสำคัญ ดังนั้นถ้าคุมการผลิตเกลือได้ในภูมิภาคนี้ ก็หมายถึงความร่ำรวยและมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจที่เหนือกว่า จึงขอเจ้าหญิงเมืองน่านมาอภิเษกกับราชบุตรตัวเอง(Royal marriage) และเริ่มทำสัญญาค้าขายกับหลวงพระบางด้วย เริ่มมีการส่งทูตไปมาหากันตลอดทุก 3 ปี ดังนั้นและเพื่อเป็นการตอบแทนในไมตรี หลวงพระบางจึงรับรองเอกราชของพะเยา(Proclaim guarantee)
เมื่อเจ้าเมืองน่านเสียชีวิตลง ราชบุตรของพญางำเมืองก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์เมืองน่าน และทำสนธิสัญญาพันธมิตรทางทหาร(Military alliance)กับหลวงพระบางอีกด้วย แต่ทางสุโขทัยถือว่าเมืองน่านเป็นประเทศราชของตน(Vassal)ไม่มีสิทธิ์ทำสัญญากับเมืองใดๆถ้าไม่ผ่านการรู้เห็นของสุโขทัย และเป็นการกระทำที่ข้ามหัวและหยามเกียรติกันอีกด้วย จึงเตรียมยกทัพปราบ แต่ด้วยที่เกรงว่าล้านนาจะตลบหลัง จึงส่งสายลับไปยุยงพวกไทใหญ่ในรัฐฉานให้ก่อกบฏเพื่อเบนความสนใจ จากนั้นจึงทำสัญญาไม่รุกรานกันกับล้านนา(Non aggression pact) ทางล้านนาซึ่งกำลังยุ่งกับการปราบกบฏจึงยอมทำสัญญา
ทัพสุโขทัยยกไปทางเมืองแพร่ และให้เมืองแพร่จัดเตรียมเสบียงให้เพิ่มเติม แล้วยกต่อไปยังเมืองน่าน ฝ่ายพะเยาและหลวงพระบางได้ประกาศสงครามกับสุโขทัยทันทีที่ได้ข่าว และยกทัพมาช่วยรักษาเมืองน่าน แต่กำลังพลยังไม่เพียงพอที่จะเทียบเท่าทัพใหญ่จากสุโขทัยได้ จึงวางกำลังไว้ค่อยซุ่มโจมตีจากที่สูงบนภูเขาหินที่สูงชัน และขุดหลุมพรางฝังหลาวไม้ปลายแหลมไว้ทั่วทั้งทุ่งหน้ากำแพงเมือง ทำลายหมู่บ้าน ยุ้งฉาง และไร่นาทาสวนที่คาดว่าทัพสุโขทัยจะเดินผ่านทั้งหมด และยังส่งสายลับเข้าไปในกองทัพข้าศึกเพื่อยุยงให้ทหารสุโขทัยหนีทัพอีกด้วย
ทัพสุโขทัยถูกตอดโจมตีระหว่างทางมาตลอด และอากาศร้อนแดดแผดเผาของเมืองน่านเพราะไม่มีลมมรสุมพัดผ่านทำให้ทหารเหนื่อยล้า และยิ่งพบว่าหมู่บ้านที่พบระหว่างถูกทำลายอีก เส้นทางลำเลียงเสบียงด้านหลังก็มักถูกซุ่มโจมตีอีก ทำให้อาหารร่อยหรอ ทหารมีเค้าแววว่าจะก่อกบฏ แต่ในข่าวร้ายที่กำลังสุมเข้ามา ก็มีข่าวดีเกิดขึ้นคือสายลับเมืองน่านถูกจับได้โดยหน่วยลาดตระเวน แต่ทหารทั้งกองทัพยังไม่ทราบข่าว พ่อขุนรามจึงใช้สายลับคนนี้มาประหารชีวิตในข้อหาเป็นพนักงานจ่ายอาหารที่ทุจริตยักยอกอาหารจากฉางหลวง ทำให้ทหารกินอาหารไม่เต็มอิ่มท้อง เพื่อเบนไปความสนใจและความโกรธแค้นไปหาสายลับคนนี้คนเดียว และเพื่อให้สร้างกำลังใจแก่ทหาร พ่อขุนรามจึงประกาศแก่ทหารและแม่ทัพทุกคนว่าอาหารมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายและพวกเราจะเข้าไปกินอาหารในเมืองน่านกันได้แน่นอน
ทัพสุโขทัยเร่งเข้าประชิดกำแพงเมือง แต่ทหารก็ตกหลุมหลาวตายเป็นจำนวนมากเช่นกัน แม่ทัพสุโขทัยจึงเปลี่ยนทิศเข้าตีเมืองจากทางด้านอื่น แต่ก็เข้าปะทะกับทัพผสมทั้งสามเมือง ทั้งสองฝ่ายเสียหายหนัก ทัพสุโขทัยทำทีแตกพ่ายกลับไป ทัพสามหัวเมืองตามไปติดๆอย่างไร้ระเบียบและถูกซุ่มโจมตีขนาบข้าง ทำให้แทบละลายทั้งกองทัพและถูกจับเป็นเชลยได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันทัพสุโขทัยอีกทัพแอบอ้อมไปตีอีกด้านหนึ่งของเมืองซึ่งเกือบเข้าเมืองได้อยู่แล้วแต่ถูกต้านทานอย่างแข็งแกร่งจากชาวเมืองจึงถอนทัพกลับ