เทพอตุมกำลังลับขอบฟ้า ใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มขึ้น เฮรเซฟก้าวเท้าพาร่างสูงใหญ่ของตนล่วงเข้าไปในห้องทรงพระสำราญของเจ้าชายเซติ หมายใจจะทูลเชิญเสด็จ แต่กลับต้องถอนหายใจเมื่อพบองค์เจ้าของห้องในฉลองพระองค์เดิมที่ผลัดไว้ตั้งแต่เมื่อมาถึงใหม่ ๆ นอนทอดองค์เอกเขนกแกะสลักม้าไม้ขนาดเล็ก ซึ่งองครักษ์หนุ่มรู้ดีว่าทรงบรรจงแกะไว้ประทานให้หลานชายตัวน้อยของพระองค์
ทันทีที่สิ้นเสียงถอนหายใจของเฮรเซฟ เจ้าชายหนุ่มก็เงยพระพักต์ขึ้นมามอง ครั้นเห็นว่าเป็นใครก็ทรงผุดลุก วาง ‘งานฝีมือ’ ไว้บนโต๊ะข้างเก้าอี้ยาว ไม่ลืมบิดองค์ยามตรัส
“ถึงเวลาแล้วรึ”
โดยไม่รอคำตอบ ทรงลุกยืน บิดผ้าชุปน้ำในอ่างหินมาเช็ดพระวรกายแบบ ‘ลวก ๆ’
องครักษ์หนุ่มถึงกับถอนหายใจอีกครา
“ยังพอมีเวลา ไม่อาบน้ำให้ดี ๆ หน่อยหรือ ฝ่าบาท”
“ก็อาบไปรอบนึงแล้วอย่างไรเล่า”
ทรงลอยพระพักต์ตอบ เฮรเซฟได้แต่คิดในใจ ที่ว่าอาบแล้วนั่นก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว จะไป ‘ออกงาน’ ทั้งที กลับไม่คิดจะอาบซ้ำ แต่ก็ ...นั่นละ เจ้าชายเซติ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่า วันนี้จะมีสาว ๆ สวย ๆ เข้ามามากมาย ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ทรงตวัดเนตรมองพร้อมรอยยิ้มแบบล้อเลียน “เจ้าแอบฟังข้ากับเจ้าพี่คุยกัน”
เฮรเซฟตอบนิ่ง ๆ “หม่อมฉันเดินอยู่ข้างหลัง”
“แล้วอย่างไร”
“ก็ ...จะได้ตัวหอม ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ใครจะมารู้กลิ่นตัวข้าเล่า”
“ก็แล้วแต่ว่าจะทรงให้ใครมา รู้ หรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ”
เหมือนทรงอารมณ์ดีที่ยิ้มออกมาจนเฮรเซฟมองเห็นพระทนต์หลายซี่ น่าพิลึกตรงที่ เวลาที่ทรงยิ้มแบบนี้ทีไร จะทรงดูอ่อนเยาว์ลงได้สักห้าปีสิบปี
“เจ้าพูดเข้าท่า”
ถึงจะตรัสเช่นนั้น แต่ก็หาได้ไปไกลกว่าอ่างเช็ดตัวไม่ ทรงเช็ดเสร็จแล้วด้วยซ้ำ ดีที่สุดท้ายยังเสด็จไปเปลี่ยนฉลองพระองค์หลังม่านผืนใหญ่ หากเป็นคนอื่น อาจ มีนางข้าหลวงคอยช่วยแต่งให้ แต่เจ้าชายเซติไม่เรียกหาใครสักคน
‘อยู่ในกระโจมก็ทำเองทั้งนั้น’
ทรงเคยตรัสเช่นนั้น กระโจม ที่ว่า ก็กระโจมที่พักกลางศึกในทะเลทรายนั่นแล บางครั้งเฮรเซฟก็นึกอยากแย้ง ทรงทำองค์ได้สมพระนามเกินไปหรือไม่หนอ ...เซติ บุรุษแห่งเซธ เจ้าแห่งทะเลทราย
**เจ้าชายในฝัน : ตอนที่ 1 (2)**
เทพอตุมกำลังลับขอบฟ้า ใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงเริ่มขึ้น เฮรเซฟก้าวเท้าพาร่างสูงใหญ่ของตนล่วงเข้าไปในห้องทรงพระสำราญของเจ้าชายเซติ หมายใจจะทูลเชิญเสด็จ แต่กลับต้องถอนหายใจเมื่อพบองค์เจ้าของห้องในฉลองพระองค์เดิมที่ผลัดไว้ตั้งแต่เมื่อมาถึงใหม่ ๆ นอนทอดองค์เอกเขนกแกะสลักม้าไม้ขนาดเล็ก ซึ่งองครักษ์หนุ่มรู้ดีว่าทรงบรรจงแกะไว้ประทานให้หลานชายตัวน้อยของพระองค์
ทันทีที่สิ้นเสียงถอนหายใจของเฮรเซฟ เจ้าชายหนุ่มก็เงยพระพักต์ขึ้นมามอง ครั้นเห็นว่าเป็นใครก็ทรงผุดลุก วาง ‘งานฝีมือ’ ไว้บนโต๊ะข้างเก้าอี้ยาว ไม่ลืมบิดองค์ยามตรัส
“ถึงเวลาแล้วรึ”
โดยไม่รอคำตอบ ทรงลุกยืน บิดผ้าชุปน้ำในอ่างหินมาเช็ดพระวรกายแบบ ‘ลวก ๆ’
องครักษ์หนุ่มถึงกับถอนหายใจอีกครา
“ยังพอมีเวลา ไม่อาบน้ำให้ดี ๆ หน่อยหรือ ฝ่าบาท”
“ก็อาบไปรอบนึงแล้วอย่างไรเล่า”
ทรงลอยพระพักต์ตอบ เฮรเซฟได้แต่คิดในใจ ที่ว่าอาบแล้วนั่นก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้ว จะไป ‘ออกงาน’ ทั้งที กลับไม่คิดจะอาบซ้ำ แต่ก็ ...นั่นละ เจ้าชายเซติ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่า วันนี้จะมีสาว ๆ สวย ๆ เข้ามามากมาย ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ทรงตวัดเนตรมองพร้อมรอยยิ้มแบบล้อเลียน “เจ้าแอบฟังข้ากับเจ้าพี่คุยกัน”
เฮรเซฟตอบนิ่ง ๆ “หม่อมฉันเดินอยู่ข้างหลัง”
“แล้วอย่างไร”
“ก็ ...จะได้ตัวหอม ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ใครจะมารู้กลิ่นตัวข้าเล่า”
“ก็แล้วแต่ว่าจะทรงให้ใครมา รู้ หรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ”
เหมือนทรงอารมณ์ดีที่ยิ้มออกมาจนเฮรเซฟมองเห็นพระทนต์หลายซี่ น่าพิลึกตรงที่ เวลาที่ทรงยิ้มแบบนี้ทีไร จะทรงดูอ่อนเยาว์ลงได้สักห้าปีสิบปี
“เจ้าพูดเข้าท่า”
ถึงจะตรัสเช่นนั้น แต่ก็หาได้ไปไกลกว่าอ่างเช็ดตัวไม่ ทรงเช็ดเสร็จแล้วด้วยซ้ำ ดีที่สุดท้ายยังเสด็จไปเปลี่ยนฉลองพระองค์หลังม่านผืนใหญ่ หากเป็นคนอื่น อาจ มีนางข้าหลวงคอยช่วยแต่งให้ แต่เจ้าชายเซติไม่เรียกหาใครสักคน
‘อยู่ในกระโจมก็ทำเองทั้งนั้น’
ทรงเคยตรัสเช่นนั้น กระโจม ที่ว่า ก็กระโจมที่พักกลางศึกในทะเลทรายนั่นแล บางครั้งเฮรเซฟก็นึกอยากแย้ง ทรงทำองค์ได้สมพระนามเกินไปหรือไม่หนอ ...เซติ บุรุษแห่งเซธ เจ้าแห่งทะเลทราย