ทันทีเจ้าชายเซติเสด็จออกจากที่ประทับบนเรือพระที่นั่ง พระกรรณก็อื้ออึงไปด้วยเสียงโห่ร้องของประชาชนระคนด้วยเสียงแหลมยาวของแตรเงินซึ่งเข้าจังหวะสอดรับกับเสียงทุ้มหนักของกลองศึก ที่ดังกึกก้องอยู่ทั่วบริเวณริมแม่น้ำ และท่าเรือหลวงหน้าราชวังแห่งวาเสต
เจ้าชายเซติพยายามยิ้มพร้อมกับยกพระหัตถ์ขึ้นสูง ทรงพยายามนึกถึงท่วงท่าอันสง่างามของเจ้าชายเมรเรนเรเพื่อเป็นต้นแบบในยามที่ต้องออกหน้ารับเพียงลำพัง แต่ดูว่าไม่ว่าอย่างไร ก็ยังทรงเก้ ๆ กัง ๆ เสมอยามต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนและพิธีการมากมายเช่นนี้
...แม้ผู้คนและพิธีการเหล่านี้จะจัดขึ้นมาเพื่อฉลองชัยของอียิปต์ และเป็นเกียรติแก่พระองค์ก็เถิด
หลังจากที่ทรงพยายามหันไปทางนั้นที ทางนี้ที เพื่อตอบรับต่อการแสดงความยินดีแล้ว ที่สุดก็ทรงเบือนพระพักต์หันกลับไปมองยังประตูวังหลวงแห่งวาเสต ที่ซึ่งฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสแห่งอียิปต์กำลังทรงประทับรออยู่
หากเมนเนเฟอร์เป็นบ้านชั่วคราว วาเสตก็คือบ้านอันถาวร
ระยะทางจากท่าเรือหลวงไปท้องพระโรงนั้นไม่ไกลนัก แต่ระหว่างเดินเสด็จไปเข้าเฝ้าพระบิดาและพระมารดานั้นเจ้าชายเซติยังคงตื่นเต้นมิใช่น้อย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ทรงออกศึกและกลับมาพร้อมชัยชนะ ทว่าการศึกที่ยาวนานหลายเดือนก็ทำให้นึกประหม่าทุกครั้งที่คิดถึงเวลาที่ต้องคุกเข่าต่อพระพักต์พระบิดาบนบัลลังก์ ไหนเสด็จแม่ก็คงจะคอยทวงถาม ห่วงใย และกระวนกระวาย ไหนจะยังพระขนิษฐาจอมแก่นที่เห็นพระองค์เป็น ‘พี่ชายคนโปรด’ ที่ไม่เคยขัดน้องสาวสักทีนั่นอีกเล่า
คิดพลางก้าวเท้าพลาง ไม่ช้าก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูท้องพระโรงอันสูงใหญ่ บานทวารนั้นเปิดอ้ากว้างอยู่แล้ว ทันทีที่อาลักษณ์ประกาศพระนาม ‘เจ้าชายเซติ’ ก้องดัง พระองค์ผู้ถูกขานนามก็เสด็จล่วงสู่ภายใน ที่ซึ่งกำแพงอันหนาใหญ่และเสาทรงกลมท่อนมหึมาที่ตั้งเรียงรายทำหน้าที่ดั่งจะร่ายมนต์ให้เจ้าชายผู้พิชิตรู้สึกพระวรกายลีบเล็กลงในบันดล ยิ่งเมื่อมองตรงไปยังเบื้องหน้า สุดปลายทางเดินที่กำแพงถูกประดับด้วยภาพนูนต่ำเป็นนกเหยี่ยวกางปีกสยาย บัลลังก์แห่งฟาโรห์ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางพอดีนั้นดูยิ่งใหญ่กว่าบัลลังก์ของที่แห่งใด โดยเฉพาะเมื่อฟาโรห์แห่งอียิปต์ทรงประทับอยู่ เจ้าชายเซติรู้สึกทุกครั้งว่านั่นราวกับมิใช่พระบิดา หากทว่าเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่สักองค์ที่กำลังมองลงมาและทำให้ผู้ยืนอยู่เบื้องหน้ารู้สึกทั้งรักและยำเกรง
“เซติ ลูกข้า”
ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสในเครื่องทรงฟาโรห์เต็มพระยศตรัสรับด้วยสุรเสียงดังกังวาน ยามค้อนพระเศียรลงเล็กน้อยนั้น พญางูเห่าบนมงกุฎเซเคมตีซึ่งทรงอยู่ ดูคล้ายจะมองลงมาพร้อมกันด้วย ฟาโรห์ในพระชันษาห้าสิบกว่า ดูอย่างไรก็ยังทรงงามสง่า ความสูงวัยนั้นมีแต่จะทำให้พระองค์ดูภูมิฐาน เต็มไปด้วยความปรานีและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ทุกครั้งที่ได้เห็นพระบิดาบนบัลลังก์ เจ้าชายเซติมักจะถามองค์เองเสมอว่าหากถึงยามสูงด้วยวัย พระองค์จะยังคงงามสง่าได้สักครึ่งของพระบิดาหรือไม่
“เสด็จพ่อ”
ตรัสรับคำเรียกขาน แล้วเจ้าชายเซติก็ทรงคุกพระชานุ ถวายความเคารพสูงสุดก่อนลุกยืนและทอดพระเนตรพระบิดาเต็มตา ณ ที่นี้ พระองค์ต้องกล่าวถวายรายงาน
“หม่อมฉันขอถวายบังคมสูงสุดแด่ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสแห่งอียิปต์ ผู้ครองสองแผ่นดินทอง ผู้ประทับบนบัลลังก์อันสูงสุด ผู้เป็นที่โปรดปรานของเหล่าทวยเทพแลเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งชาวอียิปต์ หม่อมฉันเซติ โอรสแห่งฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิส ได้ออกศึกปราบเมืองทางตะวันออกไกลตามพระบัญชา และในนามของฟาโรห์แห่งอียิปต์ หม่อมฉันได้นำชัยชนะพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติล้ำค่าแลข้าทาสบริวาร รวมถึงเชลยผู้พ่ายแพ้มาถวายแด่พระบาทฟาโรห์แห่งอียิปต์ ขอให้พระองค์และอียิปต์จงเจริญสืบไป พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกท่านได้ยินแล้วหรือไม่ ลูกของข้านำสิ่งใดมาสู่อียิปต์” ฟาโรห์ทรงตรัสด้วยน้ำพระเสียงเปี่ยมล้นด้วยความยินดี “ขอให้พวกท่านกล่าวสรรเสริญลูกข้า กริชแห่งอียิปต์ ผู้พิชิตที่ข้าภูมิใจ”
สิ้นรับสั่งเสียงสรรญเสริญก็ดังกึกก้องด้วยถ้อยคำเดียวกับที่เจ้าชายเซติได้ยินมาแล้วที่เมนเนเฟอร์ ต่างกันตรงที่ ที่นี่ดังยิ่งนัก หนักแน่นยิ่งนัก ต่อพระพักต์ฟาโรห์ ทุกอย่างดูจะไม่มีที่ใดเทียบได้เสมอ
**เจ้าชายในฝัน : ตอนที่ 2 (1)**
ทันทีเจ้าชายเซติเสด็จออกจากที่ประทับบนเรือพระที่นั่ง พระกรรณก็อื้ออึงไปด้วยเสียงโห่ร้องของประชาชนระคนด้วยเสียงแหลมยาวของแตรเงินซึ่งเข้าจังหวะสอดรับกับเสียงทุ้มหนักของกลองศึก ที่ดังกึกก้องอยู่ทั่วบริเวณริมแม่น้ำ และท่าเรือหลวงหน้าราชวังแห่งวาเสต
เจ้าชายเซติพยายามยิ้มพร้อมกับยกพระหัตถ์ขึ้นสูง ทรงพยายามนึกถึงท่วงท่าอันสง่างามของเจ้าชายเมรเรนเรเพื่อเป็นต้นแบบในยามที่ต้องออกหน้ารับเพียงลำพัง แต่ดูว่าไม่ว่าอย่างไร ก็ยังทรงเก้ ๆ กัง ๆ เสมอยามต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนและพิธีการมากมายเช่นนี้
...แม้ผู้คนและพิธีการเหล่านี้จะจัดขึ้นมาเพื่อฉลองชัยของอียิปต์ และเป็นเกียรติแก่พระองค์ก็เถิด
หลังจากที่ทรงพยายามหันไปทางนั้นที ทางนี้ที เพื่อตอบรับต่อการแสดงความยินดีแล้ว ที่สุดก็ทรงเบือนพระพักต์หันกลับไปมองยังประตูวังหลวงแห่งวาเสต ที่ซึ่งฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสแห่งอียิปต์กำลังทรงประทับรออยู่
หากเมนเนเฟอร์เป็นบ้านชั่วคราว วาเสตก็คือบ้านอันถาวร
ระยะทางจากท่าเรือหลวงไปท้องพระโรงนั้นไม่ไกลนัก แต่ระหว่างเดินเสด็จไปเข้าเฝ้าพระบิดาและพระมารดานั้นเจ้าชายเซติยังคงตื่นเต้นมิใช่น้อย แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ทรงออกศึกและกลับมาพร้อมชัยชนะ ทว่าการศึกที่ยาวนานหลายเดือนก็ทำให้นึกประหม่าทุกครั้งที่คิดถึงเวลาที่ต้องคุกเข่าต่อพระพักต์พระบิดาบนบัลลังก์ ไหนเสด็จแม่ก็คงจะคอยทวงถาม ห่วงใย และกระวนกระวาย ไหนจะยังพระขนิษฐาจอมแก่นที่เห็นพระองค์เป็น ‘พี่ชายคนโปรด’ ที่ไม่เคยขัดน้องสาวสักทีนั่นอีกเล่า
คิดพลางก้าวเท้าพลาง ไม่ช้าก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูท้องพระโรงอันสูงใหญ่ บานทวารนั้นเปิดอ้ากว้างอยู่แล้ว ทันทีที่อาลักษณ์ประกาศพระนาม ‘เจ้าชายเซติ’ ก้องดัง พระองค์ผู้ถูกขานนามก็เสด็จล่วงสู่ภายใน ที่ซึ่งกำแพงอันหนาใหญ่และเสาทรงกลมท่อนมหึมาที่ตั้งเรียงรายทำหน้าที่ดั่งจะร่ายมนต์ให้เจ้าชายผู้พิชิตรู้สึกพระวรกายลีบเล็กลงในบันดล ยิ่งเมื่อมองตรงไปยังเบื้องหน้า สุดปลายทางเดินที่กำแพงถูกประดับด้วยภาพนูนต่ำเป็นนกเหยี่ยวกางปีกสยาย บัลลังก์แห่งฟาโรห์ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดกึ่งกลางพอดีนั้นดูยิ่งใหญ่กว่าบัลลังก์ของที่แห่งใด โดยเฉพาะเมื่อฟาโรห์แห่งอียิปต์ทรงประทับอยู่ เจ้าชายเซติรู้สึกทุกครั้งว่านั่นราวกับมิใช่พระบิดา หากทว่าเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่สักองค์ที่กำลังมองลงมาและทำให้ผู้ยืนอยู่เบื้องหน้ารู้สึกทั้งรักและยำเกรง
“เซติ ลูกข้า”
ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสในเครื่องทรงฟาโรห์เต็มพระยศตรัสรับด้วยสุรเสียงดังกังวาน ยามค้อนพระเศียรลงเล็กน้อยนั้น พญางูเห่าบนมงกุฎเซเคมตีซึ่งทรงอยู่ ดูคล้ายจะมองลงมาพร้อมกันด้วย ฟาโรห์ในพระชันษาห้าสิบกว่า ดูอย่างไรก็ยังทรงงามสง่า ความสูงวัยนั้นมีแต่จะทำให้พระองค์ดูภูมิฐาน เต็มไปด้วยความปรานีและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ทุกครั้งที่ได้เห็นพระบิดาบนบัลลังก์ เจ้าชายเซติมักจะถามองค์เองเสมอว่าหากถึงยามสูงด้วยวัย พระองค์จะยังคงงามสง่าได้สักครึ่งของพระบิดาหรือไม่
“เสด็จพ่อ”
ตรัสรับคำเรียกขาน แล้วเจ้าชายเซติก็ทรงคุกพระชานุ ถวายความเคารพสูงสุดก่อนลุกยืนและทอดพระเนตรพระบิดาเต็มตา ณ ที่นี้ พระองค์ต้องกล่าวถวายรายงาน
“หม่อมฉันขอถวายบังคมสูงสุดแด่ฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิสแห่งอียิปต์ ผู้ครองสองแผ่นดินทอง ผู้ประทับบนบัลลังก์อันสูงสุด ผู้เป็นที่โปรดปรานของเหล่าทวยเทพแลเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งชาวอียิปต์ หม่อมฉันเซติ โอรสแห่งฟาโรห์เมรเรนฮอร์ซีซิส ได้ออกศึกปราบเมืองทางตะวันออกไกลตามพระบัญชา และในนามของฟาโรห์แห่งอียิปต์ หม่อมฉันได้นำชัยชนะพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติล้ำค่าแลข้าทาสบริวาร รวมถึงเชลยผู้พ่ายแพ้มาถวายแด่พระบาทฟาโรห์แห่งอียิปต์ ขอให้พระองค์และอียิปต์จงเจริญสืบไป พ่ะย่ะค่ะ”
“พวกท่านได้ยินแล้วหรือไม่ ลูกของข้านำสิ่งใดมาสู่อียิปต์” ฟาโรห์ทรงตรัสด้วยน้ำพระเสียงเปี่ยมล้นด้วยความยินดี “ขอให้พวกท่านกล่าวสรรเสริญลูกข้า กริชแห่งอียิปต์ ผู้พิชิตที่ข้าภูมิใจ”
สิ้นรับสั่งเสียงสรรญเสริญก็ดังกึกก้องด้วยถ้อยคำเดียวกับที่เจ้าชายเซติได้ยินมาแล้วที่เมนเนเฟอร์ ต่างกันตรงที่ ที่นี่ดังยิ่งนัก หนักแน่นยิ่งนัก ต่อพระพักต์ฟาโรห์ ทุกอย่างดูจะไม่มีที่ใดเทียบได้เสมอ