100 Days in America as an exchange student

นี่เป็นกระทู้แรกของจขกทนะคะ ก็อยากจะมาแบ่งปัน/แลกเปลี่ยนประสบการณ์การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาเล่าให้ฟัง ต้องบอกก่อนว่าที่หัวข้อเขียนไว้ว่า100วัน คือประมานร้อนวันจิงๆ เนื่องจากเรามีเหตุผลบางอย่างทำให้เราต้องกลับไทยเร็วขึ้น เพราะจิงๆเราก็ไปโครงการแบบที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปีเนี่ยแหละ แต่เหตุผลบางอย่างซึ่งไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร เป็นเรื่องดี แต่ก็นั่นแหละค่ะ เราอยากให้กระทู้นี้เป็นมุมมองของนักเรียนแลกเปลี่ยนอีกมุมมองนึงที่บางคนอาจจะไม่ค่อยได้แชร์ในมุมนี้ (มั้งงง555555) การไปอยู่ที่นั่นประมานสามเดือนกว่าๆเนี่ย ถึงมันจะน้อยแต่เราได้ประสบการณ์จากมันมาเยอะมากๆ ที่เราไปก็คือช่วงสิงหา2016ถึงพฤศจิกายน2016นะ กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้อวดประสบการณ์หรือไร อยากให้ทุกคนได้อะไรจากกระทู้นี้กลับไปจริงๆ จะแบ่งเป็นเรื่องบ้านแล้วก็เรื่องโรงเรียนละกันเนาะ ถ้ามีคำพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมก็ขอโทษไว้ก่อนนะ5555555 มันยาวหน่อย แต่ใครที่หลงเข้ามาแล้วก็อยากให้อ่านให้จบจริงๆนะ ไม่น่าเบื่อหรอก
        เริ่มจากก่อนไปเราตื่นเต้นมากๆ เพราะเป็นการไปเรียนต่างประเทศครั้งแรกด้วย เราเคยไปเที่ยวต่างประเทศมาบ้าง แต่ไม่เคยไปเรียน ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เคยไปเที่ยวอเมริกามาด้วย ไปเที่ยวก็จะไปเมืองใหญ่ๆแบบเมืองท่องเที่ยวอย่าง San diego, San Francisco, LA, Las vegas อะไรประมานนี้ แต่รัฐที่เราได้ไปแลกเปลี่ยนเนี่ย ชื่อเมือง Eureka Springs รัฐ Arkansas มันก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตอนมุมมองก่อนไปนะ (ซึ่งหลังจากไปมาแล้วก็คิดงั้นแหละ แล้วจะบอกทำไมก็ไม่เข้าใจ55555555) โดยทั่วไปแล้วเราก็ต้องไปประมานเดือนกรฎา ไม่ก็สิงหาของปีนั้นๆใช่มั้ย ของเรากว่าจะได้โฮสคือแบบมิถุนา ไม่ก็กรกฏาเนี่ยแหละ กระชั้นชิดมากๆ กลัวเตรียมตัวไม่ทันเหมือนกันตอนนั้น ก็บอกไว้ด้วยสำหรับคนที่จะไป หรือกำลังจะไปแล้วยังไม่ได้โฮสไม่ต้องตกใจเลยนะ เป็นเรื่องปกติมากๆ บางคนถึงขั้นต้องบินทั้งๆที่ยังไม่ได้โฮส เพราะเหมือนโรงเรียนจะเปิดแล้ว แต่ก็จะได้ไปอยู่กับบ้านคนที่ดูแลในพื้นที่นั้น หรือเพื่อนเราก็กว่าจะได้บินช้ามาก เพราะได้โฮสช้า ตอนบินไปรู้สึกโรงเรียนก็เปิดไปแล้วเดือนหนึ่งมั้ง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรขนาดนั้น ซึ่งทุกคนก็ไม่ต้องตกใจไป โอเค ต่อ พอเรารู้โฮสปุ๊บ เราก็ถูกชะตากับชื่อเมืองมากๆ แบบไม่รู้อะ รู้สึกว่าชื่อสวย ชื่อน่ารักดี5555555 ทุกคนก็ลองไปเสิชได้ คือเป็นเมืองที่น่ารักมากกก เหมือนมันเป็นเมืองแบบhistorical cityด้วยอะ เลยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีในส่วนตรงนี้มาก เพราะเวลาไปแลกเปลี่ยนมันก็จะแรนด้อมมากๆใช่มะ แล้วบางคนได้เมืองแบบไม่มีอะไรเลยอะ แบบไม่ได้มีจุดเด่น หรือสินค้าเด่นๆอะไรเลย คือcompletely nothingอะเอางี้ดีกว่า นี่พี่สาวก็เคยไป ก็ได้อยู่เมืองNampa, Idaho แค่ชื่อรัฐก็ไม่เคยได้ยินละ ยิ่งเมืองนี่ยิ่งแบบไม่มีอะไรเลยพี่บอก55555555 แต่บอกไว้ก่อนไม่ว่าจะได้เมืองไหนก้อย่าเสียใจ เมืองไม่มีไร แต่ชีวิตที่โรงเรียน ชีวิตhost familyอาจจะสนุกก็ได้ การไปอะไรแบบนี้หลักๆต้องอย่าาาาคาดหวังอะไรเยอะ เพราะถ้ามันไม่เป็นดั่งที่ใจเราหวังเราจะเสียใจมากๆ หวังแบบพอดีๆ หยุมหยิมๆพออ5555555 เราก็จะเล่าข้ามมาตอนเดินทางเลยละกัน ตอนเราไปโชคดีหน่อยว่ามีเพื่อนคนไทยในโครงการไปด้วยจนสุดทางเลยแบบลงเมืองเดียวกัน ซึ่งต่อเครื่องเยอะมากกก เหนื่อยสุดๆ นั่งจากไทยไปลงญี่ปุ่น นั่งจากญี่ปุ่นไปลงAtlantaละค่อยนั่งจากAtlantaมาเมืองเรา แล้วคือไปถึงก็ดึกมากๆ เที่ยงคืน เอาตรงๆความรู้สึกตอนแบบลาครอบครัวละเดินทางคนเดียว ไม่ค่อยโหวงเท่าที่คิด เหมือนตอนนั้นข่มอารมณ์ตัวเองมากมั้ง แต่ดันนนไปหลุดตอนระหว่างรอเครื่องที่Atlantaไปเมืองตัวเองอะ เพราะเพื่อนคนไทยร้องไห้จ้าาา คือเป็นคนหนึ่งที่เห็นคนอื่นร้องไห้ไม่ได้ จะร้องไห้ตาม ละอารมณ์มันมาด้วยไง แบบนั่งอยู่เก้าอี้สนามบินเงียบๆคนเดียว ท่ามกลางผู้คนเดินกันขวักไขว่ ค่อยๆมองออกไปข้างนอก เห็นเครื่องบินจอดเรียงๆกันพร้อมbackgroundพระอาทิตย์ตกพอดี คือขาดแค่เปิดเพลงเอางี้ดีกว่า จะเหมือนถ่ายเอมวีละอะ ก็นั่นแหละ5555555 ณ จุดๆนั้นคงพึ่งนึกได้มั้งว่าเออ แกต้องเส้านะ นี่แกจากบ้านมาปีนึงนะ อารมดราม่ามันพึ่งมาตอนนั้นๆ55555555
         พอถึงสนามบินปลายทางเราก็เออ เจอโฮส เขาเป็นผู้หญิงแบบเกษียณแล้วอยู่บ้านคนเดียว ซึ่งพอเราไปอยู่ก็เหมือนแบบอยู่กันสองคนไรงี้ บ้านเราเป็นบ้านแบบอยู่ในป่า แต่มันไม่ได้ฟังดูแย่แบบที่เป็นนะ คือรัฐนี้ โดยเฉพาะเมืองนี้มันแบบต้นไม้เยอะ ป่าเยอะ คือได้รับขนานนามว่าเป็นnatural stateอะ บ้านเราก็อยู่ลึกมากกก ถนนคอนกรีตก็เข้าไม่ถึงอะ จะเป็นอิฐแดงนะคะ ทางไปบ้าน มันอาจจะฟังดูเหมือนต่างจังหวัดไทย แต่คือต่างจังหวัดที่นี่มันก็จะไม่เหมือนกับที่ไทยเท่าไหร่ คือมันดีกว่า (ไม่ได้จะด่าว่าไทยแย่นะ แต่มันแค่เป็นfactอยู่แล้ว ด้วยเรื่องของประวัติศาสตร์ หรือด้านการพัฒนาของประเทศเขาไรงี้ ดีกว่าก็เป็นเรื่องปกติ) ซึ่งพอเราอยู่ๆไปแปปนึง พึ่งรู้จาาว่าบ้านไม่มีไวไฟ คือเอาตรงๆตอนนั้นไม่ได้อะไรมากมายแบบที่คิดว่าตัวเองน่าจะเซงมากกว่านี้ ถามโฮส โฮสบอกว่ามีเร้าเตอร์ไม่ได้ สัญญาณไม่ถึง (คือมันป่าเบอร์นั้นอะ5555555) แต่เราก็ซื้อแบบแพคเกจเนตไรงี้มันก็จะเปนสามจีสี่จีก็ว่ากันไป แต่คือมีน้อยgbอะ เพราะแพงมากกก ปกติเวลามาเรียนต่างประเทศกันงี้เขาก็จะซื้อซิมกัน ละสมัครแพคเน็ต ตอนพี่มาก็เปนงั้น หรือคนอื่นก็เปนงั้น แต่นี่ก็ไม่เข้าใจ โฮสพาไปร้านแบบติดต่อเรื่องซิม เขาก็แบบไม่มีซิมที่ใช้กับโทรศัท์นี้ได้ บลาๆๆ คือตอนนั้นมันเป็นปัญหาไรก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าใช้ไม่ได้ละกัน55555555 สรุปคือเนตที่มีก็ใช้เล่นทวิตเตอร์ เฟส ไอจีไรงี้ไม่ได้อะ มันโหลดช้า อยู่ไปได้ไงไม่รู้ตอนนั้น แต่ตอนนั้นเราลบไอจีนะ คือลบตั้งแต่ก่อนไปละ แค่รู้สึกไม่อยากเล่นไอจีเลยลบ ส่วนเฟสไม่ได้โหลดแอพไว้มานานแล้ว นานๆถึงจะเล่นที โซเชียลตอนนั้นก็จะมีแต่ทวิตเตอร์ที่ก็ไม่ค่อยได้เล่น เพราะเนตน้อย ไม่ได้รวมไลน์ไรงี้นะ ถามว่าตอนนั้นอยู่ไปได้ไง เออมันก็อยู่ได้อะ จิงๆเราเป็นคนติดโซเชียลมากเลยนะ ก็ชอบตัวเองในตอนนั้นเหมือนกันอันที่จริง แต่ส่วนหนึ่งที่อยู่ได้โดยไม่เบื่อก็มีอ่านนิยายในเด็กดีอะ คือเนตมันช้าไง เล่นอะไรที่ต้องโหลดทันทีไม่ได้ นิยายมันโหลดตอนนึงก็อ่านๆๆ ละค่อยโหลดอีกทีตอนเปลี่ยนตอนงี้ ช่วงนั้นว่างๆก็อ่านนิยายในเด็กดีเนี่ยแหละ แต่ประเด็นคือไปแลกเปลี่ยนเราก็ควรคุยกับโฮส ไม่อยู่กับโทรศัพท์ใช่มั้ยล้าาา พ่อก็ย้ำตลอดว่า เอออย่าเล่นโทรศัพท์เยอะไรงี้ เวลาส่วนใหญ่ก็จะspend timeกับโฮสมากกว่า ดูหนัง อ่านหนังสือ ฟังเพลงไรงี้ โฮสเราอายุแบบจะหกสิบละมั้ง แต่สไตล์แบบผู้หญิงห้าวอะ ตัดผมสั้นแบบผชเลย คือตัดภาพผญแก่ นั่งโซฟา ลูบผมแมว ถักไหมพรมไรงี้ได้เลย55555555 ความเป็นจริงคือแบบทาสีบ้าน เลื่อยไม้ ทำที่กั้นประตูไรงี้ ละมีลำโพงที่บ้านก็แบบเปิดเพลง ละที่ดีคือแกฟังเพลงวัยรุ่นได้ คือดีมากกก เวลาเปิดเพลง หรือวิทยุในรถ ก็จะเปิดเพลงป๊อบวัยรุ่นฝรั่งอะ คือดียยย แต่บางทีเราก็ตามใจเขานะ หลังๆก็แบบเออเปิดเพลงที่เขาชอบฟังหน่อย เขาตามใจเราเยอะ ก็แบ่งๆกันไป อยู่ร่วมกับคนอื่นเราก็ต้องนึกถึงคนอื่นเขาเยอะๆด้วย ถึงแม้เราจะเป็นฝ่ายที่ต้องมาแปลกที่แปลกถื่นแต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมานั่งเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อเราเนอะ ยังไงก็แล้วแต่ก็ขึ้นอยู่กับโฮสอยู่ดี ถ้าได้โฮสไม่ดีจริงๆ จะบอกกับเพื่อนตลอดว่า เปลี่ยนเถอะ เปลี่ยนเลย แต่ต้องทนไปก่อนนะ ไม่ใช่ไม่ดีก็เปลี่ยน ต้องลองไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเช่น โดนขโมยของงี้ก็อย่าไปทน มันเป็นสิทธิของเรา เราจะต้องอยู่ไปอีกหนึ่งปีอะ ซึ่งโฮสเราถือว่าเป็นคนดีมากกกก แบบเออโชคดีที่ได้โฮสดีอะ
         เรื่องที่จะบอกก็คือพอดีว่าพ่อกับแม่เราจะมาเมกาพอดี พ่อเรามีประชุม เลยพาแม่มาเที่ยวด้วยไรงี้ แถวพวกนิวยอร์ค,ดีซี พ่อก็เลยอยากแวะมาหาเราด้วยย ซึ่งตามกฎแล้วเขาห้ามเน้อออหมายถึงกฎโครงการ เพราะยังเป็นช่วงแรก คือพ่อจะมาตอนเราไปอยู่ได้เดือนนึงอะ (แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เรากลับก่อนเพราะโดนจับได้ไรงี้นะ) แต่ถ้าจะมาเยี่ยมแบบเดือนสุดท้ายก่อนกลับอะได้ โอเคละทีนี้ พอพ่อกับแม่มาาาา ก็ดีมากกก แบบดีใจ เพราะเราชอบเมืองนี้มากๆเราอยากให้พ่อกับแม่เราได้เห็นสิ่งที่เราเป็นอยู่ไรงี้ จิงๆตอนนั้นเราก้ำกึ่งระหว่างอยากให้มากับไม่อยากให้มานะ เพราะเรากลัวเราควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เหมือนเรารู้ว่าตอนพ่อกับแม่กลับเราต้องคิดถึงมากแน่ๆ แบบต้องเศร้ามากแน่ๆ รู้ตัวเองอะ แต่สุดท้ายเลยคิดว่า เอ้อ การที่เราอยากให้เขามาเห็นชีวิตความเป็นอยู่เรามันมีมากกว่า ดังนั้น ความรู้สึกของเราจะเป็นยังไงชั่งมัน เดี๋ยวเราฮีลตัวเองเอง แบบไม่เป็นไร5555555555 ก่อนพ่อกับแม่จะมาคือโฮสเราก็บอกละแหละ ว่าอยากให้มา เขาอยากพาพ่อกับแม่เที่ยวไรงี้ พอมาก็เออ พามาเที่ยวหลายที่ ไปล่องเรือที่แม่น้ำแถวบ้านเรา คือบ้านเรามันติดlake lakeนึง ละโฮสเราก็มีเรือของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาก็พาเราไปว่ายน้ำ ล่องเรือเหมือนกัน เป็นแม่น้ำที่สวยมากกก คือบนภูเขาเราจะเห็นบ้านที่ดีไซน์แตกต่างกันออกไป ละเหมือนบ้านทุกบ้านเป็นบ้านพักตากอากาศของคนที่มีบ้านอยู่ในเมืองงี้อะ แต่ละหลังเลยมีความดีไซน์แบบสวยมากกกก ยกเว้นบ้านเราอะนะ ไม่เข้าใจเหมือนกัน555555555
         มีอยู่วันหนึ่งก่อนนอนพ่อกับแม่ก็มาพูดว่า เออ เปลี่ยนโฮสมั้ย นี่ก้งง แบบเจื่อนไปเลย เพราะเราก็ชอบโฮส ชอบทุกอย่างที่นี่ พ่อกับแม่ก็แบบเออมันไม่ใช่เรื่องโฮส คือพ่อก็พูดว่าพ่อได้คุยกับโฮส ยิ่งรู้เลยว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ แต่ปัญหามันอยู่ที่บ้าน คือบ้านเก่ามาก แล้วจากการที่พวกเขาเห็นเราตอนสนามบิน คือโทรมมาก แบบอ้วนขึ้น ดำขึ้น ละขาลายมาก (จากการโดนยุงกัดอย่างหนักหน่วง ซึ่งตอนอยู่ไทยขาไม่ลายเลย) พ่อกับแม่ก็แบบเนี่ย ห้องนอนก็สกปรก ขอเท้าความเรื่องนี้เล็กน้อย คือบ้านมีสองชั้น ละเหมือนเราอะ อยู่ชั้นล่าง เขาอยู่ชั้นบน เหมือนชั้นล่างปกติไม่มีคนอยู่เลย เพราะเขาอยู่คนเดียวไง ข้างล่างมันเลยแบบดูสกปรกนิดหนึ่ง แล้วบ้าอยู่กลางป่าด้วยอะ โฮสก็เคยบอกนะว่าก่อนเรามา เขาทำความสะอาดครั้งใหญ่หลวงเลย แต่ก็นั่นแหละ แม่เราอะ คือเป็นคนรักษาความสะอาดม้ากกกกมากกก แม่หลายคนอาจจะเป็น แม่เรามาครั้งนี้ ก็มาทำความสะอาดให้แบบเช็ดถูเตียงไรงี้ แม่บอกทนดูไม่ได้เลย555555555 ต้องบอกก่อนนะว่าเราไม่ใช่บ้านฐานะดีอะไร แบบฐานะปานกลาง ก็ไม่ได้อยู่บ้านที่ไทยแบบคฤหาสน์ไรขนาดนั้น แต่ที่นี่มันก็โทรมจริงๆแหละ ละยิ่งแม่ที่เป็นคนขั้นกว่าในด้านความสะอาดเลยหนักเข้าไปใหญ่ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าบ้านมันจะเป็นปัญหาไรขนาดนั้น ละเราก็ไม่อยากย้ายโฮสด้วยเพราะเรากลัวมองหน้าเขาไม่ติด แบบบอกว่าเราดี ละย้ายทำไมงี้ ก็เลยบอกพ่อกับแม่ไปว่าเฮ้ย อย่าดีกว่า ไม่เป็นไร อยู่ได้ ซึ่งเราก็อยู่ได้จริงๆอะนะ พอถึงตอนพ่อแม่กลับ พ่อซื้อตั๋วสนามบินขา กลับผิด เหมือนพ่ออะจำชื่อสนามบินสองสนามบินที่ใกล้บ้านเราที่สุด ละสนามบินนั้นจริงๆมันไม่ใกล้ คือพ่อเข้าใจผิด ละโฮสก็ดีมาก จริงๆพ่อจะหาทางกลับเองเพราะเกรงใจเขา มันขับรถสามชั่วโมงอะ ไปสนามบินนั้น แต่โฮสบอกเดี๋ยวโฮสไปส่ง ก็นั่นแหละค่ะท่านผู้โช้มมมมไปกลับหกชั่วโมง เหนื่อยเลยกุ55555555 แต่โฮสเขาคนขับรถเขาก็เหนื่อยกว่าแหละ ถึงแม้จะแข็งแรง ห้าวๆ แต่นั่งรถนานๆเขาก็ปวดหลังนะ แบบหลังจากนั้นต้องกินยาเลยอะ เขาปวดหลังมาก สงสาร ละตอนพ่อกับแม่มาก็แบบจะให้เราดูโรงแรมไว้ด้วยนะ คือเมืองเราเป็นเมืองท่องเที่ยวพอดีไง เลยโรงแรมเยอะ ปรากฎโฮสบอกมาอยู่บ้านเราเนี่ยแหละ ตอนนั้นก็ไม่ได้คาดหวังเลย คือพ่อกับแม่ไม่ได้อยากรบกวนเขาอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ก่อน เออโฮสก็ดี เขาแบบจะจองทำไม มาอยู่นี่! 555555555 *มีต่อเรื่องโรงเรียนนะ จะมาต่อในคอมเม้นละกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่