In Relationship # ตอนที่ 1

“นั่งคนเดียวแล้วมองกระจก
ที่สะท้องแสงจันทร์ วันเพ็ญ
โดดเดี่ยวกับความเหงา
อยู่กับเงาที่พูดไม่เป็น
ฟังเพลงเดิมๆที่เรารู้จัก
แต่ไม่รู้ความหมายของมัน
หากฉันจะหลับตาลงสักครั้ง
เพื่อพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์
หากความรักเกิดในความฝัน
เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน
……. ”
“ฮื่ยส์  ไม่รู้จักกันก็ดีอ่ะสิ   ไอ้!@#%&”  เสียงสบถไม่ดังนัก  แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ แกว่าอะไรนะ  แคลร์”  ทับทิมที่กำลังง่วนกับการแกะกุ้งย่าง  ยื่นหน้าจีบปากตะเบ็งถามเสียงแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอยู่รอบกองไฟข้างหลัง  
“อ๋อ … ไม่มีอะไร  ด่าไอ้ลูกหมาปากมอมนิสัยไม่ดีตัวนึง  นี่ทิมฉันจะกลับห้องแล้วนะ  มึนๆหัวอ่ะ”  แคลร์ลุกขึ้นจากท่อนไม้ผุๆที่ถูกดัดแปลงมาเป็นม้านั่งริมหาด   มือขาวเนียนๆ เหมือนมือเด็กปัดทรายที่ติดตามกางเกงเลสีฟ้าพาสเทลแรงๆอย่างหงุดหงิดเกินกว่าความผิดของเม็ดทราย
“ เออๆ กลับห้องก็ดีจะได้เก็บของแพคกระเป๋า  พรุ่งนี้กลับกรุงเทพแต่เช้า  แต่เดี๋ยว  นี่แกเป็นวันนั้นของเดือนเปล่านี่  ทำไมดูหงุดหงิดงุ่นง่าน  หรือว่า…. ฮั่นแน่!.....เมื่อตะกี้ที่หายไปนานสองนานแอบไปทำอะไรมา” คนถูกถามหน้าแดงลามไปถึงหู  แต่ยังคงเก็บสีหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม
“ ฉันหลบไปแปรงฟันกลั้วน้ำยาบ้วนปากมา  เล่นกับไอ้ลูกหมาแล้วหมามันเลียปาก  ตกลงแกจะกลับไม่กลับ  ฉันไปละ”โดย ไม่รอฟังคำตอบ  แคลร์เดินจ้ำตรงกลับบ้านพักผ่านวงดนตรีรอบกองไฟโดยไม่หันมองมือกีต้าร์ที่มองตามอย่างมีความหมาย  ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆทักขึ้น
“พี่แคลร์  พี่ทิม  จะกลับห้องแล้วเหรอคะ  ยังไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันเลย”  น้ำหวานรุ่นน้องเจ้าของเสียงหวานสมชื่อถามเสียงใส
“ โอ้ย!  อย่าฟังเสียงพี่อ่ะดีแล้วน้อง  เดี๋ยวคืนนี้จะพาลนอนไม่หลับกัน”  ทับทิมตอบกลับ  เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งดวลไพ่กินน้ำกันอีกวงใกล้ๆ
“ เสียงพี่ทับทิม  ไม่ต่างกับเสียงควายทับกันอ่ะน้อง” แว่นประธานรุ่นปีสี่ตะโกนมาจากวงไพ่  พร้อมกับลุกเดินเข้ามายืนข้างๆสองสาวเพื่อนซี๊ที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับห้องอย่างที่ตั้งใจ
“โหย  ไอ้แว่น เสียงแกดีนักนี่  ตอนงานประกวดร้องเพลงปีหนึ่ง  ฉันจำแกได้แม่น  แหมๆ ทำมาเป็นแหกปาก  ขอเสียงชาวร็อคหน่อยเร๊ว  ร้องคำแรกออกมาปุ๊บ อุ๊แม่เจ้า  เสียงแม่ควายตกลูกดีๆนี่เอง” แคลร์เหลือบมองเพื่อนที่โต้ตอบกันอย่างเผ็ดมันส์  จนตัวเองเผลอยิ้มให้เพื่อนปากดีประจำรุ่นทั้งสอง
“แคลร์  ร้องเพลงให้ฟังหน่อยนะ  คิดถึงเสียงแคลร์จัง”  เสียงของอาร์มรุ่นพี่ปีสี่ที่รุ่นน้องต่างยกให้เป็นโอ้ปป้าของคณะ  เพราะหน้าใสๆ บุคลิกสุขุมนุ่มลึกกับน้ำเสียงนุ่มๆ   กำลังเดินมายืนเคียงข้างแคลร์รุ่นพี่ปีสี่สาวตัวเล็กแต่ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่น  สบายใจ
“เออ จริงๆ  ไม่ได้ฟังแคลร์ร้องเพลงนานแล้ว  ร้องสักเพลงสิแคลร์น้องๆเค้าจะได้มีความสุขก่อนนอน  ขอเพลงๆ  อะไรนะที่แกร้องตอนปีหนึ่งอ่ะ  แม่เอ๊ยเพราะโคตรๆ   ยืนฟังข้างล่างเวทีนี่แทบจะปีนขึ้นเกาะขาเลย” เสียงต้นรุ่นพี่ปีสี่ที่ความหล่อเรียกว่ากินไม่ลงกันกับพี่อาร์ม  แต่บุคลิกเฮฮาปาจิงโก๊ะ  
“ เลย์ มี ดาวน์  ของ แซม สมิทธ์  ฉันจำได้  ไอ้ทอมเล่น  ไอ้แคลร์ร้อง  น้องๆช่วยแหวกวงให้พวกพี่หน่อยนะครับ” แว่น  อาร์ม  ต้น  ก็แหวกฝูงรุ่นน้องๆ ที่นั่งล้อมวงร้องเพลงกันอยู่ก่อน  ทิ้งวงไพ่ร้างไป  รุ่นพี่คนอื่นๆพอได้ยินว่าพี่แคลร์จะร้องเพลง  พี่ทอมจะเล่นกีต้าร์  ต่างวิ่งกระย่องกระแย่งย่ำทรายมาหย่อนตัวลงเรียกว่าปูเสื่อแถวหน้ากันเลยทีเดียว  ทำเอาน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งตื่นเต้นกันใหญ่มองพี่แคลร์  พี่ทอมตาไม่กระพริบ
“อ้าว  แคลร์มานั่งนี่สิ  ใจคอแกจะให้ เค้าหันมองแกที มองไอ้ทอมทีเหรอวะ  สงสารผู้ชมตาดำๆอย่างฉันบ้าง”  เสียงประธานรุ่นเร่งเร้าให้แคลร์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรก  เพราะยังงงไม่หายว่าไปรับปากจะร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไรกัน
    “นั่งตรงนี้แหละ  ใครขี้เกียจหันก็ไม่ต้องมอง  เนอะ” แคลร์หันไปเออออกับน้องต่อรุ่นน้องปีหนึ่ง  พร้อมส่งยิ้มตาหยีก่อนขอหย่อนตัวลงนั่งข้างๆน้องต่อรุ่นน้องสุดฮอทที่กำลังตาพร่าเพราะยิ้มกระจ่างใสของรุ่นพี่ตัวเล็ก  จนเจ้าตัวเผลอยิ้มกว้าง  ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกีต้าร์ในมือใครบางคนที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
    “Yes, I do, I believe  That one day I will be where I was….” เมื่อเสียงร้องๆขึ้น  รอบๆ ก็เงียบสงัด   มีเพียงเสียงคลื่นซัดกระทบหาดกับเสียงกีต้าร์แว่วหวานปนเศร้าของใครบางคนที่ส่งสายตามองมาอย่างตัดพ้อ  
    “Can I lay by your side, next to you, you
And make sure you’re alright?
I’ll take care of you,
And I don’t want to bยิ้ม if I can’t be with you tonight ……” ไม่ใช่แค่เสียงของรุ่นพี่ที่ชื่อแคลร์เท่านั้น  แต่เป็นเสียงของเจ้าของเสียงกีต้าร์ที่ดังขึ้นประสาน
    “ โอ้ย … บ้าไปแล้ว  ทำไมมันเศร้าขนาดนี้วะ”  พี่อาร์มยกคอเสื้อปาดน้ำตาพร้อมสูดขี้มูก
    “ ทิมๆ  มันสองคน เป็นอะไรกันวะ  ทำไมได้กลิ่นดราม่าโชยๆ ” แว่นกระทุ้งสีข้างทับทิมเบาๆ ก่อนพยักพเยิดหน้าไปที่แคลร์ทีและทอมอีกที
    “ วี๊ดดดดวิ้วววว” เสียงผิวปากของพี่ต้น  ดังขึ้นพร้อมๆ เสียง ปรบมือกรี๊ดกร๊าดของรุ่นน้องรอบๆกองไฟ
    “ผมเพิ่งเข้าใจ  ที่เขาบอกว่าฟังเพลงแล้วมีความสุขจนน้ำตาปริ่มนี่มันเป็นยังไง  เจอกับตัว  เยี่ยมเลยครับพี่” เสียงน้องต่อชื่นชมสองรุ่นพี่อย่างปิดไม่มิดทั้งแววตาและน้ำเสียง
    “ บอกแล้วว่า เสียงเพลงของ  แคลร์ทอม คือ นิพพาน   ขออีกเพลงได้ไหม  คราวนี้ขอเพลงหวานๆแฮบปี้ๆนะ  เมื่อกี้เศร้าจนตรูนี่แทบจะกัดผ้าห่มร้องไห้กับหมอน  ถ้าไม่กลัวใครเข้าใจผิดว่าแอบเล่นผีผ้าห่มกับไอ้ทิมตอนฟังพวกแกร้องเพลง”  พี่ต้นเรียกเสียงฮาโดยรอบ  แคลร์กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าไม่มีอารมณ์ร้องเพลงหวานๆกับไอ้ลูกหมานั่นหรอก  ถ้าจะไม่มีเสียงหวานๆ ของรุ่นน้องปีสองที่นั่งข้างไอ้ลูกหมาเอ่ยขึ้นมาก่อน
    “น้ำหวานอยากลองร้องกับพี่ทอม  ขอน้ำหวานร้องกับพี่ทอมเพลงนึงนะคะ  ปีหน้าพี่ทอมก็ไม่อยู่รับน้องแล้ว  พี่ทอมเล่นได้ใช่ไหมคะ  เพลง ฉันต้องคู่กับเธอ  ของ Room39”  แคลร์เห็นไอ้ลูกหมาหันไปมองมือที่เกาะขาหน้าของมันข้างหนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบรับสาวสวยพิมพ์นิยมแบบเน็ตไอดอลปัจจุบัน
แคลร์ตบไหล่ทับทิมเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มขอตัวกับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างและลุกขึ้นเดินกลับห้องพักกันไปเงียบๆ  ทิ้งให้แฟนคลับแคลร์ทอมสามคนที่อุตส่าห์ทิ้งวงไพ่มาอารมณ์ค้างเติ่ง  
ทั้งสามต่างมองหน้ากันเหมือนจะถามกันทางกระแสจิตว่า ‘คิดเหมือนกันไหมวะ ว่ามันต้องมีฉาก uncut ที่พวกเอ็งกับพวกข้าพลาด’

“ เฮ้ย! แคลร์  ปากแกทำไมมันแดงอย่างนั้น” ทับทิมที่แต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ  ก้าวพรวดพราดมานั่งที่ขอบเตียง  ก่อนก้มลงมองปากเพื่อนที่ยังคงขี้เซาเพราะเมื่อคืนไม่รู้จะทำอะไรในห้องน้ำเป็นชั่วโมงจนเธอเผลอหลับไปเสียก่อน   พยายามคิดว่าเมื่อคืนตอนกลับมาห้องก็ยังไม่เห็นแดงนี่นา  หรือมันแพ้น้ำลายหมา   แย่แล้ว!
“ไอ้แคลร์  ตื่นสิโว๊ย  ปากบวมเจ่อแล้วยังจะนอนต่ออีก  ไปๆรีบล้างหน้า  เดี๋ยวฉันจะรีบไปขอยาแก้แพ้กับอาจารย์ขวัญมาให้กิน  ลุกเร็วเข้า  นี่ดูปากแกซะอย่างกับเด็กขโมยลิปสติกแม่มาเล่น ”  ทับทิมพยายามฉุดแขนเพื่อนขี้เซาให้ขึ้นมานั่ง  พร้อมยัดกระจกจากตลับแป้งใส่มือ
“ เฮ้ย!   ทิมไม่ต้อง” กว่าคนปากเห่อแดงจะหายเมาขี้ตา  ทับทิมก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องไป
ทับทิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านโต๊ะที่มี ต้น  อาร์ม  แว่น  และทอม  นั่งทานข้าวต้มกุ้งมื้อเช้ากันอยู่   ก่อนจะวกกลับมา
“นี่พวกแกเห็นอาจารย์ขวัญไหม  ฉันจะขอยาให้ไอ้แคลร์” เสียงถามกระหืดกระหอบของทิม  ทำให้ทุกคนบนโต๊ะถือช้อนค้าง  อาร์มได้สติก่อนเพื่อนชี้ไปที่รถตู้ที่อาจารย์ขวัญกำลังก้มๆเงยๆ จัดสัมภาระอยู่ท้ายรถ
“เดี๋ยว ! ทิม  แคลร์เป็นอะไร” ชายเสื้อของทิมถูกคนที่เพื่อนๆลงความเห็นว่าน่ารักที่สุดในรุ่นดึงไว้
“ ไอ้ทิม!”  เสียงตะโกนจากคนที่กำลังถูกพูดถึง ที่กำลังวิ่งเกือบจะถึงโต๊ะที่เกิดเหตุ  แต่คงจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“ แคลร์มันแพ้น้ำลายหมา  เห็นว่า เมื่อวานมันเล่นกับลูกหมาที่ชายหาด  แล้วหมามันดันเลียปาก  นี่ตื่นมาเห็นปากมันแดงเจ่อเลย  ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ยังไม่แดงนะ  นู่นไงมันมานู่นละ”  ทิมพูดจบแคลร์ก็วิ่งถึงพอดี  สายตาทั้งสี่หนุ่มจับจ้องไปที่ปากของเพื่อนสาวที่แดงแต่ไม่ถึงกับบวม  
ต้นจับสังเกตอะไรได้บางอย่างจากเพื่อนทั้งสอง  ที่คนนึงตอนนี้ยืนทำหน้าเหวอเพราะได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อนรัก   ในขณะริมฝีปากของคนข้างๆกำลังเม้มเป็นเส้นตรงแล้วก็คลายออกก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มทานต่อเหมือนไม่ใส่ใจ   เมื่อเห็นว่าตนกำลังมองอยู่  
“อ๋อ…มิน่าเมื่อคืนเห็นลูกหมาตัวนึงหน้าจ๋อยๆ   สงสัยจะโดนไอ้แคลร์ตบปาก”ต้นว่าก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปาก
รู้สึกเช้านี้แม่ครัวเปลี่ยนคนจากเมื่อวานหรือไง   ข้าวต้มถึงได้อร่อยเป็นพิเศษ
“เคร้ง!”  เสียงช้อนกระทบชามกระเบื้อง
    “อ้าว!  ไอ้ทอมกุ้งกระเด็นมาชามกูๆจะไม่ว่าสักคำ  นี่ซัดมาแต่น้ำข้าวต้ม   ต้น…ลูกหมาตัวไหนวะ ทำไมกูไม่เห็นสักตัว” แว่นถามแล้วก็ชะเง้อมองไปที่หาด  ขณะที่แคลร์พยายามกระตุกชายเสื้อทิมให้กลับไปที่ห้องด้วยกันสักทีเถอะ
แต่เหมือนทิมจะสนใจเช่นกันว่าเป็นลูกหมาตัวไหน
    “ทำไม ถ้าแกเห็นลูกหมาแล้วจะทำไม” อาร์มถามแว่นสีหน้ายิ้มๆ
    “ ก็จะเตะตูดมันสักป๊าบ  บังอาจขโมยจุ๊บนางฟ้าของข้า  ฮิ้ววววว” แว่นตอบแบบคึกคักสุดๆ
    “ทำไมเมิงต้องฮิ้วววววเองด้วยวะ” อาร์มอดถามไม่ได้
    “อ้าวก็พวก  ไม่เคยชงให้กู  กูก็ต้องชงเองสิวะนี่ปีสุดท้ายละ  เดี๋ยว มคปด จริงไหมวะทอม  เฮ้ยทำไมวันนี้เอ็งพูดน้อยจัง  หิวเหรอตะเอง  อะไรวะแค่นี้ก็หน้าแดง  ผู้ชายอะไรวะ น่ารักยิ้ม” แว่นมองเพื่อนที่วันนี้พูดน้อยผิดปกติ
    “ แต่กูว่า  ไม่ใช่เดี๋ยว เพราะได้ข่าวหมาแถวๆเนี้ย  คาบไป-แล้วเมื่อวาน   เอ๊ะ!  มองหน้ากูทำไมทอม  หรือปากกูแดงอีกคนเหรอ  แดงเหรอวะอาร์ม” ต้นหันปากตัวเองไปให้เพื่อนอาร์มดูว่าแดงหรือไม่  ทอมมองเพื่อนที่ทำหน้าตายได้โล่ห์ก่อนจะส่งสายตาว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
    “ ไม่ใช่หมงไม่ใช่หมาที่ไหนหรอก  เราแพ้ยาสีฟันน่ะ  ไปทิมกลับห้อง ฉันบอกแกไม่ทันว่าฉันพกยาแก้แพ้มาด้วย”  แคลร์กอดคอทิมที่ยืนทำหน้างงกับบทสนทนาบนโต๊ะเมื่อครู่พากันเดินกลับห้อง  สีหน้าทิมยังฟ้องว่าตกลงเป็นหมาตัวไหนยังไม่ทันรู้เรื่องเลยนะแคลร์
    “เดี๋ยว!”  ต้นก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม  เมื่อเห็นคนข้างๆกำเสื้อแจ็กเก็ตลุกพรวดก้าวไปหาสองสาว  ก่อนจะโยนเสื้อแจ็กเก็ตคลุมหัวคนแพ้ยาสีฟันโดยแล้วหันหลังเดินกลับมากินข้าวต้มต่อโดยไม่พูดไม่จา
    “โอ้มายก็อด  เท่โคตรๆอ่ะ   บอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้ทอม  จำมาจากซีรีส์เรื่องไหน  กูจะได้โหลดมาดูบ้าง ฮ่าๆๆ”
แว่นอุทานปนทึ่งกับพฤติกรรมพระเอ๊กพระเอกของเพื่อน
    “เมิงรีบๆกินข้าวต้มไปเลยแว่น” ทอมเงยหน้าขึ้นสบตา  เลิกคิ้วตอบกลับกวนๆ  
ส่วนสาวที่แพ้น้ำลายหมา  เอ้ย! แพ้ยาสีฟัน  ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก  เพราะกำลังมึนงงที่เสื้อแจ็กเก็ตของใครบางคนลอยมาคลุมหน้า  ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อยืดสีขาวเนื้อบางที่ใส่นอนกับกางเกงเลที่ขณะนี้ถูกลมทะเลตอนเช้าพัดแรงจนเห็นสัดส่วนที่ทำให้หนุ่มๆคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่