“นั่งคนเดียวแล้วมองกระจก
ที่สะท้องแสงจันทร์ วันเพ็ญ
โดดเดี่ยวกับความเหงา
อยู่กับเงาที่พูดไม่เป็น
ฟังเพลงเดิมๆที่เรารู้จัก
แต่ไม่รู้ความหมายของมัน
หากฉันจะหลับตาลงสักครั้ง
เพื่อพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์
หากความรักเกิดในความฝัน
เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน
……. ”
“ฮื่ยส์ ไม่รู้จักกันก็ดีอ่ะสิ ไอ้!@#%&” เสียงสบถไม่ดังนัก แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ แกว่าอะไรนะ แคลร์” ทับทิมที่กำลังง่วนกับการแกะกุ้งย่าง ยื่นหน้าจีบปากตะเบ็งถามเสียงแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอยู่รอบกองไฟข้างหลัง
“อ๋อ … ไม่มีอะไร ด่าไอ้ลูกหมาปากมอมนิสัยไม่ดีตัวนึง นี่ทิมฉันจะกลับห้องแล้วนะ มึนๆหัวอ่ะ” แคลร์ลุกขึ้นจากท่อนไม้ผุๆที่ถูกดัดแปลงมาเป็นม้านั่งริมหาด มือขาวเนียนๆ เหมือนมือเด็กปัดทรายที่ติดตามกางเกงเลสีฟ้าพาสเทลแรงๆอย่างหงุดหงิดเกินกว่าความผิดของเม็ดทราย
“ เออๆ กลับห้องก็ดีจะได้เก็บของแพคกระเป๋า พรุ่งนี้กลับกรุงเทพแต่เช้า แต่เดี๋ยว นี่แกเป็นวันนั้นของเดือนเปล่านี่ ทำไมดูหงุดหงิดงุ่นง่าน หรือว่า…. ฮั่นแน่!.....เมื่อตะกี้ที่หายไปนานสองนานแอบไปทำอะไรมา” คนถูกถามหน้าแดงลามไปถึงหู แต่ยังคงเก็บสีหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม
“ ฉันหลบไปแปรงฟันกลั้วน้ำยาบ้วนปากมา เล่นกับไอ้ลูกหมาแล้วหมามันเลียปาก ตกลงแกจะกลับไม่กลับ ฉันไปละ”โดย ไม่รอฟังคำตอบ แคลร์เดินจ้ำตรงกลับบ้านพักผ่านวงดนตรีรอบกองไฟโดยไม่หันมองมือกีต้าร์ที่มองตามอย่างมีความหมาย ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆทักขึ้น
“พี่แคลร์ พี่ทิม จะกลับห้องแล้วเหรอคะ ยังไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันเลย” น้ำหวานรุ่นน้องเจ้าของเสียงหวานสมชื่อถามเสียงใส
“ โอ้ย! อย่าฟังเสียงพี่อ่ะดีแล้วน้อง เดี๋ยวคืนนี้จะพาลนอนไม่หลับกัน” ทับทิมตอบกลับ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งดวลไพ่กินน้ำกันอีกวงใกล้ๆ
“ เสียงพี่ทับทิม ไม่ต่างกับเสียงควายทับกันอ่ะน้อง” แว่นประธานรุ่นปีสี่ตะโกนมาจากวงไพ่ พร้อมกับลุกเดินเข้ามายืนข้างๆสองสาวเพื่อนซี๊ที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับห้องอย่างที่ตั้งใจ
“โหย ไอ้แว่น เสียงแกดีนักนี่ ตอนงานประกวดร้องเพลงปีหนึ่ง ฉันจำแกได้แม่น แหมๆ ทำมาเป็นแหกปาก ขอเสียงชาวร็อคหน่อยเร๊ว ร้องคำแรกออกมาปุ๊บ อุ๊แม่เจ้า เสียงแม่ควายตกลูกดีๆนี่เอง” แคลร์เหลือบมองเพื่อนที่โต้ตอบกันอย่างเผ็ดมันส์ จนตัวเองเผลอยิ้มให้เพื่อนปากดีประจำรุ่นทั้งสอง
“แคลร์ ร้องเพลงให้ฟังหน่อยนะ คิดถึงเสียงแคลร์จัง” เสียงของอาร์มรุ่นพี่ปีสี่ที่รุ่นน้องต่างยกให้เป็นโอ้ปป้าของคณะ เพราะหน้าใสๆ บุคลิกสุขุมนุ่มลึกกับน้ำเสียงนุ่มๆ กำลังเดินมายืนเคียงข้างแคลร์รุ่นพี่ปีสี่สาวตัวเล็กแต่ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่น สบายใจ
“เออ จริงๆ ไม่ได้ฟังแคลร์ร้องเพลงนานแล้ว ร้องสักเพลงสิแคลร์น้องๆเค้าจะได้มีความสุขก่อนนอน ขอเพลงๆ อะไรนะที่แกร้องตอนปีหนึ่งอ่ะ แม่เอ๊ยเพราะโคตรๆ ยืนฟังข้างล่างเวทีนี่แทบจะปีนขึ้นเกาะขาเลย” เสียงต้นรุ่นพี่ปีสี่ที่ความหล่อเรียกว่ากินไม่ลงกันกับพี่อาร์ม แต่บุคลิกเฮฮาปาจิงโก๊ะ
“ เลย์ มี ดาวน์ ของ แซม สมิทธ์ ฉันจำได้ ไอ้ทอมเล่น ไอ้แคลร์ร้อง น้องๆช่วยแหวกวงให้พวกพี่หน่อยนะครับ” แว่น อาร์ม ต้น ก็แหวกฝูงรุ่นน้องๆ ที่นั่งล้อมวงร้องเพลงกันอยู่ก่อน ทิ้งวงไพ่ร้างไป รุ่นพี่คนอื่นๆพอได้ยินว่าพี่แคลร์จะร้องเพลง พี่ทอมจะเล่นกีต้าร์ ต่างวิ่งกระย่องกระแย่งย่ำทรายมาหย่อนตัวลงเรียกว่าปูเสื่อแถวหน้ากันเลยทีเดียว ทำเอาน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งตื่นเต้นกันใหญ่มองพี่แคลร์ พี่ทอมตาไม่กระพริบ
“อ้าว แคลร์มานั่งนี่สิ ใจคอแกจะให้ เค้าหันมองแกที มองไอ้ทอมทีเหรอวะ สงสารผู้ชมตาดำๆอย่างฉันบ้าง” เสียงประธานรุ่นเร่งเร้าให้แคลร์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรก เพราะยังงงไม่หายว่าไปรับปากจะร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไรกัน
“นั่งตรงนี้แหละ ใครขี้เกียจหันก็ไม่ต้องมอง เนอะ” แคลร์หันไปเออออกับน้องต่อรุ่นน้องปีหนึ่ง พร้อมส่งยิ้มตาหยีก่อนขอหย่อนตัวลงนั่งข้างๆน้องต่อรุ่นน้องสุดฮอทที่กำลังตาพร่าเพราะยิ้มกระจ่างใสของรุ่นพี่ตัวเล็ก จนเจ้าตัวเผลอยิ้มกว้าง ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกีต้าร์ในมือใครบางคนที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“Yes, I do, I believe That one day I will be where I was….” เมื่อเสียงร้องๆขึ้น รอบๆ ก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นซัดกระทบหาดกับเสียงกีต้าร์แว่วหวานปนเศร้าของใครบางคนที่ส่งสายตามองมาอย่างตัดพ้อ
“Can I lay by your side, next to you, you
And make sure you’re alright?
I’ll take care of you,
And I don’t want to b
if I can’t be with you tonight ……” ไม่ใช่แค่เสียงของรุ่นพี่ที่ชื่อแคลร์เท่านั้น แต่เป็นเสียงของเจ้าของเสียงกีต้าร์ที่ดังขึ้นประสาน
“ โอ้ย … บ้าไปแล้ว ทำไมมันเศร้าขนาดนี้วะ” พี่อาร์มยกคอเสื้อปาดน้ำตาพร้อมสูดขี้มูก
“ ทิมๆ มันสองคน เป็นอะไรกันวะ ทำไมได้กลิ่นดราม่าโชยๆ ” แว่นกระทุ้งสีข้างทับทิมเบาๆ ก่อนพยักพเยิดหน้าไปที่แคลร์ทีและทอมอีกที
“ วี๊ดดดดวิ้วววว” เสียงผิวปากของพี่ต้น ดังขึ้นพร้อมๆ เสียง ปรบมือกรี๊ดกร๊าดของรุ่นน้องรอบๆกองไฟ
“ผมเพิ่งเข้าใจ ที่เขาบอกว่าฟังเพลงแล้วมีความสุขจนน้ำตาปริ่มนี่มันเป็นยังไง เจอกับตัว เยี่ยมเลยครับพี่” เสียงน้องต่อชื่นชมสองรุ่นพี่อย่างปิดไม่มิดทั้งแววตาและน้ำเสียง
“ บอกแล้วว่า เสียงเพลงของ แคลร์ทอม คือ นิพพาน ขออีกเพลงได้ไหม คราวนี้ขอเพลงหวานๆแฮบปี้ๆนะ เมื่อกี้เศร้าจนตรูนี่แทบจะกัดผ้าห่มร้องไห้กับหมอน ถ้าไม่กลัวใครเข้าใจผิดว่าแอบเล่นผีผ้าห่มกับไอ้ทิมตอนฟังพวกแกร้องเพลง” พี่ต้นเรียกเสียงฮาโดยรอบ แคลร์กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าไม่มีอารมณ์ร้องเพลงหวานๆกับไอ้ลูกหมานั่นหรอก ถ้าจะไม่มีเสียงหวานๆ ของรุ่นน้องปีสองที่นั่งข้างไอ้ลูกหมาเอ่ยขึ้นมาก่อน
“น้ำหวานอยากลองร้องกับพี่ทอม ขอน้ำหวานร้องกับพี่ทอมเพลงนึงนะคะ ปีหน้าพี่ทอมก็ไม่อยู่รับน้องแล้ว พี่ทอมเล่นได้ใช่ไหมคะ เพลง ฉันต้องคู่กับเธอ ของ Room39” แคลร์เห็นไอ้ลูกหมาหันไปมองมือที่เกาะขาหน้าของมันข้างหนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบรับสาวสวยพิมพ์นิยมแบบเน็ตไอดอลปัจจุบัน
แคลร์ตบไหล่ทับทิมเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มขอตัวกับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างและลุกขึ้นเดินกลับห้องพักกันไปเงียบๆ ทิ้งให้แฟนคลับแคลร์ทอมสามคนที่อุตส่าห์ทิ้งวงไพ่มาอารมณ์ค้างเติ่ง
ทั้งสามต่างมองหน้ากันเหมือนจะถามกันทางกระแสจิตว่า ‘คิดเหมือนกันไหมวะ ว่ามันต้องมีฉาก uncut ที่พวกเอ็งกับพวกข้าพลาด’
“ เฮ้ย! แคลร์ ปากแกทำไมมันแดงอย่างนั้น” ทับทิมที่แต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ ก้าวพรวดพราดมานั่งที่ขอบเตียง ก่อนก้มลงมองปากเพื่อนที่ยังคงขี้เซาเพราะเมื่อคืนไม่รู้จะทำอะไรในห้องน้ำเป็นชั่วโมงจนเธอเผลอหลับไปเสียก่อน พยายามคิดว่าเมื่อคืนตอนกลับมาห้องก็ยังไม่เห็นแดงนี่นา หรือมันแพ้น้ำลายหมา แย่แล้ว!
“ไอ้แคลร์ ตื่นสิโว๊ย ปากบวมเจ่อแล้วยังจะนอนต่ออีก ไปๆรีบล้างหน้า เดี๋ยวฉันจะรีบไปขอยาแก้แพ้กับอาจารย์ขวัญมาให้กิน ลุกเร็วเข้า นี่ดูปากแกซะอย่างกับเด็กขโมยลิปสติกแม่มาเล่น ” ทับทิมพยายามฉุดแขนเพื่อนขี้เซาให้ขึ้นมานั่ง พร้อมยัดกระจกจากตลับแป้งใส่มือ
“ เฮ้ย! ทิมไม่ต้อง” กว่าคนปากเห่อแดงจะหายเมาขี้ตา ทับทิมก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องไป
ทับทิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านโต๊ะที่มี ต้น อาร์ม แว่น และทอม นั่งทานข้าวต้มกุ้งมื้อเช้ากันอยู่ ก่อนจะวกกลับมา
“นี่พวกแกเห็นอาจารย์ขวัญไหม ฉันจะขอยาให้ไอ้แคลร์” เสียงถามกระหืดกระหอบของทิม ทำให้ทุกคนบนโต๊ะถือช้อนค้าง อาร์มได้สติก่อนเพื่อนชี้ไปที่รถตู้ที่อาจารย์ขวัญกำลังก้มๆเงยๆ จัดสัมภาระอยู่ท้ายรถ
“เดี๋ยว ! ทิม แคลร์เป็นอะไร” ชายเสื้อของทิมถูกคนที่เพื่อนๆลงความเห็นว่าน่ารักที่สุดในรุ่นดึงไว้
“ ไอ้ทิม!” เสียงตะโกนจากคนที่กำลังถูกพูดถึง ที่กำลังวิ่งเกือบจะถึงโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่คงจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“ แคลร์มันแพ้น้ำลายหมา เห็นว่า เมื่อวานมันเล่นกับลูกหมาที่ชายหาด แล้วหมามันดันเลียปาก นี่ตื่นมาเห็นปากมันแดงเจ่อเลย ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ยังไม่แดงนะ นู่นไงมันมานู่นละ” ทิมพูดจบแคลร์ก็วิ่งถึงพอดี สายตาทั้งสี่หนุ่มจับจ้องไปที่ปากของเพื่อนสาวที่แดงแต่ไม่ถึงกับบวม
ต้นจับสังเกตอะไรได้บางอย่างจากเพื่อนทั้งสอง ที่คนนึงตอนนี้ยืนทำหน้าเหวอเพราะได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อนรัก ในขณะริมฝีปากของคนข้างๆกำลังเม้มเป็นเส้นตรงแล้วก็คลายออกก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มทานต่อเหมือนไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นว่าตนกำลังมองอยู่
“อ๋อ…มิน่าเมื่อคืนเห็นลูกหมาตัวนึงหน้าจ๋อยๆ สงสัยจะโดนไอ้แคลร์ตบปาก”ต้นว่าก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปาก
รู้สึกเช้านี้แม่ครัวเปลี่ยนคนจากเมื่อวานหรือไง ข้าวต้มถึงได้อร่อยเป็นพิเศษ
“เคร้ง!” เสียงช้อนกระทบชามกระเบื้อง
“อ้าว! ไอ้ทอมกุ้งกระเด็นมาชามกูๆจะไม่ว่าสักคำ นี่ซัดมาแต่น้ำข้าวต้ม ต้น…ลูกหมาตัวไหนวะ ทำไมกูไม่เห็นสักตัว” แว่นถามแล้วก็ชะเง้อมองไปที่หาด ขณะที่แคลร์พยายามกระตุกชายเสื้อทิมให้กลับไปที่ห้องด้วยกันสักทีเถอะ
แต่เหมือนทิมจะสนใจเช่นกันว่าเป็นลูกหมาตัวไหน
“ทำไม ถ้าแกเห็นลูกหมาแล้วจะทำไม” อาร์มถามแว่นสีหน้ายิ้มๆ
“ ก็จะเตะตูดมันสักป๊าบ บังอาจขโมยจุ๊บนางฟ้าของข้า ฮิ้ววววว” แว่นตอบแบบคึกคักสุดๆ
“ทำไมเมิงต้องฮิ้วววววเองด้วยวะ” อาร์มอดถามไม่ได้
“อ้าวก็พวก ไม่เคยชงให้กู กูก็ต้องชงเองสิวะนี่ปีสุดท้ายละ เดี๋ยว มคปด จริงไหมวะทอม เฮ้ยทำไมวันนี้เอ็งพูดน้อยจัง หิวเหรอตะเอง อะไรวะแค่นี้ก็หน้าแดง ผู้ชายอะไรวะ น่ารัก
” แว่นมองเพื่อนที่วันนี้พูดน้อยผิดปกติ
“ แต่กูว่า ไม่ใช่เดี๋ยว เพราะได้ข่าวหมาแถวๆเนี้ย คาบไป-แล้วเมื่อวาน เอ๊ะ! มองหน้ากูทำไมทอม หรือปากกูแดงอีกคนเหรอ แดงเหรอวะอาร์ม” ต้นหันปากตัวเองไปให้เพื่อนอาร์มดูว่าแดงหรือไม่ ทอมมองเพื่อนที่ทำหน้าตายได้โล่ห์ก่อนจะส่งสายตาว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
“ ไม่ใช่หมงไม่ใช่หมาที่ไหนหรอก เราแพ้ยาสีฟันน่ะ ไปทิมกลับห้อง ฉันบอกแกไม่ทันว่าฉันพกยาแก้แพ้มาด้วย” แคลร์กอดคอทิมที่ยืนทำหน้างงกับบทสนทนาบนโต๊ะเมื่อครู่พากันเดินกลับห้อง สีหน้าทิมยังฟ้องว่าตกลงเป็นหมาตัวไหนยังไม่ทันรู้เรื่องเลยนะแคลร์
“เดี๋ยว!” ต้นก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม เมื่อเห็นคนข้างๆกำเสื้อแจ็กเก็ตลุกพรวดก้าวไปหาสองสาว ก่อนจะโยนเสื้อแจ็กเก็ตคลุมหัวคนแพ้ยาสีฟันโดยแล้วหันหลังเดินกลับมากินข้าวต้มต่อโดยไม่พูดไม่จา
“โอ้มายก็อด เท่โคตรๆอ่ะ บอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้ทอม จำมาจากซีรีส์เรื่องไหน กูจะได้โหลดมาดูบ้าง ฮ่าๆๆ”
แว่นอุทานปนทึ่งกับพฤติกรรมพระเอ๊กพระเอกของเพื่อน
“เมิงรีบๆกินข้าวต้มไปเลยแว่น” ทอมเงยหน้าขึ้นสบตา เลิกคิ้วตอบกลับกวนๆ
ส่วนสาวที่แพ้น้ำลายหมา เอ้ย! แพ้ยาสีฟัน ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก เพราะกำลังมึนงงที่เสื้อแจ็กเก็ตของใครบางคนลอยมาคลุมหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อยืดสีขาวเนื้อบางที่ใส่นอนกับกางเกงเลที่ขณะนี้ถูกลมทะเลตอนเช้าพัดแรงจนเห็นสัดส่วนที่ทำให้หนุ่มๆคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน
In Relationship # ตอนที่ 1
ที่สะท้องแสงจันทร์ วันเพ็ญ
โดดเดี่ยวกับความเหงา
อยู่กับเงาที่พูดไม่เป็น
ฟังเพลงเดิมๆที่เรารู้จัก
แต่ไม่รู้ความหมายของมัน
หากฉันจะหลับตาลงสักครั้ง
เพื่อพบกับเธอผู้เป็นนิรันดร์
หากความรักเกิดในความฝัน
เราจุมพิตโดยไม่รู้จักกัน
……. ”
“ฮื่ยส์ ไม่รู้จักกันก็ดีอ่ะสิ ไอ้!@#%&” เสียงสบถไม่ดังนัก แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ แกว่าอะไรนะ แคลร์” ทับทิมที่กำลังง่วนกับการแกะกุ้งย่าง ยื่นหน้าจีบปากตะเบ็งถามเสียงแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอยู่รอบกองไฟข้างหลัง
“อ๋อ … ไม่มีอะไร ด่าไอ้ลูกหมาปากมอมนิสัยไม่ดีตัวนึง นี่ทิมฉันจะกลับห้องแล้วนะ มึนๆหัวอ่ะ” แคลร์ลุกขึ้นจากท่อนไม้ผุๆที่ถูกดัดแปลงมาเป็นม้านั่งริมหาด มือขาวเนียนๆ เหมือนมือเด็กปัดทรายที่ติดตามกางเกงเลสีฟ้าพาสเทลแรงๆอย่างหงุดหงิดเกินกว่าความผิดของเม็ดทราย
“ เออๆ กลับห้องก็ดีจะได้เก็บของแพคกระเป๋า พรุ่งนี้กลับกรุงเทพแต่เช้า แต่เดี๋ยว นี่แกเป็นวันนั้นของเดือนเปล่านี่ ทำไมดูหงุดหงิดงุ่นง่าน หรือว่า…. ฮั่นแน่!.....เมื่อตะกี้ที่หายไปนานสองนานแอบไปทำอะไรมา” คนถูกถามหน้าแดงลามไปถึงหู แต่ยังคงเก็บสีหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม
“ ฉันหลบไปแปรงฟันกลั้วน้ำยาบ้วนปากมา เล่นกับไอ้ลูกหมาแล้วหมามันเลียปาก ตกลงแกจะกลับไม่กลับ ฉันไปละ”โดย ไม่รอฟังคำตอบ แคลร์เดินจ้ำตรงกลับบ้านพักผ่านวงดนตรีรอบกองไฟโดยไม่หันมองมือกีต้าร์ที่มองตามอย่างมีความหมาย ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆทักขึ้น
“พี่แคลร์ พี่ทิม จะกลับห้องแล้วเหรอคะ ยังไม่ได้ร้องเพลงด้วยกันเลย” น้ำหวานรุ่นน้องเจ้าของเสียงหวานสมชื่อถามเสียงใส
“ โอ้ย! อย่าฟังเสียงพี่อ่ะดีแล้วน้อง เดี๋ยวคืนนี้จะพาลนอนไม่หลับกัน” ทับทิมตอบกลับ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งดวลไพ่กินน้ำกันอีกวงใกล้ๆ
“ เสียงพี่ทับทิม ไม่ต่างกับเสียงควายทับกันอ่ะน้อง” แว่นประธานรุ่นปีสี่ตะโกนมาจากวงไพ่ พร้อมกับลุกเดินเข้ามายืนข้างๆสองสาวเพื่อนซี๊ที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับห้องอย่างที่ตั้งใจ
“โหย ไอ้แว่น เสียงแกดีนักนี่ ตอนงานประกวดร้องเพลงปีหนึ่ง ฉันจำแกได้แม่น แหมๆ ทำมาเป็นแหกปาก ขอเสียงชาวร็อคหน่อยเร๊ว ร้องคำแรกออกมาปุ๊บ อุ๊แม่เจ้า เสียงแม่ควายตกลูกดีๆนี่เอง” แคลร์เหลือบมองเพื่อนที่โต้ตอบกันอย่างเผ็ดมันส์ จนตัวเองเผลอยิ้มให้เพื่อนปากดีประจำรุ่นทั้งสอง
“แคลร์ ร้องเพลงให้ฟังหน่อยนะ คิดถึงเสียงแคลร์จัง” เสียงของอาร์มรุ่นพี่ปีสี่ที่รุ่นน้องต่างยกให้เป็นโอ้ปป้าของคณะ เพราะหน้าใสๆ บุคลิกสุขุมนุ่มลึกกับน้ำเสียงนุ่มๆ กำลังเดินมายืนเคียงข้างแคลร์รุ่นพี่ปีสี่สาวตัวเล็กแต่ใครอยู่ใกล้ก็อบอุ่น สบายใจ
“เออ จริงๆ ไม่ได้ฟังแคลร์ร้องเพลงนานแล้ว ร้องสักเพลงสิแคลร์น้องๆเค้าจะได้มีความสุขก่อนนอน ขอเพลงๆ อะไรนะที่แกร้องตอนปีหนึ่งอ่ะ แม่เอ๊ยเพราะโคตรๆ ยืนฟังข้างล่างเวทีนี่แทบจะปีนขึ้นเกาะขาเลย” เสียงต้นรุ่นพี่ปีสี่ที่ความหล่อเรียกว่ากินไม่ลงกันกับพี่อาร์ม แต่บุคลิกเฮฮาปาจิงโก๊ะ
“ เลย์ มี ดาวน์ ของ แซม สมิทธ์ ฉันจำได้ ไอ้ทอมเล่น ไอ้แคลร์ร้อง น้องๆช่วยแหวกวงให้พวกพี่หน่อยนะครับ” แว่น อาร์ม ต้น ก็แหวกฝูงรุ่นน้องๆ ที่นั่งล้อมวงร้องเพลงกันอยู่ก่อน ทิ้งวงไพ่ร้างไป รุ่นพี่คนอื่นๆพอได้ยินว่าพี่แคลร์จะร้องเพลง พี่ทอมจะเล่นกีต้าร์ ต่างวิ่งกระย่องกระแย่งย่ำทรายมาหย่อนตัวลงเรียกว่าปูเสื่อแถวหน้ากันเลยทีเดียว ทำเอาน้องๆเฟรชชี่ปีหนึ่งตื่นเต้นกันใหญ่มองพี่แคลร์ พี่ทอมตาไม่กระพริบ
“อ้าว แคลร์มานั่งนี่สิ ใจคอแกจะให้ เค้าหันมองแกที มองไอ้ทอมทีเหรอวะ สงสารผู้ชมตาดำๆอย่างฉันบ้าง” เสียงประธานรุ่นเร่งเร้าให้แคลร์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรก เพราะยังงงไม่หายว่าไปรับปากจะร้องเพลงตั้งแต่เมื่อไรกัน
“นั่งตรงนี้แหละ ใครขี้เกียจหันก็ไม่ต้องมอง เนอะ” แคลร์หันไปเออออกับน้องต่อรุ่นน้องปีหนึ่ง พร้อมส่งยิ้มตาหยีก่อนขอหย่อนตัวลงนั่งข้างๆน้องต่อรุ่นน้องสุดฮอทที่กำลังตาพร่าเพราะยิ้มกระจ่างใสของรุ่นพี่ตัวเล็ก จนเจ้าตัวเผลอยิ้มกว้าง ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกีต้าร์ในมือใครบางคนที่ดังขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“Yes, I do, I believe That one day I will be where I was….” เมื่อเสียงร้องๆขึ้น รอบๆ ก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นซัดกระทบหาดกับเสียงกีต้าร์แว่วหวานปนเศร้าของใครบางคนที่ส่งสายตามองมาอย่างตัดพ้อ
“Can I lay by your side, next to you, you
And make sure you’re alright?
I’ll take care of you,
And I don’t want to b if I can’t be with you tonight ……” ไม่ใช่แค่เสียงของรุ่นพี่ที่ชื่อแคลร์เท่านั้น แต่เป็นเสียงของเจ้าของเสียงกีต้าร์ที่ดังขึ้นประสาน
“ โอ้ย … บ้าไปแล้ว ทำไมมันเศร้าขนาดนี้วะ” พี่อาร์มยกคอเสื้อปาดน้ำตาพร้อมสูดขี้มูก
“ ทิมๆ มันสองคน เป็นอะไรกันวะ ทำไมได้กลิ่นดราม่าโชยๆ ” แว่นกระทุ้งสีข้างทับทิมเบาๆ ก่อนพยักพเยิดหน้าไปที่แคลร์ทีและทอมอีกที
“ วี๊ดดดดวิ้วววว” เสียงผิวปากของพี่ต้น ดังขึ้นพร้อมๆ เสียง ปรบมือกรี๊ดกร๊าดของรุ่นน้องรอบๆกองไฟ
“ผมเพิ่งเข้าใจ ที่เขาบอกว่าฟังเพลงแล้วมีความสุขจนน้ำตาปริ่มนี่มันเป็นยังไง เจอกับตัว เยี่ยมเลยครับพี่” เสียงน้องต่อชื่นชมสองรุ่นพี่อย่างปิดไม่มิดทั้งแววตาและน้ำเสียง
“ บอกแล้วว่า เสียงเพลงของ แคลร์ทอม คือ นิพพาน ขออีกเพลงได้ไหม คราวนี้ขอเพลงหวานๆแฮบปี้ๆนะ เมื่อกี้เศร้าจนตรูนี่แทบจะกัดผ้าห่มร้องไห้กับหมอน ถ้าไม่กลัวใครเข้าใจผิดว่าแอบเล่นผีผ้าห่มกับไอ้ทิมตอนฟังพวกแกร้องเพลง” พี่ต้นเรียกเสียงฮาโดยรอบ แคลร์กำลังจะอ้าปากปฏิเสธว่าไม่มีอารมณ์ร้องเพลงหวานๆกับไอ้ลูกหมานั่นหรอก ถ้าจะไม่มีเสียงหวานๆ ของรุ่นน้องปีสองที่นั่งข้างไอ้ลูกหมาเอ่ยขึ้นมาก่อน
“น้ำหวานอยากลองร้องกับพี่ทอม ขอน้ำหวานร้องกับพี่ทอมเพลงนึงนะคะ ปีหน้าพี่ทอมก็ไม่อยู่รับน้องแล้ว พี่ทอมเล่นได้ใช่ไหมคะ เพลง ฉันต้องคู่กับเธอ ของ Room39” แคลร์เห็นไอ้ลูกหมาหันไปมองมือที่เกาะขาหน้าของมันข้างหนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบรับสาวสวยพิมพ์นิยมแบบเน็ตไอดอลปัจจุบัน
แคลร์ตบไหล่ทับทิมเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มขอตัวกับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างและลุกขึ้นเดินกลับห้องพักกันไปเงียบๆ ทิ้งให้แฟนคลับแคลร์ทอมสามคนที่อุตส่าห์ทิ้งวงไพ่มาอารมณ์ค้างเติ่ง
ทั้งสามต่างมองหน้ากันเหมือนจะถามกันทางกระแสจิตว่า ‘คิดเหมือนกันไหมวะ ว่ามันต้องมีฉาก uncut ที่พวกเอ็งกับพวกข้าพลาด’
“ เฮ้ย! แคลร์ ปากแกทำไมมันแดงอย่างนั้น” ทับทิมที่แต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้องน้ำ ก้าวพรวดพราดมานั่งที่ขอบเตียง ก่อนก้มลงมองปากเพื่อนที่ยังคงขี้เซาเพราะเมื่อคืนไม่รู้จะทำอะไรในห้องน้ำเป็นชั่วโมงจนเธอเผลอหลับไปเสียก่อน พยายามคิดว่าเมื่อคืนตอนกลับมาห้องก็ยังไม่เห็นแดงนี่นา หรือมันแพ้น้ำลายหมา แย่แล้ว!
“ไอ้แคลร์ ตื่นสิโว๊ย ปากบวมเจ่อแล้วยังจะนอนต่ออีก ไปๆรีบล้างหน้า เดี๋ยวฉันจะรีบไปขอยาแก้แพ้กับอาจารย์ขวัญมาให้กิน ลุกเร็วเข้า นี่ดูปากแกซะอย่างกับเด็กขโมยลิปสติกแม่มาเล่น ” ทับทิมพยายามฉุดแขนเพื่อนขี้เซาให้ขึ้นมานั่ง พร้อมยัดกระจกจากตลับแป้งใส่มือ
“ เฮ้ย! ทิมไม่ต้อง” กว่าคนปากเห่อแดงจะหายเมาขี้ตา ทับทิมก็วิ่งปรู๊ดออกจากห้องไป
ทับทิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งผ่านโต๊ะที่มี ต้น อาร์ม แว่น และทอม นั่งทานข้าวต้มกุ้งมื้อเช้ากันอยู่ ก่อนจะวกกลับมา
“นี่พวกแกเห็นอาจารย์ขวัญไหม ฉันจะขอยาให้ไอ้แคลร์” เสียงถามกระหืดกระหอบของทิม ทำให้ทุกคนบนโต๊ะถือช้อนค้าง อาร์มได้สติก่อนเพื่อนชี้ไปที่รถตู้ที่อาจารย์ขวัญกำลังก้มๆเงยๆ จัดสัมภาระอยู่ท้ายรถ
“เดี๋ยว ! ทิม แคลร์เป็นอะไร” ชายเสื้อของทิมถูกคนที่เพื่อนๆลงความเห็นว่าน่ารักที่สุดในรุ่นดึงไว้
“ ไอ้ทิม!” เสียงตะโกนจากคนที่กำลังถูกพูดถึง ที่กำลังวิ่งเกือบจะถึงโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่คงจะไม่ทันการณ์เสียแล้ว
“ แคลร์มันแพ้น้ำลายหมา เห็นว่า เมื่อวานมันเล่นกับลูกหมาที่ชายหาด แล้วหมามันดันเลียปาก นี่ตื่นมาเห็นปากมันแดงเจ่อเลย ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ยังไม่แดงนะ นู่นไงมันมานู่นละ” ทิมพูดจบแคลร์ก็วิ่งถึงพอดี สายตาทั้งสี่หนุ่มจับจ้องไปที่ปากของเพื่อนสาวที่แดงแต่ไม่ถึงกับบวม
ต้นจับสังเกตอะไรได้บางอย่างจากเพื่อนทั้งสอง ที่คนนึงตอนนี้ยืนทำหน้าเหวอเพราะได้ยินประโยคสุดท้ายของเพื่อนรัก ในขณะริมฝีปากของคนข้างๆกำลังเม้มเป็นเส้นตรงแล้วก็คลายออกก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มทานต่อเหมือนไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นว่าตนกำลังมองอยู่
“อ๋อ…มิน่าเมื่อคืนเห็นลูกหมาตัวนึงหน้าจ๋อยๆ สงสัยจะโดนไอ้แคลร์ตบปาก”ต้นว่าก่อนจะตักข้าวต้มใส่ปาก
รู้สึกเช้านี้แม่ครัวเปลี่ยนคนจากเมื่อวานหรือไง ข้าวต้มถึงได้อร่อยเป็นพิเศษ
“เคร้ง!” เสียงช้อนกระทบชามกระเบื้อง
“อ้าว! ไอ้ทอมกุ้งกระเด็นมาชามกูๆจะไม่ว่าสักคำ นี่ซัดมาแต่น้ำข้าวต้ม ต้น…ลูกหมาตัวไหนวะ ทำไมกูไม่เห็นสักตัว” แว่นถามแล้วก็ชะเง้อมองไปที่หาด ขณะที่แคลร์พยายามกระตุกชายเสื้อทิมให้กลับไปที่ห้องด้วยกันสักทีเถอะ
แต่เหมือนทิมจะสนใจเช่นกันว่าเป็นลูกหมาตัวไหน
“ทำไม ถ้าแกเห็นลูกหมาแล้วจะทำไม” อาร์มถามแว่นสีหน้ายิ้มๆ
“ ก็จะเตะตูดมันสักป๊าบ บังอาจขโมยจุ๊บนางฟ้าของข้า ฮิ้ววววว” แว่นตอบแบบคึกคักสุดๆ
“ทำไมเมิงต้องฮิ้วววววเองด้วยวะ” อาร์มอดถามไม่ได้
“อ้าวก็พวก ไม่เคยชงให้กู กูก็ต้องชงเองสิวะนี่ปีสุดท้ายละ เดี๋ยว มคปด จริงไหมวะทอม เฮ้ยทำไมวันนี้เอ็งพูดน้อยจัง หิวเหรอตะเอง อะไรวะแค่นี้ก็หน้าแดง ผู้ชายอะไรวะ น่ารัก” แว่นมองเพื่อนที่วันนี้พูดน้อยผิดปกติ
“ แต่กูว่า ไม่ใช่เดี๋ยว เพราะได้ข่าวหมาแถวๆเนี้ย คาบไป-แล้วเมื่อวาน เอ๊ะ! มองหน้ากูทำไมทอม หรือปากกูแดงอีกคนเหรอ แดงเหรอวะอาร์ม” ต้นหันปากตัวเองไปให้เพื่อนอาร์มดูว่าแดงหรือไม่ ทอมมองเพื่อนที่ทำหน้าตายได้โล่ห์ก่อนจะส่งสายตาว่าฝากไว้ก่อนเถอะ
“ ไม่ใช่หมงไม่ใช่หมาที่ไหนหรอก เราแพ้ยาสีฟันน่ะ ไปทิมกลับห้อง ฉันบอกแกไม่ทันว่าฉันพกยาแก้แพ้มาด้วย” แคลร์กอดคอทิมที่ยืนทำหน้างงกับบทสนทนาบนโต๊ะเมื่อครู่พากันเดินกลับห้อง สีหน้าทิมยังฟ้องว่าตกลงเป็นหมาตัวไหนยังไม่ทันรู้เรื่องเลยนะแคลร์
“เดี๋ยว!” ต้นก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม เมื่อเห็นคนข้างๆกำเสื้อแจ็กเก็ตลุกพรวดก้าวไปหาสองสาว ก่อนจะโยนเสื้อแจ็กเก็ตคลุมหัวคนแพ้ยาสีฟันโดยแล้วหันหลังเดินกลับมากินข้าวต้มต่อโดยไม่พูดไม่จา
“โอ้มายก็อด เท่โคตรๆอ่ะ บอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้ทอม จำมาจากซีรีส์เรื่องไหน กูจะได้โหลดมาดูบ้าง ฮ่าๆๆ”
แว่นอุทานปนทึ่งกับพฤติกรรมพระเอ๊กพระเอกของเพื่อน
“เมิงรีบๆกินข้าวต้มไปเลยแว่น” ทอมเงยหน้าขึ้นสบตา เลิกคิ้วตอบกลับกวนๆ
ส่วนสาวที่แพ้น้ำลายหมา เอ้ย! แพ้ยาสีฟัน ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก เพราะกำลังมึนงงที่เสื้อแจ็กเก็ตของใครบางคนลอยมาคลุมหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อยืดสีขาวเนื้อบางที่ใส่นอนกับกางเกงเลที่ขณะนี้ถูกลมทะเลตอนเช้าพัดแรงจนเห็นสัดส่วนที่ทำให้หนุ่มๆคาดไม่ถึงอยู่เหมือนกัน