ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยปี’60 ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากปีก่อน เหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว และธนาคารเข้มปล่อยกู้ซื้อบ้าน
ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ของไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ สำรวจออนไลน์โดยพร็อพเพอร์ตี้กูรู โดยเน้นกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกและผู้ซื้ออสังหาฯใน 4 ประเทศ มี
ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และ
อินโดนีเซีย พบว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในรอบสำรวจนี้ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาคอสังหาฯ ลดลงเหลือ 62% จาก 68% ในการสำรวจปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ
สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี (55%)
อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงจนเกินไป (52%)
ราคาอสังหาฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป (46%)
มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคาร (30%)
และสภาวะที่ ไม่แน่นอนในตลาดอสังหาฯ (25%)
ขณะที่ผู้บริโภคชาว
อินโดนีเซียมีความพึงพอใจต่อสภาวะอสังหาฯในประเทศตนมากที่สุด โดยดัชนีความ เชื่อมั่นขยับขึ้น 5% เป็น 66% จากปีก่อน ซึ่งพวกเขามองว่าราคาสินทรัพย์ในกลุ่มอสังหาฯ จะขยับสูงขึ้นใน อนาคต ด้านผู้บริโภคชาว
มาเลเซียก็ขยับขึ้นเช่นกันจาก 28% ในปีก่อน เป็น 38% ในปีนี้ ขณะที่ ชาว
สิงคโปร์ซึ่งมองว่า เศรษฐกิจของประเทศตนอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม มีดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มอสังหาฯ ขยับขึ้นจาก 28%ในปีที่แล้วเป็น 36% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจไทยเกือบ 50% ระบุเตรียมวางแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภายในอีก 6 เดือน โดยมี 34% ต้องการซื้อบ้านราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท, 16% ซื้อบ้านที่ราคา 3-4 ล้านบาท และ15% ที่ราคา 5-8 ล้านบาท ส่วนชาว
มาเลเซียมีแผนซื้ออสังหาฯ อยู่ที่ 58% ตามด้วย
อินโดนีเซียที่ 52% โดยชาว
สิงคโปร์เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อ อสังหาฯ น้อยที่สุดเพียง 42% เท่านั้น เนื่องจากชาว
สิงคโปร์ส่วนใหญ่มองว่าราคาอสังหาฯ จะปรับตัว ลดลงภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการจะมีการตัดราคา เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าต่ออายุ และค่าปรับ จากห้องที่ขายไม่หมด
ชนิดของอสังหาฯที่ได้รับความนิยมสูงสุดภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง 4 ประเทศให้ ความสนใจทั้งสินทรัพย์ใหม่และสินทรัพย์มือสองมากที่สุด แต่สำหรับในประเทศ
สิงคโปร์ บ้าน มือสองได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากราคาไม่สูงเกินไป สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า
JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี(อีกแล้ว)...ซี้จุกสูญ เชื่อมั่นอสังหาฯ ลด ต้องการซื้อที่ 2-3ล้าน
ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยปี’60 ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากปีก่อน เหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว และธนาคารเข้มปล่อยกู้ซื้อบ้าน
ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ เว็บไซต์ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ของไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ สำรวจออนไลน์โดยพร็อพเพอร์ตี้กูรู โดยเน้นกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกและผู้ซื้ออสังหาฯใน 4 ประเทศ มี ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย พบว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในรอบสำรวจนี้ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาคอสังหาฯ ลดลงเหลือ 62% จาก 68% ในการสำรวจปี 2559 ซึ่งเป็นผลมาจาก 5 ปัจจัยหลัก คือ
สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี (55%)
อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงจนเกินไป (52%)
ราคาอสังหาฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป (46%)
มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคาร (30%)
และสภาวะที่ ไม่แน่นอนในตลาดอสังหาฯ (25%)
ขณะที่ผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียมีความพึงพอใจต่อสภาวะอสังหาฯในประเทศตนมากที่สุด โดยดัชนีความ เชื่อมั่นขยับขึ้น 5% เป็น 66% จากปีก่อน ซึ่งพวกเขามองว่าราคาสินทรัพย์ในกลุ่มอสังหาฯ จะขยับสูงขึ้นใน อนาคต ด้านผู้บริโภคชาวมาเลเซียก็ขยับขึ้นเช่นกันจาก 28% ในปีก่อน เป็น 38% ในปีนี้ ขณะที่ ชาวสิงคโปร์ซึ่งมองว่า เศรษฐกิจของประเทศตนอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม มีดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มอสังหาฯ ขยับขึ้นจาก 28%ในปีที่แล้วเป็น 36% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจไทยเกือบ 50% ระบุเตรียมวางแผนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ภายในอีก 6 เดือน โดยมี 34% ต้องการซื้อบ้านราคาประมาณ 2-3 ล้านบาท, 16% ซื้อบ้านที่ราคา 3-4 ล้านบาท และ15% ที่ราคา 5-8 ล้านบาท ส่วนชาวมาเลเซียมีแผนซื้ออสังหาฯ อยู่ที่ 58% ตามด้วยอินโดนีเซียที่ 52% โดยชาวสิงคโปร์เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อ อสังหาฯ น้อยที่สุดเพียง 42% เท่านั้น เนื่องจากชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มองว่าราคาอสังหาฯ จะปรับตัว ลดลงภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการจะมีการตัดราคา เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าต่ออายุ และค่าปรับ จากห้องที่ขายไม่หมด
ชนิดของอสังหาฯที่ได้รับความนิยมสูงสุดภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามทั้ง 4 ประเทศให้ ความสนใจทั้งสินทรัพย์ใหม่และสินทรัพย์มือสองมากที่สุด แต่สำหรับในประเทศสิงคโปร์ บ้าน มือสองได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากราคาไม่สูงเกินไป สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายกว่า