ตอนแรกก็คิดอยู่นานว่าจะโพสดีไม๊ เพราะก็ไม่ใช่เรื่องที่ฟังดูแล้วHappyเท่าไหร่ แต่พอคุยกันกับป่าป๊าแล้วคิดว่าเราควรเล่า.. เพราะตอนเราเองก็หาที่พึ่งคือเสิร์ชอินเตอร์เนทเหมือนกัน แต่คนที่มาแชร์ประสบการณ์มีน้อยมาก เราก็ยิ่งเครียดยื่งนอยไปกันใหญ่ ทั้งๆที่คุณหมอบอกว่าโรคนี้เจอได้เรื่อยๆ เกิดขึ้นได้กับทุกคน!!! ไม่มีสาเหตุแน่ชัด ไม่มีวิธีป้องกัน ที่สำคัญคือหากภาวะลำไส้กลืนกันนี้ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ก็จะทำให้เลือดมาเลี้ยง ผนังลำไส้บริเวณนั้นน้อยลง เกิดลำไส้เน่าเสีย มีการติดเชื้ออักเสบรุนแรงในช่องท้องแทรกซ้อน และถ้าหากวินิจฉัยได้ช้า อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ !!! (T^T คิดแล้วใจอยู่ตาตุ่ม) เลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับทุกคน เพราะอย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าโรคภัยไข้เจ็บมันใกล้ตัวกว่าที่คิดไว้เยอะเลย..
28 มีนาคม 2560
15.00 น. ที่บ้าน
พีต้าเริ่มมีอาการปวดท้องตั้งแต่บ่ายๆวันอังคารที่28 มีนาคม 2560 บ่นบอกทุกคนว่าเจ็บท้อง จนตอนเย็นๆ หม่าม๊าดูว่าปวดท้องมาก น่าจะไม่ใช่ปวดท้องธรรมดา เลยอุ้มพาไปให้อาอึ้มดู (ญาติสนิทที่เป็นคุณหมอเด็กประจำตระกูล) รอจนอาอึ้มกลับมาเกือบหกโมงเย็น อาอึ้มลองฟังเสียงลำไส้ คลำท้อง ถามและดูอาการ แล้วบอกว่ามีสิทธ์จะเป็นลำไส้กลืนกัน และในเซ้นส์ของความเป็นแม่ วินาทีนั้นเรารู้สึกว่าใช่แน่ๆ เริ่มเครียด.. อาอึ้มแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่ออัลตร้าซาวด์ดู..
19.00 น. ที่โรงพยาบาล
ตอนแรกที่อยู่ที่บ้านอาการคือปวดท้อง ดูท่าทางเค้าคล้ายๆปวดบิด งอแงร้องไห้หนักเป็นพักๆ บอกว่าพีต้าเจ็บท้องๆๆๆ
พอถึงโรงพยาบาลขณะรอหมอ หน้า OPD มีอ้วกไป1รอบ พอคุณหมอฟังท้องพร้อมกับคลำดูบอกว่าสงสัย 2 อย่าง 1.ลำไส้อักเสบ 2.ลำไส้กลืนกัน โดยมี2ทางให้เลือกคือ 1.กลับบ้านไปสังเกตุอาการ 2.ไปอัลตร้าซาวด์ดู ว่ามีอะไรไม๊ แต่.. ถ้าไม่เจอไม่ได้แปลว่าไม่เป็น อาจจะเป็นแต่ว่าไม่เห็นก็ได้ ยังไงก็ตามแต่มาถึงขั้นนี้แล้วสำหรับแม่ ต้องซาวด์แน่นอน
ในห้องอัลตร้าซาวด์
คุณหมอจะให้คุณแม่อุ้มน้องแล้วคุณหมอทำการตรวจ พีต้าดิ้นร้องไห้ตลอดเวลา แต่ดูแล้วคงเพราะกลัวมากกว่า หมอก็ผซาวด์ดูซักพักใหญ่ๆ สรุปว่าผลออกมาคือเห็นว่ามีลำไส้กลืนกันจริงๆ จังหวะนั้นหม่าม๊าอยากร้องไห้มาก แต่ไม่เข้าใจทำไมมันร้องไม่ออก แต่พูดได้คำเดียวว่ามันช๊อค!! หลังจากรู้ผลเราก็ต้องมาคุยถึงขั้นตอนการรักษา คุณหมอบอกว่าขั้นแรก ต้องลองสวนแป้ง
ขั้นตอนการสวนแป้ง
หลังรู้แล้วว่าเป็นแน่ก็ต้องลุยรักษากันต่อ ซึ่งขั้นแรกเลยก็คือสวนแป้งเข้าไปทางก้นเพื่อไปดันให้ลำไส้มันคลายออก ถ้าสวนแล้วสำเร็จก็คือจบ แต่ถ้าไม่.. ก็ต้องผ่าตัด!! ในขั้นตอนสวนแป้งจะทำโดยหมอเอ็กซเรย์ (คนที่ทำอัลตร้าซาวด์) ซึ่งหม่าม๊าไม่ไหวแล้ว แขนขาไม่มีแรง อาม่ายอดวีรสตรีเลยเข้าไปแทน ระหว่างที่รอก็ได้ยินเสียงพีต้าร้องไห้เป็นพักๆ เป็นช่วงที่บีบหัวใจมากๆระหว่างรอลุ้นว่าจะสวนแป้งสำเร็จไม๊ อยากร้องไห้แต่น้ำตามันไหลไม่ออกจริงๆมันตื้อไปหมด จนประมาณครึ่งชั่วโมงได้ อาม่าอุ้มหลานออกมาน้ำตานองหน้า แป้งเลอะเทอะเต็มตัว พีต้าที่ลืมตาซบบนไหล่อาม่าแต่แทบไม่มีแรง แม่คือสะเทือนใจสุดรีบไปอุ้มมากอดไว้ ซักพักคุณหมอก็เดินตามออกมาบอกว่า "ไม่สำเร็จ" หม่าม๊าแอบเห็นป่าป๊า ผู้ซึ่งแข็งแกร่งอารมณ์นิ่งและมั่นคงถึงกับน้ำตาคลอ ส่วนแม่ น้ำตาหยด2หยด จริงๆอยากร้องมากๆหนักๆแต่มันไหลไม่ออกจริงๆ แต่ในเมื่อดันแป้งไม่สำเร็จเราก็ต้องลุยต่อ เพราะคุยกับคุณหมอแล้วถ้ายิ่งปล่อยไว้นาน ลำไส้จะขาดเลือด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นต้องผ่าคืนนี้เลย!! โอ๊ยจุดนี้ แม่อยากจิเป็นลม ~
22.00 น. ที่โรงพยาบาล
หลังจากรู้ว่าต้องผ่า ก็เริ่มหาข้อมูลโทรปรึกษาคุณหมอหลายๆท่านว่าเอาไงดี ต้องผ่าเดี๋ยวนี้เลยไม๊ หรือจะรอก่อนเผื่อมันจะคลายเองไม่ต้องผ่า หรือจะผ่าที่ไหนดี เข้ากรุงเทพไม๊ สรุปจบว่าผ่าที่นี่แหละ รองดน้ำงดอาหารให้ครบ6ชั่วโมง และรอคุณหมอที่จะมาผ่าตัดให้ ประมาณเที่ยงคืน
00.00 น. ณ ห้องผ่าตัด
คุณหมอมาถึงประมาณเที่ยงคืนกว่าเรียกคุณพ่อคุณแม่เข้าไปคุย เล่าให้ฟังว่าโรคนี้คืออะไร และขั้นตอนการรักษาจะไปในทิศทางใดบ้าง
คุณหมอบอกว่า #โรคลำไส้กลืนกันพบได้ในเด็กเล็ก ตั้งแต่เกิดจนถึงประมาณ 2ขวบ แต่ช่วงหลังๆมา3-4ขวบก็มีเจอบ้าง สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ต่อมน้ำเหลืองในลำไส้โต หรือมีติ่งเนื้อ ขั้นตอนการผ่าตัดหมอจะดูว่าลำไส้เป็นยังไง ถ้าไม่บอบช้ำมากจากการขาดเลือดนานก็แค่ผ่าเข้าไปเอามือดึงออก แต่ถ้าลำไส้เสียหายมากก็อาจจะต้องใช้วิธีตัดต่อลำไส้ และหมอจะพิจารณาตัดไส้ติ่งไปด้วยเลยทีเดียว
แต่เนื่องจากพีต้าตั้งแต่สวนแป้งจนถึงตอนก่อนผ่าตัดยังไม่มีอาการปวดท้องอีกเลย(หลับปุ๋ย) เราเลยสงสัยว่ามันอาจจะคลายตัวแล้วรึเปล่า อยากให้หมอช่วยดูให้ก่อนจะผ่า กลัวจะได้เจ็บตัวฟรี คุณหมอบอกว่าได้เดี๋ยวดูให้ และให้คุณแม่เปลี่ยนชุดแล้วอุ้มลูกไปนอนที่เตียงผ่าตัด หลังจากนั้นก็ให้แม่ไปรอข้างนอก ซักพักก็ออกมาบอกว่า "หมอลองดูแล้วนะคะ น่าจะยังติดอยู่ คงต้องผ่าค่ะ" เราก็โอเคตามนั้น นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดและนี่คือช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด 😭😭 ทำได้ดีที่สุดคือรออออ รอออ รออออ..
2.30 น. หน้าห้องผ่าตัด
ป่าป๊าไปซื้อมาม่ามากิน แล้วหันมาบอกว่าทำไมมันไม่มีรสชาติเลย 😂😂 ส่วนหม่าม๊าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น ท้องร้องโครกคราก แต่มันไม่รู้สึกหิว กินไม่ลงจริงๆ
ผ่านไปได้น่าจะซักชั่วโมงกว่า คุณหมอก็เดินออกมาบอกว่า "ผ่าตัดเรียบร้อยนะคะ ติดอยู่ประมาณ10cm หมอดึงออกให้แล้ว โชคดีที่เราจัดการเร็ว และหมอตัดไส้ติ่งแล้วด้วย อันนี้คุณแม่ต้องจำนะคะ เดี๋ยวจะส่งน้องไปสังเกตุอาการต่อที่ห้อง icu ประมาณ 24 ชั่วโมงค่ะ"
เห้ออออออออออออออออออออออออ!!!
แม่คือแบบบบโล่งงงงงงงงงงงงงงงง ~
หลังจากกินอะไรไม่ลงตั้งแต่เย็นพอหมอพูดจบปุ๊บหิวขึ้นมาทันที 🤣🤣🤣
3.30 น. ห้อง icu
แล้วเค้าก็เข็นพีต้าออกมา หลับอยู่มีหน้ากากอ๊อกซิเจนครอบไว้ แต่หน้าตาค่อนข้างสดใส แม่เลยใจชื้น ถึงห้อง icu เค้าอนุญาตให้ญาติเฝ้าได้คนเดียว อาม่า กับป่าป๊าเลยกลับไปนอนที่ห้องพัก ส่วนหม่าม๊าอยู่กับพีต้า ลูกตื่นมาลูกจะต้องเจอหม่าม๊าเสมอครับ
ในห้อง icu สายระโยงระยาง สายน้ำเกลือ หน้ากากอ๊อกซิเจน น่าสงสารตัวน้อยของหม่าม๊าสุดหัวใจ เค้าเอาโซฟามาให้หม่าม๊านอน แต่พี่พยาบาลบอกว่าถ้าคุณแม่ไม่กลัวขึ้นมานอนบนเตียงกับน้องก็ได้นะคะ นี่ก็รีบเด้งตัวขึ้นไปแทบไม่ทัน ซักพักพีต้าก็เริ่มรู้สึกตัว พลิกตัวไปมา ลืมตาแป๋ว ลุกขึ้นมานั่ง!!! 😳😳 เธอเพิ่งผ่าตัดนะคุณพิธา!!! เลยพยายามกล่อมนอนต่อไม่อยากให้ขยับเยอะ ระหว่างคืนนั้นก็มีตื่นมาบอก "หม่าม๊าช่วยพีต้าด้วย" "แกะๆๆ" (หมายถึงให้แกะสายต่างๆออกให้เค้า) "พีต้าเจ็บ ให้หม่าม๊าโอมเพี้ยงให้" เป็นประโยคที่ฟังแล้วเศร้า สงสารลูกเป็นที่สุด แต่ ณ จุดนั้นมันร้องไห้ไม่ได้จริงๆ เพราะอยู่แค่สองคนถ้าแม่ร้องไห้ใครจะคอยปลอบลูก เลยฮึบไว้ ก็ถือว่าผ่านไปได้ดี พีต้าเก่งมาก แทบจะไม่มีงอแง แล้วอาม่าก็มาเปลี่ยนเวรตอน 8โมงเช้า
**เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าคนเป็นแม่นั้นจะมีพลังวิเศษ ไม่ต้องนอนก็ได้แต่ขอให้ลูกสบายดี จากคนที่ร้องไห้ง่ายๆกลายเป็นไม่มีน้ำตาเพราะรู้ว่าต้องเข้มแข็งเพื่อใครอีกคน ส่วนลูก.. แม่คือโลกทั้งใบอย่างแท้จริง ยิ่งตอนป่วยคือชัดเลยว่าเค้าไม่ต้องการอะไร ขอแค่แม่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นก็พอ**
29 มีนาคม 2560
หม่าม๊าพักไปอาบน้ำแต่งตัว ให้นมน้องเพตั้น นอนหนึ่งงีบ1ชั่วโมงแบบหลับสนิทเป็นตาย เตรียมข้าวของแล้วกลับมาอยู่กับพีต้า ถึงโรงพยาบาลประมาณเที่ยงๆ พีต้าดูแรงยังกลับมาไม่100% แต่อยากลงไปเดินเล่น ลุกขึ้นเดินได้ปกติ มีการบ่นเจ็บแผลบ้างครั้งสองครั้ง การฟื้นตัวของเด็กนี่เร็วมหัศจรรย์ใจจริงๆ หม่าม๊างงเลย ช่วงเย็นอาม่าก็ช่วยดูระหว่างที่แว๊บไปให้นมน้องเพตั้น กลับเข้ามาสามทุ่มพีต้าหลับปุ๋ยแล้ว มีตื่นมาตอนตีสามบอกว่าเจ็บท้อง เลยได้พาราไปหนึ่งรอบ
30 มีนาคม 2560
ตื่นแต่เช้าลงมาเดินเล่นข้างล่าง คุณหมอให้เริ่มอาหารอ่อนได้ กินน้ำข้าวต้ม น้ำแดง นม พี่พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือให้แต่ยังคาเข็มไว้ วันนี้เริ่มมีแรงมากขึ้นเยอะ เดินเล่น ปีนโน่นนี่ คุณหมอมาดูตอนค่ำบอกว่าจริงๆกลับบ้านได้เลย แต่มันค่ำแล้วป่าป๊าเลยบอกว่าอยู่ต่ออีกคืนละกัน ออกตอนนี้วุ่นวายเกินไป คุณหมอจะยังให้คาเข็มไว้แต่พ่อแม่บอกว่าเอาออกเถอะสงสารเค้า คุณหมอก็โอเค
31 มีนาคม 2560
เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลด้วยความสดใสแต่เช้า อาการแทบจะปกติ100% วิ่งได้แล้ว แม่ล่ะงงใจ เจ็บมั่งไม๊ลู๊กกก พี่พยาบาลมาชมว่าน้องฟื้นตัวเร็วมากค่ะคุณแม่ เคลียประกันเสร็จเรียบร้อย บ๊ายบายส่งยิ้มหวานให้พี่พยาบาล ดี๊ด๊าได้กลับบ้านแล๊วค๊าบบ เย้ ~
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้กับ "ทุกคน" ไม่มีสาเหตุแน่ชัด ไม่เกี่ยวกับอาหารการกิน ไม่รู้จะป้องกันยังไง เลยอยากให้อ่านไว้เป็นข้อมูล ไม่ได้อยากให้ตื่นตระหนกตกใจ แต่อยากให้รู้เอาไว้..ว่าโลกนี้มันมีอะไรที่เรียกว่า "โรคลำไส้กลืนกัน" อยู่จริงๆ
#นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าลูกปวดท้องมาอย่าชะล่าใจ
#รีบไปให้หมอดูเพื่อความปลอดภัยดีที่สุด
#ณจุดนี้ประกันสองปีที่ไม่เคยเบิก #เจอทีเดียวคุ้มเลย #แสนกว่าเบาๆ
#มาทีจัดเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ
#ขอบคุณคุณหมอทุกคนโดยเฉพาะคุณหมอ "อาอึ้มของพีต้า" ที่วินิจฉัยได้เป๊ะและรวดเร็วทำให้ทุกอย่างรักษาได้อย่างทันท่วงที
#ขอบคุณอากงอาม่าเหล่าอี๊พี่ๆทุกคนที่ช่วยกันอดหลับอดนอนพยายามป้อนขวดนมน้องเพตั้นในช่วงที่หม่าม๊าต้องดูแลเฮียพีต้า
#สุดท้ายต้องขอบคุณป่าป๊าที่คอยจับมืออยู่ข้างๆให้กำลังใจกันในทุกเวลารักเธอมากจริงๆ
#ถึงตอนนี้มีเพียงหนึ่งคำถามในหัวใจ
#ว่าคุณลำไส้จะกลืนกันทำไมคะ ?! 🙄🙄🙄 #คือว่างช่ะ ?! #งงเด้ #งงเด้
ด้วยรักและห่วงใยจากใจเภสัชกรแม่ลูกอ่อน
#HappyMommyDiary
คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามความรู้เรื่องยาและสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก รวมไปถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกได้ที่
www.facebook.com/happymommydiary
แชร์ประสบการณ์ลูกชายวัยสองขวบผ่าตัด "โรคลำไส้กลืนกัน"
28 มีนาคม 2560
15.00 น. ที่บ้าน
พีต้าเริ่มมีอาการปวดท้องตั้งแต่บ่ายๆวันอังคารที่28 มีนาคม 2560 บ่นบอกทุกคนว่าเจ็บท้อง จนตอนเย็นๆ หม่าม๊าดูว่าปวดท้องมาก น่าจะไม่ใช่ปวดท้องธรรมดา เลยอุ้มพาไปให้อาอึ้มดู (ญาติสนิทที่เป็นคุณหมอเด็กประจำตระกูล) รอจนอาอึ้มกลับมาเกือบหกโมงเย็น อาอึ้มลองฟังเสียงลำไส้ คลำท้อง ถามและดูอาการ แล้วบอกว่ามีสิทธ์จะเป็นลำไส้กลืนกัน และในเซ้นส์ของความเป็นแม่ วินาทีนั้นเรารู้สึกว่าใช่แน่ๆ เริ่มเครียด.. อาอึ้มแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่ออัลตร้าซาวด์ดู..
19.00 น. ที่โรงพยาบาล
ตอนแรกที่อยู่ที่บ้านอาการคือปวดท้อง ดูท่าทางเค้าคล้ายๆปวดบิด งอแงร้องไห้หนักเป็นพักๆ บอกว่าพีต้าเจ็บท้องๆๆๆ
พอถึงโรงพยาบาลขณะรอหมอ หน้า OPD มีอ้วกไป1รอบ พอคุณหมอฟังท้องพร้อมกับคลำดูบอกว่าสงสัย 2 อย่าง 1.ลำไส้อักเสบ 2.ลำไส้กลืนกัน โดยมี2ทางให้เลือกคือ 1.กลับบ้านไปสังเกตุอาการ 2.ไปอัลตร้าซาวด์ดู ว่ามีอะไรไม๊ แต่.. ถ้าไม่เจอไม่ได้แปลว่าไม่เป็น อาจจะเป็นแต่ว่าไม่เห็นก็ได้ ยังไงก็ตามแต่มาถึงขั้นนี้แล้วสำหรับแม่ ต้องซาวด์แน่นอน
ในห้องอัลตร้าซาวด์
คุณหมอจะให้คุณแม่อุ้มน้องแล้วคุณหมอทำการตรวจ พีต้าดิ้นร้องไห้ตลอดเวลา แต่ดูแล้วคงเพราะกลัวมากกว่า หมอก็ผซาวด์ดูซักพักใหญ่ๆ สรุปว่าผลออกมาคือเห็นว่ามีลำไส้กลืนกันจริงๆ จังหวะนั้นหม่าม๊าอยากร้องไห้มาก แต่ไม่เข้าใจทำไมมันร้องไม่ออก แต่พูดได้คำเดียวว่ามันช๊อค!! หลังจากรู้ผลเราก็ต้องมาคุยถึงขั้นตอนการรักษา คุณหมอบอกว่าขั้นแรก ต้องลองสวนแป้ง
ขั้นตอนการสวนแป้ง
หลังรู้แล้วว่าเป็นแน่ก็ต้องลุยรักษากันต่อ ซึ่งขั้นแรกเลยก็คือสวนแป้งเข้าไปทางก้นเพื่อไปดันให้ลำไส้มันคลายออก ถ้าสวนแล้วสำเร็จก็คือจบ แต่ถ้าไม่.. ก็ต้องผ่าตัด!! ในขั้นตอนสวนแป้งจะทำโดยหมอเอ็กซเรย์ (คนที่ทำอัลตร้าซาวด์) ซึ่งหม่าม๊าไม่ไหวแล้ว แขนขาไม่มีแรง อาม่ายอดวีรสตรีเลยเข้าไปแทน ระหว่างที่รอก็ได้ยินเสียงพีต้าร้องไห้เป็นพักๆ เป็นช่วงที่บีบหัวใจมากๆระหว่างรอลุ้นว่าจะสวนแป้งสำเร็จไม๊ อยากร้องไห้แต่น้ำตามันไหลไม่ออกจริงๆมันตื้อไปหมด จนประมาณครึ่งชั่วโมงได้ อาม่าอุ้มหลานออกมาน้ำตานองหน้า แป้งเลอะเทอะเต็มตัว พีต้าที่ลืมตาซบบนไหล่อาม่าแต่แทบไม่มีแรง แม่คือสะเทือนใจสุดรีบไปอุ้มมากอดไว้ ซักพักคุณหมอก็เดินตามออกมาบอกว่า "ไม่สำเร็จ" หม่าม๊าแอบเห็นป่าป๊า ผู้ซึ่งแข็งแกร่งอารมณ์นิ่งและมั่นคงถึงกับน้ำตาคลอ ส่วนแม่ น้ำตาหยด2หยด จริงๆอยากร้องมากๆหนักๆแต่มันไหลไม่ออกจริงๆ แต่ในเมื่อดันแป้งไม่สำเร็จเราก็ต้องลุยต่อ เพราะคุยกับคุณหมอแล้วถ้ายิ่งปล่อยไว้นาน ลำไส้จะขาดเลือด อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพราะฉะนั้นต้องผ่าคืนนี้เลย!! โอ๊ยจุดนี้ แม่อยากจิเป็นลม ~
22.00 น. ที่โรงพยาบาล
หลังจากรู้ว่าต้องผ่า ก็เริ่มหาข้อมูลโทรปรึกษาคุณหมอหลายๆท่านว่าเอาไงดี ต้องผ่าเดี๋ยวนี้เลยไม๊ หรือจะรอก่อนเผื่อมันจะคลายเองไม่ต้องผ่า หรือจะผ่าที่ไหนดี เข้ากรุงเทพไม๊ สรุปจบว่าผ่าที่นี่แหละ รองดน้ำงดอาหารให้ครบ6ชั่วโมง และรอคุณหมอที่จะมาผ่าตัดให้ ประมาณเที่ยงคืน
00.00 น. ณ ห้องผ่าตัด
คุณหมอมาถึงประมาณเที่ยงคืนกว่าเรียกคุณพ่อคุณแม่เข้าไปคุย เล่าให้ฟังว่าโรคนี้คืออะไร และขั้นตอนการรักษาจะไปในทิศทางใดบ้าง
คุณหมอบอกว่า #โรคลำไส้กลืนกันพบได้ในเด็กเล็ก ตั้งแต่เกิดจนถึงประมาณ 2ขวบ แต่ช่วงหลังๆมา3-4ขวบก็มีเจอบ้าง สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ต่อมน้ำเหลืองในลำไส้โต หรือมีติ่งเนื้อ ขั้นตอนการผ่าตัดหมอจะดูว่าลำไส้เป็นยังไง ถ้าไม่บอบช้ำมากจากการขาดเลือดนานก็แค่ผ่าเข้าไปเอามือดึงออก แต่ถ้าลำไส้เสียหายมากก็อาจจะต้องใช้วิธีตัดต่อลำไส้ และหมอจะพิจารณาตัดไส้ติ่งไปด้วยเลยทีเดียว
แต่เนื่องจากพีต้าตั้งแต่สวนแป้งจนถึงตอนก่อนผ่าตัดยังไม่มีอาการปวดท้องอีกเลย(หลับปุ๋ย) เราเลยสงสัยว่ามันอาจจะคลายตัวแล้วรึเปล่า อยากให้หมอช่วยดูให้ก่อนจะผ่า กลัวจะได้เจ็บตัวฟรี คุณหมอบอกว่าได้เดี๋ยวดูให้ และให้คุณแม่เปลี่ยนชุดแล้วอุ้มลูกไปนอนที่เตียงผ่าตัด หลังจากนั้นก็ให้แม่ไปรอข้างนอก ซักพักก็ออกมาบอกว่า "หมอลองดูแล้วนะคะ น่าจะยังติดอยู่ คงต้องผ่าค่ะ" เราก็โอเคตามนั้น นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดและนี่คือช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด 😭😭 ทำได้ดีที่สุดคือรออออ รอออ รออออ..
2.30 น. หน้าห้องผ่าตัด
ป่าป๊าไปซื้อมาม่ามากิน แล้วหันมาบอกว่าทำไมมันไม่มีรสชาติเลย 😂😂 ส่วนหม่าม๊าไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น ท้องร้องโครกคราก แต่มันไม่รู้สึกหิว กินไม่ลงจริงๆ
ผ่านไปได้น่าจะซักชั่วโมงกว่า คุณหมอก็เดินออกมาบอกว่า "ผ่าตัดเรียบร้อยนะคะ ติดอยู่ประมาณ10cm หมอดึงออกให้แล้ว โชคดีที่เราจัดการเร็ว และหมอตัดไส้ติ่งแล้วด้วย อันนี้คุณแม่ต้องจำนะคะ เดี๋ยวจะส่งน้องไปสังเกตุอาการต่อที่ห้อง icu ประมาณ 24 ชั่วโมงค่ะ"
เห้ออออออออออออออออออออออออ!!!
แม่คือแบบบบโล่งงงงงงงงงงงงงงงง ~
หลังจากกินอะไรไม่ลงตั้งแต่เย็นพอหมอพูดจบปุ๊บหิวขึ้นมาทันที 🤣🤣🤣
3.30 น. ห้อง icu
แล้วเค้าก็เข็นพีต้าออกมา หลับอยู่มีหน้ากากอ๊อกซิเจนครอบไว้ แต่หน้าตาค่อนข้างสดใส แม่เลยใจชื้น ถึงห้อง icu เค้าอนุญาตให้ญาติเฝ้าได้คนเดียว อาม่า กับป่าป๊าเลยกลับไปนอนที่ห้องพัก ส่วนหม่าม๊าอยู่กับพีต้า ลูกตื่นมาลูกจะต้องเจอหม่าม๊าเสมอครับ
ในห้อง icu สายระโยงระยาง สายน้ำเกลือ หน้ากากอ๊อกซิเจน น่าสงสารตัวน้อยของหม่าม๊าสุดหัวใจ เค้าเอาโซฟามาให้หม่าม๊านอน แต่พี่พยาบาลบอกว่าถ้าคุณแม่ไม่กลัวขึ้นมานอนบนเตียงกับน้องก็ได้นะคะ นี่ก็รีบเด้งตัวขึ้นไปแทบไม่ทัน ซักพักพีต้าก็เริ่มรู้สึกตัว พลิกตัวไปมา ลืมตาแป๋ว ลุกขึ้นมานั่ง!!! 😳😳 เธอเพิ่งผ่าตัดนะคุณพิธา!!! เลยพยายามกล่อมนอนต่อไม่อยากให้ขยับเยอะ ระหว่างคืนนั้นก็มีตื่นมาบอก "หม่าม๊าช่วยพีต้าด้วย" "แกะๆๆ" (หมายถึงให้แกะสายต่างๆออกให้เค้า) "พีต้าเจ็บ ให้หม่าม๊าโอมเพี้ยงให้" เป็นประโยคที่ฟังแล้วเศร้า สงสารลูกเป็นที่สุด แต่ ณ จุดนั้นมันร้องไห้ไม่ได้จริงๆ เพราะอยู่แค่สองคนถ้าแม่ร้องไห้ใครจะคอยปลอบลูก เลยฮึบไว้ ก็ถือว่าผ่านไปได้ดี พีต้าเก่งมาก แทบจะไม่มีงอแง แล้วอาม่าก็มาเปลี่ยนเวรตอน 8โมงเช้า
**เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าคนเป็นแม่นั้นจะมีพลังวิเศษ ไม่ต้องนอนก็ได้แต่ขอให้ลูกสบายดี จากคนที่ร้องไห้ง่ายๆกลายเป็นไม่มีน้ำตาเพราะรู้ว่าต้องเข้มแข็งเพื่อใครอีกคน ส่วนลูก.. แม่คือโลกทั้งใบอย่างแท้จริง ยิ่งตอนป่วยคือชัดเลยว่าเค้าไม่ต้องการอะไร ขอแค่แม่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นก็พอ**
29 มีนาคม 2560
หม่าม๊าพักไปอาบน้ำแต่งตัว ให้นมน้องเพตั้น นอนหนึ่งงีบ1ชั่วโมงแบบหลับสนิทเป็นตาย เตรียมข้าวของแล้วกลับมาอยู่กับพีต้า ถึงโรงพยาบาลประมาณเที่ยงๆ พีต้าดูแรงยังกลับมาไม่100% แต่อยากลงไปเดินเล่น ลุกขึ้นเดินได้ปกติ มีการบ่นเจ็บแผลบ้างครั้งสองครั้ง การฟื้นตัวของเด็กนี่เร็วมหัศจรรย์ใจจริงๆ หม่าม๊างงเลย ช่วงเย็นอาม่าก็ช่วยดูระหว่างที่แว๊บไปให้นมน้องเพตั้น กลับเข้ามาสามทุ่มพีต้าหลับปุ๋ยแล้ว มีตื่นมาตอนตีสามบอกว่าเจ็บท้อง เลยได้พาราไปหนึ่งรอบ
30 มีนาคม 2560
ตื่นแต่เช้าลงมาเดินเล่นข้างล่าง คุณหมอให้เริ่มอาหารอ่อนได้ กินน้ำข้าวต้ม น้ำแดง นม พี่พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือให้แต่ยังคาเข็มไว้ วันนี้เริ่มมีแรงมากขึ้นเยอะ เดินเล่น ปีนโน่นนี่ คุณหมอมาดูตอนค่ำบอกว่าจริงๆกลับบ้านได้เลย แต่มันค่ำแล้วป่าป๊าเลยบอกว่าอยู่ต่ออีกคืนละกัน ออกตอนนี้วุ่นวายเกินไป คุณหมอจะยังให้คาเข็มไว้แต่พ่อแม่บอกว่าเอาออกเถอะสงสารเค้า คุณหมอก็โอเค
31 มีนาคม 2560
เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลด้วยความสดใสแต่เช้า อาการแทบจะปกติ100% วิ่งได้แล้ว แม่ล่ะงงใจ เจ็บมั่งไม๊ลู๊กกก พี่พยาบาลมาชมว่าน้องฟื้นตัวเร็วมากค่ะคุณแม่ เคลียประกันเสร็จเรียบร้อย บ๊ายบายส่งยิ้มหวานให้พี่พยาบาล ดี๊ด๊าได้กลับบ้านแล๊วค๊าบบ เย้ ~
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้กับ "ทุกคน" ไม่มีสาเหตุแน่ชัด ไม่เกี่ยวกับอาหารการกิน ไม่รู้จะป้องกันยังไง เลยอยากให้อ่านไว้เป็นข้อมูล ไม่ได้อยากให้ตื่นตระหนกตกใจ แต่อยากให้รู้เอาไว้..ว่าโลกนี้มันมีอะไรที่เรียกว่า "โรคลำไส้กลืนกัน" อยู่จริงๆ
#นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าลูกปวดท้องมาอย่าชะล่าใจ
#รีบไปให้หมอดูเพื่อความปลอดภัยดีที่สุด
#ณจุดนี้ประกันสองปีที่ไม่เคยเบิก #เจอทีเดียวคุ้มเลย #แสนกว่าเบาๆ
#มาทีจัดเต็มแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ
#ขอบคุณคุณหมอทุกคนโดยเฉพาะคุณหมอ "อาอึ้มของพีต้า" ที่วินิจฉัยได้เป๊ะและรวดเร็วทำให้ทุกอย่างรักษาได้อย่างทันท่วงที
#ขอบคุณอากงอาม่าเหล่าอี๊พี่ๆทุกคนที่ช่วยกันอดหลับอดนอนพยายามป้อนขวดนมน้องเพตั้นในช่วงที่หม่าม๊าต้องดูแลเฮียพีต้า
#สุดท้ายต้องขอบคุณป่าป๊าที่คอยจับมืออยู่ข้างๆให้กำลังใจกันในทุกเวลารักเธอมากจริงๆ
#ถึงตอนนี้มีเพียงหนึ่งคำถามในหัวใจ
#ว่าคุณลำไส้จะกลืนกันทำไมคะ ?! 🙄🙄🙄 #คือว่างช่ะ ?! #งงเด้ #งงเด้
ด้วยรักและห่วงใยจากใจเภสัชกรแม่ลูกอ่อน
#HappyMommyDiary
คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามความรู้เรื่องยาและสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก รวมไปถึงพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกได้ที่
www.facebook.com/happymommydiary