สวัสดีเพื่อนๆในพันทิปทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ฉบับนี้นะครับ และนี่เป็นกระทู้แรกของผม ซึ่งหากในการพิมพ์ครั้งนี้ เกิดมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้นี้ ตัวผมเองได้มีโอกาสเข้าไปอ่านกระทู้อื่นๆที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ผมได้เจอมา แต่เท่าที่ได้หาอ่านมานั้น ก็ยังไม่เจอกระทู้ไหนที่ตอบคำถามของผมได้ชัดเจน ดังนั้นผมขอถือโอกาสนี้ เพื่อเล่าให้เพื่อนๆได้ฟัง และขอความรู้เพื่อเอากลับไปประยุกต์ใช้ด้วยนะครับ
ก่อนหน้านี้ ผมเองทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทเกี่ยวกับ Freight Forwarding ซึ่งเป็นบริษัที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของเมืองไทยและทั่วโลก ซึ่งผมเองทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารงานระดับกลาง (หัวหน้าแผนก) ระหว่างการทำงานที่นี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย สภาพแวดล้อมทุกอย่างดีหมด ทั้งเพื่อนร่วมงาน เงินเดือน การเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางค่อนข้างสะดวกมากเพราะ ที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากๆ ขับรถไปทำงาน 5 - 10 นาทีก็ถึง และไม่เคยไปทำงานสายเลย
ต่อมามีโทรศัพท์จากบริษัทอื่นโทรมาเพื่อขอนัดสัมภาษณ์ (เนื่องจากผมเองได้ทำการฝากประวัติไว้กับเว็บหางานเอาไว้ และมีการอัพเดทข้อมูลอยู่เป็นระยะระยะ) ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกันนั้น ทำให้ทราบข้อมูลว่า บริษัทนี้เพิ่งมาเปิดในประเทศไทยได้ไม่นาน และต้องการขยายฐานลูกค้าและเพื่อโปรโมทชื่อบริษัทเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาด (Local Market) บริษัทจึงเชิญชวนให้เข้าร่วมงานกับบริษัทนี้ด้วย แต่ผมเองได้บอกปฏิเสธไปในตอนแรก เนื่องจากผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางการขายมาก่อน และอีกอย่างที่ทำงานก็อยู่ค่อนข้างไกลกับที่พักมาก (ปริมณฑล) แต่หลังจากที่มีการพูดคุยกันอีกรอบ ผมก็ตอบตกลง เนื่องจากความยืดหยุ่นในการทำงาน (flexibility) ซึ่งอนุญาติให้ทำงานที่บ้าน หรือร้านกาแฟ หรือสถานที่ใดๆก็ตามที่มีอินเตอร์เน็ตทำงานได้ และเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปพบลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะอยู่ในตัว กทม. ซะเป็นส่วนใหญ่ และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผมตัดสินใจลาออกเพื่อมาร่วมงานกับที่นี่ เนื่องจากคิดว่าไม่ต้องรีบตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปทำงาน เพราะหลังจากตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ก็สามารถนั่งทำงานที่บ้านได้เลย โดยไม่ได้มองเรื่องเงินเดือนหรือค่าจ้างอื่นใดเลย เพราะตัดสินใจมาร่วมงานกับที่นี่ด้วยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 600 บาทเท่านั้นเอง
หลังจากได้เข้ามาทำงานในช่วงแรกก็เป็นไปอย่างที่ได้ตกลงกัน คือทำงานที่บ้าน แล้วก็ออกไปหาลูกค้าเพื่อนำเสนอการให้บริการต่างๆ โดยมีแค่วันอังคารวันเดียวที่จะต้องเข้าไปบริษัทเพื่อทำการประชุมทุกสัปดาห์ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นจะทำการโยกย้ายตัวผมไปทำงานให้กับอีกบริษัทหนึ่ง ที่นายจ้างแจ้งว่าอยู่ในเครือเดียวกัน (จริงหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าน่าจะจริงเพราะมีการตั้งชื่อบริษัทที่คล้ายคลึงกัน)
บริษัทจึงส่งตัวผมให้มาทำงานกับบริษัทใหม่ พร้อมกับหนังสือเซ็นต์ยินยอมการโยกย้าย ซึ่งบริษัทตั้งอยู่ใน กทม. ย่านรถติดมากๆ และเปลี่ยนนโยบายใหม่ว่า ต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน และไม่อนุญาตให้ทำงานที่อื่นได้ นอกจากที่บ้าน ซึ่งด้วยสาเหตุนี้แหละ เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมเองรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม
การโยกย้ายนี้เริ่มต้นประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยผมเองจำเป็นต้องเข้ามาออฟฟิตเพื่อมาทำงาน เพราะเเกรงว่าหากไม่มาทำงานอาจจะเป็นสาเหตุที่บริษัทสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ เเต่เนื่องจากอุปสรรคในการเดินทาง ทำให้ผมเองไม่สามารถมาทำงานได้ทันตามเวลาที่บริษัทได้กำหนดไว้
เเต่ในขนาดเดียวกันจนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังไม่ได้เซ็นต์ยินยอมหรือตอบตกลง สำหรับการโยกย้ายของผมนี้ จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทเเรกยังคงต้องจ่ายเงินเดือนอยู่ ส่วนยอดขายที่ผมขายได้นั้น รายได้ทั้งหมดก็เข้าบริษัทที่สองไปโดยปริยาย
กล่าวคือตั้งเเเต่ 08.30-17.30 ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผมได้รับใบเตือนเนื่องจากเข้างานสาย เป็นจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งฝ่ายบุคคลเเจ้งว่าหลังจากได้ใบเตือนครบ 3 ฉบับเเล้วหากยังมาสายอีกจะดำเนินการไล่ออก ด้วยเหตุนี้เองผมอยากจะถามว่า หากผมเองยังไม่ได้เซ็นต์ยินยอมในการโยกย้ายนั้น ผมยัง สามารถทำงานที่บ้านได้เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือถ้าไม่ไปทำงานจะผิดกฎตามนายจ้างได้เเจ้งไว้หรือไม่ เเละการโยกย้ายของนายจ้างครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงานด้วยหรือไม่
หากผมไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะไป ในส่วนของนายจ้างเองนั้นสามารถบังคับให้ผมไปได้หรือไม่ หากผมไม่ไปตามคำสั่งถือว่าผมขัดคำสั่งต่อนายจ้าง เเละมีความผิดตามกฎหมายด้วยใช่หรือไม่
ขอสอบถามเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน โดยเฉพาะเรื่องนายจ้างโยกย้ายลูกจ้างไปทำงานที่สถานที่อื่น โดยที่ลูกจ้างไม่ยินยอมได้หรือไม่
ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้นี้ ตัวผมเองได้มีโอกาสเข้าไปอ่านกระทู้อื่นๆที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ผมได้เจอมา แต่เท่าที่ได้หาอ่านมานั้น ก็ยังไม่เจอกระทู้ไหนที่ตอบคำถามของผมได้ชัดเจน ดังนั้นผมขอถือโอกาสนี้ เพื่อเล่าให้เพื่อนๆได้ฟัง และขอความรู้เพื่อเอากลับไปประยุกต์ใช้ด้วยนะครับ
ก่อนหน้านี้ ผมเองทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทเกี่ยวกับ Freight Forwarding ซึ่งเป็นบริษัที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของเมืองไทยและทั่วโลก ซึ่งผมเองทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับผู้บริหารงานระดับกลาง (หัวหน้าแผนก) ระหว่างการทำงานที่นี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย สภาพแวดล้อมทุกอย่างดีหมด ทั้งเพื่อนร่วมงาน เงินเดือน การเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางค่อนข้างสะดวกมากเพราะ ที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงานมากๆ ขับรถไปทำงาน 5 - 10 นาทีก็ถึง และไม่เคยไปทำงานสายเลย
ต่อมามีโทรศัพท์จากบริษัทอื่นโทรมาเพื่อขอนัดสัมภาษณ์ (เนื่องจากผมเองได้ทำการฝากประวัติไว้กับเว็บหางานเอาไว้ และมีการอัพเดทข้อมูลอยู่เป็นระยะระยะ) ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกันนั้น ทำให้ทราบข้อมูลว่า บริษัทนี้เพิ่งมาเปิดในประเทศไทยได้ไม่นาน และต้องการขยายฐานลูกค้าและเพื่อโปรโมทชื่อบริษัทเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาด (Local Market) บริษัทจึงเชิญชวนให้เข้าร่วมงานกับบริษัทนี้ด้วย แต่ผมเองได้บอกปฏิเสธไปในตอนแรก เนื่องจากผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทางการขายมาก่อน และอีกอย่างที่ทำงานก็อยู่ค่อนข้างไกลกับที่พักมาก (ปริมณฑล) แต่หลังจากที่มีการพูดคุยกันอีกรอบ ผมก็ตอบตกลง เนื่องจากความยืดหยุ่นในการทำงาน (flexibility) ซึ่งอนุญาติให้ทำงานที่บ้าน หรือร้านกาแฟ หรือสถานที่ใดๆก็ตามที่มีอินเตอร์เน็ตทำงานได้ และเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปพบลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะอยู่ในตัว กทม. ซะเป็นส่วนใหญ่ และนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ผมตัดสินใจลาออกเพื่อมาร่วมงานกับที่นี่ เนื่องจากคิดว่าไม่ต้องรีบตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ขับรถไปทำงาน เพราะหลังจากตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ก็สามารถนั่งทำงานที่บ้านได้เลย โดยไม่ได้มองเรื่องเงินเดือนหรือค่าจ้างอื่นใดเลย เพราะตัดสินใจมาร่วมงานกับที่นี่ด้วยค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 600 บาทเท่านั้นเอง
หลังจากได้เข้ามาทำงานในช่วงแรกก็เป็นไปอย่างที่ได้ตกลงกัน คือทำงานที่บ้าน แล้วก็ออกไปหาลูกค้าเพื่อนำเสนอการให้บริการต่างๆ โดยมีแค่วันอังคารวันเดียวที่จะต้องเข้าไปบริษัทเพื่อทำการประชุมทุกสัปดาห์ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทที่ทำงานอยู่นั้นจะทำการโยกย้ายตัวผมไปทำงานให้กับอีกบริษัทหนึ่ง ที่นายจ้างแจ้งว่าอยู่ในเครือเดียวกัน (จริงหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าน่าจะจริงเพราะมีการตั้งชื่อบริษัทที่คล้ายคลึงกัน)
บริษัทจึงส่งตัวผมให้มาทำงานกับบริษัทใหม่ พร้อมกับหนังสือเซ็นต์ยินยอมการโยกย้าย ซึ่งบริษัทตั้งอยู่ใน กทม. ย่านรถติดมากๆ และเปลี่ยนนโยบายใหม่ว่า ต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน และไม่อนุญาตให้ทำงานที่อื่นได้ นอกจากที่บ้าน ซึ่งด้วยสาเหตุนี้แหละ เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ผมเองรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม
การโยกย้ายนี้เริ่มต้นประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยผมเองจำเป็นต้องเข้ามาออฟฟิตเพื่อมาทำงาน เพราะเเกรงว่าหากไม่มาทำงานอาจจะเป็นสาเหตุที่บริษัทสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ เเต่เนื่องจากอุปสรรคในการเดินทาง ทำให้ผมเองไม่สามารถมาทำงานได้ทันตามเวลาที่บริษัทได้กำหนดไว้
เเต่ในขนาดเดียวกันจนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังไม่ได้เซ็นต์ยินยอมหรือตอบตกลง สำหรับการโยกย้ายของผมนี้ จึงเป็นสาเหตุให้บริษัทเเรกยังคงต้องจ่ายเงินเดือนอยู่ ส่วนยอดขายที่ผมขายได้นั้น รายได้ทั้งหมดก็เข้าบริษัทที่สองไปโดยปริยาย
กล่าวคือตั้งเเเต่ 08.30-17.30 ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผมได้รับใบเตือนเนื่องจากเข้างานสาย เป็นจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งฝ่ายบุคคลเเจ้งว่าหลังจากได้ใบเตือนครบ 3 ฉบับเเล้วหากยังมาสายอีกจะดำเนินการไล่ออก ด้วยเหตุนี้เองผมอยากจะถามว่า หากผมเองยังไม่ได้เซ็นต์ยินยอมในการโยกย้ายนั้น ผมยัง สามารถทำงานที่บ้านได้เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือถ้าไม่ไปทำงานจะผิดกฎตามนายจ้างได้เเจ้งไว้หรือไม่ เเละการโยกย้ายของนายจ้างครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างงานด้วยหรือไม่
หากผมไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะไป ในส่วนของนายจ้างเองนั้นสามารถบังคับให้ผมไปได้หรือไม่ หากผมไม่ไปตามคำสั่งถือว่าผมขัดคำสั่งต่อนายจ้าง เเละมีความผิดตามกฎหมายด้วยใช่หรือไม่