สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วได้ไปปีนเขาที่มาเลเซียมา รู้สึกแบบว่า @#@#@!#<>@<#<@#@
555 บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ ตอนพิมนี่นึกถึงใจยังสั่นอยู่เลยอ้ะ โอยๆ 5555 เว่อวังมากจ้า
คือ ทริปนี้เนี่ยเกิดขึ้นมาแบบงงๆ "ไปปีนเขาที่มาเลฯกัน งบไม่เกิน 20000 บาท"
ตอนนั้นแบบ เห้ย ปีนเขาที่มาเลฯอ่อ ฟังดูก็ตื่นเต้นแล้วอ่ะ แล้วยิ่งพอเห็นรูปนี่คือแบบ เช็ควันด่วนๆเลยจ่ะ
อารมณ์แบบเดินป่า 20000!!! นี่ไต้หวัน ญีปุ่นย่อมๆเลยนะ ถ้าไม่ไปรอบนี้นี่จะมีคนไปด้วยอีกไหมวะเนี่ย 5555
มาตอนนี้ อยากจะกราบแทบอกคนชวนและขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองในวันนั้นจริงๆ ปลื้มปริ่ม
ทริปนี้เราไปทั้งหมด 4 วัน ลงได้ช่วงวันหยุดมาฆบูชาลากยาวไปวาเลนไทน์ 10-14 ก.พ.60 (ลางาน 1 วัน) เลิศค่ะ
มีสมาชิกทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นทีม A และทีม B ง่อววววว จริงจังป่ะล่ะ จองอะไรก็จัดการสะดวกดี
คือจริงๆไปเกาะเค้า55 เมื่อสมาชิกพร้อม เงินพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม ลุยไปก่อน ลางานไว้ทีหลัง 55
การไปเดินขึ้น “Kinabalu Mt.” เราควรจะไปนอนอย่างน้อย 2 คืน คืนแรกพยายามนอนใกล้ๆอุทยานไว้
เพราะวันที่เราเดินขึ้นเขาเราจะต้องเดินแต่เช้า โดยที่เกทปิด 10.30 น. ถ้าไปถึงหลังจากนั้นก็จะขึ้นไม่ได้เลย
ตัวอุทยานห่างจากสนามบินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ดังนั้น คนที่ฟิตสุดอะไรสุด บินมาลงปุ๊ปปีนปั๊ปนี่มีความเสี่ยงจะไม่ทันเกทปิดอยู่
เริ่มภารกิจแรกกับการจองที่พักบนเขา ตอนนั้นทีมเราจองล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน
เหลือว่างแบบชิวๆเลยนะ แต่ไม่ควรจะชิวมาก นกอะไรนกได้แต่ถ้านกที่นอนบนเขาเนี่ยก็อดปีนเลยนะจ๊ะ
-----------------------------------------------------------------------------------------
:: การจองที่พักบนเขา ::
สามารถจองได้เองกับอุทยานเลย โดยเมลล์ไปหาอันนี้ >> info@suterasanctuarylodges.com.my
แล้วแจ้งรายละเอียดตามนี้ Full Name :
Full address :
Date of climbing :
Expected arrival time (ETA) :
Package selected :
Total of group :
Contact number :
Nationality :
-----------------------------------------------------------------------------------------
วิธีนี้จะได้ราคาอุทยานเลย ส่วนตัวเราคิดว่าค่อนข้างสะดวกเลยล่ะ โดยปกติเจ้าหน้าที่จะตอบกลับภายใน 2 วัน
เจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำดีด้วย อุทยานจะมีแพกเกจ 2 แบบ คือ 3D2N และ 2D1N(ซึ่งรับจอง 30 วัน ก่อนวันเดิน)
เราจึงจองพักแบบ Dorm แพกเกจ 3D2N ไป ซึ่งแบบนี้คืนแรกจะพักที่ตัวอุทยานเลย
ส่วนอีกคืนพักที่ Laban Rata บนยอดเขาอันไกลโพ้น555 ปล.จองจาก Agency ก็นอนที่นี่นะ
โดยราคาข้างล่างนี้จะรวมที่พักและรวมอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ 5 มื้อและอาหารกล่องมื้อกลางวันระหว่างเดิน
ที่พักสามารถเลือกได้ว่าคืนแรกจะพักที่อุทยาน หรือ พักที่ Hot Spring แต่อันหลังนี่ห่างจากอุทยานไปอีกสักพัก
จำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นฟังแล้วทุกคนตัดสินใจนอนที่อุทยาน ก็จัดไปตามนั้นค่ะ55
เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็บอกรายละเอียดเจ้าหน้าที่ไป เค้าจะสรุปรายละเอียดและค่าใช้จ่ายมาให้
โดยจะแบ่งชำระ 2 รอบ วันจอง 30% และอีก 70% ตอนก่อนเดินทางสัก 2-3 เดือน ชำระบัตรเครดิตหรือโอนก็ได้นะ
ปล.ถ้าใครจะไปพักที่อุทยานเฉยๆไม่ปีนก็ได้นะ ห้องดีและวิวดีอยู่มากโข จากระเบียงห้องนอนนี่ก็ฟินอยู่ไม่เบา
-----------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนใครที่ไม่ชอบความยุ่งยาก เรามีทางออกให้คุณ เสิซหาบริษัท Agency แล้วใช้เงินแก้ปัญหาโลดค่ะ
เค้าจะจัดการทุกอย่างมาแบบเบ็ดเสร็จ one-stop service ไม่ว่าจะเป็นบริการรถ-รับส่ง
การจองที่พักบน Laban Rata ยาวไปจนถึงการเดินขึ้นเขาเลย ในส่วนของรายละเอียดต้องลองถามอีกทีนะ
ตอนนั้นเหมือนจะมีหลายแพกเกจอยู่ เราจองเองเลยมีข้อมูลส่วนนี้คร่าวๆ เพราะแค่หาสำรองไว้ตอนกลัวว่าอุทยานจะเต็มอ่า
หลังจากได้ที่พักแล้วก็หาทางเอาตัวเองไปที่นั่นค่ะ เดินทางก็โดยเครื่องบินเนาะ ลงสนามบิน Kinabalu airport(BKI) ได้เลย
บินตรงใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ครึ่ง Route ใหม่สดๆมี.ค.60 โดยการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า และ Thai Smile ในเครือนะจ๊ะ
ส่วนแอร์เอเชียสายการบิน Low Cost แห่งมาเลฯไม่มีบินตรงเช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ โดยต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาฯ (KUL)
เฝ้าตั๋วเครื่องบินให้ดีๆ ในส่วนนี้ก็หวดกันได้ตามอัธยาศัย แล้วแต่วันเวลาที่สะดวกเลยเนอะ เราได้มา Net 6,8xx บาท
ราคานี้ถือว่าสูง แต่หักลบที่ได้บินฟูลบางส่วน ได้เวลาเพิ่ม และที่สำคัญไม่ต้องลางานเยอะ เลยหวดไปด้วยประการฉะนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------
BKK-KUL ไป-กลับด้วย Malaysia Airlines (MH) คนละ 3560 บาท
KUL-BKI ไป-กลับด้วย Air asia คนละ 3273 บาท
ขาไป(10/2) BKK-KUL 19.55-23.05 KUL-BKI 6.45-9.20 (11/2)
ขากลับ(14/2) BKI – KUL 15.30-18.05 KUL-BKK 21.55-23.10
-----------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนทีม A บินสายๆวันที่ 10/2 และกลับช่วงเช้า 14/2 จองได้ 4800 บาทหยุดยาวได้ราคานี้มีความปัง บอกเลยยย
ใครที่วันลาเหลือ ไม่ซีเรื่องเวลา ก็หวดกันโลด ลงจากเขาแล้วเช้าอีกวันได้บินกลับเลย นอนหลับบนเครื่องสนิทแน่นอน555
เราเลยให้ช่วงราคาตั๋วเครื่องบินราวๆ 4,xxx – 7,xxx บาท แล้วกันเนอะ
เมื่อจัดการเรื่องที่พักและเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ส่วนต่อไปก็จะเป็นรายละเอียดในการปีนเขาเนอะ
ซึ่งทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายในวันที่เดิน ตามตารางด้านล่างนี้เลยจ้าาา
1. Kinabalu Park Fee เป็นค่าเข้าอุทยานเราจะเสียตอนที่เข้าอุทยาน แบบบ้านเรา
2. Climbing Permit ค่าธรรมเนียมในการเดินขึ้นยอดคินาบาลู ต่างชาติคนละ RM200
3. Climbing Insurance เป็นค่าประกันชีวิต จ่ายคนละ RM7
4. Mountain Guide Fee อันนี้เป็นค่าไกด์ คนที่จะเดินขึ้นต้องมีไกด์ เท่านั้น ย้ำ เท่านั้น!!!
ไกด์ 1 คนจะดูแลนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 5 คน ซึ่งเค้าจะตามติดคนที่เดินช้าที่สุด
และไกด์ของเรานี่แหละจะเป็น porter หรือที่เราเรียกกันว่า “ลูกหาบ” ให้เราด้วยเลย
ก็จะขอหยิบของได้แต่ถ้าบ่อยนักก็จะไม่ดี เพราะเค้าต้องแกะแล้วก็รัดกระเป๋าใหม่เนอะ
5.Porter Fee ค่าแบกของขึ้นไปบนเขา ลูกหาบ 1 คนจะรับน้ำหนักสูงสุด 10 กิโล ตอนนี้เหลือเส้นทางเดียวคือ TIMPOHON
อันนี้เราพึ่งรู้ตอนขึ้นไปแล้วว่าสามารถเลือกให้แบกถึงแค่ Laban Rata(RM 65) หรือ แบกถึง SUMMIT (RM80)ได้ด้วย
ปล.กราบแทบอกลูกทีมทุกๆท่าน เค้าไม่รู้จริงจริ๊งงงง นวดหลังบำเรอไปแล้วเนาะ 555
6. Transportation ค่ารถจากที่ทำการอุทยานไปที่เกทที่เราจะเริ่มเดิน จากอุทยานประมาณ 20 นาทีได้
7. Certificate หรือ เกียรติบัตรที่ระลึกของเรานี่เองงงง มี 2 แบบนะ แบบสีกับขาว-ดำ
อารมณ์แบบไต่เวล ถ้าผ่านเกทบนเขาได้ขาว-ดำละ ถ้าเดินขึ้นถึง Summit จะได้แบบสีงี้ มีความแบ่งชนชั้น555
8. Locker Fee อันนี้เป็นค่าฝากของที่ด้านล่าง พวกของที่จะไม่ใช้บนเขาก็ฝากรวมๆกระเป๋าไว้ คิดเป็นใบ ใบละ RM12
หลังจากเรื่องใหญ่ๆจัดการไปเรียบร้อย ก็สบายตัวละ ที่เหลือก็แค่ที่พักในเมืองและเรื่องของปากท้อง
ก็ค่อยไว้ว่ากันตอนใกล้ๆแล้วกันเนอะ ได้ไปแน่ๆไม่มีนกชัว สบายใจละ555
-----------------------------------------------------------------------------------------
6 เดือนผ่านไปไวกว่าตด 555 ก็หาข้อมูลคร่าวๆไว้โดยมี Pantip เนี่ยแหละเป็นแหล่งอาหารชั้นยอด555
แล้วก็จัดแจงจองที่พักในเมืองไว้ 1 คืน ตกประมาณ 200 บาท Kinabalu เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก เดินได้แต่เหนื่อย
พูดทำไม555 จริงๆนะ อย่างเราเนี่ยจะชอบเดิน แบบเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ มองนู่นมองนี่
ยิ่งถ้าไม่ร้อนนี่คือโอเคมากกกก เดินได้เรื่อยๆเลย เราชอบเพราะรู้สึกได้ใช้ชีวิตช้าลง ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นงี้ ฟินนน
หลังจากหาข้อมูลก็ได้ที่เที่ยวในเมืองมานิดหน่อย บวกกับที่กินพอกล้อมแกล้ม ฮิฮิ
-----------------------------------------------------------------------------------------
แพลนคร่าวๆของเราคือแบบนี้
10 ก.พ. กู๊ดบาย ไทยแลนด์
11 ก.พ. เช้าถึงบ่าย 2 >> เดินทางถึงคินาบาลู กินข้าวเช้า เดินเที่ยวเล่นในเมือง
บ่าย 2 ถึงดึก >> นั่งรถไปอุทยาน ลงทะเบียน ทานข้าวเย็น และพักผ่อน
12 ก.พ. ใช้ชีวิตบนยอดเขา ฮี่ฮี่
13 ก.พ. เช้าถึงเย็น >> เดินลงจากยอดเขา
เย็นถึงดึก >> เก็บแสงเย็นที่มัสยิดกลางน้ำ และมื้อเย็นชิวๆ
14 ก.พ. เดินเที่ยวเล่นในเมือง และเดินทางกลับในตอนบ่าย
-----------------------------------------------------------------------------------------
บอกเลยว่าอีกสาเหตุที่ชอบเดินป่า ปีนเขา คือ ไม่ต้องแพลนเยอะ และได้ใช้เวลากับเพื่อนๆได้แบบเต็มที่สุดๆอ่ะ
แบบมันมีทางเดียวให้เดินไง จะมาชั้นอยากไปตรงนั้นแกอยากไปตรงนี้ ตัดไปได้เลยจ่ะ เค้ามีทางให้เดินทางเดียวฮัลโหล555
ทริปนี้เลยสบายสุดๆ แทบไม่ต้องแพลนเพราะ 2 วันอยู่บนเขาเต็มๆอยู่ละ เย่ แล้วเจอกันคินาบาลู
ปล. ขอบคุณภาพสวยๆจาก พี่ตี๋ ไปติดตามนางกันได้นะฮะ
>>
https://www.facebook.com/yuetian.xu?fref=ts
>>
https://www.facebook.com/Parklongtongtiew/?fref=ts
เตรียมตัวเตรียมใจไปพิชิตยอดเขาคินาบาลู (Kinabalu Mt.)
555 บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ ตอนพิมนี่นึกถึงใจยังสั่นอยู่เลยอ้ะ โอยๆ 5555 เว่อวังมากจ้า
คือ ทริปนี้เนี่ยเกิดขึ้นมาแบบงงๆ "ไปปีนเขาที่มาเลฯกัน งบไม่เกิน 20000 บาท"
ตอนนั้นแบบ เห้ย ปีนเขาที่มาเลฯอ่อ ฟังดูก็ตื่นเต้นแล้วอ่ะ แล้วยิ่งพอเห็นรูปนี่คือแบบ เช็ควันด่วนๆเลยจ่ะ
อารมณ์แบบเดินป่า 20000!!! นี่ไต้หวัน ญีปุ่นย่อมๆเลยนะ ถ้าไม่ไปรอบนี้นี่จะมีคนไปด้วยอีกไหมวะเนี่ย 5555
มาตอนนี้ อยากจะกราบแทบอกคนชวนและขอบคุณการตัดสินใจของตัวเองในวันนั้นจริงๆ ปลื้มปริ่ม
มีสมาชิกทั้งหมด 10 คน แบ่งเป็นทีม A และทีม B ง่อววววว จริงจังป่ะล่ะ จองอะไรก็จัดการสะดวกดี
คือจริงๆไปเกาะเค้า55 เมื่อสมาชิกพร้อม เงินพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม ลุยไปก่อน ลางานไว้ทีหลัง 55
การไปเดินขึ้น “Kinabalu Mt.” เราควรจะไปนอนอย่างน้อย 2 คืน คืนแรกพยายามนอนใกล้ๆอุทยานไว้
เพราะวันที่เราเดินขึ้นเขาเราจะต้องเดินแต่เช้า โดยที่เกทปิด 10.30 น. ถ้าไปถึงหลังจากนั้นก็จะขึ้นไม่ได้เลย
ตัวอุทยานห่างจากสนามบินประมาณ 3-4 ชั่วโมง ดังนั้น คนที่ฟิตสุดอะไรสุด บินมาลงปุ๊ปปีนปั๊ปนี่มีความเสี่ยงจะไม่ทันเกทปิดอยู่
เหลือว่างแบบชิวๆเลยนะ แต่ไม่ควรจะชิวมาก นกอะไรนกได้แต่ถ้านกที่นอนบนเขาเนี่ยก็อดปีนเลยนะจ๊ะ
-----------------------------------------------------------------------------------------
:: การจองที่พักบนเขา ::
สามารถจองได้เองกับอุทยานเลย โดยเมลล์ไปหาอันนี้ >> info@suterasanctuarylodges.com.my
แล้วแจ้งรายละเอียดตามนี้ Full Name :
Full address :
Date of climbing :
Expected arrival time (ETA) :
Package selected :
Total of group :
Contact number :
Nationality :
วิธีนี้จะได้ราคาอุทยานเลย ส่วนตัวเราคิดว่าค่อนข้างสะดวกเลยล่ะ โดยปกติเจ้าหน้าที่จะตอบกลับภายใน 2 วัน
เจ้าหน้าที่ก็ให้คำแนะนำดีด้วย อุทยานจะมีแพกเกจ 2 แบบ คือ 3D2N และ 2D1N(ซึ่งรับจอง 30 วัน ก่อนวันเดิน)
เราจึงจองพักแบบ Dorm แพกเกจ 3D2N ไป ซึ่งแบบนี้คืนแรกจะพักที่ตัวอุทยานเลย
ส่วนอีกคืนพักที่ Laban Rata บนยอดเขาอันไกลโพ้น555 ปล.จองจาก Agency ก็นอนที่นี่นะ
ที่พักสามารถเลือกได้ว่าคืนแรกจะพักที่อุทยาน หรือ พักที่ Hot Spring แต่อันหลังนี่ห่างจากอุทยานไปอีกสักพัก
จำไม่ได้ว่านานเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นฟังแล้วทุกคนตัดสินใจนอนที่อุทยาน ก็จัดไปตามนั้นค่ะ55
โดยจะแบ่งชำระ 2 รอบ วันจอง 30% และอีก 70% ตอนก่อนเดินทางสัก 2-3 เดือน ชำระบัตรเครดิตหรือโอนก็ได้นะ
ปล.ถ้าใครจะไปพักที่อุทยานเฉยๆไม่ปีนก็ได้นะ ห้องดีและวิวดีอยู่มากโข จากระเบียงห้องนอนนี่ก็ฟินอยู่ไม่เบา
เค้าจะจัดการทุกอย่างมาแบบเบ็ดเสร็จ one-stop service ไม่ว่าจะเป็นบริการรถ-รับส่ง
การจองที่พักบน Laban Rata ยาวไปจนถึงการเดินขึ้นเขาเลย ในส่วนของรายละเอียดต้องลองถามอีกทีนะ
ตอนนั้นเหมือนจะมีหลายแพกเกจอยู่ เราจองเองเลยมีข้อมูลส่วนนี้คร่าวๆ เพราะแค่หาสำรองไว้ตอนกลัวว่าอุทยานจะเต็มอ่า
บินตรงใช้เวลาประมาณ 3 ชม.ครึ่ง Route ใหม่สดๆมี.ค.60 โดยการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า และ Thai Smile ในเครือนะจ๊ะ
ส่วนแอร์เอเชียสายการบิน Low Cost แห่งมาเลฯไม่มีบินตรงเช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ โดยต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาฯ (KUL)
เฝ้าตั๋วเครื่องบินให้ดีๆ ในส่วนนี้ก็หวดกันได้ตามอัธยาศัย แล้วแต่วันเวลาที่สะดวกเลยเนอะ เราได้มา Net 6,8xx บาท
ราคานี้ถือว่าสูง แต่หักลบที่ได้บินฟูลบางส่วน ได้เวลาเพิ่ม และที่สำคัญไม่ต้องลางานเยอะ เลยหวดไปด้วยประการฉะนี้
BKK-KUL ไป-กลับด้วย Malaysia Airlines (MH) คนละ 3560 บาท
KUL-BKI ไป-กลับด้วย Air asia คนละ 3273 บาท
ขาไป(10/2) BKK-KUL 19.55-23.05 KUL-BKI 6.45-9.20 (11/2)
ขากลับ(14/2) BKI – KUL 15.30-18.05 KUL-BKK 21.55-23.10
-----------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนทีม A บินสายๆวันที่ 10/2 และกลับช่วงเช้า 14/2 จองได้ 4800 บาทหยุดยาวได้ราคานี้มีความปัง บอกเลยยย
ใครที่วันลาเหลือ ไม่ซีเรื่องเวลา ก็หวดกันโลด ลงจากเขาแล้วเช้าอีกวันได้บินกลับเลย นอนหลับบนเครื่องสนิทแน่นอน555
เราเลยให้ช่วงราคาตั๋วเครื่องบินราวๆ 4,xxx – 7,xxx บาท แล้วกันเนอะ
เมื่อจัดการเรื่องที่พักและเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ส่วนต่อไปก็จะเป็นรายละเอียดในการปีนเขาเนอะ
ซึ่งทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายในวันที่เดิน ตามตารางด้านล่างนี้เลยจ้าาา
1. Kinabalu Park Fee เป็นค่าเข้าอุทยานเราจะเสียตอนที่เข้าอุทยาน แบบบ้านเรา
2. Climbing Permit ค่าธรรมเนียมในการเดินขึ้นยอดคินาบาลู ต่างชาติคนละ RM200
3. Climbing Insurance เป็นค่าประกันชีวิต จ่ายคนละ RM7
4. Mountain Guide Fee อันนี้เป็นค่าไกด์ คนที่จะเดินขึ้นต้องมีไกด์ เท่านั้น ย้ำ เท่านั้น!!!
ไกด์ 1 คนจะดูแลนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 5 คน ซึ่งเค้าจะตามติดคนที่เดินช้าที่สุด
และไกด์ของเรานี่แหละจะเป็น porter หรือที่เราเรียกกันว่า “ลูกหาบ” ให้เราด้วยเลย
ก็จะขอหยิบของได้แต่ถ้าบ่อยนักก็จะไม่ดี เพราะเค้าต้องแกะแล้วก็รัดกระเป๋าใหม่เนอะ
5.Porter Fee ค่าแบกของขึ้นไปบนเขา ลูกหาบ 1 คนจะรับน้ำหนักสูงสุด 10 กิโล ตอนนี้เหลือเส้นทางเดียวคือ TIMPOHON
อันนี้เราพึ่งรู้ตอนขึ้นไปแล้วว่าสามารถเลือกให้แบกถึงแค่ Laban Rata(RM 65) หรือ แบกถึง SUMMIT (RM80)ได้ด้วย
ปล.กราบแทบอกลูกทีมทุกๆท่าน เค้าไม่รู้จริงจริ๊งงงง นวดหลังบำเรอไปแล้วเนาะ 555
6. Transportation ค่ารถจากที่ทำการอุทยานไปที่เกทที่เราจะเริ่มเดิน จากอุทยานประมาณ 20 นาทีได้
7. Certificate หรือ เกียรติบัตรที่ระลึกของเรานี่เองงงง มี 2 แบบนะ แบบสีกับขาว-ดำ
อารมณ์แบบไต่เวล ถ้าผ่านเกทบนเขาได้ขาว-ดำละ ถ้าเดินขึ้นถึง Summit จะได้แบบสีงี้ มีความแบ่งชนชั้น555
8. Locker Fee อันนี้เป็นค่าฝากของที่ด้านล่าง พวกของที่จะไม่ใช้บนเขาก็ฝากรวมๆกระเป๋าไว้ คิดเป็นใบ ใบละ RM12
ก็ค่อยไว้ว่ากันตอนใกล้ๆแล้วกันเนอะ ได้ไปแน่ๆไม่มีนกชัว สบายใจละ555
-----------------------------------------------------------------------------------------
6 เดือนผ่านไปไวกว่าตด 555 ก็หาข้อมูลคร่าวๆไว้โดยมี Pantip เนี่ยแหละเป็นแหล่งอาหารชั้นยอด555
แล้วก็จัดแจงจองที่พักในเมืองไว้ 1 คืน ตกประมาณ 200 บาท Kinabalu เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก เดินได้แต่เหนื่อย
พูดทำไม555 จริงๆนะ อย่างเราเนี่ยจะชอบเดิน แบบเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ มองนู่นมองนี่
ยิ่งถ้าไม่ร้อนนี่คือโอเคมากกกก เดินได้เรื่อยๆเลย เราชอบเพราะรู้สึกได้ใช้ชีวิตช้าลง ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นงี้ ฟินนน
หลังจากหาข้อมูลก็ได้ที่เที่ยวในเมืองมานิดหน่อย บวกกับที่กินพอกล้อมแกล้ม ฮิฮิ
แพลนคร่าวๆของเราคือแบบนี้
10 ก.พ. กู๊ดบาย ไทยแลนด์
11 ก.พ. เช้าถึงบ่าย 2 >> เดินทางถึงคินาบาลู กินข้าวเช้า เดินเที่ยวเล่นในเมือง
บ่าย 2 ถึงดึก >> นั่งรถไปอุทยาน ลงทะเบียน ทานข้าวเย็น และพักผ่อน
12 ก.พ. ใช้ชีวิตบนยอดเขา ฮี่ฮี่
13 ก.พ. เช้าถึงเย็น >> เดินลงจากยอดเขา
เย็นถึงดึก >> เก็บแสงเย็นที่มัสยิดกลางน้ำ และมื้อเย็นชิวๆ
14 ก.พ. เดินเที่ยวเล่นในเมือง และเดินทางกลับในตอนบ่าย
แบบมันมีทางเดียวให้เดินไง จะมาชั้นอยากไปตรงนั้นแกอยากไปตรงนี้ ตัดไปได้เลยจ่ะ เค้ามีทางให้เดินทางเดียวฮัลโหล555
ทริปนี้เลยสบายสุดๆ แทบไม่ต้องแพลนเพราะ 2 วันอยู่บนเขาเต็มๆอยู่ละ เย่ แล้วเจอกันคินาบาลู
ปล. ขอบคุณภาพสวยๆจาก พี่ตี๋ ไปติดตามนางกันได้นะฮะ
>> https://www.facebook.com/yuetian.xu?fref=ts
>> https://www.facebook.com/Parklongtongtiew/?fref=ts