กระทู้นี้ ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์พิชิตยอดเขาคินาบาลู ที่เหนื่อยสุดชีวิตและสวยสุดยอด มันเป็นอารมที่เกิดขึ้นบนยอดเขาหินมหึมาลูกนี้ตอนหกโมงเช้า บนเกาะบอร์เนียว และหวังว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ เก็บเงินเล็กๆน้อยๆ หาโอกาสเดินออกไปจากโลกใบเดิม แล้วเดินไปสัมผัสมันด้วยตาของคุณเอง แล้วคุณจะพบว่า มันสุดยอดแค่ไหนที่เราไปอยู่ตรงนั้น และหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นคู่มือที่ช่วยคุณเตรียมความพร้อมก่อนไปพิชิตยอดเขาลูกนี้
ส่วนใครสนใจรับข้อมูลข่าวสารดีๆ เข้าไปไลค์กันได้ที่เพค
http://www.facebook.com/BigJourney เมื่อพร้อมแล้ว เราไปผจญภัยกันเลย
1) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยอดเขาคินาบาลูกัน
ทริปนี้เพิ่งไปมาต้นเดือนกุมพา 2558 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ได้มีโอกาสพิชิตเขาลูกนี้อีกครั้ง สิ่งที่ต่างกันคือ คราวนี้ผมไม่ได้ฉายเดี่ยว แต่มาพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก 5 ชีวิต ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเขาคินาบาลูกันก่อน เขาคินาบาลูตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติคินาบาลู ในรัฐซาบาห์บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ ผมเลยใส่แผนที่มาให้ด้วย ประเทศมาเลเซียจะมีสองส่วน ส่วนแรกคือที่ติดกับภาคใต้ของไทยเราทุกคนคงรู้จักกันดี ส่วนที่สองจะอยู่บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งติดกับอินโดนิเเซียและบรูไน เขาคินาบาลูจะตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวตามรูปด้านล่าง
นอกจากนี้อุทยานแห่งอุทยานแห่งชาติคินาบาลูยังถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2000 จุดเด้นของเขาคินาลูคือ ความหลายทางพรรณพืชตลอดเส้นทาง ความมหึมาของภูเขาหินตรงยอดเขา และวิวเหนือเมฆสุดอลังการ จุดสูงที่สุดของเขาคินาบาลู คือ Low's Peak ความสูง 4095 เมตร ตอนได้ยินครั้งแรกผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม มันถึงชื่อ Low ทั้งๆที่เป็นจุดสูงสุดของเขาลูกนี้ แต่ไม่ได้เอะใจว่ามี 's อยู่ด้านหลัง Low หลังจากไปหาข้อมูลถึงทราบว่า Low มาจากชื่อหัวหน้าทีมสำรวจชื่อ Hugh Low และได้ถูกบันทึกว่าเป็นคนแรกที่พิชิตยอด Low's Peak แต่แล้ว Low's Peak ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาคินาบาลูกลับไม่ใช่สัญลักษณ์ของเขาคินาบาลูซะงั้น อาจจะเป็นเพราะลักษณะยอดที่ดูไม่สวยงามเท่ากับยอด South Peak ที่สูง 3929 เมตร ซึ่งเราจะสังเกตุได้จากแบงค์หนึ่งริงกิตแบบเก่ากับหนึ่งร้อยริงกิต จะมีรูป South Peak แทนที่จะเป็น Low's Peak
มาดูรูปเปรียบเที่ยบกันระหว่าง Low's Peak กับ South Peak กัน
รูปภาพ South Peak บนแบงค์ 100 กับ 1 ริงกิตแบบเก่า
เพื่อความปลอดภัยในการปีนเขา ทางอุทยานแห่งชาติคินาบาลูจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 196 คนต่อวัน และต้องมีไกด์หนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวหกคน ดังนั้นถ้าไปให้คุ้มสุด เราต้องรวมกลุ่มกันได้หกคน จะได้หารค่าไกด์กันถูกๆ แต่ถ้าเกิดมาคนเดียวก็ให้มาที่อุทยานเช้าหน่อยแล้วหาเพื่อนแชร์ค่าไกด์กัน
สำหรับเส้นทางการพิชิตยอดเขาคินาบาลู มีให้เลือกสองเส้นทางคือ เส้น Timpohon กับ เส้น Mesilau ทั้งสองเส้นทางจะเริ่มเดินคนละจุด แล้วจะมาบรรจบกันก่อนถึง Lanban Rata ตามรูปข้างล่าง
เส้น Timpohon จะสั้นกว่า เส้นทางจะขึ้นตลอด มีทางราบเป็นช่วงๆ รวมระยะทาง 6 กิโลเมตรจากประตู Timpohon ไปถึง Laban Rata ซึ่งเป็นที่พักบนเขาที่เราจะไปพักกันในคืนที่สอง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
เส้น Mesilau จะไกลกว่า เส้นทางจะขึ้นๆลงๆ มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ความหลากหลายของพรรณพืชเยอะกว่า รวมระยะทาง 8 กิโลเมตรจากประตู Mesilau ไปถึง Laban Rata ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ประตู Mesilau จะอยู่ไกลจากสำนักงานอุทยาน ทำให้ต้องเสียค่ารถตู้รับส่งที่แพงกว่าเป็นเท่าตัว
ทริปนี้เราเลือกขึ้น เส้น Mesilau แล้วลง Timpohon จะได้เก็บทั้งสองเส้นทางไปเลย แนะนำว่าควรลงทาง Timpohon เพราะตอนเช้าเราต้องขึ้นยอด ซึ่งต้องใช้แรงไปเยอะมาก ขาลงเราคงไม่อยากเจอทางขึ้นอีก และระยะทางก็ไกลกว่าด้วย
2) การเดินทางจากกรุงเทพฯ
ขาไป จากกรุงเทพ ไป โคตาคินาบาลู
เนื่องจากไม่มีบินตรงไปเมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ ทำให้ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ทริปนี้เราใช้บริการ airasia สายการบินราคาประหยัด ซึ่งในทริปนี้เราเลือกเที่ยวแรกสุดจากดอนเมือง บินจากกรุงเทพ เวลา 7.05 น. ไปถึง กัลลาลัมเปอร์เวลา 10.15 น. แล้วต่อเครื่องที่กัลลาลัมเปอร์ เวลา 12.45 น. ไปถึง โกตาคินาบาลู เวลา 15.20 น.
ขากลับ จากโคตาคินาบาลู ไป กรุงเทพ
พวกเราเลือกที่จะบินไปกัลลาลัมเปอร์ กะไปเที่ยวกันก่อนบินกลับไทย จึงสามารถบินไปกัลลาลัมเปอร์ในวันที่เราลงจากเขาได้เลย แต่ถ้าใครจะบินกลับกรุงเทพจากโคตาคินาบาลูแล้วละก็ วันที่ลงจากเขาต้องนอนในเมืองโคตาคินาบาลูหนึ่งคืน แล้วบินกลับในวันถัดมา เที่ยวสุดท้ายจะออกจากเมืองโกตาคินาบาลูเวลา 15.45 น.ถึงกรุงเทพเวลา 22.40 น.
3)ต้องใช้เวลากี่วันสำหรับทริปนี้
ทริปนี้เราต้องมีเวลาอย่างน้อย 4 วัน โดยสรุปคร่าวๆ
วันที่ 1 บินจากกรุงเทพฯ ไปลงโคตาคินาบาลู แล้วต่อรถจากเมืองโคนาคินาบาลูไปยังอุทยานแห่งชาติคินาบาลู แล้วหาที่พักนอนใกล้อุทยาน ราคาจะถูกกว่าไปพักในอุทยานมาก
วันที่ 2 ทำบัตรปีนเขา แล้วนั่งรถตู้ไปยังจุดเริ่มเดิน แล้วเดินขึ้นไปถึง Laban Rata ซึ่งเป็นที่พักบนเขา
วันที่ 3 พิชิตยอดเขาแต่เช้าตรู่ เดินลงจากเขา แล้วนั่งรถตู้เข้าเมือง ถึงในเมืองประมาณทุ่มนึง หาที่พักในเมือง
วันที่ 4 เดินเที่ยวในเมืองโคตาคินาบาลู แล้วบินกลับกรุงเทพ
4) การจองที่พัก
หัวใจสำคัญของทริปนี้คือการจองที่พักบนเขา(Laban Rata) แนะนำให้จองล่วงหน้าสักสามเดือน จะได้เลือกวันได้ พวกเราจองล่วงหน้าถึงห้าเดือน เลยไม่มีปัญหาต้องเปลี่ยนวันเดินทาง ในส่วนของการจองที่พัก ที่พักทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติคินาบาลูถูกบริหารและจัดการโดย Sutera Sanctuary Lodges ส่วนวิธีการจองนั้นสามารถจองโดยตรงผ่านทางเวปของ Sutera Sanctuary Lodges(
http://www.suterasanctuarylodges.com.my) แต่ต้นปี 2558 นี้เท่าที่ลองจองมา เหมือนเวปมันมีปัญหา ไม่ว่าจะเลือกวันไหน เต็มหมด เอาเป็นว่าผมขอแชร์ประสบการณ์จากข้อมูลปี 2557 แล้วกัน ข้อเสียของการจองผ่านเวปของ Sutera Sanctuary Lodges คือจะถูกบังคับให้จองแพ็กเกจ สามวันสองคืน คืนแรกนอนที่อุทยาน แล้วคืนที่สองนอนบนเขาที่ Laban Rata ราคาตกอยู่ 1642 ริงกิตสำหรับเส้น Meailau และ1746 ริงกิตสำหรับเส้นTimpohon ราคานี้จะรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ซึ่งถือว่าแพงมากๆ แน่นอนมันแพงเกินไปสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆสำหรับที่พักแค่สองคืน นอกจากการจองผ่านเวปของ Sutera Sanctuary Lodges ถ้าเราลองหาข้อมูลใน google จะพบว่ามีเวปทัวร์มากมาย ราคาตกอยู่ประมาณ 1200 ริงกิต ดูอยู่หลายเวปจนในที่สุดก็มาเจอรีวิวร์อันนึงบอกเล่าถึงวิธีทำให้ทริปนี้ราคาถูกลงกว่าครึ่งจากราคาหน้าเวป เคร็ดไม่ลับคือ ให้ส่งเมลล์ไปจองโดนตรงกับทาง Sutera Sanctuary Lodges (info@suterasanctuarylodges.com.my ) แล้วจองแพ็กเกจ Laban Rata สองวันหนึ่งคืน!!! เราจองไปกันหกคน ได้ราคา 688 ริงกิตต่อคน ราคานี้ไม่ร่วมค่าเข้าอุทยาน ค่าไกด์ ค่ารถตู้ไปรับไปส่ง แต่สุดท้ายเราจะประหยัดเงินได้ไปกว่าครึ่ง ส่วนที่พักคืนแรกมีสองทางเลือก ทางเลือกแรก พักใกล้ๆกับอุทยาน สำหรับทริปนี้เราใช้บริการ Kinabalu Mountain Lodge แล้วเดินไปอุทยานในเช้าวันถัดมา เราจองที่พักผ่านเวป agoda หรืออาจจะเลือกพักในเมืองโกตาคินาบาลู แต่ต้องนั่งรถมาอุทยานแต่เช้ามืด ประมาณตีห้า ลองสอบถามข้อมูลรถจาก akinabalu youth hostel ได้ เค้ามีบริการตรงนี้ด้วย email mailto:info@akinabaluyh.com เบอร์ติดต่อ +6088-272188
สรุปข้อมูลที่พัก
วันที่ 1 นั่งรถจากสนามบินมาถึงมาอุทยานเลย แล้วหาที่พักใกล้อุทยาน อาจจะเลือก Kinabalu Mountain Lodge ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จากอุทยาน สามารถจองผ่านเวป Agoda หรือ จะเลือกนอนในเมืองโคตาคินาบาลู แล้วนั่งรถมาอุทยานแต่เช้ามืด ตอนตี 5
วันที่ 2 เดินขึ้นเขาแต่เช้า แล้วพักที่ Laban Rata สามารถเมลล์ไปจองกับ Sutera Sanctuary Lodges โดยตรง email : info@suterasanctuarylodges.com.my จองแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน
วันที่ 3 หลังจากลงจากเขา นั่งรถเข้าเมือง แล้วหาที่พักในตัวเมืองโกตาคินาบาลู ถ้าไม่รู้จะพักที่ไหน ลอง Kinabalu youth hostel
วันที่ 4 กลับกรุงเทพฯ
5) การเตรียมตัวและสิ่งของจำเป็นที่ต้องติดตัวไป
การจะพิชิตยอดเขาคินาบาลูนั้นจะว่ายากก็ไม่ยาก เพราะไม่มีช่วงไหนเลยที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษสำหรับการปีนเขา จะว่าง่ายก้ไม่ง่ายเพราะต้องอาศัยความอดทน และความฟิตของร่างกาย ควรเริ่มออกกำลังกายสักสองเดือนก่อนเดินทาง อาจจะเป็นวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือทำลุกนั่งก็ได้ ส่วนสิ่งของจำเป็นที่ต้องนำติดตัวไป
- ไฟฉายคาดหัว จะใช้ในวันที่สาม ต้องออกเดินตั้งแต่ตีสองครึ่ง
- ถุงมือแบบกันน้ำ ตอนขึ้นยอดอากาศจะหนาวมากประมาณ 5 - 10 องศา และบ้างช่วงต้องไต่เชือกขึ้นเขา ส่วนที่ต้องใช้แบบกันน้ำเผื่อกรณีที่ฝนตกแล้วเชือกเปียก
- เสื้อหนาว จำเป็นมากในช่วงที่เป็นภูเขาหินที่ไม่มีต้นไม้คอยกันลมให้กับเรา
- ผ้าพันคอ สำหรับคนขี้หนาว ติดไปด้วยก็ดี
- เสื้อฝน อาจจะต้องใช้ตอนขึ้นเขาหรือลงเขาในกรณีฝนตก
- อาหารให้พลังงานสูง พวกช็อกแล็ตบาร์ เอ็นเนอยี่บาร์ ลูกอม
- น้ำหนึ่งขวด ตอนไปรับอาหารกลางวันในวันที่สอง จะมีน้ำเพิ่มให้อีกขวดนึง และตลอดเส้นทางจะมีจุดพักเป็นระยะๆ มีห้องน้ำและจุดเติ่มน้ำ
- หัวแปลงปลั๊กไฟ ปลั๊กที่มาเลจะเป็นหัวสี่เหลี่ยม สามขาตามรูปต้านล่าง ในห้องพักที่ Laban Rata จะมีไฟฟ้าใช้ เราสามารถชาร์ตแบตมือถือหรือกล้องได้
- กล้องถ่ายรูป สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปหลุดโลกแบบนี้
- ไม้เท้า สำหรับคนมีปัญหาเรื่องเข่า ขาลงช่วยได้เยอะ ส่วนขาขึ้นก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันเวลาเจอบรรไดขั้นใหญ่ๆหรือช่วงทางเป็นหินเยอะๆ
- ยา ยาแก้ปวดหัวแก้ไข้ ยาคลายกล้ามเนื้อ มีไว้อุ่นใจกว่า เวลารู้สึกหัวร้อนๆ กินดักไว้ก่อนเลย
- มาม่าคัพหนึ่งถ้วย ติดตัวไว้เผือกรณีฉุกเฉิน
[CR] แบกเป้ เดินป่า ปีนเขา กับ ภารกิจเหนือเมฆ "พิชิตยอดเขาคินาบาลู"
ส่วนใครสนใจรับข้อมูลข่าวสารดีๆ เข้าไปไลค์กันได้ที่เพค http://www.facebook.com/BigJourney เมื่อพร้อมแล้ว เราไปผจญภัยกันเลย
1) ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยอดเขาคินาบาลูกัน
ทริปนี้เพิ่งไปมาต้นเดือนกุมพา 2558 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่ได้มีโอกาสพิชิตเขาลูกนี้อีกครั้ง สิ่งที่ต่างกันคือ คราวนี้ผมไม่ได้ฉายเดี่ยว แต่มาพร้อมกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก 5 ชีวิต ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเขาคินาบาลูกันก่อน เขาคินาบาลูตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติคินาบาลู ในรัฐซาบาห์บนเกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ ผมเลยใส่แผนที่มาให้ด้วย ประเทศมาเลเซียจะมีสองส่วน ส่วนแรกคือที่ติดกับภาคใต้ของไทยเราทุกคนคงรู้จักกันดี ส่วนที่สองจะอยู่บนเกาะบอร์เนียว ซึ่งติดกับอินโดนิเเซียและบรูไน เขาคินาบาลูจะตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวตามรูปด้านล่าง
นอกจากนี้อุทยานแห่งอุทยานแห่งชาติคินาบาลูยังถูกเลือกให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 2000 จุดเด้นของเขาคินาลูคือ ความหลายทางพรรณพืชตลอดเส้นทาง ความมหึมาของภูเขาหินตรงยอดเขา และวิวเหนือเมฆสุดอลังการ จุดสูงที่สุดของเขาคินาบาลู คือ Low's Peak ความสูง 4095 เมตร ตอนได้ยินครั้งแรกผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม มันถึงชื่อ Low ทั้งๆที่เป็นจุดสูงสุดของเขาลูกนี้ แต่ไม่ได้เอะใจว่ามี 's อยู่ด้านหลัง Low หลังจากไปหาข้อมูลถึงทราบว่า Low มาจากชื่อหัวหน้าทีมสำรวจชื่อ Hugh Low และได้ถูกบันทึกว่าเป็นคนแรกที่พิชิตยอด Low's Peak แต่แล้ว Low's Peak ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาคินาบาลูกลับไม่ใช่สัญลักษณ์ของเขาคินาบาลูซะงั้น อาจจะเป็นเพราะลักษณะยอดที่ดูไม่สวยงามเท่ากับยอด South Peak ที่สูง 3929 เมตร ซึ่งเราจะสังเกตุได้จากแบงค์หนึ่งริงกิตแบบเก่ากับหนึ่งร้อยริงกิต จะมีรูป South Peak แทนที่จะเป็น Low's Peak
มาดูรูปเปรียบเที่ยบกันระหว่าง Low's Peak กับ South Peak กัน
รูปภาพ South Peak บนแบงค์ 100 กับ 1 ริงกิตแบบเก่า
เพื่อความปลอดภัยในการปีนเขา ทางอุทยานแห่งชาติคินาบาลูจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ 196 คนต่อวัน และต้องมีไกด์หนึ่งคนต่อนักท่องเที่ยวหกคน ดังนั้นถ้าไปให้คุ้มสุด เราต้องรวมกลุ่มกันได้หกคน จะได้หารค่าไกด์กันถูกๆ แต่ถ้าเกิดมาคนเดียวก็ให้มาที่อุทยานเช้าหน่อยแล้วหาเพื่อนแชร์ค่าไกด์กัน
สำหรับเส้นทางการพิชิตยอดเขาคินาบาลู มีให้เลือกสองเส้นทางคือ เส้น Timpohon กับ เส้น Mesilau ทั้งสองเส้นทางจะเริ่มเดินคนละจุด แล้วจะมาบรรจบกันก่อนถึง Lanban Rata ตามรูปข้างล่าง
เส้น Timpohon จะสั้นกว่า เส้นทางจะขึ้นตลอด มีทางราบเป็นช่วงๆ รวมระยะทาง 6 กิโลเมตรจากประตู Timpohon ไปถึง Laban Rata ซึ่งเป็นที่พักบนเขาที่เราจะไปพักกันในคืนที่สอง ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
เส้น Mesilau จะไกลกว่า เส้นทางจะขึ้นๆลงๆ มีความเป็นธรรมชาติมากกว่า ความหลากหลายของพรรณพืชเยอะกว่า รวมระยะทาง 8 กิโลเมตรจากประตู Mesilau ไปถึง Laban Rata ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ประตู Mesilau จะอยู่ไกลจากสำนักงานอุทยาน ทำให้ต้องเสียค่ารถตู้รับส่งที่แพงกว่าเป็นเท่าตัว
ทริปนี้เราเลือกขึ้น เส้น Mesilau แล้วลง Timpohon จะได้เก็บทั้งสองเส้นทางไปเลย แนะนำว่าควรลงทาง Timpohon เพราะตอนเช้าเราต้องขึ้นยอด ซึ่งต้องใช้แรงไปเยอะมาก ขาลงเราคงไม่อยากเจอทางขึ้นอีก และระยะทางก็ไกลกว่าด้วย
2) การเดินทางจากกรุงเทพฯ
ขาไป จากกรุงเทพ ไป โคตาคินาบาลู
เนื่องจากไม่มีบินตรงไปเมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ ทำให้ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ทริปนี้เราใช้บริการ airasia สายการบินราคาประหยัด ซึ่งในทริปนี้เราเลือกเที่ยวแรกสุดจากดอนเมือง บินจากกรุงเทพ เวลา 7.05 น. ไปถึง กัลลาลัมเปอร์เวลา 10.15 น. แล้วต่อเครื่องที่กัลลาลัมเปอร์ เวลา 12.45 น. ไปถึง โกตาคินาบาลู เวลา 15.20 น.
ขากลับ จากโคตาคินาบาลู ไป กรุงเทพ
พวกเราเลือกที่จะบินไปกัลลาลัมเปอร์ กะไปเที่ยวกันก่อนบินกลับไทย จึงสามารถบินไปกัลลาลัมเปอร์ในวันที่เราลงจากเขาได้เลย แต่ถ้าใครจะบินกลับกรุงเทพจากโคตาคินาบาลูแล้วละก็ วันที่ลงจากเขาต้องนอนในเมืองโคตาคินาบาลูหนึ่งคืน แล้วบินกลับในวันถัดมา เที่ยวสุดท้ายจะออกจากเมืองโกตาคินาบาลูเวลา 15.45 น.ถึงกรุงเทพเวลา 22.40 น.
3)ต้องใช้เวลากี่วันสำหรับทริปนี้
ทริปนี้เราต้องมีเวลาอย่างน้อย 4 วัน โดยสรุปคร่าวๆ
วันที่ 1 บินจากกรุงเทพฯ ไปลงโคตาคินาบาลู แล้วต่อรถจากเมืองโคนาคินาบาลูไปยังอุทยานแห่งชาติคินาบาลู แล้วหาที่พักนอนใกล้อุทยาน ราคาจะถูกกว่าไปพักในอุทยานมาก
วันที่ 2 ทำบัตรปีนเขา แล้วนั่งรถตู้ไปยังจุดเริ่มเดิน แล้วเดินขึ้นไปถึง Laban Rata ซึ่งเป็นที่พักบนเขา
วันที่ 3 พิชิตยอดเขาแต่เช้าตรู่ เดินลงจากเขา แล้วนั่งรถตู้เข้าเมือง ถึงในเมืองประมาณทุ่มนึง หาที่พักในเมือง
วันที่ 4 เดินเที่ยวในเมืองโคตาคินาบาลู แล้วบินกลับกรุงเทพ
4) การจองที่พัก
หัวใจสำคัญของทริปนี้คือการจองที่พักบนเขา(Laban Rata) แนะนำให้จองล่วงหน้าสักสามเดือน จะได้เลือกวันได้ พวกเราจองล่วงหน้าถึงห้าเดือน เลยไม่มีปัญหาต้องเปลี่ยนวันเดินทาง ในส่วนของการจองที่พัก ที่พักทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติคินาบาลูถูกบริหารและจัดการโดย Sutera Sanctuary Lodges ส่วนวิธีการจองนั้นสามารถจองโดยตรงผ่านทางเวปของ Sutera Sanctuary Lodges(http://www.suterasanctuarylodges.com.my) แต่ต้นปี 2558 นี้เท่าที่ลองจองมา เหมือนเวปมันมีปัญหา ไม่ว่าจะเลือกวันไหน เต็มหมด เอาเป็นว่าผมขอแชร์ประสบการณ์จากข้อมูลปี 2557 แล้วกัน ข้อเสียของการจองผ่านเวปของ Sutera Sanctuary Lodges คือจะถูกบังคับให้จองแพ็กเกจ สามวันสองคืน คืนแรกนอนที่อุทยาน แล้วคืนที่สองนอนบนเขาที่ Laban Rata ราคาตกอยู่ 1642 ริงกิตสำหรับเส้น Meailau และ1746 ริงกิตสำหรับเส้นTimpohon ราคานี้จะรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ซึ่งถือว่าแพงมากๆ แน่นอนมันแพงเกินไปสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆสำหรับที่พักแค่สองคืน นอกจากการจองผ่านเวปของ Sutera Sanctuary Lodges ถ้าเราลองหาข้อมูลใน google จะพบว่ามีเวปทัวร์มากมาย ราคาตกอยู่ประมาณ 1200 ริงกิต ดูอยู่หลายเวปจนในที่สุดก็มาเจอรีวิวร์อันนึงบอกเล่าถึงวิธีทำให้ทริปนี้ราคาถูกลงกว่าครึ่งจากราคาหน้าเวป เคร็ดไม่ลับคือ ให้ส่งเมลล์ไปจองโดนตรงกับทาง Sutera Sanctuary Lodges (info@suterasanctuarylodges.com.my ) แล้วจองแพ็กเกจ Laban Rata สองวันหนึ่งคืน!!! เราจองไปกันหกคน ได้ราคา 688 ริงกิตต่อคน ราคานี้ไม่ร่วมค่าเข้าอุทยาน ค่าไกด์ ค่ารถตู้ไปรับไปส่ง แต่สุดท้ายเราจะประหยัดเงินได้ไปกว่าครึ่ง ส่วนที่พักคืนแรกมีสองทางเลือก ทางเลือกแรก พักใกล้ๆกับอุทยาน สำหรับทริปนี้เราใช้บริการ Kinabalu Mountain Lodge แล้วเดินไปอุทยานในเช้าวันถัดมา เราจองที่พักผ่านเวป agoda หรืออาจจะเลือกพักในเมืองโกตาคินาบาลู แต่ต้องนั่งรถมาอุทยานแต่เช้ามืด ประมาณตีห้า ลองสอบถามข้อมูลรถจาก akinabalu youth hostel ได้ เค้ามีบริการตรงนี้ด้วย email mailto:info@akinabaluyh.com เบอร์ติดต่อ +6088-272188
สรุปข้อมูลที่พัก
วันที่ 1 นั่งรถจากสนามบินมาถึงมาอุทยานเลย แล้วหาที่พักใกล้อุทยาน อาจจะเลือก Kinabalu Mountain Lodge ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จากอุทยาน สามารถจองผ่านเวป Agoda หรือ จะเลือกนอนในเมืองโคตาคินาบาลู แล้วนั่งรถมาอุทยานแต่เช้ามืด ตอนตี 5
วันที่ 2 เดินขึ้นเขาแต่เช้า แล้วพักที่ Laban Rata สามารถเมลล์ไปจองกับ Sutera Sanctuary Lodges โดยตรง email : info@suterasanctuarylodges.com.my จองแพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน
วันที่ 3 หลังจากลงจากเขา นั่งรถเข้าเมือง แล้วหาที่พักในตัวเมืองโกตาคินาบาลู ถ้าไม่รู้จะพักที่ไหน ลอง Kinabalu youth hostel
วันที่ 4 กลับกรุงเทพฯ
5) การเตรียมตัวและสิ่งของจำเป็นที่ต้องติดตัวไป
การจะพิชิตยอดเขาคินาบาลูนั้นจะว่ายากก็ไม่ยาก เพราะไม่มีช่วงไหนเลยที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษสำหรับการปีนเขา จะว่าง่ายก้ไม่ง่ายเพราะต้องอาศัยความอดทน และความฟิตของร่างกาย ควรเริ่มออกกำลังกายสักสองเดือนก่อนเดินทาง อาจจะเป็นวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือทำลุกนั่งก็ได้ ส่วนสิ่งของจำเป็นที่ต้องนำติดตัวไป
- ไฟฉายคาดหัว จะใช้ในวันที่สาม ต้องออกเดินตั้งแต่ตีสองครึ่ง
- ถุงมือแบบกันน้ำ ตอนขึ้นยอดอากาศจะหนาวมากประมาณ 5 - 10 องศา และบ้างช่วงต้องไต่เชือกขึ้นเขา ส่วนที่ต้องใช้แบบกันน้ำเผื่อกรณีที่ฝนตกแล้วเชือกเปียก
- เสื้อหนาว จำเป็นมากในช่วงที่เป็นภูเขาหินที่ไม่มีต้นไม้คอยกันลมให้กับเรา
- ผ้าพันคอ สำหรับคนขี้หนาว ติดไปด้วยก็ดี
- เสื้อฝน อาจจะต้องใช้ตอนขึ้นเขาหรือลงเขาในกรณีฝนตก
- อาหารให้พลังงานสูง พวกช็อกแล็ตบาร์ เอ็นเนอยี่บาร์ ลูกอม
- น้ำหนึ่งขวด ตอนไปรับอาหารกลางวันในวันที่สอง จะมีน้ำเพิ่มให้อีกขวดนึง และตลอดเส้นทางจะมีจุดพักเป็นระยะๆ มีห้องน้ำและจุดเติ่มน้ำ
- หัวแปลงปลั๊กไฟ ปลั๊กที่มาเลจะเป็นหัวสี่เหลี่ยม สามขาตามรูปต้านล่าง ในห้องพักที่ Laban Rata จะมีไฟฟ้าใช้ เราสามารถชาร์ตแบตมือถือหรือกล้องได้
- กล้องถ่ายรูป สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับทริปหลุดโลกแบบนี้
- ไม้เท้า สำหรับคนมีปัญหาเรื่องเข่า ขาลงช่วยได้เยอะ ส่วนขาขึ้นก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันเวลาเจอบรรไดขั้นใหญ่ๆหรือช่วงทางเป็นหินเยอะๆ
- ยา ยาแก้ปวดหัวแก้ไข้ ยาคลายกล้ามเนื้อ มีไว้อุ่นใจกว่า เวลารู้สึกหัวร้อนๆ กินดักไว้ก่อนเลย
- มาม่าคัพหนึ่งถ้วย ติดตัวไว้เผือกรณีฉุกเฉิน