สูงวัย ไป(..ปีน..)ตามฝัน @ คินาบาลู ซาบาร์ มาเลเซีย

หลังจากปีนเขาช้างเผือก ซึ่งเป็นภาพจำตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย แต่มาได้ปีนเมื่อเกษียณ....ภาพของยอดเขาอีกลูกก็เข้ามาแทนที่....คินาบาลู...เป็นภูเขาในรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ที่มารู้จักเอาตอนวัยทำงาน  เป็นภูเขาที่ยอด Low's peak เป็นยอดที่สูงที่สุดในเอเชียอาคเนย์(4095.2 เมตร) แต่ภาพจำจะเป็นยอด South peak (สูง 3921.5 เมตร) ซึ่งเป็นภูเขาหินที่มีลักษณะสวยงามเฉพาะตัว ทำให้มักมีภาพเป็น presenterให้ ภูเขาคินาบาลูทั้งในธนบัตร และ สื่อภาพต่างๆ


    มีเพื่อนที่สนใจปีนเขาตรงกัน 3 คนและเพื่อนอีก 2 คน สนใจไปท่องเที่ยวคินาบาลู ทริปนี้ก็เลยมีกัน 5 คนหนุ่มน้อยกันทุกคน 555 

        เราเดินทางโดยใช้บริการของแอร์เอเชียบินจากหาดใหญ่ไปกัวลาลัมเปอร์  จากกัวลาลัมเปอร์ไปโกตาคินาบาลู ขาไปต้องพักที่กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน เพราะเที่ยวบินต่อกันไม่ได้ต้องรอวันรุ่งขึ้น เราเลือกไปพักโรงแรม 5 คนที่เซปัง เพราะคิดแล้วคุ้มค่ากว่าการพักในโรงแรมแคปซูลสนามบินมาก การเดินทางก็สะดวกใช้บริการรถบัสสาย T57 ซึ่งให้บริการจากจุดจอดรถสนามบิน Klia2 ทุก 20 นาที  โรงแรมที่เราพักคือโรงแรมPI GRAND HOTEL สะอาดสะอ้านเตียงหนานุ่ม ให้แปดเต็มสิบครับ แต่ต้องเดินไกลจากป้ายรถบัสประจำทางเกือบ 2 กิโลเมตรโดยต้องสะพายเป้ 7 กิโลกรัมไปด้วยนี่แหละปัญหา แต่พวกเราถือว่าเป็นการอุ่นเครื่องก๋อนปีนเขากันครับ
         นั่งเครื่องจากกัวลาลัมเปอร์นานครับกว่าจะมาถึงคินาบาลู ก็ร่วมๆ  3 ชั่วโมง ถ้าไม่ได้เตรียมหนังสือไปอ่านบนเครื่อง,load podcast ไปฟัง หรือคุยกับคนที่ถูกคอ รับรองว่านั่งกันเบื่อครับ. ถึงโกตาคินาบาลูช่วงเย็น  ป้ายบอกทางในสนามบิน ไม่ค่อยชัดเจน
หลายคนก็ดูงงๆกัน ไม่มีป้ายบอกรับกระเป๋าหรือ arrival hall ให้ไปตามป้ายทางออกครับ ทุกคนต้องไปผ่านตรวจคนเข้าเมืองเหมือนกัน ทั้งๆ ที่พวกเรามาจาก KLก็ยังต้องเข้าคิวลงตราพลาสปอร์ตกันครับ นัยว่าเป็นข้อตกลงตั้งแต่เดิมเมื่อครั้งรัฐซาบาห์ขอผนวกรวมกับประเทศมาเลเซีย พวกเรามาถึงที่พักก็ช่วงบ่ายแก่ๆ แล้ว เราพักกันที่
Keen suites at Sutera เป็น condo พร้อมอยู่มีที่ทำครัว เครื่องซักผ้า พร้อมสรรพ  ออกเดินเล่นชิวๆกันไปทางwaterfront เผื่อจะมีที่กินอาหาร 

       ร้านอาหารริมน้ำดูไม่เป็นที่สนใจของเราเท่าไร  สุดท้ายก็มาจบที่ เซเว่น ครับที่คินาบาลูมีเซเว่นเยอะอยู่เหมือนกันแต่ไม่เท่าบ้านเรา มื้อเย็นก็เลยกินอาหารstreet food ที่ซื้อมาระหว่างทางเดินกลับ พวกเราอยากเตรียมตัวให้พร้อมนอนแต่หัวค่ำสำหรับทริปพรุ่งนี้
        ทัวร์ปีนเขาคินาบาลู เราซื้อจากเอเจนซี่ของมาเลเซียโดยตรงซึ่งก็มีอยู่หลายเจ้าที่เห็นเด่นๆก็จะมี Amazing Borneo กับ Borneo calling ครับซึ่งราคาก็พอๆกัน แต่ถ้าซื้อกับเอเจนซี่ของต่างชาติก็จะแพงกว่าครับ สำหรับกรุ๊ปเราเลือก Amazing Borneo ราคาก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนในกรุ๊ปของเรายิ่งคนมากราคายิ่งถูกลง  และถ้าเราเป็นต่างชาติราคาก็จะแพงกว่าคนมาเลเซียเอง พวกเราซื้อกรุ๊ป 3 คนราคาประมาณ 20,000 บาท/คน โดยถ้าเป็นคนมาเลย์ 3 คนราคาก็จะประมาณคนละ 13,000 บาท/คน บาท ราคานี้เป็นโปรแกรม 2 วัน 1 คืนซึ่งอาจจะทำให้การปรับตัวต่อattitude อาจจะไม่ดีเท่ากับโปรแกรม 3 วัน 2 คืน  
          คืนนั้นผมนอนเร็วแต่ก็นอนไม่ค่อยหลับไม่แน่ใจว่าเกิดจากเสียงดังจากห้องอาหารใกล้ที่พักหรือตื่นเต้นกันแน่  ดูในนาฬิกาคะแนนคุณภาพการนอนได้แค่ 35 นอนได้แค่ 4 ชั่วโมง  พอ 6 โมงเช้าทางagency ก็เอารถตู้มารับเราที่หน้าที่พักและก็ไปเวียนรับคนอื่นๆจนครบก่อนจะมุ่งสู่ Kinabalu Park Headquarters ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองคินาบาลู 92 km และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1520 เมตร รถตู้ใช้เวลาไต่เขาไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง 

     บรรยากาศที่  Headquarters ก็มีนักท่องเที่ยวคึกคักส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนหนุ่มสาว  พวกเราได้ ลงทะเบียน , รับ ID batch, lunch pack โดย agency คอยให้ความสะดวก หลังจากนั้นก็ไปทำความรู้จักกับไกด์ เพื่อนผมต้องการจะเช่าไม้เท้า hiking ก็มีให้บริการอันละ 15 MYR  ส่วนลูกหาบ(porter)ก็มีให้บริการแต่พวกเราตั้งใจจะแบกสัมภาระกันไปเองเลยไม่ต้องใช้บริการนี้ เมื่อทุกอย่างพร้อมรถตู้ก็นำเราไปยัง Timpohon gate  ซึ่งเป็นจุดcheck pointเริ่มต้นของการปีนเขาคินาบาลู

     ที่จุดนี้สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,866 เมตร พวกเราจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจ batchว่าเราได้ผ่านจุดนี้ และเข้าสู่เส้นทาง Timpohon trail เพื่อมุ่งหน้าสู่ Panalaban base camp ซึ่งอยู่ที่ความสูง 3272 เมตรที่พักคืนนี้ของเราคือ Laban Rata resthouse ระยะทาง6 กิโลเมตรที่เราต้องเดินปีนขึ้นไปถึงเบสแคมป์

         ใจที่จดจ่อและมุ่งมั่น ทำให้เราเดินมาถึงshelterที่1(KANDIS)
โดยไม่รู้สึกเหนื่อยนักทั้งๆที่เส้นทางก็สูงชันเอาการอยู่ครับพื้นที่เดินก็เป็นลักษณะทางเดินแคบๆแต่พอจะเดินสวนกันได้ เป็นรากไม้และก้อนหิน บางครั้งก็เป็นทางเดินบันไดไม้ชันๆสภาพป่าเป็นป่าชื้น อุดมสมบูรณ์ มีมอสและเฟิร์นอยู่ทั่วไป ที่สำคัญ อากาศสดชื่นมาก

       เป็นอันว่าเราผ่านระดับความสูงที่ 1981.7 เมตรมาด้วยรอยยิ้มเสียงหัวเราะและความสดชื่น  เรามุ่งหน้าต่อไปไปที่ shelter ที่2 (UBAH) ที่ระดับความสูง 2081.4 เริ่มจะรู้สึกเหนื่อยกันบ้างแล้ว บางกรุ๊ปก็มีการหยุดพักแต่พวกเรายังมุ่งหน้าต่อไป และเริ่มรู้สึกว่า shelter ที่3 ไกลออกไปมากไม่เหมือนกับที่เราเดินระหว่าง 1 กับ 2 เพียงแค่ 0.5 กิโลเมตร เริ่มอยากพักเริ่มอยากเข้าห้องน้ำ ไกด์บอกให้เรารู้ว่า shelter 3 (LOWII)ห่างจากshelterที่ 2 ออกมาประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ และเป็นช่วงที่shelterห่างกันมากที่สุด          
อินทผาลัมและน้ำที่เตรียมมาก็เริ่มถูกนำมากินดื่ม ความรู้สึกสดชื่นยังคงอยู่ มีการทักทายกันนักปีนกลุ่มอื่นๆที่แซงเราขึ้นมาหรือเราแซงขึ้นไปเป็นครั้งคราว แลัวเราก็ได้พักที่Lowii ที่มีสิ่งน่าประทับใจคือ กระรอกที่คุ้นชินกับนักปีนมาก มาขออาหารใกล้ๆ และกินอาหารจากมือพวกเรา

       เราเพลิดเพลินกับกระรอกกันอยู่พักใหญ่ จนนักปีนกลุ่มหลังๆเริ่มขึ้นมาถึง เราก็เลยออกปีนกันต่อเพื่อให้พวกเขาได้เพลิดเพลินบ้าง  ระหว่างทางเดินเราก็ได้เห็นกระรอกอีกประปราย เริ่มเห็นต้นไผ่ กล้วยไม้ป่า ดอกไม้ข้างทาง

แต่เจ้าประจำก็ยังเป็น มอส เห็ดและเฟิร์นครับ

         เพื่อนในกลุ่มเริ่มมีอาการปวดท้ายทอยมึนศีรษะ ก็เลยได้หยุดพักกันบ่อยหน่อย คิดว่าอาจเกิดจาก attitude sickness เพราะปกติแข็งแรงมาก และเป็นคนที่พร้อมสุดๆในทุก advanture  ให้เพื่อนพักและกิน พาราเซ็ท น้ำเกลือแร่ ยาแก้วิงเวียน นอนยกขาสูง อาการดีขึ้นบ้าง พวกเราสองคนที่เหลือก็เต็มใจกินพาราเซ็ทและยาแก้วิงเวียน เผื่อว่าจะได้ป้องกันปวดหัวและมึนงงได้บ้าง ค่อยๆปีนขึ้นมาได้พักที่ shelter ที่ 4 (MEMPENING)  ที่ระดับความสูง2515เมตรข้างทางเห็นเป็นหุบเขามีดอกไม้คล้ายชบาซ้อนสีแสดดอกใหญ่ดูแล้วสดใสมีชีวิตชีวาอย่างมาก

       มองลงไปตามหุบเขาเห็นต้นไม้ใบเปลี่ยนสีเป็นสีแดงทั้งต้นอยู่ไกลเสียดายที่ไม่ได้ไปถ่ายใกล้ๆ

       ทางอุทยานให้เราเดินได้ในทางที่กำหนดเท่านั้น และทุกกรุ๊ปต้องมีไกด์ที่ได้รับการอบรมนำทาง กำหนดให้ต้องมีไกด์ 1 คน ต่อนักปีนไม่เกิน 5 คน ไกด์ก็จะช่วยให้คำแนะนำและเป็นพี่เลี้ยงในการเดินทางของเรา แอบๆดูไกด์ก็มีอาการเหนื่อยเหมือนกันนะครับ แน่นอนไม่มากเหมือนพวกเรา 55   ไกด์บอกเราว่าจะได้ไปกินอาหารเที่ยงกันที่shelter ที่5(LAYANG-LAYANG)
ที่ความสูง2702 เมตร ซึ่งเราก็ทานอาหารเที่ยงกันที่นั่นจริงๆ แต่เวลาล่าช้าเป็นประมาณบ่ายโมง ทุกคนกินอาการที่ทางทัวร์จัดมาให้ได้หมดเพื่อนที่เป็นattitude sickness อาการดีขึ้นมากแล้ว เราพร้อมที่จะออกเดินทางต่อกันก็เป็นเวลาบ่ายโมงครึ่ง เท่ากับว่าช่วงเช้านี้เราได้ปีนขึ้นมาแล้ว 4 กิโลเมตรใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมง เหลืออีกเพียง2 กิโลเมตร

      เราต้องถึงที่พักที่base camp ก่อนครัวปิดคือเวลา 6 โมงเย็น ดังนั้นเราจึงมีเวลา4 ชั่วโมงกว่าๆ สำหรับ 2 กิโลเมตรที่เหลือ ดูแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหากับการเดินทางของเรา แต่เมื่อแอบมองไปที่ทางเดินขึ้นที่มองเห็นจากตอนนั่งทานข้าวก็อดจะหวั่นๆไม่ได้เพราะทางที่เห็นนั้นทั้งชันและเป็นหินลอยไม่ได้เป็นสเต็ปให้เดิน ถามไกด์ก็ไดรับคำตอบว่าเดินยากกว่าทางข้างล่างมาก แถมไกด์ยังบอกว่าเมื่อวานนี้มีฝนตกในช่วงเย็นด้วย...งานเข้าแล้ว  เราไม่ได้รอให้อาหารย่อยเลย ลุยขึ้นไปสู่Shelter ที่6 (VILLOSA) 
เป็นไปตามที่ผมหวั่นจริงๆทางชันมากทางเดินเป็นหินลอยไม่ได้มีสเต็ปให้เดินบางครั้งอาจจะมีราวให้จับอยู่บ้าง แต่วิว 2 ข้างทางนั้นเปลี่ยนแปลงไป ได้มาเดินในที่โล่งมากขึ้นสายตาสามารถมองออกไปไกลมากขึ้นบางช่วงได้เห็นมองเห็นยอดเขาไกลๆ

     พืชพันธุ์ก็เปลี่ยนแปลงไป ผมได้เห็น หม้อแกงลิงใหญ่ๆสวยๆหลายๆใบ

    ดอกไม้ต้นไม้ในเส้นทางช่วงนี้ ที่เป็นดอกต้นชนิดเดียวกับด้านล่างสีหรือรูปทรงก็จะเปลี่ยนแปลง ไปบ้าง เช่นสีอาจจะเข้มขึ้น ใบอาจจะม้วนหรือขอบใบมีหยักเพิ่มขึ้น

      แม้แต่มอส และเฟิร์นก็เปลี่ยนแปลงไป
 
      การเดินทางนับว่าโหดมากเราใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆสำหรับการเดินครึ่งกิโลเมตร ถ้าคิดตามบัญญัติ
ไตรยางค์นั่นคือเราต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงสำหรับ 2 กิโลเมตรนับว่า หวุดหวิดสำหรับ กลุ่มของเรา  ในตอนนั้นไม่มีใครห่วงเรื่องกินกันแล้วไม่ได้สนใจว่าครัวจะปิดกี่โมง เราตั้งใจจะขึ้นไปให้ถึงก็เพียงพอ อย่าให้มันมืดและอย่าให้ฝนตก.... แต่ฝนก็ตกจนได้แรกๆ ก็เป็นแบบ shower ผมก็ยังไม่อยากใส่เสื้อฝน แต่บางช่วงก็หนักขึ้น และเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องใส่เสื้อฝนกันทุกคน การเดินทางของเราก็ดูจะช้ามากขึ้น แต่ต้องบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่อากาศสดชื่น ทิวทัศน์น่าดู เพราะเราได้มาเดินในส่วนที่ไม่ใช่ป่าปิดต้นไม้ 2 ข้างทางไม่แน่นและไม่สูงมาก

    ฝนไม่มีท่าทีจะหยุด เราก็เช่นกันยังปีนขึ้นไปเรื่อยๆไม่หยุด ทุกคนต่างก็เพลียกันมากแต่ก็ยังงชมวิวแวะถ่ายรูปกันได้อยู่ ไม่มีใครบ่นว่ามีอาการอื่น นอกจากเหนื่อยและเมื่อย 5 โมงเย็นแก่ๆ เราก็ถึง Panalaban ที่ความสูง 3272 เมตร ก่อนถึงจุดcheck in จะเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์และมีป้ายบอกความสูงของจุดนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่