Kinabalu
ภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่มนุษย์ธรรมดาที่มีแต่ความบ้าพลังและพลังใจสามารถขึ้นไปได้) โดยมีความสูงตามแนวดิ่งอยู่ที่ 4095 เมตร และระยะทางในการเดินตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงยอดอยู่ที่ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในรัฐซาบาห์ของประเทศมาเลยเซีย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาพิชิตตือช่วงเดินเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่โอกาสฝนจะตกน้อยที่สุดในรอบปี
เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ!!!!! ทั้งหมดที่ผมรู้ก่อนจะเริ่มเตรียมตัวก็มีแค่นี้แหละ!!!!
กำหนดการการไปซุยต่างแดนคนเดียวอีกครั้งแบบไม่พึ่งทัวร์มีแผนคร่าวๆดังต่อไปนู้น (และน่าจะเป็นแผนที่สั้นที่สุดที่น่าจะเป็นไปได้)
6 มีนาคม 2560 = นั่งเครื่องบินจากดอนเมือง => กัวลาลัมเปอร์ => kota kinabalu
7 มีนาคม 2560 = เริ่มเดินขึ้นจากจุดเริ่มต้นไปถึงที่พัก ระยะทาง 6 กิโลเมตร
8 มีนาคม 2560 = เริ่มเดินจากที่พักขึ้นไปถึงยอด 2 กิโลเมตร และเดินอัดพร้วดเดียวเพื่อลงมาข้างล่าง
9 มีนาคม 2560 = นั่งเครื่องบินกลับจาก kota kinabalu => กัวลาลัมเปอร์ => ดอนเมือง
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ.............................
สำหรับทริปนี้รวมทุกอย่าง 23,000 แบบเงินเหลือ(ซึ่งถ้าคุณฟอร์มทีมไปดีๆคุณจะเซฟได้มากกว่าผมอีก)
อยากไปเองแบบไม่ไปกับทัวร์ต้องเตรียมตัวยังไง?
1. จองที่พักให้ได้
เนื่องจากการเดินขึ้น Kinabalu แบบวันเดียวไปเช้าเย็นกลับนั้นได้ถูกทางอุทยานยกเลิกไปแล้วเพราะสาเหตุด้านความปลอดภัย เหลือแค่แบบ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น(เฉพาะในส่วนเดินขึ้นและลง) ทำให้การที่ทางอุทยานจะปล่อยให้เราขึ้นไปเดินเอาหน้าจุ่มเมฆบนเขาคินาบาลูได้นั้นจำเป็นต้องจองที่พักและนำใบจองมาให้ได้ก่อน โดยที่พักด้านบนมีให้เลือกอยู่ประมาณ 7 เจ้าด้วยกัน(ถ้าผมจำไม่ผิด) แต่อนิจจา สำหรับชาวต่างชาติเช่นเราแล้วทางเลือกช่างน้อยนิดจนน่าช้ำใจยิ่งนัก เพราะมีแค่เจ้าเดียวที่รับจองผ่านทาง E-mail นั่นก็คือ Sutera Sanctuary Lodges และที่สำคัญ ที่พัก
แพงขึ้นทุกปี!!!!
สำหรับการจองให้ส่งเมลล์ไปสอบถามที่พักผ่าน
sales@suterasanctuarylodges.com.my
โดยผมแนะนำให้จองก่อนล่วงหน้านานๆเลยครับ ( 3 - 6 เดือน) เพราะเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวันจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกซอกมุมโลกสามารถจองที่พักและสามารถขึ้นเขาลูกนี้แค่ร้อยกว่าคนต่อวันเท่านั้น แย่งชิงกันยิ่งกว่าขุมทรัพย์
ส่วนตัวผมนั้น...........................กว่าจะเริ่มขยับตัวก็เดือนกุมภาพันธ์เข้าไปแล้วจ้าาาาาา แน่นอน เต็มเกือบจะทั้งเดือน เลยส่งเมลล์ไปหาที่พักเลยว่า ต้นเดือนมีนาว่างวันไหนเอาวันนั้น!!!!
Package ที่พักอ้างอิงของเดือนกุมภาพันธ์ มีอยู่สอง Package
1. 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1 ที่พัก 1 คืนในอุทยานก่อนวันปีนเขา
วันที่ 2 เริ่มเดินขึ้นไปพักที่พักบนเขา (Laban rata)
วันที่ 3 เริ่มเดินขึ้นถึงยอดและเดินลงมาและสิ้นสุดโปรแกรม
บวกอาหาร (บางมื้อเป็นแบบบุฟเฟต์)
ได้รับการการันตีจากเพื่อนที่ไปมาก่อนหน้านี้ว่าดูแลประดุจท่านเป็นราชาแห่งขุนเขา
สำหรับท่านที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แนะนำแพคเกจตัวนี้ไปเลย
อันนี้ผมไม่ชัวร์รายละเอียดนะครับ เพราะไม่ได้เลือกแบบนี้ไป แค่เห็นราคาก็หน้ายู่วววววววว
ข้อดีของการจองแบบนี้คือคุณสามารถจองล่วงหน้าได้นานมากกกกกกกกก
2. 2 วัน 1 คืน
วันที่ 1 เริ่มเดินขึ้นไปพักที่พักบนเขา (Laban rata)
วันที่ 2 เริ่มเดินขึ้นถึงยอดและเดินลงมาและสิ้นสุดโปรแกรม
บวกอาหาร (บางมื้อเป็นแบบบุฟเฟต์)
สำหรับท่านที่ถวิลหาความตื่นเต้นในการหาที่พักหน้างานก่อนการปีนเขาหรือมีความลำบากเรื่องเงินขนาดต้องเม้มเงินเมียมาเที่ยวแนะนำตัวนี้ และความลุ้นให้เสียวไส้ยิ่งกว่าคือ สามารถจองล่วงหน้าได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
อืมมมมมมมมมมมมม
ส่วนต่างระหว่าง สามวันสองคืนกับสองวันหนึ่งคืนอยู่ที่ 231 ริงกิต...................................................
อืมมมมมมมมมมมมม เอาวะ!!! เอาถูกเข้าว่า ชั้นเลือกนาย!!!!!!
หมายเหตุ
- เพื่อนผมจองปลายปีที่แล้ว ผมจองต้นปี ราคาต่างกันร่วม 200 ริงกิต!!!!! ขึ้นราคาได้ดิบ จิตใตอำมหิตย์มาก และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นทุกปี ใครอยากไปรีบไปก่อนเลยครัฟ!!!!
- การจ่ายเงินทำได้สองวิธี คือ โอนเงินข้ามประเทศ หรือสำเนาบัตรเครดิตกรอกแบบฟรอม์ส่งเมลล์ให้ที่พัก จะบ้าหราาาาา ใครมันจะไปซีล็อกบัตรเครดิตไปให้ อันตรายจะตายนะเธอว์ เพื่อความปลอดภัยแล้วโอนเงินข้ามประเทศดีกว่า
เอ๊อะ!!!!!........................
ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศนี่มัน.........................................
แพงขนาดนี้ส่งสำเนาบัตรเครดิตเอาเถอะพ่อ!!!!! (ผมใช้วิธีสำเนาบัตรเครดิตส่งไปครับ)
- ผมหาที่พักเพิ่มเอาเองอีก 2 คืน คือคืนแรกที่ไปถึงก่อนการเดินเขาโดยหาเอาแถวๆหน้าทางเข้าอุทยานนั่นหละ เพราะต้องไปลงทะเบียนขึ้นเขาแต่เช้า และคืนสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับในตัวเมืองโคตะคินาบาลูครับ
2. จองตั๋วเครื่องบิน
จะบอกเพื่ออออออออ จะไปเที่ยวก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินอยู่แล้วนี่หว่า ใครมันจะทะลึ่งว่ายน้ำตีกรรเชียงข้ามประเทศไปฟระ!!!!
นั่นเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะคิดอยู่ในใจตอนอ่านข้อความนี้ ผมใช้วิธีเดิมที่ทำมาตลอด เข้าเว็ป www.skyscanner.com เลือกต้นทาง ดอนเมือง ปลายทาง kota kinabalu เลือกเส้นทางที่ถูกที่สุด ตรวจสอบความถูกต้องของไฟลต์บิน จ่ายตังค์ผ่านไอแบงค์กิ้ง จบ!!!! สุดง่ายดายและแสนประหยัด ได้มาในราคาไปกลับ 3,400 บาท และเพราะเอาถูกเข้าว่า นี่จึงเป็นต้นเหตุของความหายนะในทริปนี้ (โดยที่ตอนนั้นไม่ได้เอะใจเลยซักนิดว่าทำไมมันถูกมหาศาลทั้งๆที่ไปถึงสนามบิน Kota kinabalu ก็ไม่ได้มืดเท่าไหร่)
3. เตรียมข้าวของ
1. ไฟฉายคาดหัว
อันนี้สำคัญมาก เนื่องจากในวันที่จะต้องเดินขึ้นไปถึงยอด เราจะเริ่มเดินกันตั้งแต่ตีสอง มืดขนาดที่เหมือนเอาถังครอบหัวแล้วเดินยังจะสว่างกว่า
2. เสื้อกันฝน
ช่วงเดินเมษาเป็นช่วงที่มีโอกาสฝนตกน้อยที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย เผื่อไว้ก่อนก็ดี
3. Trekking pole
สุดยอดแห่งนวัตกรรมสำหรับมนุษย์ชาติผู้ถวิลหาป่าดงและภูเขา เชื่อผมเหอะ เป็นของล้ำค่าจนแทบอยากจะดักตีปล้นเอาจากคนข้างๆ
4. เสื้อกันหนาว
อุณหภูมิระหว่างทางที่เดินไม่ร้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป แต่อารมณ์ของแม่นางแปรปรวนยิ่งนัก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนตก แต่หายนะจริงๆคือทางด้านบนที่อยู่ทางด้านบนยอดนี่อุณหภูมิตัวเลขหลักเดียว (ส่วนตัวผมใช้เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวกับลองจอนก็พอทนไหวอยู่)
5. ผ้าบัฟ
หนาวหน้าสั่นคือนิยามของเขาลูกนี้ ปกป้องใบหน้าของคุณด้วยผ้าบัฟกันเตอะ!!!!!
6. ถุงมือ
ถุงมือที่ใช้ต้องทนทานในระดับหนึ่ง เพราะระหว่างทางหนึ่งกิโลเมตรสุดท้ายจนถึงยอดต้องใช้เชือกในการไต่ขึ้นไป(บางส่วน) และความหนาวขนาดที่ทำให้มือชาจนเอามีดมาฟันก็ไม่รู้สึก!!!
7. รองเท้า
อันนี้ทางที่เดินไม่ค่อยโหดเท่าไหร่แต่เพือความปลอดภัยก็ใช้รองเท้าที่พื้นหนึบๆหน่อยจะดีมาก ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะได้เล่นสไลด์เดอหินที่สูงที่สุดใน SEA
8. เงินริงกิต .....................................................จะบอกเพื่อ!!!
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็นั่งยิ้มหวานจิบเบียร์ตีพุงรอวันเดินทาง ระหว่างนั้นก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอบทความท่องเที่ยวของฝรั่ง................
"รถสาธารณะที่เดินทางจากตัวเมืองไปหน้าอุทยาน(รวมไปถึงที่พักของผมในคืนแรก) จะเริ่มหมดช่วงบ่ายแล้วนะฮรัฟ แนะนำให้ไปถึงท่ารถก่อนบ่ายสองถึงบ่ายสามนะฮรัฟ"
เหงื่อตก
ย้อนกลับไปดูตั๋วเครื่องบินของตัวเอง
อิ๊บอ๋ายแล้วโวร้ยยยยยยย ทริปนี้มันฉายแววรันทดตั้งแต่กดจองตั๋วเครื่องบินแล้วนี่หว่า!!!!
Q: ในกรณีที่จะไปปีนเขา(ในกรณีไปแบบผม ซื้อแพคเกจ 2 วัน 1 คืน) ควรจะไปหาที่พักใกล้ๆอุทยานเพื่อนอนแถวๆนั้นแล้วเดินไปในวันรุ่งขึ้นหรือหาที่พักในตัวเมืองแล้วตอนเช้าค่อยนั่งรถไปที่อุทยานดีฮรัฟ
A: อันดับแรกที่คุณต้องรู้เลยก็คือเวลาที่คุณใช้ในการเดินทางจากตัวเมืองโคตะไปยังหน้าอุทยานคือสองชั่วโมง!!!! และจากเมลล์ของ Sutera Sanctuary Lodges คุณต้องเช็คอินที่พักเพื่อนำใบจองไปยื่นให้ทางอุทยานก่อนเก้าโมง!!! หมุนหน้าหมุนหลังหมุนซ้ายหมุนขวาหมุนพร้อมๆกันคำนวณแล้วคุณต้องหารถจากตัวเมืองให้ได้ในเวลา 7 โมงเป็นอย่างโคตรช้าที่สุด == และความหายนะลำดับต่อมาก็คือรถสาธารณะเริ่มวิ่งไม่เช้าขนาดนั้น และที่หายนะแบบดับเบิ้ลๆเลยก็คือรถจะไม่ออกจนกว่าคนจะเต็มรถ(ซึ่งถ้าคุณจะเหมารถหรือเหมาแทกซี่เพื่อออกทันทีคุณจะโดนชาร์จราคาจนกระอักเลือดแบบหนังจีนกำลังภายใน) ฉะนั้นครับ แนะนำให้กระ
กระสนพาร่างกายไปอยู่ที่พักแถวๆหน้าอุทยานให้ได้ในคืนก่อนการปีนฮรัฟ
DAY 1 [ุ6 มีนาคม 2560]
เริ่มทางทางเว้ยเฮ้ยยยย สองชั่วโมงสำหรับดอนเมืองไปกัวลาลัมเปอร์ และ สองชั่วโมงสำหรับนั่งรอต่อเครื่อง และสองชั่วโมงครึ่งสำหรับกัวลาลัมเปอร์ไปโคตะคินาบาลู เอาให้สนามบินกลายเป็นบ้านหลังที่สองกันไปข้างนึง
Q: ตอนต่อเครื่องจากกัวลาไปโคตะต้องออกจาก ตม.ก่อนรึเปล่าฮรัฟ
A: อันนี้ไม่แน่ใจนะครัฟ แต่เคสผม ผมนั่งเครื่องของหางแดงทั้งคู่ กะว่านั่งไหลยาวๆชิวๆไปไม่ต้องผ่านตม. แต่ทันทีที่ไปที่หน้าเคาท์เตอร์ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เพื่อที่จะต่อเครื่องไปคินาบาลู เท่านั้นแหละ
"Immigration please"
ทำไมไล่ไปที่ตม.เฉยเลยฟระ และสมกับตำนานที่เล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่นเรื่องของ ตม. ของมาเลเซีย...................ช้านรกแตก!!!!!!
ห้วงเวลาอันเป็นนิรันด์ไหลผ่านไปอย่างช้าๆระหว่างที่ผมนั่งเอาตูดแช่เบาะของเครื่องบินจนแทบจะเป็นผัวเมียกันไปเรื่อยๆ ก็ถึงเวลาที่รอคอย ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินคินาบาลูเรียบร้อยแล้ว.........................ธรรมชาติที่ยังคงสวยงาม น้ำทะเลที่ใสสะอาดกลมกลืนไปกับอาคารที่ตั้งเรียงยาวไปตามริมทะเลได้อย่างลงตัว บรรยากาศอย่างนี้ กลิ่นของทะเลอย่างนี้ แดดอ่อนๆลมพัดเอื่อยๆเย็นๆที่ไหลผ่านตัวไป..................
วิ่ง!!!!!
จากบทความของฝรั่ง(ไอ้อันเดียวกับที่อ่านก่อนหน้านี้นี่แหละ) บอกเอาไว้ว่าถ้าคุณโชคดี คุณน่าจะยังหารถไปอุทยานได้ในเวลาประมาณหกโมง
"ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝานนนนน"
เสียงของพี่แอ๊ดดังลอยเข้ามาในหัว เอาวะ!!! อัญเชิญยูเซ็นโบลต์!!!!
[CR] แบกเป้ปีน Mt. Kinabalu คนเดียวสไตล์เพื่อนไม่คบ 4 วัน 3 คืน และไม่ไปกับทัวร์ ทริปฉายแววรั่วตั้งแต่กดจองตั๋วบิน!!!!
ภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่มนุษย์ธรรมดาที่มีแต่ความบ้าพลังและพลังใจสามารถขึ้นไปได้) โดยมีความสูงตามแนวดิ่งอยู่ที่ 4095 เมตร และระยะทางในการเดินตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงยอดอยู่ที่ 8 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในรัฐซาบาห์ของประเทศมาเลยเซีย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาพิชิตตือช่วงเดินเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงที่โอกาสฝนจะตกน้อยที่สุดในรอบปี
เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ!!!!! ทั้งหมดที่ผมรู้ก่อนจะเริ่มเตรียมตัวก็มีแค่นี้แหละ!!!!
กำหนดการการไปซุยต่างแดนคนเดียวอีกครั้งแบบไม่พึ่งทัวร์มีแผนคร่าวๆดังต่อไปนู้น (และน่าจะเป็นแผนที่สั้นที่สุดที่น่าจะเป็นไปได้)
6 มีนาคม 2560 = นั่งเครื่องบินจากดอนเมือง => กัวลาลัมเปอร์ => kota kinabalu
7 มีนาคม 2560 = เริ่มเดินขึ้นจากจุดเริ่มต้นไปถึงที่พัก ระยะทาง 6 กิโลเมตร
8 มีนาคม 2560 = เริ่มเดินจากที่พักขึ้นไปถึงยอด 2 กิโลเมตร และเดินอัดพร้วดเดียวเพื่อลงมาข้างล่าง
9 มีนาคม 2560 = นั่งเครื่องบินกลับจาก kota kinabalu => กัวลาลัมเปอร์ => ดอนเมือง
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยประมาณ.............................
สำหรับทริปนี้รวมทุกอย่าง 23,000 แบบเงินเหลือ(ซึ่งถ้าคุณฟอร์มทีมไปดีๆคุณจะเซฟได้มากกว่าผมอีก)
เนื่องจากการเดินขึ้น Kinabalu แบบวันเดียวไปเช้าเย็นกลับนั้นได้ถูกทางอุทยานยกเลิกไปแล้วเพราะสาเหตุด้านความปลอดภัย เหลือแค่แบบ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น(เฉพาะในส่วนเดินขึ้นและลง) ทำให้การที่ทางอุทยานจะปล่อยให้เราขึ้นไปเดินเอาหน้าจุ่มเมฆบนเขาคินาบาลูได้นั้นจำเป็นต้องจองที่พักและนำใบจองมาให้ได้ก่อน โดยที่พักด้านบนมีให้เลือกอยู่ประมาณ 7 เจ้าด้วยกัน(ถ้าผมจำไม่ผิด) แต่อนิจจา สำหรับชาวต่างชาติเช่นเราแล้วทางเลือกช่างน้อยนิดจนน่าช้ำใจยิ่งนัก เพราะมีแค่เจ้าเดียวที่รับจองผ่านทาง E-mail นั่นก็คือ Sutera Sanctuary Lodges และที่สำคัญ ที่พักแพงขึ้นทุกปี!!!!
สำหรับการจองให้ส่งเมลล์ไปสอบถามที่พักผ่าน
sales@suterasanctuarylodges.com.my
โดยผมแนะนำให้จองก่อนล่วงหน้านานๆเลยครับ ( 3 - 6 เดือน) เพราะเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวันจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกซอกมุมโลกสามารถจองที่พักและสามารถขึ้นเขาลูกนี้แค่ร้อยกว่าคนต่อวันเท่านั้น แย่งชิงกันยิ่งกว่าขุมทรัพย์
ส่วนตัวผมนั้น...........................กว่าจะเริ่มขยับตัวก็เดือนกุมภาพันธ์เข้าไปแล้วจ้าาาาาา แน่นอน เต็มเกือบจะทั้งเดือน เลยส่งเมลล์ไปหาที่พักเลยว่า ต้นเดือนมีนาว่างวันไหนเอาวันนั้น!!!!
Package ที่พักอ้างอิงของเดือนกุมภาพันธ์ มีอยู่สอง Package
1. 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1 ที่พัก 1 คืนในอุทยานก่อนวันปีนเขา
วันที่ 2 เริ่มเดินขึ้นไปพักที่พักบนเขา (Laban rata)
วันที่ 3 เริ่มเดินขึ้นถึงยอดและเดินลงมาและสิ้นสุดโปรแกรม
บวกอาหาร (บางมื้อเป็นแบบบุฟเฟต์)
ได้รับการการันตีจากเพื่อนที่ไปมาก่อนหน้านี้ว่าดูแลประดุจท่านเป็นราชาแห่งขุนเขา
สำหรับท่านที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แนะนำแพคเกจตัวนี้ไปเลย
อันนี้ผมไม่ชัวร์รายละเอียดนะครับ เพราะไม่ได้เลือกแบบนี้ไป แค่เห็นราคาก็หน้ายู่วววววววว
ข้อดีของการจองแบบนี้คือคุณสามารถจองล่วงหน้าได้นานมากกกกกกกกก
2. 2 วัน 1 คืน
วันที่ 1 เริ่มเดินขึ้นไปพักที่พักบนเขา (Laban rata)
วันที่ 2 เริ่มเดินขึ้นถึงยอดและเดินลงมาและสิ้นสุดโปรแกรม
บวกอาหาร (บางมื้อเป็นแบบบุฟเฟต์)
สำหรับท่านที่ถวิลหาความตื่นเต้นในการหาที่พักหน้างานก่อนการปีนเขาหรือมีความลำบากเรื่องเงินขนาดต้องเม้มเงินเมียมาเที่ยวแนะนำตัวนี้ และความลุ้นให้เสียวไส้ยิ่งกว่าคือ สามารถจองล่วงหน้าได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
ส่วนต่างระหว่าง สามวันสองคืนกับสองวันหนึ่งคืนอยู่ที่ 231 ริงกิต...................................................
อืมมมมมมมมมมมมม เอาวะ!!! เอาถูกเข้าว่า ชั้นเลือกนาย!!!!!!
หมายเหตุ
- เพื่อนผมจองปลายปีที่แล้ว ผมจองต้นปี ราคาต่างกันร่วม 200 ริงกิต!!!!! ขึ้นราคาได้ดิบ จิตใตอำมหิตย์มาก และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นทุกปี ใครอยากไปรีบไปก่อนเลยครัฟ!!!!
- การจ่ายเงินทำได้สองวิธี คือ โอนเงินข้ามประเทศ หรือสำเนาบัตรเครดิตกรอกแบบฟรอม์ส่งเมลล์ให้ที่พัก จะบ้าหราาาาา ใครมันจะไปซีล็อกบัตรเครดิตไปให้ อันตรายจะตายนะเธอว์ เพื่อความปลอดภัยแล้วโอนเงินข้ามประเทศดีกว่า
เอ๊อะ!!!!!........................
ค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศนี่มัน.........................................
แพงขนาดนี้ส่งสำเนาบัตรเครดิตเอาเถอะพ่อ!!!!! (ผมใช้วิธีสำเนาบัตรเครดิตส่งไปครับ)
- ผมหาที่พักเพิ่มเอาเองอีก 2 คืน คือคืนแรกที่ไปถึงก่อนการเดินเขาโดยหาเอาแถวๆหน้าทางเข้าอุทยานนั่นหละ เพราะต้องไปลงทะเบียนขึ้นเขาแต่เช้า และคืนสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับในตัวเมืองโคตะคินาบาลูครับ
จะบอกเพื่ออออออออ จะไปเที่ยวก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินอยู่แล้วนี่หว่า ใครมันจะทะลึ่งว่ายน้ำตีกรรเชียงข้ามประเทศไปฟระ!!!!
นั่นเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนอาจจะคิดอยู่ในใจตอนอ่านข้อความนี้ ผมใช้วิธีเดิมที่ทำมาตลอด เข้าเว็ป www.skyscanner.com เลือกต้นทาง ดอนเมือง ปลายทาง kota kinabalu เลือกเส้นทางที่ถูกที่สุด ตรวจสอบความถูกต้องของไฟลต์บิน จ่ายตังค์ผ่านไอแบงค์กิ้ง จบ!!!! สุดง่ายดายและแสนประหยัด ได้มาในราคาไปกลับ 3,400 บาท และเพราะเอาถูกเข้าว่า นี่จึงเป็นต้นเหตุของความหายนะในทริปนี้ (โดยที่ตอนนั้นไม่ได้เอะใจเลยซักนิดว่าทำไมมันถูกมหาศาลทั้งๆที่ไปถึงสนามบิน Kota kinabalu ก็ไม่ได้มืดเท่าไหร่)
1. ไฟฉายคาดหัว
อันนี้สำคัญมาก เนื่องจากในวันที่จะต้องเดินขึ้นไปถึงยอด เราจะเริ่มเดินกันตั้งแต่ตีสอง มืดขนาดที่เหมือนเอาถังครอบหัวแล้วเดินยังจะสว่างกว่า
2. เสื้อกันฝน
ช่วงเดินเมษาเป็นช่วงที่มีโอกาสฝนตกน้อยที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเลย เผื่อไว้ก่อนก็ดี
3. Trekking pole
สุดยอดแห่งนวัตกรรมสำหรับมนุษย์ชาติผู้ถวิลหาป่าดงและภูเขา เชื่อผมเหอะ เป็นของล้ำค่าจนแทบอยากจะดักตีปล้นเอาจากคนข้างๆ
4. เสื้อกันหนาว
อุณหภูมิระหว่างทางที่เดินไม่ร้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป แต่อารมณ์ของแม่นางแปรปรวนยิ่งนัก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวฝนตก แต่หายนะจริงๆคือทางด้านบนที่อยู่ทางด้านบนยอดนี่อุณหภูมิตัวเลขหลักเดียว (ส่วนตัวผมใช้เสื้อกันหนาวหนึ่งตัวกับลองจอนก็พอทนไหวอยู่)
5. ผ้าบัฟ
หนาวหน้าสั่นคือนิยามของเขาลูกนี้ ปกป้องใบหน้าของคุณด้วยผ้าบัฟกันเตอะ!!!!!
6. ถุงมือ
ถุงมือที่ใช้ต้องทนทานในระดับหนึ่ง เพราะระหว่างทางหนึ่งกิโลเมตรสุดท้ายจนถึงยอดต้องใช้เชือกในการไต่ขึ้นไป(บางส่วน) และความหนาวขนาดที่ทำให้มือชาจนเอามีดมาฟันก็ไม่รู้สึก!!!
7. รองเท้า
อันนี้ทางที่เดินไม่ค่อยโหดเท่าไหร่แต่เพือความปลอดภัยก็ใช้รองเท้าที่พื้นหนึบๆหน่อยจะดีมาก ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะได้เล่นสไลด์เดอหินที่สูงที่สุดใน SEA
8. เงินริงกิต .....................................................จะบอกเพื่อ!!!
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วก็นั่งยิ้มหวานจิบเบียร์ตีพุงรอวันเดินทาง ระหว่างนั้นก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอบทความท่องเที่ยวของฝรั่ง................
"รถสาธารณะที่เดินทางจากตัวเมืองไปหน้าอุทยาน(รวมไปถึงที่พักของผมในคืนแรก) จะเริ่มหมดช่วงบ่ายแล้วนะฮรัฟ แนะนำให้ไปถึงท่ารถก่อนบ่ายสองถึงบ่ายสามนะฮรัฟ"
เหงื่อตก
ย้อนกลับไปดูตั๋วเครื่องบินของตัวเอง
Q: ในกรณีที่จะไปปีนเขา(ในกรณีไปแบบผม ซื้อแพคเกจ 2 วัน 1 คืน) ควรจะไปหาที่พักใกล้ๆอุทยานเพื่อนอนแถวๆนั้นแล้วเดินไปในวันรุ่งขึ้นหรือหาที่พักในตัวเมืองแล้วตอนเช้าค่อยนั่งรถไปที่อุทยานดีฮรัฟ
A: อันดับแรกที่คุณต้องรู้เลยก็คือเวลาที่คุณใช้ในการเดินทางจากตัวเมืองโคตะไปยังหน้าอุทยานคือสองชั่วโมง!!!! และจากเมลล์ของ Sutera Sanctuary Lodges คุณต้องเช็คอินที่พักเพื่อนำใบจองไปยื่นให้ทางอุทยานก่อนเก้าโมง!!! หมุนหน้าหมุนหลังหมุนซ้ายหมุนขวาหมุนพร้อมๆกันคำนวณแล้วคุณต้องหารถจากตัวเมืองให้ได้ในเวลา 7 โมงเป็นอย่างโคตรช้าที่สุด == และความหายนะลำดับต่อมาก็คือรถสาธารณะเริ่มวิ่งไม่เช้าขนาดนั้น และที่หายนะแบบดับเบิ้ลๆเลยก็คือรถจะไม่ออกจนกว่าคนจะเต็มรถ(ซึ่งถ้าคุณจะเหมารถหรือเหมาแทกซี่เพื่อออกทันทีคุณจะโดนชาร์จราคาจนกระอักเลือดแบบหนังจีนกำลังภายใน) ฉะนั้นครับ แนะนำให้กระกระสนพาร่างกายไปอยู่ที่พักแถวๆหน้าอุทยานให้ได้ในคืนก่อนการปีนฮรัฟ
DAY 1 [ุ6 มีนาคม 2560]
เริ่มทางทางเว้ยเฮ้ยยยย สองชั่วโมงสำหรับดอนเมืองไปกัวลาลัมเปอร์ และ สองชั่วโมงสำหรับนั่งรอต่อเครื่อง และสองชั่วโมงครึ่งสำหรับกัวลาลัมเปอร์ไปโคตะคินาบาลู เอาให้สนามบินกลายเป็นบ้านหลังที่สองกันไปข้างนึง
Q: ตอนต่อเครื่องจากกัวลาไปโคตะต้องออกจาก ตม.ก่อนรึเปล่าฮรัฟ
A: อันนี้ไม่แน่ใจนะครัฟ แต่เคสผม ผมนั่งเครื่องของหางแดงทั้งคู่ กะว่านั่งไหลยาวๆชิวๆไปไม่ต้องผ่านตม. แต่ทันทีที่ไปที่หน้าเคาท์เตอร์ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เพื่อที่จะต่อเครื่องไปคินาบาลู เท่านั้นแหละ
"Immigration please"
ทำไมไล่ไปที่ตม.เฉยเลยฟระ และสมกับตำนานที่เล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่นเรื่องของ ตม. ของมาเลเซีย...................ช้านรกแตก!!!!!!
ห้วงเวลาอันเป็นนิรันด์ไหลผ่านไปอย่างช้าๆระหว่างที่ผมนั่งเอาตูดแช่เบาะของเครื่องบินจนแทบจะเป็นผัวเมียกันไปเรื่อยๆ ก็ถึงเวลาที่รอคอย ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินคินาบาลูเรียบร้อยแล้ว.........................ธรรมชาติที่ยังคงสวยงาม น้ำทะเลที่ใสสะอาดกลมกลืนไปกับอาคารที่ตั้งเรียงยาวไปตามริมทะเลได้อย่างลงตัว บรรยากาศอย่างนี้ กลิ่นของทะเลอย่างนี้ แดดอ่อนๆลมพัดเอื่อยๆเย็นๆที่ไหลผ่านตัวไป..................
วิ่ง!!!!!
จากบทความของฝรั่ง(ไอ้อันเดียวกับที่อ่านก่อนหน้านี้นี่แหละ) บอกเอาไว้ว่าถ้าคุณโชคดี คุณน่าจะยังหารถไปอุทยานได้ในเวลาประมาณหกโมง
"ชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝานนนนน"
เสียงของพี่แอ๊ดดังลอยเข้ามาในหัว เอาวะ!!! อัญเชิญยูเซ็นโบลต์!!!!