แชร์ประสบการณ์ได้รับโอกาสบริจาค Stem Cell (Stem Cell Donor)

หลังจากไม่ได้ตั้งกระทู้มานาน มาครั้งนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง (ปกติจะมีแต่เรื่องเที่ยว lol)
โดยวันนี้ จขกท. จะมาแชร์ประสบการณ์การได้เป็นผู้บริจาค Stem Cell โดยเล่าผ่านมุมมองของผู้บริจาคคนหนึ่ง
(ในอีกความหมาย คือ เนื้อหาเชิงลึก อย่าไปจริงจังมากนะครับ อาจมีผิดพลาดบ้าง _/|\_ แต่ช่วยเสริมให้ได้ครับ
  เพื่อจะได้แก้ไขให้ถูกต้องมากที่สุด)

ปล.ก่อนหน้านี้เครื่องค้างแล้วพิมพ์สด ไม่ได้ร่างไว้ก่อนเสียใจ นั่งพิมพ์ใหม่เกือบทั้งหมด Orz
ปล.2 ในกระทู้ไม่ได้โพสรูปการเจาะสายสวน หรือ การเจาะน้ำเกลือต่างๆไว้นะครับ แต่ถ้ามีคนอยากทราบจะเอาไปลง blog ส่วนตัวแล้วนำมาแชร์ที่หลังให้ครับ

ก่อนอื่นมาแนะนำก่อนว่า Stem Cell คืออะไร ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

0.จุดเริ่มต้นการบริจาค :
        นานมาแล้ว ประมาณ 2-3 ปีได้ สมัยเรียน จขกท. เคยไปบริจาคเลือดที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ แล้วปรากฏว่าวันนั้นเห็นว่าโต๊ะประชาสัมพันธ์
มีการเชิญชวนให้ร่วมเป็นผู้บริจาค Stem Cell ตอนนั้นเราก็รู้แค่ว่า มันสามารถพัฒนากลายเป็นเซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดได้
ใช้ปลูกถ่ายให้คนที่มีปัญหาการสร้าง Cell พวกนี้ได้ แต่ไม่รู้กระบวนการอะไรซักอย่าง ก็โอเค ร่วมด้วยช่วยกันบริจาค
(ตอนนั้นเหมือนจะได้เสื้อยืดมาด้วย แต่เหลือแต่ Size XL ใส่ไม่ได้ TwT)

1.โทรศัพท์ที่ไม่คาดคิด :
       วันหนึ่งขณะทำงานอยู่ ช่วงเดือนธันวาคม 2559 จู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาเรียนสายคุณ จขกท. จากศูนย์บริการฯ
ว่าที่คุณ จขกท.เคยสมัครเป็นอาสาบริจาค Stem Cell ไว้พบว่าผล HLA ของคุณตรงกับคนไข้ อยากจะขอนัดหมายเข้ามาเก็บตัวอย่างโลหิตเพิ่มเติม
โดยหากตรงกันจะนัดหมายเตรียมความพร้อมบริจาค Stem Cell ต่อไป
..................... ตอนนั้นกำลังแบบแอบงงๆ แล้วก็ตอบว่าได้ครับไป คือลืมไปแล้วว่าเคยลงทะเบียนไว้ อมยิ้ม07

ข้อมูลเพิ่มเติม HLA คือ อะไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

2.การเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม :
       หลังจากนั้นก็เข้าไปเก็บตัวอย่างเพิ่มเติม สามารถเข้ามาในวันเสาร์-อาทิตย์ได้
(จขกท.ไม่สะดวกวันธรรมดา เพราะทำงานอยู่ ตจว.) ก็จะมี 2 กระบวนการใหญ่ๆ คือ
1.การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริจาค Stem Cell ตั้งแต่
1.1 กระบวนการแนะนำว่า Stem Cell คืออะไร / มีความสำคัญอย่างไร
1.2 วิธีการบริจาคมีอะไรบ้าง
1.3 ความเสี่ยง
1.4 สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ : ได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่ 1
จากนั้นหากยังยืนยันที่จะบริจาคอยู๋ก็จะมีการเซ็นเอกสารรับทราบข้อมูลและเซ็นยินยอม พร้อมกับไปเก็บตัวอย่างเลือด
2. การเก็บตัวอย่างเลือด : จนท.พยาบาลจะทำการเก็บตัวอย่างเลือด ประมาณ 4-5 หลอดเล็กๆ
    เพื่อนำไปตรวจวัด CT หรือ Confirmatory Typing อย่างละเอียดอีกที จากนั้นก็กลับบ้านได้รอฟังผลต่อไป ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

3.การแจ้งผล การตรวจประเมินวิธีบริจาค และการนัดตรวจร่างกาย :
     หลังจากทราบผลแล้วก็จะเข้ามาประเมินเส้นเลือดว่าสามารถบริจาค Stem Cell ได้แบบใดบ้าง เนื่องจากแต่ละแบบจะต้องมีการเตรียมตัวแตกต่างกันไป ของ จขกท.ประเมินเส้นเลือดที่แขน 2 ข้างไม่ผ่านข้างหนึ่ง เนื่องจากเส้นเลือดตกด้านข้าง ต้องบริจาคด้วยวิธีใส่สายสวนแทน

สำหรับประเภทการบริจาคแบบต่างๆ มี 2 แบบ คือ
1. แบบบริจาคทางเส้นเลือด มี 2 แบบย่อย คือ เจาะเส้นเลือดที่แขน หรือ เจาะเส้นเลือดที่คอ
2. แบบบริจาคผ่านทางไขกระดูก : ผู้บริจาคจะเข้าห้องผ่าตัดเป็นเวลา 2-3 ชม. โดยวิสัญญีแพทย์จะให้ดมยาสลบ
พร้อมจัดท่าให้นอนคว่ำ เพื่อใช้เข็มพิเศษเจาะผ่านกระดูกบริเวณสะโพกเพื่อดูด Stem Cell ออกมา
(วิธีที่ 2 คนไข้จะไม่รู้สึกตัวจนกว่าจะฟื้นหลังออกจากห้องผ่าตัด)

สำหรบรายละเอียดเพิ่มเติมตามสปอยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

     สำหรับการตรวร่างกาย ส่วนนี้ต้องเข้ามาในช่วงวันธรรมดา โดยจะตรวจกับอาจารย์หมอโดยตรงกับโรงพยาบาลที่ต้องเข้าพัก
โดยมีทั้งหมด 4 โรงพยาบาล คือ
1. รพ.จุฬา
2. รพ.รามาฯ
3. รพ.ศิริราช
4. รพ.พระมงกุฎ

โดยครั้งนี้ จขกท. ได้รับการดูแลโดย รพ.จุฬา สำหรับวันที่เข้ามาตรวจรางกายสำหรับคนที่ทำงานแล้ว
สามารถให้ จนท.ช่วยทำเรื่องขอลาโดยไม่ถือเป็นวันลากับทางบริษัทได้ ในวันดังกล่าวจะมีการตรวจร่างกาย ได้แก่
1.) เก็บตัวอย่างเลือด
2.) เก็บตัวอย่างปัสสาวะ
3.) X-Ray ปอด
4.) ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
5.) คัดกรอง สอบถามประวัติต่างๆกับอาจารย์หมอ
*หลังจากนี้อาจมีการนัดหมายเข้ามาเก็บตัวอย่างเลือดเพิ่มเติมอีกครั้งได้เช่นกัน (ซึ่งก็โดนเข้ามาเก็บตัวอย่างเลือดเพิ่มเติมอีกครั้ง)
จากนั้นทาง จนท.จะแจ้งผลให้ทราบโดยหากผ่านก็เตรียมขึ้นเขียง เอ๊ย เตรียมบริจาคต่อไป นอกจากนี้จะมีการให้เซ็นรับทราบข้อมูลและเซ็นยินยอมพร้อมกับรับหนังสือประกันชีวิตเผื่อกรณีไม่คาดคิดใดๆก็ตามไว้ด้วย

รูปเครื่องมือวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
รูปเอกสารเซ็นรับทราบและรายละเอียดประกัน

3.นับถอยหลังก่อนถึงวันบริจาค :
        พอเข้าใกล้ถึงวันที่กำหนดทาง จนท.จะโทรมาสอบถามยืนยันอีกครั้ง เนื่องจากทางคนไข้จะต้องเข้าสู่กระบวนการเตรียมตัว เท่าที่ทราบมี
1.) ต้องได้รับยา คล้ายๆการทำคีโม เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งตัวเอง ส่งผลให้ภูมิต่ำ
2.) เข้าพักในห้องปลอดเชื้อ เนื่องจากการระงับจะทำให้เม็ดเลือดขาวลดลงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ซึ่งถ้าหากยินยอมในครั้งนี้แต่เกิดเปลี่ยนใจในวันบริจาคอาจส่งผลกระทบถึงชีวิตคนไข้ได้

        หลังจากนั้นก็จะเริ่มการฉีดกระตุ้นสร้าง Stem Cell ให้มากกว่าปกติโดยจะได้รับยา Neupogen สำหรับกระตุ้นปริมาณไม่น้อยกว่า 10 เท่าของน้ำหนักตัว (ส่วนตัวได้รับวันละ 780 mg แบ่งเป็น 2 เข็ม 480 กับ 300) โดยจะฉีดใต้ผิวหนังซึ่งเลือกไห้ฉีดตรงหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง ให้ความรู้สึกเจ็บจี๊ด
เพราะฉีดผ่านไต้ผิวหนัง ไม่มี media ช่วยแพร่เหมือนฉีดเข้ากระแสเลือด โดยจะเริ่มฉีดล่วงหน้าก่อนบริจาค 4 วันและรวมกับวันที่บริจาคด้วยเป็น 5 วัน
โดยผลข้างเคียงคือ อาจมีอาการปวดตัว หลัง คล้ายจะเป็นไข้ สามารถทานยาพาราแก้ปวดได้ตามปกติ
*หมายเหตุเพิ่มเติม : โดยปกติคนเราจะสร้าง Stem Cell เป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว และค่อยๆโตในกระดูกจนออกมาเป็นเม็ดเลือดในกระแสเลือด

Day 1
เริ่มฉีด 17/3 : เนื่องจากเป็นวันศุกร์ที่ยังทำงานและอยู่ ตจว. ทางศูนย์ฯ จึงหารถตู้มารับถึงที่ทำงานพาไปฉีดใน รพ. ที่มีการรับเรื่องกันไว้
เนื่องจากตามระเบียบผู้บริจาคต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆในกระบวนการ (สุดยอดมาก *0*)

Day 2-3
18-19/3 : วันเสาร์-อาทิตย์ไปฉีดที่ รพ.ใกล้บ้านในช่วงเวลาเดียวกัน
และกินยาเสริมสร้าง Calcium แบบเม็ดฟูผสมน้ำทุกครั้งหลังอาหารเย็น วันละ 1 เม็ด เพื่อชดเชยตอนที่จะถูกดึงไประหว่างบริจาค

Day 4 : (ตั้งแต่ Day 4 จะมีรายละเอียดตามด้านล่างเพิ่มเติมครับ)
20/3 Admit โดยฉีดยาและเตรียมใส่สายสวน รายละเอียดตาม อยู๋ด้านล่าง
Day 5 : 21/3  ฉีดยากระตุ้นและเข้าไปเก็บ Stem Cell
Day 6 : 22/3  ฉีดยากระตุ้นและเข้าไปเก็บ Stem Cell อีกครั้ง เนื่องจากเก็บได้น้อยกว่าเป้าที่วางไว้ อมยิ้ม20
Day 7 : 23/3  ถอดสายต่างๆ ออกจาก รพ. ไปพักฟื้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่