คู่แท้ "สเต็มเซลล์" สุดท้ายเราก็ได้เจอกัน

 พึ่งบริจาคสเต็มเซลล์ไป เลยอยากแชร์ข้อมูลไว้
เผื่อเป็นแรงกระตุ้นและช่วยตัดสินใจ "ในการมอบโอกาสมีชีวิตใหม่" ให้ใครสักคนที่กำลังรอเราอยู่ครับ
หัวใจหัวใจหัวใจ
STEM CELL
ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการบริจาค เราต้องลงทะเบียนเป็นผู้ประสงค์บริจาคสเต็มเซลล์ก่อนนะครับ
ย้อนความกลับไปปี 2556 ตอนนั้นจำได้ว่า กำลังสาดน้ำเที่ยววันสงกรานต์แถวสีลม
แล้วเดินเข้าห้างหาไรกิน...เหลือบเห็นหน่วยรับบริจาคเลือดของกาชาด
เลยเข้าไปบริจาคเลือด บริจาคเลือดเสร็จพี่พยาบาลถามว่า "สนใจบริจาคสเต็มเซลล์ไหมคะ"
ก็กรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มทิ้งไว้ ไม่ได้สนใจอะไรมาก
พร้อมกับเก็บตัวอย่างเลือดไป
วันเวลาผ่านไป 10 ปี [ 2556 --> 2566 ]
วันที่ 16 มีนาคม 2566 มี จนท. (ช) จากสภากาชาด (ตอนแรกก็คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ)
และนี่คือกระทู้ในอดีตครับเกิดจากความงงและสงสัยว่าจะเป็นพี่มิจหรือเปล่า 55 --> https://ppantip.com/topic/41917853
โทรมาแจ้งว่า ตรวจพบสเต็มเซลล์ตรงกันกับผู้ป่วยรายหนึ่ง แต่ต้องไปตรวจความตรงกัน (HLA) ของสเต็มเซลล์อีกครั้งก่อนบริจาคจริง
ยังประสงค์จะบริจาคสเต็มเซลล์หรือไม่
ในขณะที่กำลัง งงๆ อ๊องๆ อยู่ ก็ตอบไปว่า "ยินดีครับ"
จากนั้นก็นัดหมายตรวจ HLA ณ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต ณ วันที่ 17 เมษายน 2566 [ปล. วันที่ 18 เมษายน 2566 ติดโควิด]
ผ่านไปไม่มีผลแจ้งใดๆ และใช่ครับบบบ "ผมคิดว่าผลตรวจ HLA น่าจะไม่ตรงกัน"
ร้องไห้
จนกระทั่ง.....มีสายจากสภากาชาดโทรมาอีกครั้งในเดือนมกราคม 2567
คราวนี้เป็น เจ้าหน้าที่สภากาชาด (ญ) แจ้งว่า ผลเลือดตรงกันกับผู้ป่วยรายหนึ่งและต้องตรวจยืนยัน HLA อีกครั้ง (อีกแล้ว)
รอบนี้ผมเลยแจ้งไปว่า ปีก่อนมีเจ้าหน้าที่ (ช) จากกาชาดแจ้งมาแบบนี้ ตรวจไปแล้วแต่ไม่มีแจ้งผลกลับมา เลยคิดว่าไม่ตรงกัน
แต่ก็ยินดีไปตรวจยืนยัน HLA อีกครั้งวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ภาคบริการโลหิต จ.ภูเก็ต
หลังจากนั้นก็ได้แต่รอลุ้นว่ากาชาดจะติดต่อกลับมามั้ย
และแล้วกาชาดก็ติดต่อกลับมาในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ว่าผลตรวจตรงกันสามารถบริจาคได้ และได้ส่งรายละเอียดกำหนดการมาให้
หัวเราะหัวเราะหัวเราะ
เริ่มจากวันที่ 6 สิงหาคม 2567 นัดตรวจร่างกายที่ รพ.รามาธิบดี 
ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ
ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก กาชาดจองให้หมด ค่าแท็กซี่จากสนามบินไปที่พักก็ออกให้ ค่าอาหาร 3 มื้อๆ ละ .... บาท ก็เบิกได้
หนังสือลางานกาชาดดำเนินการให้หมดครับ
ที่พัก : โรงแรมสามย่านเซอรีน
วันที่ 5 - 6 สิงหาคม 2567
จากโรงแรมไปตรวจร่างกายที่ รพ.รามาฯ มีรถกาชาดมารับ-ส่ง สะดวกสบายตลอดการเดินทาง
อาจารย์หมอได้พูดคุยอย่างละเอียด ให้ข้อมูลการบริจาคอีกครั้ง และประเมินว่าจะให้บริจาคส่วนไหน "คอ/ขาหนีบ/ไขสันหลัง"
ส่วนของผมบริจาคผ่านเส้นเลือดที่ ขาหนีบ ครับผม
ในวันนี้ก็จะมีการเจาะเลือด เอ็กซเรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ นะครับ
ตรวจร่างกายเสร็จก็บริการไปส่งสนามบินกลับภูเก็ต....
วันที่ 10 สิงหาคม 2567 กาชาดแจ้งผลตรวจเลือดและร่างกาย "ปกติดี" สามารถบริจาคสเต็มเซลล์ได้ค่ะ
ตอนนี้เราได้กลายเป็น "Donor" แล้วนะครับ
จุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆ
กาชาดแจ้งให้ไปตรวจเลือดอีกครั้ง วันที่ 24 สิงหาคม 2567
จากนั้นก็รอเดินทางไปบริจาคที่ รพ.รามาฯ ในวันที่ 29 สิงหาคม 2567 - 4 กันยายน 2567
รอบนี้กาชาดก็จองตั๋วบิน ที่พัก ค่าอาหาร ให้เหมือนเดิมครับ
และรอบนี้ที่พักเป็น โรงแรมแมนดารินกรุงเทพฯ (ตรงข้ามสามย่านมิตรทาวน์)
วันที่ 29 สิงหาคม 2567 - 1 กันยายน 2567 [Room No. 1147]
ระหว่างที่พักที่โรงแรม ในทุกๆ เช้า เวลา 09.15 น. จะมีรถกาชาดมารับ-ส่ง ไปฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาว ที่ รพ. เทพธารินท์ ครับ
เข็มแรกผมไม่มีอาการอะไร เข็มถัดไปเริ่มปวดเมื่อยกระดูกนิดหน่อย
ระดับความปวด 3/10 ครับ ชิลๆ ไม่กระทบการเดินเที่ยวมาบุญครองและบรรทัดทองของผม ฮ่าาาา
วันที่ 1 กันยายน 2567 เช็คเอาท์จากโรงแรม ไปแอดมิดที่ รพ.รามาฯ นอนพักรอติดอุปกรณ์ที่ขาหนีบน้อยของผมอะนะ
วันที่ 1 ก.ย. ฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือดขาวเพิ่ม 1 เข็ม
กาชาดจัดผู้ดูแลให้ผมเนื่องจากผมแจ้งว่าไม่มีญาติผู้ติดตาม
หัวใจจุ๊บๆหัวใจจุ๊บๆ
เช้านี้เป็นเช้าที่ผมตื่นเต้นและรอคอยที่สุดครับ
วันที่ 2 กันยายน 2567 เช้าตรู่ ฉีดยากระตุ้นอีก 1 เข็ม
07.00 ติดอุปกรณ์ที่ขาหนีบ ใช้เวลาแพร้บเดียว ฉีดยาชา เมื่อยาออกฤทธิ์ให้เป็นหน้าที่ของหมอ ส่วนเรานอนเฉยๆไม่รู้สึกอะไรเลย ขนาดยาหมดฤทธิ์ผมยังไม่รู้สึกว่ามันเจ็บอะไรเลยครับ แค่รู้สึกว่ามันมีอุปกรณ์เกะกะอยู่หว่างขา แค่นั้น  
09.00 เริ่มเข้าสู่กระบวนการบริจาคสเต็มเซลล์ในห้องแยกส่วนตัว
9.00 - 13.00 นอนนิ่งๆ เล่นมือถือได้ ดูทีวีได้ กินข้าว กินน้ำได้ ปกติ ข้อห้ามเดียวคือ ห้ามลุกไปไหน ฮ่าาาา
ปล่อยให้เครื่องมือทำงานของมันไป ไม่เจ็บไม่ปวดไม่อะไรทั้งนั้นครับ
ข้อควรระวังระหว่างการบริจาค 4 ชม. นี้คือ อาการ ชา ตาม มือ ขา จมูก ปาก (เกิดจากสูญเสียแคลเซียมระหว่างบริจาค)
หากมีอาการให้แจ้ง จนท.ทันที และสบายใจได้ครับ จนท. จะอยู่กับเราตลอดเวลา พร้อมให้ญาติเข้าไปด้วย 1 คน หายห่วง
ตัวผมเริ่มมีอาการชาเวลา 11.30 น. เลยบอก จนท. ก็ได้กินเม็ดฟู่แคลเซียม 1 เม็ด
13.00 ได้ยินเสียงปิดเครื่อง ถอดอุปกรณ์ และกลับไปนอนรอผลว่าได้สเต็มเซลล์ครบมั้ย 
หัวเราะ
16.30 ดีใจมาก เพราะภารกิจของผมได้เสร็จสิ้นลงแล้ว จนท. แจ้งว่า "ครบค่า" ถอดอุปกรณ์ที่หว่างขาได้
ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้สเต็มเซลล์เพียงพอตามปริมาณที่กาชาดกำหนด เลยปิดจ็อบในวันเดียว
ไม่งั้นต้องคาเครื่องมือไว้ที่หว่างขาและบริจาคต่ออีกในวันรุ่งขึ้น
17.00 คุณหมอมาถอดอุปกรณ์ให้ ไม่เจ็บเลยครับ แต่จะบอกว่ามันจุก รู้สึกจุกจุกตอนดึงเครื่องมือออกครับ
ประมาณ 5 นาที ก็รู้สึกปกติ แต่หมอให้นอนนิ่งๆ เอาถุงทรายกดแผลไว้ 2-3 ชม.
20.00 น. ครบ 3 ชม.ตามหมอสั่ง ผมก็ลุกเดินได้ปกติครับ
ยิ้ม
นอนหลับไปตื่นมาเช้าวันที่ 3 กันยายน 2567
เช้านี้รู้สึกอิ่มบุญ มีพระขึ้นมาบิณฑบาต ดอกไม้ เลยฝากคนเฝ้าไข้ที่กาชาดจัดมาซื้อของที่7-11ใส่บาตรตอนเช้า
หลังจากนั้นรอกาชาดมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ และเดินทางกลับสู่....โรงแรมแมนดาริน อีกครั้ง
คราวนี้ได้ห้อง [Room No. 1155] ชั้นเดิม คนละฝั่ง
ระหว่างนี้ก็เดินเบาๆ ย่องๆ เอานะครับ อย่าเผลอวิ่ง อย่าออกกำลังกายหนัก อย่ายกของหนัก
ทางกาชาดให้ของที่ระลึกครับ 
ปล.เราจะได้เหรียญสมนาคุณกาชาดด้วยนะครับ ทางกาชาดจะเป็นคนยื่นเรื่องให้ รอรับเหรียญในอีก 1 - 3 ปี รอคิว
 
วันที่ 4 กันยายน 2567 เดินทางกลับภูเก็ตโดยสวัสดิภาพ
ประหลาดใจประหลาดใจประหลาดใจจุ๊บๆจุ๊บๆจุ๊บๆหัวใจหัวใจหัวใจ
หลังบริจาคสเต็มเซลล์ ผมรู้สึกร่างกายปกติดีเหมือนเดิมครับ
และกาชาดยังคงติดตามสอบถามอาการและนัดตรวจเลือดอยู่เป็นระยะ
มาบริจาคกันนะครับ
ได้ช่วยเหลือชีวิตคน ได้ตรวจเลือดฟรี 10 ปี จากสภากาชาด และได้เหรียญสมนาคุณด้วยนาาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่