แชร์ประสบการณ์การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต(Stem Cell) โดยการบริจาคไขกระดูก (Bone Marrow Donation)
*ปัจจุบันขั้นตอนอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ตามลิ้งด้านล่างเลยค่ะหรือลองสอบถามกับทางสภากาชาดอีกทีนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://blooddonationthai.com/content/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%95-stem-cell
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าค่อนข้างเป็นความจำอันเลือนลางเพราะบริจาคไปเกือบ10ปีแล้ว สมัยเป็นนักศึกษา พันทิปยังไม่รู้จัก เฟซบุ๊คยังไม่มี Hi5ต้องไปเล่นที่ห้องคอมในมหาวิทยาลัย 5555
แต่ที่มาตั้งกระทู้เพราะอ่านกระทู้ของผู้บริจาคหลายท่าน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริจาคทางหลอดเลือดดำเลยอยากแชร์การบริจาคทางไขกระดูกบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อ10กว่าปีมาแล้ว ตามประสาวัยรุ่นก็อยากทำความดีเพื่อคนอื่นบ้าง อายุ18ปุ๊บ ไปบริจาคเลือดเลย น้ำหนักผ่านเกณฑ์สบายไม่ต้องห่วง จริงๆแล้วเกินเกณฑ์ไปเยอะด้วย T*T
ไปบริจาคที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ไม่ได้ใกล้บ้านเลย แต่ที่นั่นสะดวกและรวดเร็ว มีความพร้อมรอผู้บริจาค ที่สำคัญโอวัลตินอร่อยมากกกกกกค่ะ คุณพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกท่านก็น่ารัก ให้เบิ้ลโอวัลตินด้วย แหะๆ
เข้าเรื่องค่ะ หลังจากที่ไปได้2-3ครั้ง ก็มีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์แนะนำว่าลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell มั๊ยคะ โอกาสตรงกับผู้ป่วยน้อยมากถ้าน้องได้บริจาคจะได้รับเหรียญจากสมเด็จพระเทพฯเลยนะคะ เลยลงทะเบียนไปค่ะ(ขอเน้นว่าเป็นอาสาสมัครนะคะ ยังไม่ใช่ผู้บริจาค การจะไปถึงจุดนั้นอีกนานค่ะคุณ)
การลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell ไม่ยากเลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะแค่เก็บตัวอย่างเลือดของเราเพิ่มจากที่บริจาคไปอีกนิดหน่อย(ปกติการบริจาคเลือดก็เหมือนเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัวแล้ว เพราะเค้าจะนำเลือดเราไปตรวจก่อนให้ผู้ป่วยด้วย) หลังจากนั้นก็รอไปค่ะ ถ้ายังไม่เจอคู่แท้หรือคือไม่มีผู้ป่วยที่เลือดตรงกับเราเค้าก็จะไม่เรียก
2ปีผ่านไปจากที่เก็บตัวอย่างเลือด ก็ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ว่าเลือดเราตรงกับผู้ป่วยที่ต้องการสเต็มเซลล์ถ้าสะดวกและยังอยากให้บริจาคก็ให้ไปเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจละเอียดอีกที่ ถ้าจำไม่ผิดพี่เค้าบอกว่าเลือดหลอดเล็กที่เก็บไปจะวิเคราะห์ความเข้ากันได้แค่40% ถึงต้องขอเลือดเราเพิ่มว่าเข้ากันได้100%มั๊ย หลังจากตรวจวิเคราะห์โดยละเอียด ว่าให้ผู้ป่วยได้แน่นอนก็ไปสู่ขั้นตอนการตรวจร่างกายค่ะ
เนื่องจากสภากาชาดไม่ได้อยากได้สเต็มเซลล์เราอย่างเดียว เค้าห่วงสุขภาพเราด้วยว่าแข็งแรงพอจะบริจาคมั๊ย โดยจะตรวจ เก็บตัวอย่างเลือด เก็บตัวอย่างปัสสาวะ X-Ray ปอด ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ คัดกรองสอบถามประวัติต่างๆกับอาจารย์หมอที่จะทำการผ่าตัดให้เรา โดยทั้งหมดทำที่โรงพยาบาลศิริราช
โครงการนี้จะมีโรงพยาบาลร่วมโครงการทั้งหมด 4 โรงพยาบาลสลับกันไป คือ รพ.จุฬาฯ, รพ.รามาฯ, รพ.ศิริราช, รพ.พระมงกุฎ โดยผู้บริจาคและผู้รับบริจาคต้องอยู่คนละโรงพยาบาลกัน
จนถึงขั้นตอนนี้การบริจาคทางหลอดเลือดดำและทางไขกระดูกน่าจะเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนคือ การบริจาคทางไขกระดูกนั้นต้องเข้าห้องผ่าตัดดังนั้นเราจึงต้องไปที่ธนาคารเลือดของ รพ.ศิริราช เพื่อเก็บเลือดของเราไว้ใช้ในการผ่าตัดด้วย2ถุง
หลังจากนั้นก็นัดวันบริจาคโดยต้องไปค้างที่โรงพยาบาลก่อน1คืน หลังจากนั้นก็ถึงวันที่รอคอยค่ะ เข้าห้องผ่าตัดแต่เช้า วางยาสลบ คุณหมอจะใช้เข็มขนาดใหญ่เจาะไปที่กระดูกเราเพื่อดูดเอาสเต็มเซลล์ออกมา ตอนแรกเราอยากบริจาคทางหลอดเลือดดำมากกว่าเพราะเหมือนจะง่ายกว่า แต่คุณหมอบอกว่าวิธีนี้จะดีกับโรคของผู้ป่วยมากกว่า ก็โอเคค่ะ หมอว่าไงหนูก็ว่างั้น พอผ่าตัดเสร็จจะมีเจ้าหน้าที่จะสภากาชาดมารอสเต็มเซลล์ที่หน้าห้องผ่าตัดเลย เพราะก็ต้องรีบเอาไปให้ผู้ป่วย เราก็พักฟื้นอีก1คืน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็กลับบ้านได้เลยค่ะ ขั้นตอนการดูน่ากลัวแต่ไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้นนะคะ วันรุ่งนี้เราสามารถเดินจากห้องพักไปไหว้อนุเสาวรีย์พระบรมราชชนกได้ เดินเหินได้ปกติค่ะ
ความมหัศจรรย์ของสเต็มเซลล์คือหลังปลูกถ่ายติดกรุ๊ปเลือดผู้ป่วยจะเปลี่ยนตามผู้บริจาคค่ะ เค้าจะกลายเป็นคู่แท้ของเราโดยสมบูรณ์ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน อิอิอิ
ขั้นตอนต่างๆของผู้บริจาคเหมือนจะยุ่งยาก แต่ทางผู้ป่วยก็ยุ่งยากไม่แพ้กันนะคะ เพราะก่อนปลูกถ่ายผู้ป่วยต้องกินยาฆ่าภูมิคุ้มกันตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต่อต้านสเต็มเซลล์ที่รับเข้าไป ดังนั้นใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะบริจาคขอร้องว่าอย่าเปลี่ยนใจนะคะ
การที่เราตั้งกระทู้ไม่ได้จะโอ้อวดแต่อย่างไร แต่หวังว่าจะเป็นกระบอกเสียงเล็กๆให้โครงการนี้มีอาสามัครมากขึ้น อย่างที่บอกว่าโอกาสตรงกันมันน้อยมาก คนที่ตรงกับเราอาจจะมีแต่เค้าไม่ได้ป่วย แล้วถ้ามีคนที่ตรงกับเราแล้วป่วยรอความหวังอยู่ล่ะค่ะ เชิญชวนทุกคนเป็นอาสาสมัครลงทะเบียนเพื่อเป็นหนึ่งตัวเลือกเถอะค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณหมอ เจ้าหน้าที่สภากาชาด และผู้เกี่ยวข้องทุกคนสำหรับการดูแลอย่างดีตลอดการบริจาคและคอยติดตามว่าเรามีปัญหาอะไรภายหลังมั๊ย แอบถามจากพี่เจ้าหน้าที่ที่สนิทกันเคสของเราปลูกถ่ายติดเรียบร้อยนะคะ อาจจะไม่ได้หายขาด แต่ทำให้เค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องให้เลือดตลอด แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ
นอกจากจะอิ่มใจที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว เรายังได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่๑จากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ เป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกรียติอย่างสูงค่ะ
รีวิว บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางไขกระดูก (Stem Cell Donor)
*ปัจจุบันขั้นตอนอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ตามลิ้งด้านล่างเลยค่ะหรือลองสอบถามกับทางสภากาชาดอีกทีนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าค่อนข้างเป็นความจำอันเลือนลางเพราะบริจาคไปเกือบ10ปีแล้ว สมัยเป็นนักศึกษา พันทิปยังไม่รู้จัก เฟซบุ๊คยังไม่มี Hi5ต้องไปเล่นที่ห้องคอมในมหาวิทยาลัย 5555
แต่ที่มาตั้งกระทู้เพราะอ่านกระทู้ของผู้บริจาคหลายท่าน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริจาคทางหลอดเลือดดำเลยอยากแชร์การบริจาคทางไขกระดูกบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อ10กว่าปีมาแล้ว ตามประสาวัยรุ่นก็อยากทำความดีเพื่อคนอื่นบ้าง อายุ18ปุ๊บ ไปบริจาคเลือดเลย น้ำหนักผ่านเกณฑ์สบายไม่ต้องห่วง จริงๆแล้วเกินเกณฑ์ไปเยอะด้วย T*T
ไปบริจาคที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ไม่ได้ใกล้บ้านเลย แต่ที่นั่นสะดวกและรวดเร็ว มีความพร้อมรอผู้บริจาค ที่สำคัญโอวัลตินอร่อยมากกกกกกค่ะ คุณพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกท่านก็น่ารัก ให้เบิ้ลโอวัลตินด้วย แหะๆ
เข้าเรื่องค่ะ หลังจากที่ไปได้2-3ครั้ง ก็มีเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์แนะนำว่าลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell มั๊ยคะ โอกาสตรงกับผู้ป่วยน้อยมากถ้าน้องได้บริจาคจะได้รับเหรียญจากสมเด็จพระเทพฯเลยนะคะ เลยลงทะเบียนไปค่ะ(ขอเน้นว่าเป็นอาสาสมัครนะคะ ยังไม่ใช่ผู้บริจาค การจะไปถึงจุดนั้นอีกนานค่ะคุณ)
การลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell ไม่ยากเลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะแค่เก็บตัวอย่างเลือดของเราเพิ่มจากที่บริจาคไปอีกนิดหน่อย(ปกติการบริจาคเลือดก็เหมือนเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัวแล้ว เพราะเค้าจะนำเลือดเราไปตรวจก่อนให้ผู้ป่วยด้วย) หลังจากนั้นก็รอไปค่ะ ถ้ายังไม่เจอคู่แท้หรือคือไม่มีผู้ป่วยที่เลือดตรงกับเราเค้าก็จะไม่เรียก
2ปีผ่านไปจากที่เก็บตัวอย่างเลือด ก็ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ว่าเลือดเราตรงกับผู้ป่วยที่ต้องการสเต็มเซลล์ถ้าสะดวกและยังอยากให้บริจาคก็ให้ไปเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจละเอียดอีกที่ ถ้าจำไม่ผิดพี่เค้าบอกว่าเลือดหลอดเล็กที่เก็บไปจะวิเคราะห์ความเข้ากันได้แค่40% ถึงต้องขอเลือดเราเพิ่มว่าเข้ากันได้100%มั๊ย หลังจากตรวจวิเคราะห์โดยละเอียด ว่าให้ผู้ป่วยได้แน่นอนก็ไปสู่ขั้นตอนการตรวจร่างกายค่ะ
เนื่องจากสภากาชาดไม่ได้อยากได้สเต็มเซลล์เราอย่างเดียว เค้าห่วงสุขภาพเราด้วยว่าแข็งแรงพอจะบริจาคมั๊ย โดยจะตรวจ เก็บตัวอย่างเลือด เก็บตัวอย่างปัสสาวะ X-Ray ปอด ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ คัดกรองสอบถามประวัติต่างๆกับอาจารย์หมอที่จะทำการผ่าตัดให้เรา โดยทั้งหมดทำที่โรงพยาบาลศิริราช
โครงการนี้จะมีโรงพยาบาลร่วมโครงการทั้งหมด 4 โรงพยาบาลสลับกันไป คือ รพ.จุฬาฯ, รพ.รามาฯ, รพ.ศิริราช, รพ.พระมงกุฎ โดยผู้บริจาคและผู้รับบริจาคต้องอยู่คนละโรงพยาบาลกัน
จนถึงขั้นตอนนี้การบริจาคทางหลอดเลือดดำและทางไขกระดูกน่าจะเหมือนกัน แต่ที่ไม่เหมือนคือ การบริจาคทางไขกระดูกนั้นต้องเข้าห้องผ่าตัดดังนั้นเราจึงต้องไปที่ธนาคารเลือดของ รพ.ศิริราช เพื่อเก็บเลือดของเราไว้ใช้ในการผ่าตัดด้วย2ถุง
หลังจากนั้นก็นัดวันบริจาคโดยต้องไปค้างที่โรงพยาบาลก่อน1คืน หลังจากนั้นก็ถึงวันที่รอคอยค่ะ เข้าห้องผ่าตัดแต่เช้า วางยาสลบ คุณหมอจะใช้เข็มขนาดใหญ่เจาะไปที่กระดูกเราเพื่อดูดเอาสเต็มเซลล์ออกมา ตอนแรกเราอยากบริจาคทางหลอดเลือดดำมากกว่าเพราะเหมือนจะง่ายกว่า แต่คุณหมอบอกว่าวิธีนี้จะดีกับโรคของผู้ป่วยมากกว่า ก็โอเคค่ะ หมอว่าไงหนูก็ว่างั้น พอผ่าตัดเสร็จจะมีเจ้าหน้าที่จะสภากาชาดมารอสเต็มเซลล์ที่หน้าห้องผ่าตัดเลย เพราะก็ต้องรีบเอาไปให้ผู้ป่วย เราก็พักฟื้นอีก1คืน ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนก็กลับบ้านได้เลยค่ะ ขั้นตอนการดูน่ากลัวแต่ไม่ได้เจ็บปวดขนาดนั้นนะคะ วันรุ่งนี้เราสามารถเดินจากห้องพักไปไหว้อนุเสาวรีย์พระบรมราชชนกได้ เดินเหินได้ปกติค่ะ
ความมหัศจรรย์ของสเต็มเซลล์คือหลังปลูกถ่ายติดกรุ๊ปเลือดผู้ป่วยจะเปลี่ยนตามผู้บริจาคค่ะ เค้าจะกลายเป็นคู่แท้ของเราโดยสมบูรณ์ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน อิอิอิ
ขั้นตอนต่างๆของผู้บริจาคเหมือนจะยุ่งยาก แต่ทางผู้ป่วยก็ยุ่งยากไม่แพ้กันนะคะ เพราะก่อนปลูกถ่ายผู้ป่วยต้องกินยาฆ่าภูมิคุ้มกันตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต่อต้านสเต็มเซลล์ที่รับเข้าไป ดังนั้นใครที่ตัดสินใจแล้วว่าจะบริจาคขอร้องว่าอย่าเปลี่ยนใจนะคะ
การที่เราตั้งกระทู้ไม่ได้จะโอ้อวดแต่อย่างไร แต่หวังว่าจะเป็นกระบอกเสียงเล็กๆให้โครงการนี้มีอาสามัครมากขึ้น อย่างที่บอกว่าโอกาสตรงกันมันน้อยมาก คนที่ตรงกับเราอาจจะมีแต่เค้าไม่ได้ป่วย แล้วถ้ามีคนที่ตรงกับเราแล้วป่วยรอความหวังอยู่ล่ะค่ะ เชิญชวนทุกคนเป็นอาสาสมัครลงทะเบียนเพื่อเป็นหนึ่งตัวเลือกเถอะค่ะ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณคุณหมอ เจ้าหน้าที่สภากาชาด และผู้เกี่ยวข้องทุกคนสำหรับการดูแลอย่างดีตลอดการบริจาคและคอยติดตามว่าเรามีปัญหาอะไรภายหลังมั๊ย แอบถามจากพี่เจ้าหน้าที่ที่สนิทกันเคสของเราปลูกถ่ายติดเรียบร้อยนะคะ อาจจะไม่ได้หายขาด แต่ทำให้เค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องให้เลือดตลอด แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ
นอกจากจะอิ่มใจที่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว เรายังได้รับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่๑จากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ เป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกรียติอย่างสูงค่ะ