ต้องจัดการให้เด็ดขาดกวาดล้างจับกุมให้หมด
ตั้งแต่อดีตพระที่หนีไป คนฟอกเงินตัวเดียวจับไม่ได้ แต่เสียงบประมาณเสียเวลา จนท ไปทำงาน
แต่กลับจับไม่ได้ ยังหนีคดีได้
อย่างพวกผมลงทุนหุ้น หรือทำงานก็มีความเสี่ยง จากคนพวกนี้อย่างในปี 53 ก็มีการเผา กทม.ตลาดหุ้นก็ต้องปิดครึ่งวัน
ตลาดหลักทรัพย์โดนเผา ธนาคารโดนเผางัดตู้เอทีเอ็ม ห้าบิ๊กซี เซนทรัลก็ถูกไฟใหม้แต่
บางห้างที่กลุ่มสนับสนุนม็อบถือหุ้นอยู่กลับไม่เกิดไฟไหม้
รัฐบาลจึงต้องจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ให้หมด มันคือความเสี่ยงในการลงทุนอย่างหนึ่ง
พวกผมไม่ใช่นักการเมืองหรือเจ้าของบริษัทที่มีเงินหลายหมื่นล้านนะ
ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายการเผาเมืองแล้วช้อนซื้อหุ้น
และความจัดการกับคนที่สนับพรรคดังกล่าวที่ผ่านมาด้วย
ไม่ว่ากี่ล้านคนก็ต้องจัดการให้หายไปได้ แค่ 4-5 ล้านคนรวมถึงพวกที่งมงายมาบอกว่ายังป่วยอยู่ไม่หนีไปไหน
ประเทศเราคงจะดีขึ้นไม่มีภาระ ไม่เกิดความเสียหายต่อการคลังของชาติอีก
เพราะคนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียงที่ถูกพรรคนี้เอาจำนำข้าง15000 มาล่อและเป็นคะแนนเสียงสำคัญ
สุดท้ายแล้วเราก็ทำให้ราคาข้าวเกิน15000 ไม่ได้ ปลูกข้าวมากแต่คุมราคาข้าวไม่ได้เหมือนที่โม้ไว้
แต่คนเสียภาษีคนอยู่ในระบบภาษีกลับต้องมีภาระมากขึ้น ยังไงก็โดนหักภาษีอยู่ดี
แต่กลุ่มชาวนาที่ไม่ต้องเสาียภาษีเงินได้บุคคลกลับได้เงิน15000
แล้วคนในระบบภาษีได้อะไร มีแต่กับเสีย
ปลูกแล้วแพงกว่าเพือ่นบ้านก็ควรจะให้นำเข้ามาเลย
เอาของที่ต้นทุนถูกกว่าเข้ามาขาย ให้ชาวนาพวกนี้ทำอาชีพอื่น
และเหลือแต่ชาวนาที่ฉลาดมีความรู้ ทำนาแล้วได้กำไร
ให้เพิ่มกำลังปลูกมาแทนชาวนาที่ล้มเหลว ปลูกน้อยลงข้าวก็จะราคาขึ้นเอง
ถ้ากำจัดกลุ่มคนหลายล้านคนที่สนับสนุนพรรคนี้ออกไปได้ เศรษฐกิจของประเทสคงจะดีขึ้น
งบประมาณก็จะเหลือมากขึ้นเอาไปลงทุนอย่างอื่นได้ เพราะไม่ต้องเอามาแจกกับประชานิยม
อย่างจำนำข้าวหมดเงินไป 5 แสนล้านก็ได้รถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางแล้ว
เงินคงเหลือทำอย่างอื่นมากกว่าเอามาแจกเพื่อซื้อเสียง
และคนที่หนีคดี การฟอกเงิน หรือทำลายประเทศรัฐควรตั้งค่าหัวจับให้ได้
เพื่อจะได้เอามาลงโทษ หรือไม่ก็ยึดทรัพย์ให้หมด
ถ้าผมจนกว่าคนที่โกงจนรวยคนที่ถูกฟ้องคดี
ผมคงโกงมั้งดีกว่าทำยังไงก็ได้ให้ได้เงินหมื่นๆล้านมาให้คนในตระกูลใช้ได้สุขสบาย
พวกที่ซ่องสุมอาวุธ ตั้งแต่ที่วัดและจนมาค้นเจอที่บ้านถ้าเอามาก่อเหตุรุนแรง ตลาดหุ้นตกแน่นอนรัฐบาลต้องจัดการให้เด็ดขาด
ตั้งแต่อดีตพระที่หนีไป คนฟอกเงินตัวเดียวจับไม่ได้ แต่เสียงบประมาณเสียเวลา จนท ไปทำงาน
แต่กลับจับไม่ได้ ยังหนีคดีได้
อย่างพวกผมลงทุนหุ้น หรือทำงานก็มีความเสี่ยง จากคนพวกนี้อย่างในปี 53 ก็มีการเผา กทม.ตลาดหุ้นก็ต้องปิดครึ่งวัน
ตลาดหลักทรัพย์โดนเผา ธนาคารโดนเผางัดตู้เอทีเอ็ม ห้าบิ๊กซี เซนทรัลก็ถูกไฟใหม้แต่
บางห้างที่กลุ่มสนับสนุนม็อบถือหุ้นอยู่กลับไม่เกิดไฟไหม้
รัฐบาลจึงต้องจัดการกับกลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้ให้หมด มันคือความเสี่ยงในการลงทุนอย่างหนึ่ง
พวกผมไม่ใช่นักการเมืองหรือเจ้าของบริษัทที่มีเงินหลายหมื่นล้านนะ
ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายการเผาเมืองแล้วช้อนซื้อหุ้น
และความจัดการกับคนที่สนับพรรคดังกล่าวที่ผ่านมาด้วย
ไม่ว่ากี่ล้านคนก็ต้องจัดการให้หายไปได้ แค่ 4-5 ล้านคนรวมถึงพวกที่งมงายมาบอกว่ายังป่วยอยู่ไม่หนีไปไหน
ประเทศเราคงจะดีขึ้นไม่มีภาระ ไม่เกิดความเสียหายต่อการคลังของชาติอีก
เพราะคนกลุ่มนี้เป็นฐานเสียงที่ถูกพรรคนี้เอาจำนำข้าง15000 มาล่อและเป็นคะแนนเสียงสำคัญ
สุดท้ายแล้วเราก็ทำให้ราคาข้าวเกิน15000 ไม่ได้ ปลูกข้าวมากแต่คุมราคาข้าวไม่ได้เหมือนที่โม้ไว้
แต่คนเสียภาษีคนอยู่ในระบบภาษีกลับต้องมีภาระมากขึ้น ยังไงก็โดนหักภาษีอยู่ดี
แต่กลุ่มชาวนาที่ไม่ต้องเสาียภาษีเงินได้บุคคลกลับได้เงิน15000
แล้วคนในระบบภาษีได้อะไร มีแต่กับเสีย
ปลูกแล้วแพงกว่าเพือ่นบ้านก็ควรจะให้นำเข้ามาเลย
เอาของที่ต้นทุนถูกกว่าเข้ามาขาย ให้ชาวนาพวกนี้ทำอาชีพอื่น
และเหลือแต่ชาวนาที่ฉลาดมีความรู้ ทำนาแล้วได้กำไร
ให้เพิ่มกำลังปลูกมาแทนชาวนาที่ล้มเหลว ปลูกน้อยลงข้าวก็จะราคาขึ้นเอง
ถ้ากำจัดกลุ่มคนหลายล้านคนที่สนับสนุนพรรคนี้ออกไปได้ เศรษฐกิจของประเทสคงจะดีขึ้น
งบประมาณก็จะเหลือมากขึ้นเอาไปลงทุนอย่างอื่นได้ เพราะไม่ต้องเอามาแจกกับประชานิยม
อย่างจำนำข้าวหมดเงินไป 5 แสนล้านก็ได้รถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางแล้ว
เงินคงเหลือทำอย่างอื่นมากกว่าเอามาแจกเพื่อซื้อเสียง
และคนที่หนีคดี การฟอกเงิน หรือทำลายประเทศรัฐควรตั้งค่าหัวจับให้ได้
เพื่อจะได้เอามาลงโทษ หรือไม่ก็ยึดทรัพย์ให้หมด
ถ้าผมจนกว่าคนที่โกงจนรวยคนที่ถูกฟ้องคดี
ผมคงโกงมั้งดีกว่าทำยังไงก็ได้ให้ได้เงินหมื่นๆล้านมาให้คนในตระกูลใช้ได้สุขสบาย