ไม่ว่า ช้าง ม้า วัว ควาย ไก่ นก หนู ปู ปลา เมื่อลืมตามองโลกครั้งแรกแล้ว อีกไม่นาน มันก็ลุกขึ้นเดินได้ บินได้ ว่ายน้ำได้ แต่มนุษย์เป็นสัตว์โลกที่ต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะลุกนั่งได้ก็ต้อง 6 เดือน เริ่มหัดเดินก็ชนปี ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ต้องพึ่งพาใครก็ 15-20 ปี หรือมากกว่า ที่ว่าไม่ต้องพึ่งพาใครก็ยังกล่าวไม่ได้เต็มคำ เพราะชีวิตจริงยังต้องอาศัยไหว้วานใครต่อใครอยู่เป็นระยะ มนุษย์เราจึงสร้างภาระ "หนี้บุญคุณ"บานเบอะต้ังแต่ "วันเกิด"
ธรรมชาติที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการรับเข้ามา และถ่ายเทออกไป ยกตัวอย่าง ร่างกายของเรา รับอาหารเข้าสู่ร่างกาย แล้วก็ถ่ายเทออกไปเป็นอุจจาระ แต่ถ้ามีแต่รับเข้า แล้วไม่ถ่ายออกเลย ระบบต่าง ๆ ก็จะเสีย "สมดุล" (สะ-มะ-ดุน) ร่างกายก็จะอยู่ไม่ได้ ธรรมชาติสร้าง "สมดุล"ก็เพื่อให้เกิดการทรงตัว เพื่อให้คงอยู่ได้ในระยะหนึ่ง ฝรั่งเรียกว่าเกิด Equilibrium
ธรรมชาติของมนุษย์ ต้องสร้างภาระ "หนี้บุญคุณ"บานเบอะต้ังแต่ "วันเกิด" เพราะรับเข้าอยู่ตลอด แต่ไม่ระบายออกมา แน่นอนย่อมเกิดภาวะเสีย "สมดุล" ชีวิตจะทรงอยู่ไม่ได้ แม้อยู่ได้ก็ติด ๆ ขัด ๆ ไม่เจริญ ไม่ราบรื่น
พระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญประเด็นนี้ไม่น้อย ทรงตรัสว่า "ภูมิ เว สัปปุริสานัง กตัญญูกตเวทิตา" ความกตัญญู รู้คุณ เป็นพื้นฐานของคนดี แน่นอนคนดีอาจมีหลายแบบแล้วแต่มุมมอง แต่ "คนดีในแบบพระพุทธเจ้า" ต้อง ทดแทนบุญคุณเป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิดภาวะ "สมดุล" เพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้ นั่นเอง
ผมขอยอมรับว่า ผมเพิ่งเข้าใจธรรมชาติประเด็นนี้ ใน"วันเกิด"ปีนี้เอง ทั้งที่ได้เรียนรู้ และปฏิบัติธรรมมาไม่น้อย
เสียดายที่คุณพ่อ คุณแม่ ท่านได้ลาลับโลกไปแล้ว ช่วงที่ท่านมีลมหายใจ ผมก็สาละวนอยู่กับเรื่องส่วนตัวซะมากกว่า ตั้งใจว่าชีวิตที่เหลือ แม้ว่าอาจไม่นานนัก ก็ขออุทิศเพื่อศาสนาและแผ่นดินถิ่นเกิดครับ
ครั้งแรกในชีวิต ในรอบ 62 ปี ที่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น พร้อม "วันเกิด" 20 มีนาคม
ธรรมชาติที่ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการรับเข้ามา และถ่ายเทออกไป ยกตัวอย่าง ร่างกายของเรา รับอาหารเข้าสู่ร่างกาย แล้วก็ถ่ายเทออกไปเป็นอุจจาระ แต่ถ้ามีแต่รับเข้า แล้วไม่ถ่ายออกเลย ระบบต่าง ๆ ก็จะเสีย "สมดุล" (สะ-มะ-ดุน) ร่างกายก็จะอยู่ไม่ได้ ธรรมชาติสร้าง "สมดุล"ก็เพื่อให้เกิดการทรงตัว เพื่อให้คงอยู่ได้ในระยะหนึ่ง ฝรั่งเรียกว่าเกิด Equilibrium
ธรรมชาติของมนุษย์ ต้องสร้างภาระ "หนี้บุญคุณ"บานเบอะต้ังแต่ "วันเกิด" เพราะรับเข้าอยู่ตลอด แต่ไม่ระบายออกมา แน่นอนย่อมเกิดภาวะเสีย "สมดุล" ชีวิตจะทรงอยู่ไม่ได้ แม้อยู่ได้ก็ติด ๆ ขัด ๆ ไม่เจริญ ไม่ราบรื่น
พระพุทธองค์ทรงให้ความสำคัญประเด็นนี้ไม่น้อย ทรงตรัสว่า "ภูมิ เว สัปปุริสานัง กตัญญูกตเวทิตา" ความกตัญญู รู้คุณ เป็นพื้นฐานของคนดี แน่นอนคนดีอาจมีหลายแบบแล้วแต่มุมมอง แต่ "คนดีในแบบพระพุทธเจ้า" ต้อง ทดแทนบุญคุณเป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิดภาวะ "สมดุล" เพื่อให้ทรงตัวอยู่ได้ นั่นเอง
ผมขอยอมรับว่า ผมเพิ่งเข้าใจธรรมชาติประเด็นนี้ ใน"วันเกิด"ปีนี้เอง ทั้งที่ได้เรียนรู้ และปฏิบัติธรรมมาไม่น้อย
เสียดายที่คุณพ่อ คุณแม่ ท่านได้ลาลับโลกไปแล้ว ช่วงที่ท่านมีลมหายใจ ผมก็สาละวนอยู่กับเรื่องส่วนตัวซะมากกว่า ตั้งใจว่าชีวิตที่เหลือ แม้ว่าอาจไม่นานนัก ก็ขออุทิศเพื่อศาสนาและแผ่นดินถิ่นเกิดครับ