มนุษย์เกิดขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนแอ ต่างจากสัตว์โลกทั่วไปที่ลืมตามองโลกแป๊บเดียว ก็ลุกขึ้นเดินได้ ว่ายน้ำได้ บินได้ หากินเองได้ แต่มนุษย์ใช้เวลา 6 เดือนจึงหัดลุกนั่ง ใช้เวลาเกือบปีหรือกว่านั้นจึงเริ่มหัดเดิน โตขึ้นก็เข้าโรงเรียน เรียนจบทำงานก็ต้องอาศัยไหว้วานไม่หยุดหย่อน มนุษย์จึง “รับ”มาโดยตลอด ทำให้มนุษย์จึงต้องมีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภูมิ เว สัปปุริสสานัง( แปลว่า พื้นฐานของคนดี) กตัญญูกตเวทิตา( แปลว่าการตอบแทนคุณ) ดังนั้น การจดจำสำนึกคุณแล้วตอบแทนจนครบถ้วน จึงเป็นคุณธรรมข้อแรกที่จะต้องตระหนักอย่างยิ่ง
ธรรมชาติมีกฎเกณฑ์มากมาย แต่กฎเกณฑ์ที่เราจะมองข้ามไม่ได้ก็คือ ความสมดุลทางธรรมชาติ [Natural Equilibrium]ซึ่งคือตัวกำหนดของการดำรงอยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติอยู่ได้เพราะรักษาสมดุลไว้ได้ มีข้างซ้ายเท่ากับข้างขวา เมื่อกินเข้าสู่ร่างกายก็ต้องถ่ายออกมา มี “รับ”เท่ากับ “ใช้คืน” [Get=Give Back] แต่ถ้าเมื่อใดเกิดการเสียสมดุล ข้างซ้ายไม่เท่าข้างขวา เช่นกรณีเครื่องบินก็จะเสียการทรงตัวหัวทิ่มแล้วก็โหม่งโลก ดังนั้น หน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]จึงทำให้ผู้นั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างปรกติสุข ไม่เสียสมดุล ชีวิตไม่ตกต่ำดำมืด
หน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]ของคนดี 6 ด้าน...ลูก ศิษย์ สาวก พสกนิกร ผู้อาศัยธรรมชาติ ผู้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดีที่สุด การให้ทรัพย์สินเงินทองกองเท่าภูเขาเลากาแก่พ่อแม่ ยังไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ขั้นสูงสุด การแนะนำชักชวนพ่อแม่ให้ศรัทธาในพระรัตนตรัย ชวนพ่อแม่ทำทาน รักษาศีล และเจริญปัญญาบารมี จึงเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ขั้นสูงสุด นี่คือหน้าที่ของลูกที่ดี
สำหรับหน้าที่ของคนดีอีก 5 ด้านที่เหลือ หากพิจารณาประยุกต์แนวทางของพระพุทธเจ้าที่กล่าวข้างต้น ก็น่าจะทำได้ ถ้าเป็นลูกที่ดีได้ ก็เป็นศิษย์ที่ดีได้ เป็นสาวกที่ดีได้ไม่ทำลายศาสนา เป็นพสกนิกรที่ดีได้ไม่เลี่ยงภาษี ไม่หนีทหาร ไม่เผาบ้านเผาเมือง ไม่โกงแผ่นดิน ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทรยศผู้อุปถัมภ์ค้ำชู
การจดจำสำนึกคุณแล้วตอบแทนจนครบถ้วน นอกจากจะช่วยให้ชีวิตไม่ตกต่ำแล้วยังเป็นรากฐานสำคัญในการบ่มเพาะความดีอย่างอื่นง่ายขึ้นครับ ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
หน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภูมิ เว สัปปุริสสานัง( แปลว่า พื้นฐานของคนดี) กตัญญูกตเวทิตา( แปลว่าการตอบแทนคุณ) ดังนั้น การจดจำสำนึกคุณแล้วตอบแทนจนครบถ้วน จึงเป็นคุณธรรมข้อแรกที่จะต้องตระหนักอย่างยิ่ง
ธรรมชาติมีกฎเกณฑ์มากมาย แต่กฎเกณฑ์ที่เราจะมองข้ามไม่ได้ก็คือ ความสมดุลทางธรรมชาติ [Natural Equilibrium]ซึ่งคือตัวกำหนดของการดำรงอยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติอยู่ได้เพราะรักษาสมดุลไว้ได้ มีข้างซ้ายเท่ากับข้างขวา เมื่อกินเข้าสู่ร่างกายก็ต้องถ่ายออกมา มี “รับ”เท่ากับ “ใช้คืน” [Get=Give Back] แต่ถ้าเมื่อใดเกิดการเสียสมดุล ข้างซ้ายไม่เท่าข้างขวา เช่นกรณีเครื่องบินก็จะเสียการทรงตัวหัวทิ่มแล้วก็โหม่งโลก ดังนั้น หน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]จึงทำให้ผู้นั้นมีชีวิตอยู่ได้อย่างปรกติสุข ไม่เสียสมดุล ชีวิตไม่ตกต่ำดำมืด
หน้าที่ความรับผิดชอบ [Responsibility]ของคนดี 6 ด้าน...ลูก ศิษย์ สาวก พสกนิกร ผู้อาศัยธรรมชาติ ผู้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดีที่สุด การให้ทรัพย์สินเงินทองกองเท่าภูเขาเลากาแก่พ่อแม่ ยังไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ขั้นสูงสุด การแนะนำชักชวนพ่อแม่ให้ศรัทธาในพระรัตนตรัย ชวนพ่อแม่ทำทาน รักษาศีล และเจริญปัญญาบารมี จึงเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ขั้นสูงสุด นี่คือหน้าที่ของลูกที่ดี
สำหรับหน้าที่ของคนดีอีก 5 ด้านที่เหลือ หากพิจารณาประยุกต์แนวทางของพระพุทธเจ้าที่กล่าวข้างต้น ก็น่าจะทำได้ ถ้าเป็นลูกที่ดีได้ ก็เป็นศิษย์ที่ดีได้ เป็นสาวกที่ดีได้ไม่ทำลายศาสนา เป็นพสกนิกรที่ดีได้ไม่เลี่ยงภาษี ไม่หนีทหาร ไม่เผาบ้านเผาเมือง ไม่โกงแผ่นดิน ไม่ทำลายธรรมชาติ ไม่ทรยศผู้อุปถัมภ์ค้ำชู
การจดจำสำนึกคุณแล้วตอบแทนจนครบถ้วน นอกจากจะช่วยให้ชีวิตไม่ตกต่ำแล้วยังเป็นรากฐานสำคัญในการบ่มเพาะความดีอย่างอื่นง่ายขึ้นครับ ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ