สาวน้อยพลังจิต จู่ๆหนูก็ได้เปลี่ยนแฟน ตอนที่ 24

กระทู้สนทนา
สาวน้อยพลังจิต (ภาค 2) จู่ๆหนูก็ได้เปลี่ยนแฟน
ตอนที่  7
รถตู้สีดำเคลื่อนมาจอดหน้าคฤหาสน์ทรงโรมันหลังมหึมา ก่อนจะลงจากรถพันตรีพิชัยสะกิดทราย
“นี่ แล้วเลิกใช้วิธีเครื่องจับเท็จเคลื่อนที่ได้แล้วนะ เพราะมันเว่อร์เกินไป เธอเปลี่ยนเป็นผู้ชายฝ่ายหาข้อมูลก็แล้วกัน ให้มานั่งๆยืนๆรวมๆปนๆกันไปหลายๆคน อยากจะจับอะไร สัมผัสอะไรก็ลองหาวิธีเอาเอง หันมันแนบเนียนที่สุด เพราะถ้าข่าวเรื่องเธอใช้พลังจิตติดตามหาคนร้ายได้เแพร่ออกไปละกัน ฉันกันพวกต้องกินแกลบกันแน่ เข้าใจมั้ย”

“เข้าใจค่ะ ทรายจะไม่หักหลังคนทีให้โอกาสและมีพระคุณกับทรายอย่างเด็ดขาด”
ทีมงานนักสืบเดินตามพ่อบ้านเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ พ่อบ้านพามาหยุดอยู่ที่ห้องหับมิดชิดห้องหนึ่ง สักพัก
ชายชราท่าทางเป็นเจ้าของบ้านเดินนำเข้ามานั่งที่เก้าอี้ใหญ่กลางห้อง มีหญิงสาวเดินพยุงหญิงสูงวัยอีกคนเดินตาม ทีมงานยืนตรงแล้วคำนับชายเจ้าของบ้าน พันตรีพิชัยยกมือไหว้แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ
“ขอบคุณที่มาวันนี้ เขาลือกันว่าคุณพิชัยเก่งที่สุดในบรรดานักสืบเอกชนทั้งหลาย”
ชายชราท่าทางใจดี พูดกับพันตรีพิชัยแล้วหันไปมองทีมงานทุกคนเป็นเชิงทักทาย
สีหน้าและแววตาของเขายามนี้บ่งบอกให้รู้ว่ามีแต่ความวิตกและเศร้าหมอง

“คือเงินสิบล้านผมก็มีจะจ่าย แต่วิธีการอย่างนี้ถ้าไปยอม มันเหมือนเป็นการประกาศว่าใครอยากจะได้เงินใช้ก็ให้มารังแกคนบ้านนี้ นึกอยากจะเอาอะไรก็ให้มาเอา อย่างนี้คงไม่ไหว ที่จะแจ้งตำรวจ เราก็รู้กันอยู่แล้ว ว่าบางอย่างบางทีวิธีของตำรวจอาจทำให้เรื่องราวมันบานปลาย เพราะคนที่โดนจับเป็นลูกชายคนเดียวของผม.....
คือเราคุยกันอย่างลูกผู้ชาย ผมเองไม่ใช่นักเลงโตหรือคนมีอิทธิพลอะไรที่ไหน แต่ถ้าเลือกได้ผมคงต้องเลือกวิธีที่ให้ลูกตัวเองปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ได้แก้เผ็ดคนพวกนั้น......

แต่สิ่งสำคัญคือ ลูกชายผมต้องกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะแม่ของเขาเป็นห่วงลูกชาย ไม่ได้กินไม่ได้นอนตั้งแต่ลูกถูกจับตัวไป ก็ตามประสาแม่ ใครจะเอาเงินเท่าไหร่ก็พร้อมจะยกให้ ขอให้ลูกชายตัวเองกลับมาได้เป็นพอ ผมให้เหตุผลกับเธอไว้ ว่ายอมง่ายๆอย่างนี้ไม่ได้ เธอไม่ค่อยจะเต็มใจนักหรอกกับวิธีของผม ฉะนั้น ผมจึงขอฝากความเป็นความตายของลูกชายกับครอบคัวนี้ไว้กับคุณ เพราะหากวิธีการของคุณล้มแหลว เมียผมก็คงไม่ให้อภัยผม และผมอาจจะไม่ได้ลูกคืนมา ถือว่าครอบครัวของผมต้องย่อยยับลงไปเลยทีเดียว”
    ชายชรานั้นพูดจบก็มีน้ำตาคลอเบ้า เขาหันไปมองภรรยา ทั้งคู่ยื่นมือมาจับกันแน่น  หญิงสาวอีกคนก็ร้องไห้แล้วเอื้อมมือไปร่วมจับด้วย
    ทุกคนในห้องนิ่งอึ้ง ปล่อยให้คนในครอบครัวเดียวกันส่งกำลังใจเพื่อปลอบประโลมกันจนน้ำหูน้ำตาเริ่มแห้งกันแล้ว พันตรีพิชัยเริ่มเอ่ยขึ้นกับชายคนนั้น

    “คุณสุริยะครับ เรามาเริ่มกันเลยดีมั้ยครับ เมื่อลูกชายคุณสุริยะถูกจับไป ทราบข่าวจากใครครับ”
    คุณสุริยะหันไปทางเด็กสาวที่ยืนข้างภรรยาของเขา จินนี่ คือชื่อของเธอ ส่วนภรรยาของเขาชื่อ อุไรรัตน์
    “นี่คือลูกสาวผม จินนี่ ปกติลูกชายผม ถ้าไม่มีนัดข้างนอกจะกลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน ถ้าไม่กลับก็จะโทรมาล่วงหน้าเสมอ แต่เมื่อวานไม่ได้โทร จนค่ำพวกโจรก็โทรเข้ามา บอกว่าจับลูกชายผมไว้แล้ว ขอเงินสิบล้านเป็นค่าไถ่ ลูกจินนี่เป็นคนรับโทรศัพท์”
    จินนี่พยักหน้าให้กับทีมงานเป็นเชิงตอบรับ
    “อย่างแรกผมต้องขอท่านว่า ตามหลักกการสืบสวนสอบสวน ทุกคนในบ้านเป็นผู้ต้องสงสัย ผมจึงต้องขอความร่วมมือจากทุกคนให้ข้อมูลกับคนของเรา ส่วนในเรื่องอื่นๆ ผมอาจขอให้ลูกสาวท่านเป็นคนให้ข้อมูลรายละเอียดกับเรา เช่น ลูกชายท่านชื่ออะไร ขับรถทะเบียน สีอะไร ใครเป็นเพื่อนสนิท และครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นคือใคร เมื่อไหร่.....”

    “ได้ ได้ เอาเลย ผมยินดีอำนวยความสะดวกเต็มที่ ขอให้ได้ผลอย่างที่ผมบอกเมื่อกี้ผมก็มีความสุขแล้ว”
    ทีมงานของพันตรีพิชัยคนอื่นๆซึ่งล้วนเป็นมืออาชีพ ทุกคนแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง คุณสุริยะเรียกคนงานในบ้านมาพร้อมกันตามที่พันตรีพิชัยขอ
    ทรายทำทีไปสอบถามแต่ละคน หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาจด แล้วชวนคุยตีสนิท เสร็จแล้วก็จับแขนบ้างจับมือบ้างคนนั้นคนนี้ ไปจนถึงคุณอุไรรัตน์
    ทรายเดินไปยกมือไหว้แล้วทำทีเป็นเด็กออเซาะ ตรงเข้าคว้ามือคุณอุไรรัตน์ขึ้นมากอด ประมาณว่าถ่ายทอดกำลังใจความเห็นอกเห็นใจกันประมาณนี้
    ในวินาทีนั้น ทั้งคู่ถึงกับนิ่งอึ้งมองตากัน ทรายก็รู้สึกสะดุดกึกเหมือนกัน แต่ก็ทำทีชวนคุยกลบเกลื่อน ทรายปิดท้ายชวนจินนี่คุยเป็นคนสุดท้าย จินนี่เป็นนักเรียน ม. 5 เด็กกว่าทรายเพียงปีเดียว อารมณ์เธอโศกเศร้าอยู่ไม่มีแก่ใจจะเล่าอะไรมากนัก
    เมื่อเสร็จแล้ว ทีมงานนักสืบก็ติดตั้งเครื่องดักฟังโทรศัพท์ก่อนลากลับไป คุณสุริยะกับคุณอุไรรัตน์มายืนส่งถึงหน้าตึก เมื่อรถตู้สีดำลับตาออกไปทางประตูใหญ่หน้าบ้านแล้ว คุณอุไรรัตน์เอ่ยขึ้นว่า

    “แปลกจังเลยคุณ เด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
    “ผมก็แปลกใจ ว่าทีมงานนักสืบนี่เขาทำไมถึงมีเจ้าหน้าที่เด็กๆอายุยังไม่ยี่สิบมาทำงานด้วย”
    “ฉันไมได้หมายถึงยังงั้น พอมือเด็กคนนั้นจับที่แขนฉัน ฉันรู้สึกสบายใจอย่างประหลาดขึ้นมาเลยแหละคุณ มันเหมือนได้เจอคนคุ้นเคย หรือยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก เหมือนเราเป็นเด็กแล้วเจอผู้ใหญ่ที่คอยดูแลปกป้องเราได้ยังงั้นแหละ”
    “................................................”

...............................................................................................................................................................................
    “ไงทราย ได้ความว่ายังไงบ้าง กับการถูกลักพาตัวไปของคุณกีรติ ลูกชายคนโตของคุณสุริยะกับคุณอุไรรัตน์”
    “พ่อ แม่และน้องสาวของคนที่ถูกลักพาตัวไม่รู้เรื่องอะไรและร้อนใจมาก คนรับใช้ในบ้าน ที่เป็นคนขับรถหนึ่ง คนสวนหนึ่ง เด็กรับใช้สาม แม่บ้านหนึ่ง คนรับใช้ที่ชื่อเปียน่าสงสัยมากค่ะ”
    “คนไหน”
    “คนที่ยืนห่างที่สุดตรงทางเข้าประตูหลังค่ะ”
    “ที่ไหวเปีย”
    “ค่ะ”
    “แล้วไงต่อ”
    “คนนี้ ทรายจับความรู้สึกได้ว่าเธอตื่นเต้นแล้วก็สับสนมาก ท่าทางลุกลี้ลุกลน หรุกหริก.....”
    เสียงของทรายถูกแทรกจากผู้ชายในแว่นเรแบนด์ หนึ่งในทีมงาน คนนี้มีท่าทางไม่ชอบทรายแต่แรกแล้ว
    “ยังงี้มันจิตวิทยาพื้นๆ งานสืบสวนสอบสวนก็ตามได้อยู่แล้ว”
    พันตรีพิชัยหันไปทางคนนั้น
    “อ้ายตั้ม พูดสอดแทรกนี่เขาเรียกเสือกรู้มั้ย”

    ความเงียบงันเกิดขึ้นในห้องโดยสารสักพัก ทรายเลยพูดต่อ
    “อันนี้คงไม่ธรรมดา คือยัยเปียเคยอยู่กินกับผู้ชายคนนึง ผู้ชายคนนี้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยและคบกับพวกนักเลง ทั้งคู่เลิกกันเมื่อเกือบปีมานี้เอง ผู้ชายขโมยเงินยัยเปียที่เก็บไว้ในธนาคารไปจนหมด เธอเลยขอเลิกกับผู้ชาย”
    “ทรายกระชับกว่านี้หน่อย เท่าที่อธิบายมายังไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย”
    “คือ ทรายจับความรู้สึกของคนชื่อเปียได้ ว่าเธอไม่มีส่วนในเรื่องการลักพาตัวนี้ แต่เธอเองสงสัยแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันไป เพราะเขาเคยเกริ่นๆกับเธอเรื่องนี้ ว่าอยากจะลักพาตัวคนเพื่อได้ค่าไถ่เงินเยอะๆ จะได้หนีไปตั้งตัวกันได้กับยัยเปีย เธอได้ฟังก็ด่าสามียกใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานก็มีเรื่องที่เธอถูกขโมยเงิน ก่อนนี้เธอไม่ได้สนใจ พอเกิดเหตุลักพาตัวเลยนึกขึ้นได้แต่ไม่กล้าบอกอะไรกับใคร”
    “แล้วคนอื่นๆล่ะ”
    “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร”
    “อ้ายตั้ม บอกคนขับให้เลี้ยวรถกลับไปบ้านคุณสุริยะ ทราย ต่อโทรศัพท์ให้ผมคุยกับคุณสุริยะซิ”

    พันตรีพิชัยสะกิดอ้ายตั้มแล้วก็ส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทราย
    ทรายกดโทรศัพท์ปุ๊ดปิ๊ดสักพัก เมื่อได้ยินเสียงตอบก็ส่งให้พันตรีพิชัย
    “คุณสุริยะครับ ผมพันตรีพิชัย คือผมไม่ได้บอกท่านนะครับ ว่าเรามีเครื่องประมวลผลการสอบสวนอยู่ในรถ เป็นประเภทวอร์รูมเคลื่อนที่น่ะครับ แบบในหนังสืเลยละครับ มีเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์พร้อม จานดาวเทียม เครื่องแสกน เครื่องเอ็กเซรย์ตรวจจับอะไรผมมีในรถหมด หรือแม้แต่หน่วยจู่โจม......แหะ แหะ ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยน่ะถูกแล้วครับท่าน คืองี้ครับ เราสงสัยว่ายัยเปียคนรับใช้ในบ้านจะเป็นกุญแจพาเราไปพบคุณกีรติได้ครับ.....”
    พันตรีพิชัยคุยโทรศัพท์โต้ตอบกันไปมา คนอีกฟากน่าจะเป็นคุณสุริยะ
    “เอางี้ วางแผนหลอกยัยเปียให้ออกจากบ้านมาเถอะครับ ผมจะให้คนดักซุ่มเอาตัวเธอมารีดข้อมูลเพิ่ม........ไม่มีครับ รับรองไม่มีรุนแรง......คือที่ทำยังงี้เพื่อป้องกันครับ ถ้าข้อมูลเราพลาดจะได้ไม่กระโตกกระตากให้คนในบ้านตกใจ”

    รถตู้สีดำมาจอดหลบอยู่ในซอยใกล้บ้านคุณสุริยะ สักพักเดียวทีมงานซาฟารีที่ถูกส่งออกไปซุ่มรอจึงวิทยุเข้ามาแจ้ง่วายัยเปียกำลังเดินออกจากบ้าน และกำลังตรงมาที่ปากซอยที่รถตู้สีดำจอดอยู่ พันตรีพิชัยพยักหน้า
    “เตรียมพร้อม”
    พอทีมงานเห็นยัยเปียเดินข้ามหน้าปากซอย รถตู้สีดำก็ทะยานออกไปโดยเร็ว
    รถจอดกึกตรงยัยเปีย ชายฉกรรจ์สามคนเคลื่อนตัวออกมาอุ้มยัยเปียขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้ย อย่าทำไรข้อยเด้อ ข้อยบ่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง”
    “เราไม่ทำอะไรเธอแน่ ว่าแต่เรารู้ว่าผัวเก่าเธอเคยเกริ่นๆเรื่องอยากลักพาตัวคนเอาค่าไถ่ไม่ใช่เหรอ”
    พันตรีพิชัยพูดกับเธอด้วยสีหน้าอ่อนโยน เพราะกลัวเปียตกใจจนช็อกไปก่อน

    “ข้อยบ่ฮู่ บ่หัน”
    “เออ นี่ ไม่ต้องมาทำเสียงในฟิล์มใส่ ฉันถามดีๆ ถามจริงๆ ถ้าไม่พยายามให้ความร่วมมือจะแจ้งจับเธอข้อหาสมรู้ร่วมคิด”
    พันตรีพิชัยจ้องหน้าเปียนิ่ง เล่นเอาเปียกลืนน้ำลายเอือก
    “คือ คุณรู้ได้ยังไงเจ้าคะ เปียไม่เคยบอกใครเลย หรือผัวเปียมันไปเที่ยวพูดไปทั่ว อ้ายนี่นะ เป็นอ้ายขี้เมา มันก็โม้ไปวันๆ เปียไม่เชื่อว่ามันจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรอก”

    “เธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็อีกเรื่องนึง เอาเป็นว่าฉันจะไปสืบ ว่ามันจริงไม่จริง ถ้าเธอบอกความจริงก็แปลว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าพยายามปิดบังก็แปลว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ฉะนั้น บอกมาซิ ผัวเก่าเธอมันชื่ออะไรเป็นใครอยู่ที่ไหน แล้วจะตามหาตัวมันได้ยังไง”
    “อย่าเอาเรื่องหนูนะเจ้าคะ เปียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจริงๆ มันชื่ออ้ายเพิงค่ะ เพิง ลำพระปลิง มันไปๆมาๆกรุงเทพกับสุรินทร์ พี่ชายมันทำก่อสร้างอยู่แถวสะพานใหม่”
    “ทราย...” พันตรีพิชัยเรียกทรายแล้วพยักเพยิด
    ทรายรู้งาน เอื้อมมือมาจับเปียเพื่อตรวจสอบความคิดอ่านที่เกิดขึ้นในใจ
    ครู่เดียวเธอก็หันมาพยักหน้าให้พันตรีพิชัย
    พันตรีพิชัยพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ
    “เอาละ เธอไปได้ อย่าบอกใครเรื่องวันนี้เด็ดขาด”

    เปียรับคำ ประตูรถเปิดออก เธอรีบดีดตัวออกจากรถแล้ววิ่งตื๋อออกไป ไม่กล้าหันกลับมามองอีกเลย
    พอประตูรถปิดแล้วพันตรีพิชัยให้รถตู้เคลื่อนออกไปทันที
    “ไปสะพานใหม่เดี๋ยวนี้เลย คนห่าอะไรวะ ชื่อผีมีเยอะแยะให้ตั้งไม่ตั้ง ยิ้มชื่อเพิง เพิ่ง ลำพระปลิง”
    รถตู้บ่ายหน้าไปถึงไซท์ก่อสร้างย่านสะพานใหม่
    “เดี๋ยวอั๊วพักกินข้าวแถวนี้ พวกแกออกไปสืบหาเด๊ะ ว่าอ้ายเพิงมันอยู่ที่ไหน ทราย เราลงไปนั่งกินข้าวรอข่าวกัน”
    ทรายพยักหน้าจะเดินตามพันตรีพิชัยไป เสียงตั้มดังแหวกขัดจังหวะอารมณ์ดีของพันตรีพิชัยขึ้นมาอีก
    “น่าจะให้เธอเอามือแตะปูนแตะทรายแถวนี้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปตามหาว่าอ้ายเพิงมันอยู่ไหน”

    “อ้ายห่าตั้ม กูไม่ได้จ้างมาพูดจากค่อนแคะใครต่อใคร มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป ไม่ได้มีใครกินแรงหรอกน่ะ หน้าที่ใครก็หน้าที่มัน กูมีตาไว้ดู กูมีหูไว้ฟัง กูมีสมองไว้คิด กูจ้างใครมาเป็นหน้าที่กูจัดการเอง ว่าใครมีหน้าที่ทำอะไรให้มันคุ้มค่าจ้างกูบ้าง อย่ายิ้มพูดจาให้กูรำคาญหน่อยเลย”
    “เขาอาจแซวเล่นๆก็ได้ บอสก้อ”
    ทรายทำพูดติดตลก
    “เธอก็เงียบด้วย ฉันด่าลูกน้องฉัน เธอก็เป็นลูกน้อง ไม่มีหน้าที่แสดงความเห็นในสิ่งที่ไม่ได้ขอ”
    ทรายทำหน้าจ๋อย ก้มหน้าเดินตามพันตรีพิชัยไปอย่างเงียบเชียบ

................................................................................................................................................................................
    พันตรีพิชัย ทราย กับคนขับรถนั่งนิ่งเงียบเก็บตัวอยู่ในห้องแอร์ของร้านอาหารละแวกนั้น
    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนขับรถยกหูขึ้นคุยสักพักก็หันมารายงาน
    “ท่านครับ ชักมีกลิ่นไม่ดีแล้วครับ อ้ายตั้มโทรมาบอกว่า คนชื่อเพิงกับพี่ชายของมันที่ชื่อ เพลินหายตัวไปจากบ้านพักคนงานตั้งแต่เมื่อวาน”
    “ห่า มันก็วันเดียวกับที่คุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่