มหาเถรสมาคม ประชุมวันนี้ พิจารณากรณีธรรมกาย ย้ำนะฮะ
"กรณีธรรมกาย" มิใช่
"กรณีธัมมชโย" ธัมมชโยนั้นเป็น "เจ้าลัทธิธรรมกาย" ซึ่งแผ่ขยายครองคลุมคณะสงฆ์ไทย ด้วยวิธีการ "ทุกรูปแบบ" บ่อนชอนไชเสียจนพระสงฆ์ไทย "ทั่วประเทศ" ติดเชื้อไวรัสใหม่ โดยไม่รู้สึกตัว รู้แต่ว่า ถ้าไปวัดพระธรรมกายแล้วจะรวย ไปวัดพระธรรมกายแล้วจะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและยศถาบรรดาศักดิ์ ได้พรรคได้พวก ได้คอนเน็กชั่น ธรรมกาย "ผิด-ถูก" ตามหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ ไม่มีใครสนใจ สนกันแต่เพียงว่า "วัดนั้นจัดระเบียบดี มีการศึกษาเด่น และ..ใหญ่กว่าวัดไทยทุกวัด" แม้แต่ "ธัมมชโยอวดอุตริมนุสธรรม" ก็ไม่มีใครสนใจเช่นกัน สนแต่เพียงว่า "ท่านได้ลาภผลมาก็นำมาแบ่งปันพวกเรา ดีเสียอีกที่ไม่ต้องไปอวด ให้เขาอวด แต่เราได้" แล้วก็ลากเข้าไปสู่ตรรกวิบัติข้อที่ว่า "ถ้าธัมมชโยรับเช็คพันล้านของศุภชัยซึ่งผันจากคลองจั่นมา ถือว่าเป็นการฟอกเงิน พระสงฆ์ไทยรับอะไรของใครก็ต้องคดีหมด" หรือแม้แต่ว่า "ถ้าล้มวัดพระธรรมกายลงได้ พระพุทธศษสนาจะสูญหายไปจากประเทศไทย" ซึ่งรัฐบาลใช้ ม.44 ปิดวัดพระธรรมกายได้ 20 กว่าวันแล้ว ราชสำนักสั่งถอดยศ "ธัมมชโย-ทัตตชีโว" ลงพร้อมหน้า
ก็ยังไม่เห็นพระไทยวัดไหนจะดิ้นขาดใจตาย แม้แต่ "วัดปากน้ำ" ซึ่งประกาศเป็นวัดพี่วัดน้องกัน
ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีสัมพันธภาพ ว่า ถ้าขาดธัมมชโย ก็จะไม่มีพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอีกต่อไป
ก็จำเป็นต้อง "สึก" ธัมมชโย
แต่มหาเถรสมาคม
"ต้องคิดให้ดี" เพราะนี่คือการท้าทายทฤษฎีอันร้อนแรง เพราะการสั่งสึกธัมมชโยนั้น เป็นอำนาจของ มส. ถ้า มส. สั่งธัมมชโยสึก แล้วพระพุทธศาสนาสูญสลายไปจากเมืองไทย ก็แสดงว่า มส. เป็นผู้ทำให้พระพุทธศาสนาอันตรธาน
แต่ถ้า มส. "สั่งสึก" ธัมมชโยไปแล้ว ปรากฏต่อมาว่า พระพุทธศาสนายังอยู่ต่อไปได้ แถมไปได้ดีอีกด้วย งานนี้ก็คงต้องเปลี่ยนสโลแกนใหม่ว่า "ถ้าธัมมชโยยังอยู่ พระพุทธศาสนาคงสูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย" เราไม่มีทางเลือกแล้ว มส. มหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมาชิกอันได้รับการยอมรับว่า "มีความรู้ความสามารถ" สูงกว่าพระสงฆ์สามเณรทั่วประเทศ ต้องตัดสินใจให้ดี
ก่อนจะมีมติในวันนี้ ถ้า มส. ไม่กล้า แบบว่ายังเกรงใจธัมมชโยและบริวาร อันเคยเกื้อหนุนกันมาก่อน ก็เตรียมพร้อมถูกรัฐบาล "เชือด" สั่งถอดยศกันทั่วหน้า เพราะว่าแค่ถอดยศก็หลุดหมด ทั้งกรรมการ มส. ทั้งเจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค หรือแม้แต่..เจ้าอาวาส อยากลองก็เชิญ
บัดนี้ มส. มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ จะใช้เชือดอะไร ระหว่าง
"คอธัมมชโย" กับ "คอของ มส. เอง" จะตายเดี่ยวหรือตายหมู่ ก็คิดดูให้ดี อภิมหาภาพยนตร์ ระดับ THE LORD OF THR RINGS ใกล้จะปิดกล้องลงแล้ว หลังจาก "พระเอก-พระรอง" โดนอาวุธหนัก "สอยร่วง" เล่นเอาชุดเกราะ "ชั้นราช-ชั้นเทพ" อันเท่ากับอัศวิน กระเด็นออกจากร่าง เหลือแต่ตัวเปล่าๆ วิ่งเข้าที่กำบัง นอนเลียแผลอยู่ ไม่รู้ว่าอาการขั้นไหน ถ้าไปไม่รอดก็เข้าแนว..โศกนาฏกรรม ในวันนี้ ฝ่ายนอกกำแพงก็ "รุกอีกขั้น" และ "รุกอีกด้าน" โดยได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อ "ผอ.สำนักพุทธฯ" คนใหม่
หนังสือที่ยื่นนี้ ก็เขียนง่ายๆ แต่ความหมาย
"ระดับปรมาณู" เพราะขอให้ทางเลขาธิการมหาเถรสมาคม นำเรื่อง "พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย" เข้าเสนอต่อที่ประชุมหาเถรสมาคม ซึ่งก็คือ วันนี้วันที่ 10 มีนาคม พุทธศักราช 2560 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ขอให้มีวินิจฉัยว่า พระธัมมชโย ประพฤติผิดพระธรรมวินัย เป็นอาจิณ จากนั้น มหาเถรสมาคมจะทำอย่างไร
"ก็สุดแต่พระเดชพระคุณจะพิจารณา" ว่ากันอีกว่า ทางดีเอสไอ ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เป็นเวลา 5 วัน เรียกว่า "ห้าวันอันตราย" นับจากวันที่ 10 มีนา เป็นต้นไป ซึ่งสถานการณ์คงจะออกมาเช่นนี้ แอ่นแอ๊น !
วันนีพศ. นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม มส. และ มส. สั่งตั้งกรรมการนิคหกรรม พิจารณาคดีพระธัมมชโย จากนั้นก็ "น่าจะ" มีการ "ดึงเรื่อง" เข้าสู่ "DEAD ZONE" นั่นคือ "ม.21" เพื่อให้ใช้อำนาจของ มส. "สั่งให้พระธัมมชโยสละสมณเพศ" ระยะเวลาก็อยู่ในช่วง 5 วันอันตราย ดังนั้น ถ้าเชื่อดีเอสไอ ไม่เกินวันที่ 15 มีนาคม ทุกอย่างก็จะ..มันจบแล้วครับ เจ้านาย อิทธิฤทธิ์ของ "ม.21" นั้น ถือว่า ครอบจักรวาล เพราะ
1. ไม่จำกัดสถานการณ์ สามารถสั่งให้พระสึกได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าคดีความจะเสร็จสิ้นหรือไม่ หรือกำลังพิจารณาอยู่ในชั้นไหน ไม่มีผลต่อการพิจารณา แบบว่าเป็น ม.44 ในทางสงฆ์เลยทีเดียว
2. ไม่ต้องมาขึ้นศาลก็ประหารได้ หมายความว่า จำกัดสถานที่ ไม่ว่าผู้ต้องคดีนั้นจะอยู่ไหนในโลกใบนี้ จะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่หรือหนีไปที่ไหนในโลก มส. ก็สามารถ "สั่งสึกได้" แบบที่เรียกว่า "สอยกลางอากาศ"
3. ไม่จำกัดแนวทางการสื่อสาร เมื่อ มส. ออกมติแล้ว ก็สามารถ "แจ้งให้ทราบ" ได้ทั้งทางตัวจดหมาย ตัวบุคคล หรือแม้แต่ "แปะป้ายไว้ที่หน้าวัด" ก็ถือว่าเสร็จสิ้น จะรับไม่รับ จะเซ็นไม่เซ็น จะทราบไม่ทราบ ก็ถือว่ารับแล้ว เซ็นแล้ว ทราบแล้ว ต่อไป ผู้นั้นจะสวมผ้าเหลือง ใช้อะไรๆ เหมือนพระเณร ก็จะเข้าในข้อหา "แต่งกายเลียนแบบสงฆ์" อีกคดีหนึ่ง ใครช่วยเหลือก็จะโดนข้อหา "ให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา" อีกคดีหนึ่ง แบบว่าโดนทุกรูปแบบ
เมื่อลงอาญาด้วย ม.21 เสร็จแล้ว ต่อไป มหาเถรสมาคม ก็จะใช้อำนาจผ่าน "เจ้าคณะใหญ่-เจ้าคณะภาค" สั่งตั้งผู้ปกครองวัดพระธรรมกายเสียใหม่ โดยอาจจะให้ "เจ้าคณะจังหวัด" เข้าไปดูแลก่อน เพื่อเคลียร์พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลแบบค่อยเป็นค่อยไป และอาจจะมีการตั้ง "คณะกรรมการดูแลพื้นที่" โดยเฉพาะ เพราะลำพังเจ้าคณะจังหวัดคงรับมือไม่ไหว อาจจะต้องใช้รูปแบบ "คณะกรรมการผสม" ทั้งพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนกว่าสถานการณ์จะไว้วางใจ
ส่วนสาขาวัดพระธรรมกายในต่างประเทศ ก็คงต้องให้ "พระพรหมสิทธิ - ธงชัย" ใช้อำนาจ "สั่งการให้มารายงานตัว" ที่วัดสระเกศ ใครไม่มาก็อาจจะโดน "ตัดขาด" ถอดถอนสมาชิกภาพและให้พ้นจากสถานะ "พระธรรมทูต" ยึดพาสปอร์ต-ตัดขาดการเดินทาง
เผลอๆ นะ บางทีอาจจะมี
"ดับเบิ้ลคิ๊ก" มส. "สอย" ทั้งธัมมชโยและทัตตชีโว พร้อมๆ กันไปเลยก็ได้ เพราะไหนๆ ก็ไหนๆ สองคนนี้มาด้วยกัน ก็ควรไปด้วยกัน เหตุผลก็คือ ม.21 เป็นอาวุธลับ จะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ ขืนใช้พร่ำเพรื่อเดี๋ยวคนก็เบื่อ เหมือน ม.44 ยังไงก็ต้องลองลุ้นกันครับ
วิเคราะห์ - จับตาการประชุม มส.ครั้งที่ 06/2560 วันนี้ ธัมมชโย และลัทธิธรรมกาย จะเป็นพระร่วง หรือจะพระรอด
มหาเถรสมาคม ประชุมวันนี้ พิจารณากรณีธรรมกาย ย้ำนะฮะ "กรณีธรรมกาย" มิใช่ "กรณีธัมมชโย" ธัมมชโยนั้นเป็น "เจ้าลัทธิธรรมกาย" ซึ่งแผ่ขยายครองคลุมคณะสงฆ์ไทย ด้วยวิธีการ "ทุกรูปแบบ" บ่อนชอนไชเสียจนพระสงฆ์ไทย "ทั่วประเทศ" ติดเชื้อไวรัสใหม่ โดยไม่รู้สึกตัว รู้แต่ว่า ถ้าไปวัดพระธรรมกายแล้วจะรวย ไปวัดพระธรรมกายแล้วจะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและยศถาบรรดาศักดิ์ ได้พรรคได้พวก ได้คอนเน็กชั่น ธรรมกาย "ผิด-ถูก" ตามหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ ไม่มีใครสนใจ สนกันแต่เพียงว่า "วัดนั้นจัดระเบียบดี มีการศึกษาเด่น และ..ใหญ่กว่าวัดไทยทุกวัด" แม้แต่ "ธัมมชโยอวดอุตริมนุสธรรม" ก็ไม่มีใครสนใจเช่นกัน สนแต่เพียงว่า "ท่านได้ลาภผลมาก็นำมาแบ่งปันพวกเรา ดีเสียอีกที่ไม่ต้องไปอวด ให้เขาอวด แต่เราได้" แล้วก็ลากเข้าไปสู่ตรรกวิบัติข้อที่ว่า "ถ้าธัมมชโยรับเช็คพันล้านของศุภชัยซึ่งผันจากคลองจั่นมา ถือว่าเป็นการฟอกเงิน พระสงฆ์ไทยรับอะไรของใครก็ต้องคดีหมด" หรือแม้แต่ว่า "ถ้าล้มวัดพระธรรมกายลงได้ พระพุทธศษสนาจะสูญหายไปจากประเทศไทย" ซึ่งรัฐบาลใช้ ม.44 ปิดวัดพระธรรมกายได้ 20 กว่าวันแล้ว ราชสำนักสั่งถอดยศ "ธัมมชโย-ทัตตชีโว" ลงพร้อมหน้า ก็ยังไม่เห็นพระไทยวัดไหนจะดิ้นขาดใจตาย แม้แต่ "วัดปากน้ำ" ซึ่งประกาศเป็นวัดพี่วัดน้องกัน
ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีสัมพันธภาพ ว่า ถ้าขาดธัมมชโย ก็จะไม่มีพระพุทธศาสนาในประเทศไทยอีกต่อไป ก็จำเป็นต้อง "สึก" ธัมมชโย
แต่มหาเถรสมาคม "ต้องคิดให้ดี" เพราะนี่คือการท้าทายทฤษฎีอันร้อนแรง เพราะการสั่งสึกธัมมชโยนั้น เป็นอำนาจของ มส. ถ้า มส. สั่งธัมมชโยสึก แล้วพระพุทธศาสนาสูญสลายไปจากเมืองไทย ก็แสดงว่า มส. เป็นผู้ทำให้พระพุทธศาสนาอันตรธาน แต่ถ้า มส. "สั่งสึก" ธัมมชโยไปแล้ว ปรากฏต่อมาว่า พระพุทธศาสนายังอยู่ต่อไปได้ แถมไปได้ดีอีกด้วย งานนี้ก็คงต้องเปลี่ยนสโลแกนใหม่ว่า "ถ้าธัมมชโยยังอยู่ พระพุทธศาสนาคงสูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย" เราไม่มีทางเลือกแล้ว มส. มหาเถรสมาคม ซึ่งมีสมาชิกอันได้รับการยอมรับว่า "มีความรู้ความสามารถ" สูงกว่าพระสงฆ์สามเณรทั่วประเทศ ต้องตัดสินใจให้ดี ก่อนจะมีมติในวันนี้ ถ้า มส. ไม่กล้า แบบว่ายังเกรงใจธัมมชโยและบริวาร อันเคยเกื้อหนุนกันมาก่อน ก็เตรียมพร้อมถูกรัฐบาล "เชือด" สั่งถอดยศกันทั่วหน้า เพราะว่าแค่ถอดยศก็หลุดหมด ทั้งกรรมการ มส. ทั้งเจ้าคณะหน เจ้าคณะภาค หรือแม้แต่..เจ้าอาวาส อยากลองก็เชิญ
บัดนี้ มส. มีดาบอาญาสิทธิ์อยู่ในมือ จะใช้เชือดอะไร ระหว่าง "คอธัมมชโย" กับ "คอของ มส. เอง" จะตายเดี่ยวหรือตายหมู่ ก็คิดดูให้ดี อภิมหาภาพยนตร์ ระดับ THE LORD OF THR RINGS ใกล้จะปิดกล้องลงแล้ว หลังจาก "พระเอก-พระรอง" โดนอาวุธหนัก "สอยร่วง" เล่นเอาชุดเกราะ "ชั้นราช-ชั้นเทพ" อันเท่ากับอัศวิน กระเด็นออกจากร่าง เหลือแต่ตัวเปล่าๆ วิ่งเข้าที่กำบัง นอนเลียแผลอยู่ ไม่รู้ว่าอาการขั้นไหน ถ้าไปไม่รอดก็เข้าแนว..โศกนาฏกรรม ในวันนี้ ฝ่ายนอกกำแพงก็ "รุกอีกขั้น" และ "รุกอีกด้าน" โดยได้ส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือต่อ "ผอ.สำนักพุทธฯ" คนใหม่
หนังสือที่ยื่นนี้ ก็เขียนง่ายๆ แต่ความหมาย "ระดับปรมาณู" เพราะขอให้ทางเลขาธิการมหาเถรสมาคม นำเรื่อง "พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย" เข้าเสนอต่อที่ประชุมหาเถรสมาคม ซึ่งก็คือ วันนี้วันที่ 10 มีนาคม พุทธศักราช 2560 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ขอให้มีวินิจฉัยว่า พระธัมมชโย ประพฤติผิดพระธรรมวินัย เป็นอาจิณ จากนั้น มหาเถรสมาคมจะทำอย่างไร "ก็สุดแต่พระเดชพระคุณจะพิจารณา" ว่ากันอีกว่า ทางดีเอสไอ ได้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เป็นเวลา 5 วัน เรียกว่า "ห้าวันอันตราย" นับจากวันที่ 10 มีนา เป็นต้นไป ซึ่งสถานการณ์คงจะออกมาเช่นนี้ แอ่นแอ๊น !
วันนีพศ. นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม มส. และ มส. สั่งตั้งกรรมการนิคหกรรม พิจารณาคดีพระธัมมชโย จากนั้นก็ "น่าจะ" มีการ "ดึงเรื่อง" เข้าสู่ "DEAD ZONE" นั่นคือ "ม.21" เพื่อให้ใช้อำนาจของ มส. "สั่งให้พระธัมมชโยสละสมณเพศ" ระยะเวลาก็อยู่ในช่วง 5 วันอันตราย ดังนั้น ถ้าเชื่อดีเอสไอ ไม่เกินวันที่ 15 มีนาคม ทุกอย่างก็จะ..มันจบแล้วครับ เจ้านาย อิทธิฤทธิ์ของ "ม.21" นั้น ถือว่า ครอบจักรวาล เพราะ
1. ไม่จำกัดสถานการณ์ สามารถสั่งให้พระสึกได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าคดีความจะเสร็จสิ้นหรือไม่ หรือกำลังพิจารณาอยู่ในชั้นไหน ไม่มีผลต่อการพิจารณา แบบว่าเป็น ม.44 ในทางสงฆ์เลยทีเดียว
2. ไม่ต้องมาขึ้นศาลก็ประหารได้ หมายความว่า จำกัดสถานที่ ไม่ว่าผู้ต้องคดีนั้นจะอยู่ไหนในโลกใบนี้ จะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่หรือหนีไปที่ไหนในโลก มส. ก็สามารถ "สั่งสึกได้" แบบที่เรียกว่า "สอยกลางอากาศ"
3. ไม่จำกัดแนวทางการสื่อสาร เมื่อ มส. ออกมติแล้ว ก็สามารถ "แจ้งให้ทราบ" ได้ทั้งทางตัวจดหมาย ตัวบุคคล หรือแม้แต่ "แปะป้ายไว้ที่หน้าวัด" ก็ถือว่าเสร็จสิ้น จะรับไม่รับ จะเซ็นไม่เซ็น จะทราบไม่ทราบ ก็ถือว่ารับแล้ว เซ็นแล้ว ทราบแล้ว ต่อไป ผู้นั้นจะสวมผ้าเหลือง ใช้อะไรๆ เหมือนพระเณร ก็จะเข้าในข้อหา "แต่งกายเลียนแบบสงฆ์" อีกคดีหนึ่ง ใครช่วยเหลือก็จะโดนข้อหา "ให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหา" อีกคดีหนึ่ง แบบว่าโดนทุกรูปแบบ
เมื่อลงอาญาด้วย ม.21 เสร็จแล้ว ต่อไป มหาเถรสมาคม ก็จะใช้อำนาจผ่าน "เจ้าคณะใหญ่-เจ้าคณะภาค" สั่งตั้งผู้ปกครองวัดพระธรรมกายเสียใหม่ โดยอาจจะให้ "เจ้าคณะจังหวัด" เข้าไปดูแลก่อน เพื่อเคลียร์พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลแบบค่อยเป็นค่อยไป และอาจจะมีการตั้ง "คณะกรรมการดูแลพื้นที่" โดยเฉพาะ เพราะลำพังเจ้าคณะจังหวัดคงรับมือไม่ไหว อาจจะต้องใช้รูปแบบ "คณะกรรมการผสม" ทั้งพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนกว่าสถานการณ์จะไว้วางใจ ส่วนสาขาวัดพระธรรมกายในต่างประเทศ ก็คงต้องให้ "พระพรหมสิทธิ - ธงชัย" ใช้อำนาจ "สั่งการให้มารายงานตัว" ที่วัดสระเกศ ใครไม่มาก็อาจจะโดน "ตัดขาด" ถอดถอนสมาชิกภาพและให้พ้นจากสถานะ "พระธรรมทูต" ยึดพาสปอร์ต-ตัดขาดการเดินทาง
เผลอๆ นะ บางทีอาจจะมี "ดับเบิ้ลคิ๊ก" มส. "สอย" ทั้งธัมมชโยและทัตตชีโว พร้อมๆ กันไปเลยก็ได้ เพราะไหนๆ ก็ไหนๆ สองคนนี้มาด้วยกัน ก็ควรไปด้วยกัน เหตุผลก็คือ ม.21 เป็นอาวุธลับ จะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ ขืนใช้พร่ำเพรื่อเดี๋ยวคนก็เบื่อ เหมือน ม.44 ยังไงก็ต้องลองลุ้นกันครับ