นัดพบ

กระทู้สนทนา

True love doesn't have a happy ending because true love never ends.
รักแท้ไม่ได้มีตอนจบที่สุขสมหวัง เพราะรักแท้ไม่มีวันสิ้นสุด

นัดพบ

ปีนี้ ฉันให้สัญญากับตัวเอง  จะดูแลตัวเองให้มากขึ้น  ด้วยการงดอาหารประเภททอดๆ ผัดๆ  น้ำมันเยิ้ม  รสจัด   อีกทั้ง ขนมหวานอันเป็นของโปรด  โดยจะหันมากินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ  รวมทั้งออกกำลังกายให้มากกว่าเดิม  

การออกกำลังกายของฉัน มีอยู่อย่าง ถ้าไม่ไปเต้นซุมบ้าที่ยิม   ก็จะออกไปเดินรอบๆหมู่บ้านที่อาศัย   ที่มีบ้านอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน  และอยู่ลึกเข้ามาในซอย  รถราไม่เยอะ ไม่ต้องกลัวว่าเดินๆไปแล้วรถจะมาเฉี่ยวชน

เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ที่ท้องฟ้าสดใส และอากาศเย็นสบาย  ฉันใส่กางเกงวอวร์ม ทีเชิ้ตเก่าๆ  รองเท้าผ้าใบคู่เก่ง   ออกจากบ้านได้ ก็เดินวนในซอยบ้านเป็นการวอร์มอัพ  จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังซอยหน้าหมู่บ้านที่เชื่อมไปยังถนนใหญ่  เดินมันอยู่ในซอย  ที่ความยาวกะคร่าวๆอยู่ในราวสองไมล์
จากปากทางเข้าหมู่บ้าน   ต้องเลี้ยวออกทางด้านขวามือเท่านั้น   เพราะด้านซ้ายเป็นทางตันที่มีสุสานเล็กๆตั้งอยู่ที่นั่น  

พูดถึงสุสาน  แรกที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้   ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่ามีสุสานที่นี่  เรื่องของเรื่องเพราะไม่สังเกตสังกา  เพราะว่าป้ายหมู่บ้านเป็นอิฐหนา โค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม  กับหญ้าที่ขึ้น รกชัฏบดบังจนมองไม่เห็น  จนเมื่ออยู่ไปหลายเดือน  แล้วออกไปเดินเล่นในวันนั้นเห็นเข้า ตกใจแทบสิ้นสติ  เรื่องของเรื่องเป็นเพราะฉันกลัวผีขึ้นสมองมาแต่เด็กๆ  แก้อย่างไรไม่หาย  และต่อให้ไปพบจิตแพทย์ก็คงเสียเงินเปล่า  เพราะตราบชั่วฟ้าดินสลาย  ยังไงเสีย  ฉันก็ไม่มีวันหายขาดจากโรคนี้ไปได้

“นี่คุณตอนซื้อบ้าน ไม่เห็นสุสานหรือไง” ฉันถามสุดที่รักอย่างเดือดดาล
“รู้”
“อ้าว ถ้ารู้แล้วทำไมยังซื้ออีก คุณก็รู้นี่นา ว่าฉันกลัวผี”
สุดที่รักหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับมา อย่างสวยงาม  ชนิดน่าให้โล่ หรือถ้วยทอง สักใบสองใบ

“คุณจะกลัวอะไรนักหนา  วันหนึ่งข้างหน้าคุณ   ผม และทุกคนก็ต้องไปอยู่ที่นั่น   แต่ตอนนี้ที่คุณยังไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น  ก็อยู่ที่บ้านของเราอย่างมีความสุขไปก่อน   เชื่อผมซิ  ถ้าคุณไม่ไปยุ่งกับเขา  พวกเขาก็ไม่มายุ่งกับคุณหรอก ”พูดจบก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้

ทำเอาฉันโกรธจนลมออกหู   จนอยากจะบีบคอเขาให้ 1 เด้ด-สะ-มอ-เร่ จะได้ไปอยู่ที่สุสานนั่น ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกัน   แต่พอหายโกรธ  แล้วมานั่งทบทวนในสิ่งที่เขาพูด  ฉันก็เห็นจริงไปกับเขา เพราะตั้งแต่วันแรกที่เราย้ายมาอยู่ในบ้านหลังนี้  เจ็ดปีเข้าปีนี้  ฉันไม่ไปยุ่งกับพวกเขา พวกเขาก็ไม่มายุ่งกับฉัน
ต่างคนต่างอยู่  ไม่รบกวนกัน

ขอโทษค่ะ  พูดทีไร เป็นต้องออกนอกเรื่องทุกที
ออกจากหมู่บ้านได้  ฉันก็จ้ำเอาๆ  โดยนิสัยส่วนตัว ฉันจะเป็นคนเดินเร็ว   และเวลาเดินจะก้มหน้าก้มตาไม่สนใจอะไร หรือใครๆ  ยิ่งตอนที่เดินผ่านสุสาน ยิ่งไม่มองใหญ่  
ในขณะที่กำลังจะตีวงเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน  ฉันก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเป็นสองเท่า  แม้จะเป็นกลางวัน  แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี  แต่พอเหลือบไปเห็นคุณยายที่นั่งคุกเข่า  ตรงหน้าหลุมศพด้านนอกใกล้กับทางเดินเล็กๆที่เชื่อมระหว่างถนนกับสุสาน  ฉันก็หยุดเดิน  แล้วยืนมอง  เพราะสนใจคุณยาย  กับดอกไม้ช่อสวยหลากสีในมือของแกขึ้นมา  ตอนนั้นคุณยายหันมาเห็นฉันพอดี  เลยทักทายยิ้มๆ

“ฮัลโล  มาเดินเล่นเหรอจ๊ะ  หนู “
“ค่ะ  มาเดินออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ และพลานามัย “  
“บ้านหนู  คงอยู่แถวนี้ซินะ  “
“ใช่ค่ะ  บ้านหลังสีเหลืองที่อยู่สุดซอยโน่น   “พูดจบก็ชี้มือไปในทิศทางที่บ้านตั้งอยู่   ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม ในเมื่อจากจุดนี้ ไปยังบ้านฉัน   อย่าว่าแต่ตัวบ้านเลย   แม้แต่หลังคาก็ไม่เห็น  ฉันทำอย่างนี้ประจำ  ประเภทพูดแล้วทำท่าประกอบ  อธิบายไม่ได้  ว่าทำเพราะเหตุใด  แต่มั่นใจ  ว่าหลายคนคงเคยทำอย่างฉันเหมือนกัน

คุณยายยิ้มให้ฉัน ก่อนจะบอกกับฉัน  ทั้งที่ฉันไม่ได้ถาม
“เมื่อก่อนฉันก็อยู่แถวนี้  แต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ซะไกล   แต่จะไกลอย่างไร  ก็ต้องเอาดอกไม้มาให้สามีฉัน “หยุดพูดหันไปมองหลุมศพ  ก่อนจะหันกลับมาทางฉัน
“เขาตายจากฉันไป  ยี่สิบเอ็ดปีเข้าปีนี้“

“คะ”  ฉันทำเสียงนั้นออกไป เพราะไม่รู้จะพูดอะไร   แต่ครั้นจะเดินหนี ก็เกรงใจ   ท่าทางคุณยายบอกฉันว่า กำลังหาเพื่อนคุย
“ ทำไมต้องรัดซะแน่นอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้  แกะเท่าไหร่แกะไม่ออก” คุณยายร้องออกมาดังๆ อย่างขัดใจ เมื่อดึงหนังยางที่รัดตรงปลายช่อดอกไม้ที่ห่อด้วยกระดาษแก้วใส   แต่ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออก

“ให้ฉันช่วยไหมคะ”  ฉันเสนอเพราะสงสาร  อย่าว่าแต่คุณยายที่นัยน์ตาฝ้าฟาง มือไม้ไม่ดีเลย  ตัวฉันเองซื้อดอกไม้มาทีไร  กว่าจะแกะยางออกได้ก็เล่นเอาเหนื่อย  บ่อยครั้งต้องอาศัยกรรไกร   ถึงจะเอาดอกไม้ออกจากห่อได้
“วิเศษไปเลย   ขอบใจนะหนู “

ฉันไม่รอช้า  ก้าวฉับๆไปหาคุณยาย  ไปถึงก็นั่งยองๆข้างๆ คุณยาย  ระหว่างที่ยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มานั้น  ก็มองไปที่ แผ่นหินจารึกหน้าหลุมฝังศพ ที่สลัก ชื่อ  วัน เดือน ปี เกิด    และ  วันตาย  
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า สามีคุณยายชื่ออะไร   ส่วนคุณยาย แม้จะไม่รู้จักชื่อแรก  แต่ก็ รู้ชื่อสกุล
ระหว่างที่รอฉันแกะหนังยางที่รัด  คุณยายก็เอามือเหี่ยวย่น  ปัดใบไม้ ฝุ่น และเศษหญ้า อยู่รอบๆแจกัน ที่ตั้งที่หน้าหลุมศพ  ที่ลอยมาตามลม  แล้วก็พูดกับฉันไปด้วย

”เมื่อก่อน ตอนที่หูตายังดี ฉันก็ขับรถมาเอง แต่พอหูตาเริ่มไม่ดี  ลูกหลานก็ขับมาส่ง  แต่จะมาได้ก็แต่วันอาทิตย์  เพราะวันธรรมดาเขาทำงานกัน  ตอนแรกๆ เขาก็มานั่งเป็นเพื่อน เบื่อขึ้นมาก็ไปนั่งรอในรถ   แต่พักหลังพอฉันนั่งคุยกับสามีนานๆ   เขาก็เลยขับรถมาส่ง แล้วรอให้ฉันเรียบร้อยเมื่อไหร่ ก็โทรให้เขามารับ“

ฉันไม่ว่าอะไรได้แต่พยักหน้ารับทราบ  พอแกะหนังยางเรียบร้อย  ก็ส่งดอกไม้ไปให้คุณยาย คุณยายขอบใจฉันพร้อมกับ  รับมันไป  มืออันเหี่ยวย่น และปูดโปนของแก  สั่นน้อยๆ   ขณะค่อยๆใส่มันลงในแจกัน  อย่างเบามือ    
“ว่าแต่หนูเถอะ แต่งงานแล้ว  หรือว่ายังโสด ล่ะ”   ถามโดยไม่ได้หันมามอง  เพราะกำลังสาระวนกับดอกไม้ในแจกัน
“แต่งงานแล้วค่ะ และเพิ่งจะฉลองวันครบรอบแต่งงานหยกๆ  เมื่อไม่กี่วันมานี้” ฉันตอบยิ้มๆ  คิดไปถึง  การ์ด กับ ดอกไม้ช่องามที่สุดที่รักมอบให้ตอนเช้า  พอตกเย็นก็พาไปกินข้าวที่ร้านอาหารร้านโปรด   สำหรับฉัน มันเป็นอาหารมื้อวิเศษที่สุดในโลก   มิใช่เพราะร้านหรู หรือราคาอาหารที่แพงระยับ  แต่เป็นเพราะความใส่ใจของเขา ที่รู้ว่าฉันรัก  และชอบอะไรต่างหาก
คุณยายหันมามองฉัน  พร้อมกับบอกฉันยิ้มๆ

“ยินดีด้วยนะจ๊ะ  ขอให้ชีวิตคู่ของหนู กับสามีอยู่กันยืนยาว “  พูดจบก็ค่อยๆเอาสองมือยันพื้น ลุกขึ้นมา  ฉันลุกขึ้นเร็วๆ  ถลันจะเข้าไปช่วย  แกก็ร้องเอะอะ
“ไม่ต้องหนู  อายุฉันยังไม่ถึงร้อยหรอกนะ ยังพอจะช่วยตัวเองได้อยู่ ”  แกพูดอย่างติดตลก ลุกขึ้นมาได้ ก็เอาสองมือปัดหัวเข่าที่เปื้อนดิน  และหญ้า
ฉันขยับจะเอ่ยลา  แต่ไม่ทันคุณยาย

“ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่  เรามีปากเสียงเถียงกัน  ประจำ  ในเรื่องไม่เป็นเรื่อง และคนเริ่มต้นก็คือฉันนี่แหละ  เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไร ก็ไม่ได้ดั่งใจ แต่เขาก็ไม่เถียงนะ  เอาแต่ฟัง   และพอฉันพูดจบ เขาก็จะบอกว่าฉันว่าขอโทษ  ทั้งที่เขาไม่ผิด  เพราะอย่างนี้  ฉันจึงได้มาหาเขา   ไม่ใช่แค่มาขอโทษ  ที่เคยพูด  และทำไม่ดีกับเขา  แต่ยังมาบอกเขา ทุกครั้งที่มาหา  ว่าฉันรักเขามากแค่ไหน  และคิดถึงเขามากเพียงไร”  คุณยายหยุดพูด ถอนใจยาว ดวงตาฝ้าฟางมีน้ำใสๆเอ่อท้นหัวตานิดๆ  ก่อนจะพูดต่อไปเสียงสั่นๆ
“ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน  ฉันก็รักใครไม่ได้อีกแล้ว นอกจากเขาคนเดียว  ”


“สามีของคุณ เป็นผู้ชายที่โชคดีมากเลยนะคะ ที่ได้ภรรยาอย่างคุณ  ”  ฉันพูดจากใจจริง ไม่ได้แสร้งชม   ภรรยาที่รัก และภักดีต่อสามี มีอยู่ไม่น้อย  แต่จะมีสักกี่คน  ที่ทำได้อย่างคุณยาย

คุณยายค้านฉันด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ฉันต่างหาก ที่โชคดี  ได้เขามาเป็นคู่ชีวิต  เพราะว่าในโลกนี้  จะมีใครรักและเข้าใจฉันเท่าเขา  ไม่มีอีกแล้ว ”  คุณยายพูดจบก็ยิ้มเศร้าๆ  ก่อนจะบอกกับฉัน “ ขอโทษจริง  ที่ชวนหนูคุยเรื่องของเรา  ทำให้หนูเสียเวลา”
“เสียเวลาที่ไหนกันคะ  เรื่องราวของคุณทั้งสอง เป็นเรื่องที่น่าประทับใจจริงๆ  เรื่องดีๆ อย่างนี้ความจริงน่าจะพาดข่าวหน้าหนึ่ง ทุกๆวัน ”  ฉันพูดอย่างที่คิด  
“หนู  ชอบฟังเรื่องราวของเรา จริงๆเหรอจ๊ะเนี่ย” คุณยายถามด้วยน้ำเสียง และสีหน้าตื่นเต้น
“จริงซิคะ  เรื่องราวดีๆ และน่ารักอย่างนี้  ฉันนั่งฟังเป็นวันๆยังได้”

คำตอบของฉัน ทำให้คุณยายยิ้มกว้าง ดวงตาที่ฝ้าฟาง เป็นประกาย   ก่อนจะกล่าวกับฉันอย่างตื่นเต้น
“เรื่องราวของเรา  ยังมีอีกเยอะเลยนะ  ถ้าหนูอยากฟังจริงๆ  ฉันจะเล่าให้ฟัง  อาทิตย์หน้าเป็นไง  ที่นี่  เวลาเดิม”
“ตกลงค่ะ” ฉันตอบโดยไม่คิด  
“ดีใจจัง ที่จะได้พบกับหนูอีก” คุณยายบอกฉันยิ้มๆพร้อมกับยิ้มแก้มแทบปริ   แกขอบใจฉันอยู่หลายครั้ง ทั้งเรื่องที่ฉันช่วยแกะกระดาษห่อดอกไม้  และรับฟังเรื่องราวของแกกับสามี

ระหว่างเดินกลับบ้าน  ฉันก็คิดถึงเรื่องของคุณยายกับคู่ชีวิตไปตลอดทาง  ยิ่งคิด ก็ยิ่งสะกิดใจกับคำพูดของคุณยายประโยคนั้น
“ถ้าทำได้  ฉันอยากจะย้อนเวลากลับไป  จะได้เจอเขาให้เร็วกว่านี้   รักเขาให้มากกว่านี้   และจะได้อยู่กับเขาให้นานกว่านี้”

พอฉันก้าวเข้ามาในบ้าน  สุดที่รักเห็นฉันยิ้มแฉ่ง   ก็เลยเย้ายิ้มๆ
“ผมพูดผิดปากเสียที่ไหน   ไปเดินออกกำลังกาย  ร่างกายแข็งแรง  หน้าตาก็สดใส  มีความสุข“
ฉันยิ้มให้เขา  แต่ไม่ได้บอกความในใจ   ว่าที่ฉันยิ้ม  ไม่ใช่เพราะออกไปเดินออกกำลังกายหรอกนะ   หากตื่นเต้น และยินดี ที่อาทิตย์หน้าจะได้พบกับคุณยายต่างหาก  .

ขอบคุณเพื่อนๆนักเขียน นักอ่าน ทุกๆท่านที่แวะเวียนมาอ่าน มาโหวต  เป็นกำลังใจให้  และนักอ่านไร้เงา ก็ขอขอบคุณเช่นกันนะคะ
ถ้า งานเขียน มีอะไรขาดตกบกพร่องไป  ต้องขออภัย  
หากหลงลืมตกหล่น  ชื่อของเพื่อนๆ นักเขียน นักอ่านท่านใดไป ก็ต้องขอโทษอีกเช่นกันค่ะ

จากเรื่องที่แล้ว  คุณสมาชิก 1520332  หลงรัก ,คุณดาบ อนุชา ถูกใจ


คุณ Mareeraya หลงรัก , คุณลายลิขิต หลงรัก , Psycho man ซึ้ง, คุณ   lovereason หลงรัก, คุณอ้อม สมาชิก  หมายเลข   868666 หลงรักคุณ, น้องดาว  Lady Star  919 ซึ้ง,  คุณ  Kdunagin ถูกใจ ,คุณออมอำพัน  ซึ้ง, คุณ   คุณ  Kasareev ซึ้ง,  คุณเปลวอัคคี หลงรัก ,  Darasawan หลงรัก, คุณ Susisiri หลงรัก , คุณ  Can live หลงรักช่างอาร์ต ถูกใจ, , คุณอ้น Psyco factory ถูกใจ,  คุณกาปอมซ่า หลงรัก ,คุณ ปริยาธร  ถูกใจ,คุณ เกสรผกา หลงรัก, คุณเปรียว sixtyone ถูกใจคุณ,Draconia ถูกใจ,คุณอรุโณชา  ถูกใจ  ,คุณเขมปัณณ์ ถูกใจ, คุณ นลินมณี (คุณแอน)  หลงรัก, คุณ วราภรณ์  Pink  ถูกใจ, คุณครูเคียงเดือน หลงรัก,   คุณอรุสา ถูกใจ,คุณสมาชิก 1117543 ซึ้ง ,คุณริมแม่โขง ซึ้ง, คุณขิ่นแล ถูกใจ,คุณ  kinkan00 หลงรัก, คุณ Nevica หลงรัก , คุณ  มิยุจังน่ารักค่ะ ถูกใจ,  คุณปิยะรักษ์  ถูกใจ, คุณ โค อัสดง ถูกใจ, คุณ มาโซคิส  หลงรัก, คุณแววตาใสใส ถูกใจ,  , คุณ เมฆน้อยลอยรัก หลงรัก,คุณหางหวาย ขำ,คุณect_chamon หลงรัก , คุณ พาราพัฒน์   หลงรัก, คุณทัดทาน 22539 ถูกใจ, คุณสมาชิก หมายเลข 1450650 ถูกใจ, คุณสมาชิก1182478 ซึ้ง  ,คุณแม่ใจดี หลงรัก, คุณแอม วิเชียรฉาย ถูกใจ , คุณแก้วกรกซ ซึ้ง , คุณมาเขียนกลอน (คุณฝ้าย) คุณมาเขียนกลอน (คุณฝ้าย) หลงรัก , คุณ sixty –half ขำกลิ้ง , คุณ Zoi ถูกใจ, คุณกิดาหยัน ขำกลิ้ง , คุณสวยสามโลก ถูกใจ,คุณสมาชิก หมายเลข 1986733 หลงรัก, คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค หลงรัก ,  คุณชลบุรี  มามี่คลับ  ขำกลิ้ง  , คุณ นิตยา นิรันดร์รัก ถูกใจ  ,คุณ สมาชิก  หมายเลข  1437326  ถูกใจ,  คุณบุษยา โรส  ถูกใจ ,คุณบุษบา คะนึงฝัน หลงรัก ,คุณอาชาไพร  หลงรัก  , คุณ  Nangkwaug_fah หลงรัก, , คุณ หอมมาก  หลงรัก ,คุณสมาชิก 1421782,  คุณ  Peace brother , คุณ บ้านสายไหม หลงรัก , คุณสมาชิกหมายเลข 1018021,  ,คุณ My birthday is on Apr
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่