แม่ ... Happy Mother's Day
“คุณหนูขา ถ้าเย็นนี้ไม่ยุ่งอะไร ช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แม่หน่อยได้ไหม แม่ คันเนื้อคันตัวคะเยอ ไม่รู้ว่ามด หรือแมลงมันอยู่ในผ้าปูหรือเปล่า นะคะ คุณหนู เปลี่ยนผ้าปูให้แม่หน่อย” แม่เอ่ยปากกับฉัน แม่จะปากหวานอย่างนี้ทุกครั้ง ที่จะให้ฉันทำอะไรให้
“เปลี่ยนผ้าปู อีกแล้วเหรอแม่ อะไรกัน หนูเพิ่งจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไปหยกๆ เมื่อสองวันก่อน ” ฉันร้องออกมาดังๆ นิ่วหน้า
“สองวันที่ไหน เกือบจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไหว้วานแค่นี้ พูดมาก นี่ถ้ามือไม้ดีๆ ไม่ใช้หรอกนะ ทำเอง” แม่ท้วงยืดยาว พูดจบก็สะบัดหน้าพรืด เดินโขยกเขยกจากไป ทิ้งให้ฉันนั่งหงุดหงิดอยู่คนเดียว
ปูที่นอนให้แม่ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสำหรับฉันก็จริง แต่ทำไม ฉันจึงหงุดหงิดทุกครั้งที่แม่เอ่ยปาก หรือจะเป็นเพราะฉันติดกับภาพลักษณ์เก่าๆของแม่ ครั้งที่แม่ยังสาว
ตอนนั้นแม่แคล่วคล่อง ทำงานนอกบ้านเสร็จ กลับมาถึงบ้าน ทำกับข้าว ล้างชาม ถูบ้าน ทั้งที่งานนอกบ้านก็หนักหนาพออยู่แล้ว
ถ้าเป็นคนอื่น คงบ่นตาย แต่แม่ไม่พูด ไม่บ่น ก้มหน้าก้มตา ทำงานงกๆ จะมีบ้างนานๆครั้ง ตอนที่เงินเกิดขาดมือ นั่นแหละ แม่ถึงจะบ่น
ไม่ใช่กับพวกเรา แต่บ่นตัวเอง
“ นี่ถ้าเรียนหนังสือหนังหา อย่างคนอื่นเขา ก็คงไม่ลำบากขนาดนี้ พ่อแม่ให้เรียน ไม่สนใจ แส่ไปติดผู้ชาย สุดท้ายก็ถูกเขาหลอกเอา สะใจดีไหมล่ะ”
ผู้ชายในที่นี้ แม่หมายถึงพ่อ ที่ทอดทิ้งเราไปอยู่กับเมียใหม่ ลูกใหม่ ครอบครัวใหม่ โดยไม่หันมาดูดำดูดี
“จำไว้นะ ถ้าไม่อยากลำบาก อย่างฉันละก็ ตั้งหน้าตั้งตา ศึกษาหาความรู้ เรียนสูงๆ จบไปจะได้ทำงานดีๆ ได้เป็นเจ้าคนนายคน ” แม่เพียรพร่ำ สอนฉันกับน้องอย่างนี้
แม่บอกให้ฉันกับน้องตั้งใจเรียน ทั้งแม่ยังสอนให้เราอดทน ช่วยเหลือตัวเอง แม่ว่า ในโลกนี้ เราพึ่งใครไม่ได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้น
เพราะแม่คิดอย่างนี้กระมัง ยามที่ฉันไม่ระวัง เดินๆไป เกิดหกล้มต่อหน้าแม่ หัวเข่าแตกเลือดออกซิบๆ แล้วฉันนั่งโอดโอยไม่ขยับ หวังว่าแม่จะยื่นมือให้ฉัน ดึงฉันขึ้นมา พร้อมกับปลอบใจ แต่ฉันคิดผิด เพราะนอกจากแม่จะไม่ดึงฉันขึ้นมา พร้อมกับปลอบใจ แม่ยังตวาดแวด
“ หัวเข่าแตกแค่นี้ ไม่ตายหรอกน่า แล้วนั่นยังจะนั่งอยู่ทำไม หรือจะอยากจะโดนซ้ำ เอาตรงแผลนั่น ดีไหม ” แม่พูดพร้อมกับเงื้อมือ แต่ไม่ทันจะลงมือ ฉันก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเสียก่อน
เหตุการณ์แต่หนหลัง ระหว่างแม่กับฉัน ไม่ได้เลือนไปกับกาลเวลา หากติดแน่นในใจฉัน ฉันมักจะนึกถึงมันเสมอ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือแค่เผลอไผล เพราะว่างจัด และเรื่องที่ผ่านเข้ามาให้ฉันคิด ไม่ว่าจะเพราะแค่เผลอไผล หรือ เพราะว่าตั้งใจ คงจะไม่พ้นเรื่องแม่รับจ้างหาบน้ำ
ทุกครั้งที่น้ำประปาแถวบ้านเกิดไม่ไหลขึ้นมา จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แม่จะรับจ้างเพื่อนบ้านแถวนั้น หาบน้ำจากปั๊มส่วนกลางที่อยู่หลังวัด แม้จะได้ค่าจ้างน้อยนิด ปี๊บละไม่กี่บาท แม่ก็เอา แม่ว่า ดีกว่าอยู่เปล่าๆ
ภาพแม่หาบปี๊บน้ำด้วยไม้คาน ท่ามกลางแสงแดดที่แผดกล้า เที่ยวแล้วเที่ยวเล่า ถึงแม่ไม่พูด แต่ฉันรู้ว่าน้ำคงหนักไม่ใช่เล่น ไม่อย่างนั้น ไหล่ทั้งสองของแม่คงไม่ลู่อย่างที่เห็น
แต่ไม่ว่าจะหนักเพียงไร แม่ไม่ปริปากบ่น ฉันเสียอีก แค่เดินตามแม่ไปมาอยู่สองรอบ พอหิวข้าวขึ้นมา ก็โอดครวญเอากับแม่ ทั้งที่หนักก็หนัก แต่แม่ก็หยุดกลางทาง เพราะทนเสียงลูกรบเร้าไม่ไหว
“เอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินลองท้อง แล้วอย่าลืมแบ่งให้น้องด้วยล่ะ ” แม่ร้องบอก ดึงเงินออกมาจากชายพก ยื่นให้ฉัน ฉันยื่นมือไปรับเงินมาจากมือแม่ เหงื่อแม่ก็หยดแปะลงมือฉัน
ฉันถอนใจยาว สลัดภาพเหตุการณ์ในอดีตออกไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเสียใจแล่นเข้ามาแทนที่ ที่พูดอะไรไม่ดีไปกับแม่เมื่อกี้ ถ้าฉันคิด ก็คงไม่พูด
น้ำในปี๊บออกหนัก แม่ยังแบกไปมา เพื่อให้ฉันกับน้องมีเงินไปกินก๋วยเตี๋ยว กับอีแค่ปูที่นอนให้แม่ ฉันกลับทำราวว่ามันยุ่งยาก และใหญ่โตเสียเหลือเกิน
ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกผิดเหลือเกิน
“ คิดเรื่องแม่ทีไร กลุ้มใจทุกที “ ฉันบ่นกับน้องสาว ในเรื่องแม่ ที่ค้างคาใจแต่วันก่อน
“ เรื่องอะไร มิทราบ” น้องสาวได้ยิน เลยถามยิ้มๆ
“ก็แม่นะซิ กะอีแค่ปูที่นอนง่ายๆ ยังทำไม่ได้ ”
“ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ที่แม่ไม่ทำ เพราะเห็นว่ามีเธอกับฉัน ทำให้ ” น้องสาวว่า
“แล้วหากวันหนึ่งไม่มีเราสองคน แม่จะทำอย่างไร ” ฉันถามน้องสาวอย่างเครียดๆ ทั้งที่ปกติฉันเป็นคนร่าเริง จะเครียดก็แต่เรื่องแม่เรื่องเดียว กลัวเหลือเกิน หากฉัน กับน้องเป็นอะไรไป จะไม่มีใครดูแลแม่ เพราะเราก็มีกันอยู่แค่นี้ที่เห็น
น้องสาวหัวเราะฮึๆ
“ เธอนี่ นับวันจะเหมือนแม่เข้าไปทุกที “
“เหมือนยังไง ไม่เข้าใจ ” ฉันถามงงๆ เกาศีรษะแกรกๆ
“อ้าว จำไม่ได้หรือไง ตอนเรายังเด็ก แม่จะพูดอย่างนี้ประจำ ถ้าฉันเป็นอะไรไป เราสองคนจะอยู่อย่างไร “
น้องพูดถูกจริงๆนั่นแหละ แม่พูดประโยคนี้ประจำ ฉันคิดเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วก็นึกไปถึงบทสนทนาระหว่างแม่กับยาย ที่ฉันได้ยินโดยบังเอิญเมื่อครั้งกระโน้น
“ หนูกลุ้มใจจังเลยแม่ ถ้าเกิดหนูเป็นอะไรไป ลูกหนูจะอยู่ยังไง ใครจะเลี้ยงลูกหนู ”
“ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่ด้วยกันนี่แหละ แล้วต่อไป ห้ามพูดอย่างนี้อีก ฟังแล้ว ใจคอไม่ดี รู้ไหม” ยายท้วงดังๆ ยายเองก็คงจะกลัวเหมือนกับแม่ ถ้าแม่เกิดเป็นอะไรไป ตัวเองจะดูแลหลานสองคนที่กำลังกินกำลังนอน อย่างไร ในเมื่อยายเองนั้นแก่ชรา แถมความรู้ก็ไม่มีกับเขา
จู่ๆฉันก็หัวเราะขึ้นมา น้องสาวเลยถามงงๆ
“ เมื่อกี้ยัง เครียดอยู่หยกๆ เดี๋ยวเดียวหัวเราะซะแล้ว เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบคะคุณพี่ “
“ เธอจำเรื่องที่แม่ไปกินสุกี้กับเรา ที่เซ็นทรัลได้ไหม ” ฉันไม่ตอบ กลับถามน้องสาว ระหว่างรอคำตอบ ก็หัวเราะคิกๆ
น้องสาว ซึ่งรู้ ว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร หัวเราะชอบใจ เพราะตัวหล่อนเองก็ประทับใจกับ เหตุการณ์นั้น ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าฉัน แทนที่จะให้ฉันเป็นฝ่ายเล่า หล่อนก็เลยจัดการเล่าเรื่องนั้นเสียเอง
“จำได้ดีเลยแหละ วันนั้นเธอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุกี้ฉันกับแม่ ขาไป แม่กระตือรือร้นมาก เพราะสุกี้นะของโปรดของแม่ ตอนกินนะไม่มีปัญหา แต่พอกินอิ่มเท่านั้น แม่ก็กลายเป็นคนละคน เราชวนไปเดินดูของ แม่ก็อิดออด อ้างว่าขาไม่ดี เดินตามหลังช้าๆ เราเดินไปเดินมา หันไปอีกที แม่กำลังจะออกประตูห้าง พอเราตามไปทัน แม่ก็โดดขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเรียบร้อย บอกไม่ไหว อิ่มแล้ว จะกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน ” น้องสาวพูดจบก็หัวเราะคิกคัก ฉันเองก็หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล
บ่ายวันนั้น.. ฉันเพิ่งจะกลับจากทำธุระนอกบ้าน สวนกับแม่หน้าปากซอย แม่เพิ่งกลับจากตลาด จ่ายของมาเต็มตะกร้า
“ ซื้ออะไรมาแม่ เยอะแยะไปหมด ” ฉันถาม ตาทั้งสองก็สอดส่ายไปที่ตะกร้า ดูซิ ว่ามีอะไรบ้าง
“ น้องสาวเรา เขาบ่นว่าอยากกิน ต้มยำกุ้ง ก็เลยทำให้เขากินซะหน่อย ” แม่บอกฉันยิ้มๆ
“ เสียดายจัง ถ้าหนูกลับมาเร็วกว่านี้ แม่ก็คงไม่เหนื่อย หนูว่าจะพาแม่ออกไปกินสุกี้ ที่เซ็ลทรัล สักหน่อย” ฉันเหย้าแม่ยิ้มๆ แม่เองหรี่ตามองอย่างรู้ทัน เพราะเรื่องที่แม่ไปกินสุกี้ กับเรา แล้วโดดขึ้น มอเตอร์ไซค์ หนีเราสองคนกลับบ้าน ตอนนี้ ได้กลายเป็นตำนานไปซะแล้ว เราสองคนพี่น้อง เจอใคร เป็นต้องเล่าเรื่องนี้ แม่เองตอนแรกก็เครียด นานเข้าก็ขำ
“แซวฉัน เรื่องนั้น อีกแล้วใช่ไหม ถามหน่อย ใจคอจะพูดเรื่องสุกี้อีกนานเท่าไหร่ ” แม่ถามเสร็จ ก็หรี่ตามอง
“ หนูพูดจริงๆนะแม่ ” ฉันยืนยันยิ้มๆ แม่ชี้หน้าว่าให้
“ อย่ามาไก๋ หน่อยเลย ถ้ารู้ไม่ทันเรา คงเป็นแม่เราไม่ได้หรอก “ ว่าแล้วแม่ก็เดินนำหน้า โดยมีฉันเดินขนาบไปข้างๆ
“ แม่ หนูอยากกินน้ำพริกปลาทูจัง ” ฉันพูดพร้อมกับดึงตะกร้ากับข้าวมาจากมือแม่อย่างประจบ แม่ยิ้มให้ฉัน แต่ฉันรู้สึกว่ายิ้มของแม่ดูมีเลศนัย อย่างไรชอบกล
“ เราชอบ ปลาทู ที่ทอดกรอบๆ ส่วนน้ำพริก เปรี้ยวนิดๆ หวานปะแล่มๆ ” แม่บรรยาย ละเอียดลออ จนน้ำลายฉันสอ
“ ใช่จ้ะๆ “ ฉันบอกแม่ดังๆ พยักหน้าติดกันถี่ๆ อย่างกับเด็กตัวเล็กๆช่างประจบ ยามที่อยากจะได้ของเล่น หรือขนม
“อยากกิน ไม่มีปัญหา เดี๋ยวทำให้ แต่มีข้อแม้ ….“ แม่พูดค้างไว้ พร้อมกับมองหน้าฉันยิ้มๆ
“อะไรเหรอแม่”
“ เราต้องไปปูที่นอนให้แม่ก่อน “
“ปูที่นอนอีกแล้ว” ฉันร้องออกมาดังๆ “ อะไรกันแม่ ก็หนูเพิ่งจะไปปูให้หยกๆ “ ฉันร้องออกมาอย่างแปลกใจ นิ่วหน้ามอง
“ หยกๆที่ไหนกัน ร่วมสองอาทิตย์ แล้วนะ ”
ฟังแม่ว่า ฉันก็อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก นึกอยู่แล้วเชียว ทำไมแม่ถึงได้ยิ้มแปลกๆ ที่แท้ แม่ก็จะให้ฉันปูที่นอนให้นี่เอง
“สรุปว่า จะกินไหม น้ำพริกปลาทู ”แม่ที่ถือไพ่เหนือฉัน ร้องถาม ฉันจะไปว่าอะไร ความที่อยากกินน้ำพริกปลาทู ก็เลยตอบแม่
เสียงอ่อยๆ
“ตกลง จ้ะ”
แม่ได้ยินก็หัวเราะร่า ก่อนจะร้องบอกฉันดังๆ
“ งั้นจะรออะไรอีกล่ะ รีบไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเร็วๆ แม่ก็ได้เข้าครัว ทำน้ำพริกปลาทูให้เรากิน ”
“เดี๋ยวก่อนแม่ แม่บอกว่าเดี๋ยวทำน้ำพริกปลาทูให้หนูกิน แม่มีปลาทู , พริก, กะปิ แล้วเหรอ” ฉันถามอย่างฉงน มองหน้าแม่ที่ยิ้มเผล่
แม่หัวเราะนิดๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาเฉลยใกล้ๆ
“ซื้อมาหมดแล้ว เพราะสองวันก่อน ได้ยินเราบ่นว่าอยากกิน ก็เลยจะทำให้กินเสียวันนี้เลย “
“เหอ” ฉันร้องออกมาดังๆ พูดไม่ออก ได้แต่มองแม่ตาปริบๆ
“แล้วจะยืนงงทำไม ไปซิ ไปรีบปูที่นอนเข้า เสร็จแล้วจะได้กิน น้ำพริกปลาทู เดี๋ยวแม่จะทำให้สุดฝีมือเลยนะ “แม่เตือนยิ้มๆ แล้วก็เดินนำหน้า ระหว่างเดินไปนั้น ก็ฮัมเพลงโปรดของแม่ไปด้วย ดูแม่จะมีความสุขเสียจริงๆ
ผิดกับฉัน ที่เดินคอตกถือตะกร้าตามหลังแม่ต้อยๆ เครียดสุดๆ ไม่ใช่เพราะต้องปูที่นอนให้แม่ แต่เครียด ที่ไม่เคยตามแม่ทันสักที.
Happy Mother's Day
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขในวันแม่นะคะ
และขอบคุณ สำหรับ หลากหลาย อารมณ์ ที่ทุกท่านโหวตให้ ทั้ง ถูกใจ, หลงรัก, ซึ้ง, ขำกลิ้ง จากเรื่องก่อน….
ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆค่ะ
คุณ Mareeraya , คุณ โค อัสดง, คุณ lovereason, คุณ kinkan00, คุณ Psycho man , คุณ มาโซคิส , คุณ Darasawan
คุณ Nevica , คุณ Kasareev , คุณเปลวอัคคี , คุณอรุโณชา , ,คุณ Can live , คุณ บ้านสายไหม, คุณect_chamon , คุณปิยะรักษ์
คุณ สมาชิก หมายเลข 868666 ( คุณ เพ็ญพิชญา ) ,คุณ ปริยาธร , คุณ เกสรผกา, คุณ คุณหนอนแบกเป้ , คุณ สมาชิกหมายเลข 1034424, คุณสมาชิก 1421782 ,คุณสมาชิก 1455332, คุณ Peace brother , คุณสมาชิกหมายเลข 1018021, คุณ Draconia , คุณเขมปัณณ์ , คุณ My birthday is on April 14 , คุณ พ .ชมภัค , คุณ moonpeace ,คุณ Dragonfly 7 colorsคุณ Susisiri ถูกใจ , คุณ จอมโจรฮาร์ทบีท , คุณ แอม วิเชียรฉาย ขำกลิ้ง , คุณ สมาชิก หมายเลข 1311253 ถูกใจ , คุณอาชาไพร หลงรัก , คุณ Sentimentally smooth คุณ พาราพัฒน์ หลงรัก , คุณ Psyco factory ถูกใจ , คุณชลบุรี มามี่คลับ ขำกลิ้ง , คุณ นิตยา นิรันดร์รัก ถูกใจ , คุณ สมาชิก หมายเลข 1437326 ถูกใจ, คุณ บุษยา โรส ถูกใจ , คุณ วราภรณ์ Pink ถูกใจ , คุณ หอมมาก หลงรัก คุณ ทบทวน จินตนา ถูกใจ , คุณ พันธะ ตลอดไป ถูกใจ ,คุณ สวนดอก ถูกใจ , คุณ มิยุจังน่ารักค่ะ ถูกใจ คุณป้ามล , คุณป้ามหาเสน่ห์ , คุณ ชะนี ฟรีแลนซ์ และอีกหลายต่อหลายท่านที่ผ่านมาอ่านโดยบังเอิญ ไม่ได้เม้นท์ หรือโหวต คนเขียนก็ขอบขอบคุณนะคะ
ป.ล.จั่วหัวเรื่องตกหล่น เพิ่งจะเห็น ขออภัยนะคะ
แม่ .... Happy Mother Day
“คุณหนูขา ถ้าเย็นนี้ไม่ยุ่งอะไร ช่วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แม่หน่อยได้ไหม แม่ คันเนื้อคันตัวคะเยอ ไม่รู้ว่ามด หรือแมลงมันอยู่ในผ้าปูหรือเปล่า นะคะ คุณหนู เปลี่ยนผ้าปูให้แม่หน่อย” แม่เอ่ยปากกับฉัน แม่จะปากหวานอย่างนี้ทุกครั้ง ที่จะให้ฉันทำอะไรให้
“เปลี่ยนผ้าปู อีกแล้วเหรอแม่ อะไรกัน หนูเพิ่งจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนไปหยกๆ เมื่อสองวันก่อน ” ฉันร้องออกมาดังๆ นิ่วหน้า
“สองวันที่ไหน เกือบจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไหว้วานแค่นี้ พูดมาก นี่ถ้ามือไม้ดีๆ ไม่ใช้หรอกนะ ทำเอง” แม่ท้วงยืดยาว พูดจบก็สะบัดหน้าพรืด เดินโขยกเขยกจากไป ทิ้งให้ฉันนั่งหงุดหงิดอยู่คนเดียว
ปูที่นอนให้แม่ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสำหรับฉันก็จริง แต่ทำไม ฉันจึงหงุดหงิดทุกครั้งที่แม่เอ่ยปาก หรือจะเป็นเพราะฉันติดกับภาพลักษณ์เก่าๆของแม่ ครั้งที่แม่ยังสาว
ตอนนั้นแม่แคล่วคล่อง ทำงานนอกบ้านเสร็จ กลับมาถึงบ้าน ทำกับข้าว ล้างชาม ถูบ้าน ทั้งที่งานนอกบ้านก็หนักหนาพออยู่แล้ว
ถ้าเป็นคนอื่น คงบ่นตาย แต่แม่ไม่พูด ไม่บ่น ก้มหน้าก้มตา ทำงานงกๆ จะมีบ้างนานๆครั้ง ตอนที่เงินเกิดขาดมือ นั่นแหละ แม่ถึงจะบ่น
ไม่ใช่กับพวกเรา แต่บ่นตัวเอง
“ นี่ถ้าเรียนหนังสือหนังหา อย่างคนอื่นเขา ก็คงไม่ลำบากขนาดนี้ พ่อแม่ให้เรียน ไม่สนใจ แส่ไปติดผู้ชาย สุดท้ายก็ถูกเขาหลอกเอา สะใจดีไหมล่ะ”
ผู้ชายในที่นี้ แม่หมายถึงพ่อ ที่ทอดทิ้งเราไปอยู่กับเมียใหม่ ลูกใหม่ ครอบครัวใหม่ โดยไม่หันมาดูดำดูดี
“จำไว้นะ ถ้าไม่อยากลำบาก อย่างฉันละก็ ตั้งหน้าตั้งตา ศึกษาหาความรู้ เรียนสูงๆ จบไปจะได้ทำงานดีๆ ได้เป็นเจ้าคนนายคน ” แม่เพียรพร่ำ สอนฉันกับน้องอย่างนี้
แม่บอกให้ฉันกับน้องตั้งใจเรียน ทั้งแม่ยังสอนให้เราอดทน ช่วยเหลือตัวเอง แม่ว่า ในโลกนี้ เราพึ่งใครไม่ได้ นอกจากตัวเราเองเท่านั้น
เพราะแม่คิดอย่างนี้กระมัง ยามที่ฉันไม่ระวัง เดินๆไป เกิดหกล้มต่อหน้าแม่ หัวเข่าแตกเลือดออกซิบๆ แล้วฉันนั่งโอดโอยไม่ขยับ หวังว่าแม่จะยื่นมือให้ฉัน ดึงฉันขึ้นมา พร้อมกับปลอบใจ แต่ฉันคิดผิด เพราะนอกจากแม่จะไม่ดึงฉันขึ้นมา พร้อมกับปลอบใจ แม่ยังตวาดแวด
“ หัวเข่าแตกแค่นี้ ไม่ตายหรอกน่า แล้วนั่นยังจะนั่งอยู่ทำไม หรือจะอยากจะโดนซ้ำ เอาตรงแผลนั่น ดีไหม ” แม่พูดพร้อมกับเงื้อมือ แต่ไม่ทันจะลงมือ ฉันก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเสียก่อน
เหตุการณ์แต่หนหลัง ระหว่างแม่กับฉัน ไม่ได้เลือนไปกับกาลเวลา หากติดแน่นในใจฉัน ฉันมักจะนึกถึงมันเสมอ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือแค่เผลอไผล เพราะว่างจัด และเรื่องที่ผ่านเข้ามาให้ฉันคิด ไม่ว่าจะเพราะแค่เผลอไผล หรือ เพราะว่าตั้งใจ คงจะไม่พ้นเรื่องแม่รับจ้างหาบน้ำ
ทุกครั้งที่น้ำประปาแถวบ้านเกิดไม่ไหลขึ้นมา จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แม่จะรับจ้างเพื่อนบ้านแถวนั้น หาบน้ำจากปั๊มส่วนกลางที่อยู่หลังวัด แม้จะได้ค่าจ้างน้อยนิด ปี๊บละไม่กี่บาท แม่ก็เอา แม่ว่า ดีกว่าอยู่เปล่าๆ
ภาพแม่หาบปี๊บน้ำด้วยไม้คาน ท่ามกลางแสงแดดที่แผดกล้า เที่ยวแล้วเที่ยวเล่า ถึงแม่ไม่พูด แต่ฉันรู้ว่าน้ำคงหนักไม่ใช่เล่น ไม่อย่างนั้น ไหล่ทั้งสองของแม่คงไม่ลู่อย่างที่เห็น
แต่ไม่ว่าจะหนักเพียงไร แม่ไม่ปริปากบ่น ฉันเสียอีก แค่เดินตามแม่ไปมาอยู่สองรอบ พอหิวข้าวขึ้นมา ก็โอดครวญเอากับแม่ ทั้งที่หนักก็หนัก แต่แม่ก็หยุดกลางทาง เพราะทนเสียงลูกรบเร้าไม่ไหว
“เอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกินลองท้อง แล้วอย่าลืมแบ่งให้น้องด้วยล่ะ ” แม่ร้องบอก ดึงเงินออกมาจากชายพก ยื่นให้ฉัน ฉันยื่นมือไปรับเงินมาจากมือแม่ เหงื่อแม่ก็หยดแปะลงมือฉัน
ฉันถอนใจยาว สลัดภาพเหตุการณ์ในอดีตออกไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเสียใจแล่นเข้ามาแทนที่ ที่พูดอะไรไม่ดีไปกับแม่เมื่อกี้ ถ้าฉันคิด ก็คงไม่พูด
น้ำในปี๊บออกหนัก แม่ยังแบกไปมา เพื่อให้ฉันกับน้องมีเงินไปกินก๋วยเตี๋ยว กับอีแค่ปูที่นอนให้แม่ ฉันกลับทำราวว่ามันยุ่งยาก และใหญ่โตเสียเหลือเกิน
ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกผิดเหลือเกิน
“ คิดเรื่องแม่ทีไร กลุ้มใจทุกที “ ฉันบ่นกับน้องสาว ในเรื่องแม่ ที่ค้างคาใจแต่วันก่อน
“ เรื่องอะไร มิทราบ” น้องสาวได้ยิน เลยถามยิ้มๆ
“ก็แม่นะซิ กะอีแค่ปูที่นอนง่ายๆ ยังทำไม่ได้ ”
“ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ที่แม่ไม่ทำ เพราะเห็นว่ามีเธอกับฉัน ทำให้ ” น้องสาวว่า
“แล้วหากวันหนึ่งไม่มีเราสองคน แม่จะทำอย่างไร ” ฉันถามน้องสาวอย่างเครียดๆ ทั้งที่ปกติฉันเป็นคนร่าเริง จะเครียดก็แต่เรื่องแม่เรื่องเดียว กลัวเหลือเกิน หากฉัน กับน้องเป็นอะไรไป จะไม่มีใครดูแลแม่ เพราะเราก็มีกันอยู่แค่นี้ที่เห็น
น้องสาวหัวเราะฮึๆ
“ เธอนี่ นับวันจะเหมือนแม่เข้าไปทุกที “
“เหมือนยังไง ไม่เข้าใจ ” ฉันถามงงๆ เกาศีรษะแกรกๆ
“อ้าว จำไม่ได้หรือไง ตอนเรายังเด็ก แม่จะพูดอย่างนี้ประจำ ถ้าฉันเป็นอะไรไป เราสองคนจะอยู่อย่างไร “
น้องพูดถูกจริงๆนั่นแหละ แม่พูดประโยคนี้ประจำ ฉันคิดเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วก็นึกไปถึงบทสนทนาระหว่างแม่กับยาย ที่ฉันได้ยินโดยบังเอิญเมื่อครั้งกระโน้น
“ หนูกลุ้มใจจังเลยแม่ ถ้าเกิดหนูเป็นอะไรไป ลูกหนูจะอยู่ยังไง ใครจะเลี้ยงลูกหนู ”
“ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่ด้วยกันนี่แหละ แล้วต่อไป ห้ามพูดอย่างนี้อีก ฟังแล้ว ใจคอไม่ดี รู้ไหม” ยายท้วงดังๆ ยายเองก็คงจะกลัวเหมือนกับแม่ ถ้าแม่เกิดเป็นอะไรไป ตัวเองจะดูแลหลานสองคนที่กำลังกินกำลังนอน อย่างไร ในเมื่อยายเองนั้นแก่ชรา แถมความรู้ก็ไม่มีกับเขา
จู่ๆฉันก็หัวเราะขึ้นมา น้องสาวเลยถามงงๆ
“ เมื่อกี้ยัง เครียดอยู่หยกๆ เดี๋ยวเดียวหัวเราะซะแล้ว เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบคะคุณพี่ “
“ เธอจำเรื่องที่แม่ไปกินสุกี้กับเรา ที่เซ็นทรัลได้ไหม ” ฉันไม่ตอบ กลับถามน้องสาว ระหว่างรอคำตอบ ก็หัวเราะคิกๆ
น้องสาว ซึ่งรู้ ว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร หัวเราะชอบใจ เพราะตัวหล่อนเองก็ประทับใจกับ เหตุการณ์นั้น ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าฉัน แทนที่จะให้ฉันเป็นฝ่ายเล่า หล่อนก็เลยจัดการเล่าเรื่องนั้นเสียเอง
“จำได้ดีเลยแหละ วันนั้นเธอเป็นเจ้ามือเลี้ยงสุกี้ฉันกับแม่ ขาไป แม่กระตือรือร้นมาก เพราะสุกี้นะของโปรดของแม่ ตอนกินนะไม่มีปัญหา แต่พอกินอิ่มเท่านั้น แม่ก็กลายเป็นคนละคน เราชวนไปเดินดูของ แม่ก็อิดออด อ้างว่าขาไม่ดี เดินตามหลังช้าๆ เราเดินไปเดินมา หันไปอีกที แม่กำลังจะออกประตูห้าง พอเราตามไปทัน แม่ก็โดดขึ้นมอเตอร์ไซค์รับจ้างเรียบร้อย บอกไม่ไหว อิ่มแล้ว จะกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้าน ” น้องสาวพูดจบก็หัวเราะคิกคัก ฉันเองก็หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล
บ่ายวันนั้น.. ฉันเพิ่งจะกลับจากทำธุระนอกบ้าน สวนกับแม่หน้าปากซอย แม่เพิ่งกลับจากตลาด จ่ายของมาเต็มตะกร้า
“ ซื้ออะไรมาแม่ เยอะแยะไปหมด ” ฉันถาม ตาทั้งสองก็สอดส่ายไปที่ตะกร้า ดูซิ ว่ามีอะไรบ้าง
“ น้องสาวเรา เขาบ่นว่าอยากกิน ต้มยำกุ้ง ก็เลยทำให้เขากินซะหน่อย ” แม่บอกฉันยิ้มๆ
“ เสียดายจัง ถ้าหนูกลับมาเร็วกว่านี้ แม่ก็คงไม่เหนื่อย หนูว่าจะพาแม่ออกไปกินสุกี้ ที่เซ็ลทรัล สักหน่อย” ฉันเหย้าแม่ยิ้มๆ แม่เองหรี่ตามองอย่างรู้ทัน เพราะเรื่องที่แม่ไปกินสุกี้ กับเรา แล้วโดดขึ้น มอเตอร์ไซค์ หนีเราสองคนกลับบ้าน ตอนนี้ ได้กลายเป็นตำนานไปซะแล้ว เราสองคนพี่น้อง เจอใคร เป็นต้องเล่าเรื่องนี้ แม่เองตอนแรกก็เครียด นานเข้าก็ขำ
“แซวฉัน เรื่องนั้น อีกแล้วใช่ไหม ถามหน่อย ใจคอจะพูดเรื่องสุกี้อีกนานเท่าไหร่ ” แม่ถามเสร็จ ก็หรี่ตามอง
“ หนูพูดจริงๆนะแม่ ” ฉันยืนยันยิ้มๆ แม่ชี้หน้าว่าให้
“ อย่ามาไก๋ หน่อยเลย ถ้ารู้ไม่ทันเรา คงเป็นแม่เราไม่ได้หรอก “ ว่าแล้วแม่ก็เดินนำหน้า โดยมีฉันเดินขนาบไปข้างๆ
“ แม่ หนูอยากกินน้ำพริกปลาทูจัง ” ฉันพูดพร้อมกับดึงตะกร้ากับข้าวมาจากมือแม่อย่างประจบ แม่ยิ้มให้ฉัน แต่ฉันรู้สึกว่ายิ้มของแม่ดูมีเลศนัย อย่างไรชอบกล
“ เราชอบ ปลาทู ที่ทอดกรอบๆ ส่วนน้ำพริก เปรี้ยวนิดๆ หวานปะแล่มๆ ” แม่บรรยาย ละเอียดลออ จนน้ำลายฉันสอ
“ ใช่จ้ะๆ “ ฉันบอกแม่ดังๆ พยักหน้าติดกันถี่ๆ อย่างกับเด็กตัวเล็กๆช่างประจบ ยามที่อยากจะได้ของเล่น หรือขนม
“อยากกิน ไม่มีปัญหา เดี๋ยวทำให้ แต่มีข้อแม้ ….“ แม่พูดค้างไว้ พร้อมกับมองหน้าฉันยิ้มๆ
“อะไรเหรอแม่”
“ เราต้องไปปูที่นอนให้แม่ก่อน “
“ปูที่นอนอีกแล้ว” ฉันร้องออกมาดังๆ “ อะไรกันแม่ ก็หนูเพิ่งจะไปปูให้หยกๆ “ ฉันร้องออกมาอย่างแปลกใจ นิ่วหน้ามอง
“ หยกๆที่ไหนกัน ร่วมสองอาทิตย์ แล้วนะ ”
ฟังแม่ว่า ฉันก็อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก นึกอยู่แล้วเชียว ทำไมแม่ถึงได้ยิ้มแปลกๆ ที่แท้ แม่ก็จะให้ฉันปูที่นอนให้นี่เอง
“สรุปว่า จะกินไหม น้ำพริกปลาทู ”แม่ที่ถือไพ่เหนือฉัน ร้องถาม ฉันจะไปว่าอะไร ความที่อยากกินน้ำพริกปลาทู ก็เลยตอบแม่
เสียงอ่อยๆ
“ตกลง จ้ะ”
แม่ได้ยินก็หัวเราะร่า ก่อนจะร้องบอกฉันดังๆ
“ งั้นจะรออะไรอีกล่ะ รีบไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเร็วๆ แม่ก็ได้เข้าครัว ทำน้ำพริกปลาทูให้เรากิน ”
“เดี๋ยวก่อนแม่ แม่บอกว่าเดี๋ยวทำน้ำพริกปลาทูให้หนูกิน แม่มีปลาทู , พริก, กะปิ แล้วเหรอ” ฉันถามอย่างฉงน มองหน้าแม่ที่ยิ้มเผล่
แม่หัวเราะนิดๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาเฉลยใกล้ๆ
“ซื้อมาหมดแล้ว เพราะสองวันก่อน ได้ยินเราบ่นว่าอยากกิน ก็เลยจะทำให้กินเสียวันนี้เลย “
“เหอ” ฉันร้องออกมาดังๆ พูดไม่ออก ได้แต่มองแม่ตาปริบๆ
“แล้วจะยืนงงทำไม ไปซิ ไปรีบปูที่นอนเข้า เสร็จแล้วจะได้กิน น้ำพริกปลาทู เดี๋ยวแม่จะทำให้สุดฝีมือเลยนะ “แม่เตือนยิ้มๆ แล้วก็เดินนำหน้า ระหว่างเดินไปนั้น ก็ฮัมเพลงโปรดของแม่ไปด้วย ดูแม่จะมีความสุขเสียจริงๆ
ผิดกับฉัน ที่เดินคอตกถือตะกร้าตามหลังแม่ต้อยๆ เครียดสุดๆ ไม่ใช่เพราะต้องปูที่นอนให้แม่ แต่เครียด ที่ไม่เคยตามแม่ทันสักที.
Happy Mother's Day
ขอให้ทุกท่าน มีความสุขในวันแม่นะคะ
และขอบคุณ สำหรับ หลากหลาย อารมณ์ ที่ทุกท่านโหวตให้ ทั้ง ถูกใจ, หลงรัก, ซึ้ง, ขำกลิ้ง จากเรื่องก่อน….
ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆค่ะ
คุณ Mareeraya , คุณ โค อัสดง, คุณ lovereason, คุณ kinkan00, คุณ Psycho man , คุณ มาโซคิส , คุณ Darasawan
คุณ Nevica , คุณ Kasareev , คุณเปลวอัคคี , คุณอรุโณชา , ,คุณ Can live , คุณ บ้านสายไหม, คุณect_chamon , คุณปิยะรักษ์
คุณ สมาชิก หมายเลข 868666 ( คุณ เพ็ญพิชญา ) ,คุณ ปริยาธร , คุณ เกสรผกา, คุณ คุณหนอนแบกเป้ , คุณ สมาชิกหมายเลข 1034424, คุณสมาชิก 1421782 ,คุณสมาชิก 1455332, คุณ Peace brother , คุณสมาชิกหมายเลข 1018021, คุณ Draconia , คุณเขมปัณณ์ , คุณ My birthday is on April 14 , คุณ พ .ชมภัค , คุณ moonpeace ,คุณ Dragonfly 7 colorsคุณ Susisiri ถูกใจ , คุณ จอมโจรฮาร์ทบีท , คุณ แอม วิเชียรฉาย ขำกลิ้ง , คุณ สมาชิก หมายเลข 1311253 ถูกใจ , คุณอาชาไพร หลงรัก , คุณ Sentimentally smooth คุณ พาราพัฒน์ หลงรัก , คุณ Psyco factory ถูกใจ , คุณชลบุรี มามี่คลับ ขำกลิ้ง , คุณ นิตยา นิรันดร์รัก ถูกใจ , คุณ สมาชิก หมายเลข 1437326 ถูกใจ, คุณ บุษยา โรส ถูกใจ , คุณ วราภรณ์ Pink ถูกใจ , คุณ หอมมาก หลงรัก คุณ ทบทวน จินตนา ถูกใจ , คุณ พันธะ ตลอดไป ถูกใจ ,คุณ สวนดอก ถูกใจ , คุณ มิยุจังน่ารักค่ะ ถูกใจ คุณป้ามล , คุณป้ามหาเสน่ห์ , คุณ ชะนี ฟรีแลนซ์ และอีกหลายต่อหลายท่านที่ผ่านมาอ่านโดยบังเอิญ ไม่ได้เม้นท์ หรือโหวต คนเขียนก็ขอบขอบคุณนะคะ
ป.ล.จั่วหัวเรื่องตกหล่น เพิ่งจะเห็น ขออภัยนะคะ