ขออนุญาตทุกท่านใช้พื้นที่ส่วนนี้เป็นส่วนแสดงความคิดเห็นและพูดคุยครับ
สืบเนื่องจากวันนี้ 09.03.2560 ผมได้เห็นข่าวเกี่ยวกับ "
นายกรัฐมนตรี ขอประชาชนเสียสละจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 8%" และข่าวเกี่ยวกับ "
การเก็บภาษีไม่เข้าเป้า" ( อ้างอิง:
http://news.voicetv.co.th/thailand/468894.html และ
http://www.matichon.co.th/news/489603 ) ครับ
ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า "นอกจากการหาวิธีเพิ่มรายรับของรัฐบาลโดยการเรียกเพิ่มภาษีจากประชาชนนั้น ยังมีวิธีการลด
รายจ่ายวิธีอื่นๆที่เราไม่จำเป็นต้องเสียอีกหรือไม่ ??"
- ถ้ามี .. แล้วเราได้ทำมันแล้วหรือยัง หรือจะต้องผลักค่าใช้จ่ายให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบตลอด
- แล้วอนาคตจะมีการขึ้นภาษีเป็น 10% 15% 20% หรือไม่ ..
Study Case:
ในมุมมองของผมซึ่งเป็นผู้ค้าเหล็ก ผมนึกถึงกระทู้หนึ่งที่ผมได้ตั้งไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (
https://ppantip.com/topic/35997298)
- ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผูกขาดเหล็กเอชบีมของบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะ ที่ร้องเรียนถึงกระทรวงพาณิชย์เพื่อกำหนดมาตรการปกป้องไม่ให้มีการนำเข้าเหล็กเอชบีมมาจากประเทศจีน
- เนื่องจากบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะเป็นผู้ผลิตเหล็กชนิดนี้ได้เพียงผู้เดียวในประเทศ จึงสามารถกำหนดราคาตลาดได้ จนเริ่มมีบริษัทนำเข้าสินค้ามาได้จึงเริ่มเกิดการแข่งขัน ทำให้บริษัทสยามยามาโต๊ะเสียผลประโยชน์จำนวนมาก
- ถึงแม้ว่าตนจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 94% แต่เนื่องจากไม่สามารถกำหนดราคาตลาดได้อีกต่อไป จึงต้องอ้างว่าเหล็กนำเข้านั้นมีอัตราการเติบโตสูงถึง 300% ทั้งๆที่การนำเข้านั้นคิดเป็นเพียง 6% ส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น บริษัทเหล็กสยามทำเพื่อรักษาสถานะการผูกขาดของตนไว้นั่นเอง
- แต่ที่น่าหนักใจคือผู้ใหญ่ในประเทศก็เห็นดีเห็นงามออกมาให้การปกป้อง แถลงข่าวแก้ต่าง ถึงแม้ว่า 1. บริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะ ถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ 90% 2. บริษัทเคยตั้งราคาขายสินค้าในประเทศสูงเกินจริง และสูงกว่าราคาส่งออก 3. บริษัทผู้นำเข้าจะยื่นหนังสือร้องต่อนายกรัฐมณตรีให้พิจารณาถึงความถูกต้องและผลกระทบที่จะเกิด
- ทั้งๆที่เรื่องทุกอย่างนั้นไม่ถูกต้องและไม่ควรจะเกิด แต่ทุกคนกับไม่สนใจ หลับตาข้างนึง พยายามให้ออกมาตรการปกป้องเพื่อผลประโยชน์ของบางคน บางกลุ่ม (
โดยไม่คำนึงถึงประชาชนที่เป็นผู้ได้ผลกระทบหลัก)
- สุดท้าย .. ทุกอย่างไม่เป็นผล มาตรการปกป้องนั้นมีผลมติประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 (อ้างอิงตาม:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://btir.dft.go.th/DocFiles/485_170127164408_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%20%E0%B8%84%E0%B8%9B%E0%B8%9B%20%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%20SG%20%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%20H-beam%20%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2.pdf)
- ทำให้ปัจจุบันบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะเป็น
ผู้ผูกขาดเหล็กประเภทนี้แต่เพียงผู้เดียว และเร็วๆนี้คงจะมีการขึ้นราคาเหล็ก (หลังจากที่Stockสินค้านำเข้าเริ่มทยอยหมดจากตลาด)
สิ่งที่ตามมา:
ผมอยากจะถามว่า "เหล็ก" ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการก่อสร้าง เมื่อมีราคาเพิ่มขึ้น >>> รัฐบาลเอง ท่านก็ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ ??
- ปัจจุบันเหล็กเอชมีความต้องการใช้ประมาณ 700,000 Tons / ปี ถ้าราคาขึ้น กก.ละ 7 บาท เหมือนในอดีต
ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องจ่ายงบประมาณเพิ่ม 4,900 ล้านบาทต่อปี !!
- อันนี้ยังไม่รวมรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้ารางคู่ งานสะพาน อาคารขนาดใหญ่ และ โปรเจคต่างๆที่ท่านวางไว้ว่าจะทำ (ก็ดีที่เราจะส่งเงินของประชาชนไหลออกนอกประเทศ และเข้ากระเป๋าคนเพียงบางคน)
- เมื่อต้นทุนการก่อสร้างท่านสูงขึ้น .. ท่านก็เก็บภาษีมากขึ้น .. ประชาชนก็ใช้รถไฟฟ้าราคาแพงขึ้น ส่วนเงินที่จ่ายค่าเหล็กแพงขึ้นตกเป็นกำไรของบริษัทเดียว และส่งกำไรออกนอกประเทศ
ทั้งๆที่เรื่องนี้ทางบริษัทผู้นำเข้าก็ได้รวมตัวและยื่นหนังสือถึงท่านนายก , อดีตสว.ก็ยื่นหนังสือถึงสนช. , สื่อต่างๆก็ให้ข้อมูล แต่กลับไม่มีผู้ใหญ่สนใจคิดจะแก้ปัญหาจริงจัง
แม้ว่าปัญหาจะแก้ได้ง่ายนิดเดียว แทนที่ท่านจะกำหนดมาตรการภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ท่านก็
จำกัดปริมาณการนำเข้าแทน เพียงแค่นี้ท่านก็รักษาผลประโยชน์ของชาติได้แล้ว(เพราะตลาดจะยังคงมีการแข่งขัน และบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะยังคงมีส่วนแบ่งมากกว่า 90%)
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่ทางผู้ใหญ่หลายท่านก็ตอบแต่ว่ายุ่งยากๆ ทำไม่ได้ๆ (ก็ดีประชาชนก็รับการถูกเอาเปรียบไปแล้วกัน)
เรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ท่านทำให้ประชาชนได้ ท่านสามารถประหยัดการใช้จ่ายต่างๆได้ .. เพียงแต่ท่านได้ทำหรือยัง ?? ประชาชนฝากความหวังไว้ที่ท่าน แต่ 86,400 วินาที/วันของท่าน ให้ประชาชนเท่าไหร่ ...
แล้ววันนี้ท่านยังจะขอให้ประชาชนจ่ายภาษีเพิ่มเป็น 8% อีกหรือ !!??
จะขอให้ปชช.จ่ายภาษีเพิ่มเป็น 8% แล้วเรื่องที่ควรทำท่านทำหรือยังง !!??
สืบเนื่องจากวันนี้ 09.03.2560 ผมได้เห็นข่าวเกี่ยวกับ "นายกรัฐมนตรี ขอประชาชนเสียสละจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 8%" และข่าวเกี่ยวกับ "การเก็บภาษีไม่เข้าเป้า" ( อ้างอิง: http://news.voicetv.co.th/thailand/468894.html และ http://www.matichon.co.th/news/489603 ) ครับ
ทำให้ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า "นอกจากการหาวิธีเพิ่มรายรับของรัฐบาลโดยการเรียกเพิ่มภาษีจากประชาชนนั้น ยังมีวิธีการลดรายจ่ายวิธีอื่นๆที่เราไม่จำเป็นต้องเสียอีกหรือไม่ ??"
- ถ้ามี .. แล้วเราได้ทำมันแล้วหรือยัง หรือจะต้องผลักค่าใช้จ่ายให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบตลอด
- แล้วอนาคตจะมีการขึ้นภาษีเป็น 10% 15% 20% หรือไม่ ..
Study Case:
ในมุมมองของผมซึ่งเป็นผู้ค้าเหล็ก ผมนึกถึงกระทู้หนึ่งที่ผมได้ตั้งไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (https://ppantip.com/topic/35997298)
- ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผูกขาดเหล็กเอชบีมของบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะ ที่ร้องเรียนถึงกระทรวงพาณิชย์เพื่อกำหนดมาตรการปกป้องไม่ให้มีการนำเข้าเหล็กเอชบีมมาจากประเทศจีน
- เนื่องจากบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะเป็นผู้ผลิตเหล็กชนิดนี้ได้เพียงผู้เดียวในประเทศ จึงสามารถกำหนดราคาตลาดได้ จนเริ่มมีบริษัทนำเข้าสินค้ามาได้จึงเริ่มเกิดการแข่งขัน ทำให้บริษัทสยามยามาโต๊ะเสียผลประโยชน์จำนวนมาก
- ถึงแม้ว่าตนจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 94% แต่เนื่องจากไม่สามารถกำหนดราคาตลาดได้อีกต่อไป จึงต้องอ้างว่าเหล็กนำเข้านั้นมีอัตราการเติบโตสูงถึง 300% ทั้งๆที่การนำเข้านั้นคิดเป็นเพียง 6% ส่วนแบ่งการตลาดเท่านั้น บริษัทเหล็กสยามทำเพื่อรักษาสถานะการผูกขาดของตนไว้นั่นเอง
- แต่ที่น่าหนักใจคือผู้ใหญ่ในประเทศก็เห็นดีเห็นงามออกมาให้การปกป้อง แถลงข่าวแก้ต่าง ถึงแม้ว่า 1. บริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะ ถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ 90% 2. บริษัทเคยตั้งราคาขายสินค้าในประเทศสูงเกินจริง และสูงกว่าราคาส่งออก 3. บริษัทผู้นำเข้าจะยื่นหนังสือร้องต่อนายกรัฐมณตรีให้พิจารณาถึงความถูกต้องและผลกระทบที่จะเกิด
- ทั้งๆที่เรื่องทุกอย่างนั้นไม่ถูกต้องและไม่ควรจะเกิด แต่ทุกคนกับไม่สนใจ หลับตาข้างนึง พยายามให้ออกมาตรการปกป้องเพื่อผลประโยชน์ของบางคน บางกลุ่ม (โดยไม่คำนึงถึงประชาชนที่เป็นผู้ได้ผลกระทบหลัก)
- สุดท้าย .. ทุกอย่างไม่เป็นผล มาตรการปกป้องนั้นมีผลมติประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 (อ้างอิงตาม: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ )
- ทำให้ปัจจุบันบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะเป็นผู้ผูกขาดเหล็กประเภทนี้แต่เพียงผู้เดียว และเร็วๆนี้คงจะมีการขึ้นราคาเหล็ก (หลังจากที่Stockสินค้านำเข้าเริ่มทยอยหมดจากตลาด)
สิ่งที่ตามมา:
ผมอยากจะถามว่า "เหล็ก" ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการก่อสร้าง เมื่อมีราคาเพิ่มขึ้น >>> รัฐบาลเอง ท่านก็ต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ ??
- ปัจจุบันเหล็กเอชมีความต้องการใช้ประมาณ 700,000 Tons / ปี ถ้าราคาขึ้น กก.ละ 7 บาท เหมือนในอดีต ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องจ่ายงบประมาณเพิ่ม 4,900 ล้านบาทต่อปี !!
- อันนี้ยังไม่รวมรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้ารางคู่ งานสะพาน อาคารขนาดใหญ่ และ โปรเจคต่างๆที่ท่านวางไว้ว่าจะทำ (ก็ดีที่เราจะส่งเงินของประชาชนไหลออกนอกประเทศ และเข้ากระเป๋าคนเพียงบางคน)
- เมื่อต้นทุนการก่อสร้างท่านสูงขึ้น .. ท่านก็เก็บภาษีมากขึ้น .. ประชาชนก็ใช้รถไฟฟ้าราคาแพงขึ้น ส่วนเงินที่จ่ายค่าเหล็กแพงขึ้นตกเป็นกำไรของบริษัทเดียว และส่งกำไรออกนอกประเทศ
ทั้งๆที่เรื่องนี้ทางบริษัทผู้นำเข้าก็ได้รวมตัวและยื่นหนังสือถึงท่านนายก , อดีตสว.ก็ยื่นหนังสือถึงสนช. , สื่อต่างๆก็ให้ข้อมูล แต่กลับไม่มีผู้ใหญ่สนใจคิดจะแก้ปัญหาจริงจัง
แม้ว่าปัญหาจะแก้ได้ง่ายนิดเดียว แทนที่ท่านจะกำหนดมาตรการภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ท่านก็จำกัดปริมาณการนำเข้าแทน เพียงแค่นี้ท่านก็รักษาผลประโยชน์ของชาติได้แล้ว(เพราะตลาดจะยังคงมีการแข่งขัน และบริษัทเหล็กสยามยามาโต๊ะยังคงมีส่วนแบ่งมากกว่า 90%)
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่ทางผู้ใหญ่หลายท่านก็ตอบแต่ว่ายุ่งยากๆ ทำไม่ได้ๆ (ก็ดีประชาชนก็รับการถูกเอาเปรียบไปแล้วกัน)
เรื่องนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในหลายๆเรื่องที่ท่านทำให้ประชาชนได้ ท่านสามารถประหยัดการใช้จ่ายต่างๆได้ .. เพียงแต่ท่านได้ทำหรือยัง ?? ประชาชนฝากความหวังไว้ที่ท่าน แต่ 86,400 วินาที/วันของท่าน ให้ประชาชนเท่าไหร่ ...
แล้ววันนี้ท่านยังจะขอให้ประชาชนจ่ายภาษีเพิ่มเป็น 8% อีกหรือ !!??